++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2547

เซีย-ฮั้ง-หลุง คุณไม่จำเป็นต้องป่วย

ศิลปะการป้องกันตัวเบื้องต้น การวินิจฉัยอาการผิดปกติของตนเอง
ตามหลักปรัชญาแพทย์จีนแบบหยิน-หยาง
คนจีนเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติของตนเองนานแต่อดีตกาลว่าทุกสิ่งในธรรม
ชาติล้วนหมุนเวียนปรับเปลี่ยนตามวงโคจร จากวันเป็นคืน จากเดือนเป็นปี จากอากาศร้อนเป็นหนาว จากเมล็ดกลาย
เป็นต้น จากร้อนเป็นเย็น หรืออีกนัยหนึ่งจากสภาวะหยินสู่หยาง และหยางสู่หยิน
ร่างกายและสุขภาพก็เช่นกัน จากปกติสู่อาการผิดปกติ จากอาการผิดปกติเช่น อาการโรครุนแรงและเรื้อรังในที่สุด
ดังนั้น โรคภัยไข้เจ็บย่อมมีวงจรพัฒนาเหมือนกับสิ่งอื่น ไม่มีการยกเว้น
กว่า 1,800 ปีที่แล้วมา แพทย์จีนชื่อ จาง จง จิง ผู้เขียน
คัมภีร์เซีย-ฮั้ง-หลุง บัญญัติจากประสบการณ์การตรวจอาการของผู้ป่วยนับ
ร้อยสรุปได้ความว่า อาการผิดปกติของร่างกายคนเรา เมื่อเริ่มจะพัฒนาไปสู่การเป็นโรค
ล้วนมีอาการขั้นแรกคล้ายคลึงกัน และ โรคต่างๆ ก็ล้วนพัฒนาตามวงจรเหมือนกัน
โดยท่านระบุแบ่งเป็นภาษาหยิน-หยางว่า โรคทุกโรคพัฒนาจากอาการที่เป็นหยางสู่หยินและ
ในที่สุดหยินสุดคือ เสียชีวิต ในหยางและหยินแบ่งอีกเป็นหยาง 3 ช่วงก่อน
และต่อด้วยหยินอีก 3 ช่วง โรคพัฒนาจากหยาง 1 สู่หยาง 2 สู่หยาง 3
โรคสามารถบำบัดและบรรเทาได้ก็จะหายได้ในขั้นหยาง 3 แต่ถ้าอาการหยาง
ขั้น 3 เราไม่สามารถบรรเทาหรือแก้ไขได้ โรคจะพัฒนาเข้าสู่วงจรหยิน ซึ่งยากแก่การรักษาและ
ยิ่งหยิน 2 สู่หยิน 3 ยิ่งยากแก่การเยียวยาแก้ไข หากกินเวลาหยิน 3 การเสียชีวิตก็ เป็นไปได้สูง ดังนั้น ท่านจึงเขียนตำราอธิบายลักษณะของแต่ละขั้นตอนของ
อาการและการพัฒนาของโรค เพื่อเป็นความรู้และหลีกเลี่ยงการสูญเสียสุขภาพที่ไม่
สามารถรักษากลับคืนให้ดีเหมือนเดิมได้

การสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายในเบื้องต้นให้ดูว่า
เป็นอาหารหยิน-หยาง และอยู่ในช่วงใดของการพัฒนา
และภูมิต้านทานของร่างกาย เราอยู่ในระดับใดที่จะปรับดุลกับโรคได้
ทุกโรคเริ่มต้นด้วยการหยาง เพราะหยางคืออาการของการป้องกันตัว
โดย ธรรมชาติของระบบในร่างกาย และหยางก็คือ พลังชีวิตหรือ ภูมิต้านทานที่เราทุกคนมีอยู่แล้วในตัว เมื่อเริ่มผิดปกติ ทุกคนล้วนยังมีภูมิ
ต้านทาน มีพลังความร้อนต่อสู้ปรับตัวกับความผิดปกติทุกระดับ อาการหยางจึงเป็นอาการที่เรายังได้
เปรียบและมีโอกาสที่จะรักษาตัวหรือบรรเทาให้ลุล่วงกลับมาสู่สภาพปกิติได้
ไม่ยาก แต่หากเราปล่อยปละละเลยหรือไม่สนใจ ทั้งยังทำความผิดในเรื่อง
อาหารการกิน การอยู่ ฝืนธรรมชาติเพิ่มหนักขึ้น ร่างกายจะเริ่มอ่อนแอลงจนถึงจุดที่โรคพัฒนาเข้าสู่
วงจรของหยิน ซึ่งมีอาการที่ยากแก่การแก้ไขหรือต้องใช้เวลานานกว่า และต้องใช้ยาที่แรงกว่า ดังนั้น การหมั่น
สังเกตและทำความเข้าใจของอาการผิดปกติของร่างกาย ย่อมทำให้เราไม่ตั้ง
อยู่ในความประมาท ทั้งยัง การเป็นหมอประจำตัวเราเองก่อน ที่จะรอพึ่งผู้อื่น
การใส่ใจในสุขภาพจึงต้องเริ่มต้นนับแต่วันนี้ด้วยการเริ่มแบ่งอาการแบบหยิน-หยาง ง่ายๆ
ที่ต้องใช้เวลาและทำให้เราหันมาเข้าใจให้คุณค่าสุขภาพของตัวเราเองมากขึ้น
การทำความเข้าใจระดับขั้นของอาการของโรคจำเป็นต่อการตัดสินใจในการ
เลือกสรรหายาหรือสมุนไพร หรือวิธีการบำบัดให้ถูกโรค ถูกเวลาแต่ละขั้น
แต่ละอาการล้วนมีแนวโน้มและวงจรของอาการแฝงอยู่การเฝ้าสังเกตและรวบรวมข้อมูลของอาการย่อมเป็นการ ง่ายต่อการบำบัดให้
ถูกโรค และเป็นการเลี่ยงที่จะซ้ำเติมอาการที่กำลังจะทุเลากลับเป็นทรุดหนักลงไปอีก
แต่ละขั้นตอนของอาการของโรคนั้น แพทย์จีนได้บัญญัติรายละเอียดของส่วน
ประกอบต่างๆ ของตัวยาสมุนไพรหรืออาหารการกินเพื่อแก้พิษหรือเสริม
บำรุงไว้อย่างละเอียด และสรรพคุณน่าเชื่อถือ ได้ผลเป็นที่ยอมรับกันมา
หลายร้อยหลายชั่วคน จึงน่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนยุคปัจจุบันที่ไม่ประสงค์
จะพึ่งยาแผนปัจจุบันที่นับ วันมีแต่ผลข้างเคียงอันไม่พึงปรารถนา
โดยคุณ : ภูมิปัญญาตะวันออก -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น