กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
จัดประชุมนานาชาติการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กวัยเรียนภาคพื้นเอเชีย
ครั้งที่ 5 ระดมทุกประเทศร่วมกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากเด็กวัยเรียน
ด้วยการมีส่วนร่วมของโรงเรียน บ้าน และชุมชน
วันนี้ (11 ก.ย.) นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา
อธิบดีกรมอนามัย
เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมนานาชาติการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก
เด็กวัยเรียนภาคพื้นเอเชีย ครั้งที่ 5 ณ โรงแรมถาวร ปาล์ม บีช รีสอร์ท
จังหวัดภูเก็ต ว่าสุขภาพช่องปากเด็กเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ทั่วโลกให้ความสำคัญไม่เฉพาะ
ประเทศในเอเชียเท่านั้น
เพราะการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กวัยเรียนภาคพื้นเอเชียเป็นอีกหนึ่งความ
ก้าวหน้าในการปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่เหมาะสมแก่เด็กวัยเรียน
ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา
กรมอนามัยได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้การแปรงฟันหลังอาหารกลางวัน
ที่โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของโรงเรียนส่งเสริม
สุขภาพ และมีการบูรณาการจัดการเรียนรู้เรื่องทันตสุขภาพ
ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
มีการประกาศนโยบายโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมและขนมกรุบกรอบในพื้นที่นำร่อง 12
จังหวัด มีเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน 25 จังหวัด
รวมทั้งการเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพช่องปากและการเคลือบหลุมร่องฟันเพื่อ
ป้องกันฟันผุ
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า
การประชุมนานาชาติการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กวัยเรียนภาคพื้นเอเชียใน
ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีที่ทันตบุคลากร นักวิชาการ และครู จากประเทศต่างๆ
ในภาคพื้นเอเชียและประเทศอื่นๆ จำนวนกว่า 500 คน จาก 24 ประเทศ
จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานและประสบการณ์การส่งเสริมสุขภาพในช่อง
ปากเด็กวัยเรียนร่วมกัน
พร้อมทั้งกำหนดทิศทางในการดำเนินงานโดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของ
โรงเรียน บ้าน และชุมชน เพราะหากขาดการสนับสนุนจากชุมชนแล้ว
ความพยายามของภาครัฐก็ไม่สามารถ ประสบความสำเร็จได้
สำหรับประเทศไทยจากการสำรวจภาวะทันตสุขภาพของเด็กไทยอย่างต่อเนื่องพบว่า
เด็กไทยมีแนวโน้มของอัตราการเป็นโรคฟันผุเพิ่มสูงขึ้นและนับเป็นปัญหาสำคัญ
1 ใน 10 อันดับแรกของเด็กไทย โดยเด็กอายุ 3 ปี มีฟันผุไปแล้วถึงร้อยละ 66
ซึ่งเริ่มตั้งแต่ขวบปีแรกและลุกลามอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 1-3 ปี
ส่วนเด็กอายุ 5-6 ปี เป็นโรคฟันผุถึงร้อยละ 87.4 มีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน
อุด 5.97 ซี่ต่อคน ในเด็กอายุ 12 ปี พบเป็นโรคฟันผุถึงร้อยละ 57
หรือประมาณ 6 ใน 10 คน มีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด 2 ซี่ต่อคน
และมีสภาวะเหงือกอักเสบร้อยละ 58.9
"ผล กระทบที่เกิดขึ้นกับเด็ก คือ ความทุกข์ทรมานจากการปวดฟัน
ต้องขาดเรียนเพื่อไปรับบริการประมาณ 400,000 คนต่อปี
ทำให้ฟันที่เหลือเสี่ยงต่อการผุ และเหงือกอักเสบมากขึ้น
การรักษาจึงทำได้ด้วยการอุดฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน และถอนฟัน
โดยเฉพาะในเด็กอายุ 5 ปี มีความต้องการในการถอนฟันสูงถึงร้อยละ 32.70
และพบภาคใต้มีจำนวนสูงสุด การแก้ไขปัญหาจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ
ฝ่าย รวมทั้งสมาคมผู้ปกครอง
ถือเป็นองค์กรสำหรับที่นำแนวคิดและแนวปฏิบัติจากโรงเรียนสู่ครอบครัว
และยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างโรงเรียนและชุมชนอีกด้วย
เพราะในชีวิตประจำวันของเด็กจะอยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน และในชุมชน
การจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และในชุมชน
การเพิ่มศักยภาพของเด็กและผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็ก
ตลอดจนการมีส่วนร่วมของครู ผู้ปกครอง และชุมชน
เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาสุขภาพช่องปากเด็กได้"
นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ กล่าว
อธิบดีกรมอนามัยกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับกิจกรรมการประชุมครั้งนี้
นอกจากการบรรยายทางวิชาการโดยผู้เชี่ยวชาญในระดับนานาชาติแล้ว
ยังมีการนำเสนอผลงานทางวิชาการกว่า 80 เรื่อง
และนำคณะผู้เข้าร่วมประชุมจาก 24 ประเทศ
ศึกษาดูงานการดำเนินการส่งเสริมทันตสุขภาพในโรงเรียนประถมศึกษาในพื้นที่
จังหวัดภูเก็ตจำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนเทศบาลบางเหนียว
โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา และโรงเรียนภูเก็ตไทยหัว
ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่กรมอนามัยและประเทศต่างๆ ที่ร่วมประชุม
จะได้นำเสนอต้นแบบการดำเนินงานทันตสาธารณสุขในกลุ่มเด็กวัยเรียนของประเทศใน
ภาคพื้นเอเชียที่สามารถนำไปปรับใช้ตามบริบทของประเทศต่างๆ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น