"ช่วงวิกฤตของเด็กคือช่วง 6 เดือนแรก ถ้าได้อาหารที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง"
พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร รองประธานศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
และผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ กล่าวในงานเสวนา สายใยรักนมแม่
คาเฟ่ครั้งที่ 2 หัวข้อ รู้ลึก รู้จริง นมแม่ กับแพ้โปรตีนนมวัว
ที่อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์พัฒนาเด็กทีปังกร รัศมีโชติ
พื้นที่โครงการในพระองค์ 904 เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา
เนื่องจาก 6 เดือนแรกของชีวิต ทารกตัวน้อยๆ
ยังมีเยื่อบุทางเดินอาหารไม่แข็งแรง
ถ้าได้รับอาหารอื่นอย่างนมผสมหรือนมวัว ก็จะมีโอกาสก่อให้เกิดปัญหาการแพ้
ซึ่งเด็กไทยกำลังประสบปัญหาโรคแพ้โปรตีนนมวัวมากขึ้น
พญ.ศิราภรณ์
อธิบายถึงสาเหตุหลักของภูมิแพ้ที่กำลังก่อกวนสุขภาพเด็กไทยในปัจจุบันว่า
"หากลูกได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียว
ลูกก็จะได้โปรตีนจากนมแม่ที่จำเพาะมีไว้สำหรับลูกคนโดยไม่มีนมชนิดใดลอก
เลียนแบบได้ จึงไม่กระตุ้นให้เกิดการแพ้
แต่ถ้าเราปล่อยให้ลูกได้กินนมผสมก็เท่ากับปล่อยให้ลูกได้รับโปรตีนจากนมวัว
ซึ่งนับเป็นโปรตีนแปลกปลอมมีโอกาสแพ้ได้
และเมื่อแพ้ก็เหมือนการไปกระตุ้นวงจรการเกิดโรคภูมิแพ้ พอเริ่มแพ้อาหาร
ต่อไปก็แพ้ผิวหนัง ต่อไปก็ไปหอบหืดได้
ถึงแม้ว่าธรรมชาติได้สร้างสรรค์ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดสำหรับโรคภูมิแพ้ไว้
แล้ว แต่ล่าสุดกลับมีข้อบ่งชี้ว่าเด็กไทยเป็นภูมิแพ้มากขึ้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าในรอบ 10
ปีที่ผ่านมามีเด็กเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึง 3-4 เท่า
รศ.คลินิกพิเศษ พญ.มุกดา หวังวีรวงศ์
หัวหน้างานโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ
กล่าวเสริมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว โรคแพ้โปรตีนนมวัว
ถือเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยาก
เด็กบางรายพอได้นมวัวก็มีอาการทันทีเช่นผื่นขึ้น
แต่บางรายช่วงเดือนแรกที่ดื่มนมวัวยังไม่แสดงอาการใดๆ
กว่าจะมีอาการก็เข้าไปเดือนที่ 2 อาจเริ่มจากเป็นหวัดบ่อยๆ ไม่หายขาด
ท้องเสีย หรือมีผื่นขึ้นตามหน้า
บางครั้งแพทย์ให้การรักษาก็เข้าใจว่าเป็นโรคธรรมดาในเด็ก
ซึ่งการให้ยาบ่อยๆ จะเสี่ยงต่อการแพ้ยา ถ้าแพ้รุนแรงอาจถึงชีวิตได้
นับเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังในระยะยาว
และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ตามมาอย่างไม่ควรเป็น
ที่สำคัญทำให้ลูกเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็น
แต่ก็ถ้าเราทราบสาเหตุก็เป็นสิ่งที่ป้องกันได้
ทั้งนี้ รศ.นพ.ชิษณุ พันธ์เจริญ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ร่วมให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพลูกวัยซนเพิ่มเติมไว้ว่า
ที่ผ่านมาพบว่ายังมีเด็กอีกหลายคนเข้ารักษาตัวด้วยอาการมีน้ำมูกไหล
ไม่สบายบ่อยๆ พ่อแม่เข้าใจว่าลูกเป็นหวัดเรื้อรัง
แต่พอซักประวัติแล้วพบว่าส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ถูกส่งเข้าเรียนเนอร์สเซอรี่
ตั้งแต่อายุน้อย
เด็กจึงมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคเพราะเป็นแหล่งที่มีเด็กอยู่ร่วมกันเป็นจำนวน
มาก วิธีสำคัญที่ป้องกันภัยให้ลูกให้มีสุขภาพดีได้ คือ
ฝากเตือนพ่อแม่ไม่ควรส่งลูกเข้าเนิร์สเซอรีก่อนวัย
แต่ถ้าสงสัยว่าภูมิแพ้จริงๆ ก็ปรึกษาแพทย์
แต่วิธีที่ดีที่สุดฝากไว้สำหรับพ่อแม่มือใหม่ทุกๆคนคือ
การให้นมแม่อย่างน้อย 4-6 เดือนจะป้องกันหรือลดความรุนแรงของภูมิแพ้ได้
พญ. ศิราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
ถึงผู้ที่กำลังจะเป็นคุณแม่ให้หันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ว่า
โลกได้ยืนยันไว้ชัดเจนว่า สำหรับทารกนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุด
อย่าปล่อยให้ลูกพลาดโอกาสที่จะได้รับอาหารที่ดีที่สุด
พร้อมเชิญชวนทุกท่านที่สนใจร่วมติดตามการเสวนา สายใยรัก นมแม่คาเฟ่
ครั้งที่ 3 ซึ่งจะมีอีกครั้งในเร็วๆ นี้
โดยสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย โทร.0-2241-7988
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น