สุข-ทุกข์..ในมือเรา
อย่าลืมว่าชีวิตจะสุข หรือทุกข์นั้น อยู่ที่เราเป็นสำคัญ
ไม่ใช่เพราะคนอื่น หรือเหตุอื่น...
ชีวิตไม่อาจเป็นไปดังหวังได้หมด
เปรียบไปก็ไม่ต่างกับเกมกีฬาที่ต้องมีแพ้ชนะ
ใครที่หวังชัยชนะไปเสียทุกครั้ง ก็เตรียมตัวทุกข์ใจไว้ได้เลย
พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่า..ให้เตรียมตัวเป็นผู้แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง
หามิได้ ใครที่คิดเช่นนั้นก็คงงอมืองอเท้าตั้งแต่แรก
...................
คนเราควรพากเพียรอย่างเต็มที่ แต่ใครเล่าที่จะกำหนดผลสำเร็จไปได้หมด
คนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ต้องรู้จักแพ้ให้เป็น ฉันใด ในยามที่ชีวิตตกต่ำ
บัณฑิตพึงรู้จักทำใจให้เป็นฉันนั้น
แต่คนเรามักทำใจไม่ได้ เพราะคอยหวนคะนึงถึงวันคืนอันชื่นบาน
สมัยยังมั่งมีศรีสุข หรือยังมีหน้ามีตา
แต่อดีตมีไว้เพื่อเป็นฐานหนุนส่งให้เกิดปัจจุบัน เพื่อก้าวไปสู่อนาคต
ใครที่เอาอดีตมาเหนี่ยวรั้งตนไว้ไม่ให้ไปข้างหน้า
ก็เท่ากับเป็นนักโทษในกรงขังของตัวเอง
...................
ชีวิตนั้นให้รางวัลก็แต่ผู้ที่อยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นของจริง
จริงอยู่ บ่อยครั้งที่ปัจจุบันมีแต่เรื่องระทมทุกข์ อดีตนั้นน่าพิสมัยมากกว่า
แต่ถ้าเราจะหวนไปหาอดีตบ้างก็ควรเป็นชั่วครู่ชั่วขณะ
เพื่อชุบชูจิตใจให้ชื่นบานจะได้มีกำลังมาฟันฝ่าชีวิตในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์นั้นอยู่ที่เราเป็นสำคัญ
ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรือเหตุอื่น เช่นเดียวกับความจน และความรวยนั้น
อยู่ที่มุมมองของเรา
..................
คนไทยเป็นอันมากกำลังทุกข์ เพราะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองยากจนลง
ตราบใดที่ยังจมอยู่กับความคิดแบบนี้ก็ไม่มีวันคลายทุกข์ไปได้
แต่เราลืมไปแล้วหรือว่า
ชีวิตความเป็นอยู่ของเราตอนนี้ ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าบางช่วงในอดีต
ลองมองไปรอบตัว จะพบว่าข้าวของในบ้านหลายชิ้น
เคยเป็นของสุดเอื้อม สมัยเรายังเด็ก หรือเป็นหนุ่มเป็นสาว
รถยนต์ แก้วแหวนเงินทอง วีดีโอ สเตอริโอ ซีดี ฯลฯ
มองในแง่นี้เราไม่ได้จนลงแต่รวยขึ้นต่างหาก ยิ่งถ้าเปรียบกับคนอีกมากมายตอนนี้
ไม่ว่าจะมองลงไปข้างล่างหรือมองขึ้นข้างบน เราก็ยังสบายกว่ามาก
............................
จาก....ชมรมศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น