++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

3 ผอ.รพ. "ยะหริ่ง-วารินชำราบ-ยุพราช" คว้ารางวัลแพทย์ชนบทดีเด่น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2552 17:35 น.
ผู้ อำนวยการ รพ.ยะหริ่ง
ปัตตานี-รพ.วารินชำราบ-รพ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน
คว้ารางวัลแพทย์ชนบทดีเด่นปี 52 ยกเป็นแพทย์ที่อุทิศตน
เสียสละในพื้นที่กันดาร ซื่อสัตย์สุจริต นักพัฒนาสร้างประโยชน์ให้มวลชน

นพ.สมชัย พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง

นพ.บรรลุ ศิริพานิช
ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.)
เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัล แพทย์ชนบทดีเด่นกองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์
พูลเกษร ประจำปี 2552 โดยมีแพทย์ชนบทได้รับรางวัล 3 ราย ได้แก่ 1.
นพ.สมชัย พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง จ.ปัตตานี
ในฐานะเป็นผู้มีความอดทนมุ่งมั่นในการทำงาน
มีมนุษยสัมพันธ์เข้ากับชุมชนได้ดี จนทำให้โรงพยาบาลยะหริ่งผ่านการรับรอง
โรงพยาบาลคุณภาพ ( HA) 2. นพ.วิโรจน์ โรจนวัธน์
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร
เป็นผู้บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
สามารถแก้ปัญหาหนี้สินของโรงพยาบาลที่มีอยู่ประมาณ 12
ล้านบาทจนผ่านพ้นวิกฤต และ3. นพ.เจริญ เสรีรัตนาคร
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
จากการที่เป็นนักพัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในโรงพยาบาลอำเภอถึง
18 อำเภอ

นพ.สมชัย พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง จ.ปัตตานี
กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับถือเป็นกำลังใจในการทำงานให้แพทย์ที่อยู่ในชนบท
ซึ่งปัตตานีถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยไม่มีแพทย์อยากอยู่เพราะเกรงอันตรายแต่
ตนเองเป็นคนปัตตานี
เมื่อสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดลเมื่อปี 2533
จึงตัดสินใจรับราชการที่ จ.ปัตตานีและปฏิบัติงานในพื้นที่นี้มาตลอด 19 ปี
โดยเน้นให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพแม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล
รวมถึงนำวิถีชีวิตแบบมุสลิมและคนในชุมชนมาปรับใช้ในการบริการด้วย เช่น
การจัดให้มีมุมอาซานในโรงพยาบาล
ซึ่งคนมุสลิมจะต้องประกอบพิธีหลังจากเด็กคลอดใหม่
และนำบทบัญญัติเรื่องความสะอาดมาปรับใช้ในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนโดยผ่าน
ผู้นำศาสนา


นพ.เจริญ เสรีรัตนาคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวารินชำราบ
"ขณะนี้การทำงานในพื้นที่แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ในปี
2533 แม้จะมีความขาดแคลนในเรื่องต่างๆอยู่มาก
แต่สถานการณ์ความรุนแรงไม่เหมือนปัจจุบัน
อดีตเป็นการจับคนเรียกค่าไถ่และเผาโรงเรียนเปลี่ยนเป็นการเอาชีวิตด้วยการ
ยิงและวางระเบิด จากเดิมสามารถเดินทางได้ในเวลากลางคืน
หรือปฏิบัติงานจนถึงตี 2 ก็เดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ขณะที่ทุกวันนี้เมื่อเริ่มค่ำก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
บุคลากรที่ทำงานส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่
และมีความหวาดกลัวแต่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท" นพ.สมชัย กล่าว

ขณะที่ นพ.เจริญ เสรีรัตนาคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวารินชำราบ
จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า
การเป็นแพทย์ชนบทหรือทำงานในชนบทไม่ใช่เป็นอุดมการณ์แต่อย่างใด
แต่เป็นสิ่งที่ท้าทาย
เมื่อศึกษาจบก็เพียงคิดว่าเป็นแพทย์ต้องช่วยเหลือดูแลคนไข้
โดยไม่คิดถึงว่าจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ต้องร่ำรวย
หรืออยู่ในโรงพยาบาลใหญ่
เพราะอยู่ในโรงพยาบาลอำเภอก็มีความสุขสบายดีและความคิดนี้ทำให้ทำงานใน
พื้นที่ตั้งแต่จบมาถึงวันนี้เป็นเวลา 25 ปี

"อยากฝากถึงน้องนักศึกษาที่จบใหม่ที่อาจวิตกกังวลต่างๆ เช่น
กลัวรายได้ไม่ดี กลัวเป็นแพทย์ชั้นสอง
กลัวถ้าอายุมากขึ้นแล้วลูกเต้าไม่ได้เรียนโรงเรียนดีๆ
แต่ส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะขณะนี้บ้านเมืองเจริญไปมาก
ไม่มีอะไรลำบากเช่นในอดีตอีกแล้ว อีกทั้งอยู่ในที่นี่ก็มีความสุขสบายดี"
นพ.เจริญ กล่าว

นพ.วิโรจน์ โรจนวัธน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน

ด้าน นพ.วิโรจน์ วิโรจน์วัธน์
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร กล่าวว่า
สาเหตุที่ได้รับรางวัลคงไม่ใช่เพราะเก่งแต่เป็นเพราะการปฏิบัติงานด้วยความ
ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีเล่ห์ ไม่โกหก เรียนรู้ว่าหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ปัญหาอุปสรรคที่มีอยู่จากเรื่องยากก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย
เช่นเดียวกับการบริหารงานหาก
เน้นให้ความประหยัดและความโปร่งใสให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับเข้าใจการทำงาน
หนี้สินที่โรงพยาบาลมีอยู่ 12 ล้าน ก็ค่อยๆหมดไป

นพ.วิโรจน์ กล่าวด้วยว่า
ระบบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์เป็นการมุ่งรักษาทางกายมาก
แต่สิ่งจำเป็นที่ต้องมีด้วยคือมีความใส่ใจในทักษะความเป็นแพทย์
ทักษะการสื่อสารกับผู้รับบริการ แพทย์ หลายคนมีความรู้ความสามารถเก่ง
แต่ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้รับบริการทราบว่าต้องการสื่อสารอะไร
หรือไม่ทราบว่าผู้รับบริการต้องการบอกอะไร
รวมทั้งการที่การศึกษาแพทย์ต้องเรียนกับร่างกายมนุษย์
อาจมองว่าเป็นเพียงวัตถุ แต่ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์มีความรัก
มีความทุกข์ อยากให้แพทย์รู้สึกในส่วนนี้ลึกซึ้งเมื่อทำงานมากขึ้น
หากทำได้เช่นนี้ปัญหาการฟ้องร้องระหว่างแพทย์และผู้ป่วยจะลดลง
เพราะผู้รับบริการจะเข้าใจว่าแพทย์ดูแลด้วยจิตวิญญาณไม่ใช่รู้สึกว่าทำเพียง
แค่เอาสารเคมีมาใช้กับร่างกาย แพทย์ต้องดูแลมนุษย์ ไม่ใช่คน ไม่ใช่โรค

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000105348

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น