++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

กินผงชูรสมากระวังป่วยเป็นโรคภัตตาคารจีน

กรมอนามัยเตือนผู้บริโภคชอบกินอาหารใส่ผงชูรสระวังอันตราย ชี้หาก
บริโภคปริมาณ มากเกินไปมีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ หรือป่วยเป็น
"โรคภัตตาคารจีน" ได้ ย้ำผงชูรสไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แถมยังมี
อันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคผงชูรสปลอม โดยเฉพาะหญิงมีครรภ์ควร
หลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดเพราะอาจส่งผลให้ลูกที่เกิดมามีอาการผิดปกติทางสมอง

น.พ.มานิต ธีระตันติกานนท์ รองอธิบดีกรมอนามัย
เปิดเผยว่า ปัจจุบัน อาหารที่ขายหรือการทำอาหารรับประทานเอง ยังนิยมที่จะใส่ผงชูรสใน
ปริมาณที่มาก โดยเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อย แต่ไม่ได้คำนึงถึง
อันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมา
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงนั้น ผงชูรสนับสารเคมีที่ละลายไขมันให้ผสมกลม
กลืนกับน้ำ ทำให้มีรสเหมือนน้ำต้มเนื้อและกระตุ้นปุ่มปลายประสาทของลิ้น
กับคอ ทำให้อาหารมีรสหวานอร่อย แต่หากบริโภคมากเกินไปอาจก่อให้เกิด
อันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนได้
โดยเฉพาะอาการแพ้ผงชูรสที่เรียกว่าไชนีสเรสเตอรองท์ ซินโดรม หรือรู้
จักกันในชื่อของ "โรคภัตตาคารจีน" ซึ่งจะปรากฏอาการชาที่ปาก ลิ้น ปวด
กล้ามเนื้อ บริเวณโหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอกหัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่
สะดวก ปวดท้องคลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำ
นอกจากนี้ บริเวณผิวหนังบางส่วน อาจมีผื่นแดง เนื่องจากเส้นเลือด
รอบนอกบางส่วนขยายตัว และในผู้ที่มีอาการมากๆ จะชาบริเวณใบหน้า หู
วิงเวียน หัวใจเต้นเร็ว จนอาจเป็นอัมพาตตามแขนขาชนิดชั่วคราวได้ แต่
อาการเหล่านี้จะหายเองภายในเวลา 2 ชั่วโมง และไม่มีอาการ แทรกซ้อนอื่นๆ อีก

อย่างไรก็ดี อยากจะเตือนหญิงมีครรภ์ไม่ควรบริโภคผงชูรสเด็ดขาด
เพราะอาจส่งผลให้ลูกที่เกิดมามีอาการผิดปกติทางสมอง และอาจทำให้
ทารกตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาได้ ส่วนทารกแรกเกิดหากได้รับประทานผงชู
รสเข้าไปจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสมองในเด็กวัยนี้อีกด้วย

น.พ.มานิต กล่าวอีกว่า จากความนิยมบริโภคผงชูรสกันอย่างแพร่หลาย
ในขณะนี้ ทำให้ผู้ผลิตบางรายใช้สารปลอมปนในผงชูรสเพื่อลดต้นทุนการ
ผลิต โดยสารที่ใช้ มีทั้งที่เป็นวัตถุไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค ได้แก่
เกลือ น้ำตาล แป้ง และวัตถุที่เป็นอันตราย เช่น บอแรกซ์ ซึ่งเป็นสาร
ห้ามใช้ในอาหาร เพราะหาก ร่างกายได้รับในปริมาณสูงอาจทำให้เสียชีวิตได้
หรือถ้าได้ รับในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้งจะสะสมในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการพิษแบบ
เรื้อรัง ทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย สับสน ระบบย่อยอาหารถูกรบกวน ผิว
หนังอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีสารอีกชนิดที่นิยมใส่ปะปนในผงชูรสคือ โซเดียมเมตาฟอสเฟต
ซึ่งปกติจะใช้เป็นน้ำยาล้างหม้อน้ำรถยนต์เมื่อรับประทานเข้าไปจะ
ออกฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ ผู้บริโภคว่าผงชูรส ที่ใช้นั้นปลอด
ภัยจากสารปลอมปนหรือไม่ สามารถตรวจสอบ ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ ให้นำ
ผงชูรสที่สงสัยประมาณครึ่ง ช้อนชาใส่ลงในช้อนโลหะเผาจนไหม้
หากเป็นผงชูรสแท้สารนั้นจะไหม้ไฟเป็นถ่านสีดำที่ช้อน แต่ถ้าเป็นผงชู
รส ที่มีส่วนผสมของบอแรกซ์หรือโซเดียม เมตาฟอสเฟตผสมอยู่ จะพบว่า
มีทั้งส่วนที่ไหม้เป็นสีดำ และส่วนที่เหลือค้างเป็นสีขาวที่ช้อน การบริโภคผงชู
รสมากเกินไปนอกจากจะเสี่ยงต่ออาการแพ้ผงชูรสแล้ว ยังเสี่ยงต่อการได้รับ
อันตรายจากผงชูรสชนิ ดปลอมปนด้วย ดังนั้น แม่บ้านที่มีฝีมือในการปรุงอาหารหรือใช้น้ำเคี่ยวกระดูกสัตว์อยู่
แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ผงชูรสในการปรุงประกอบอาหารเลย แต่ถ้าหากจำเป็น
ต้องใช้ผงชูรสจริงๆ ผู้บริโภค ควรเพิ่มความพิถีพิถันในการเลือกซื้อโดยการ
สังเกตหีบห่อหรือกระป๋องบรรจุ ขอบผนึกต้องไม่มีรอยตำหนิ ฉลากพิมพ์เป็น
ตัวหนังสือภาษาไทยชัดเจนไม่เลอะเลือน และต้องระบุชื่ออาหารแสดงคำว่า
ผงชูรส ตลอดจนมีเลขทะเบียนตำรับอาหาร (อ.ย.) ระบุชื่อ ที่ตั้งของผู้ผลิต
เดือนปีที่ผลิต รวมทั้งน้ำหนักสุทธิอย่างชัดเจน
โดยคุณ : มานิต ธีระตันติกานนท์ -

1 ความคิดเห็น:

  1. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผงชูรสครับ ศึกษาก่อนตัดสินว่าปลอดภัยหรือไม่
    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%AA

    ตอบลบ