++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บริหารกาย เพิ่มคอเลสเตอรอลให้สูง ร้ายกลายเป็นดี by นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล




นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล dr.banchob@balavi.com http://www.balavi.com

บริหารกาย เพิ่มคอเลสเตอรอลให้สูง ร้ายกลายเป็นดี

ผมเคยเล่าให้ฟังเรื่องคนเราถูกหลอกให้ลดคอเลสเตอรอลโดยไม่จำเป็นมาแล้ว
ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน เที่ยวนี้ขอกลับมาเล่าใหม่ ดังนี้ครับ :

คุณเคยคิดไหมว่า ทำไมจู่ๆ "ภาวะ"
คอเลสเตอรอลสูงซึ่งไม่เป็นที่รู้จักเลยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว กลับกลายเป็น
"โรค" ซึ่งสร้างความกลัว ความวิตกกังวลให้กับคนนับสิบล้านทั่วโลก?

ความกลัวคือความทุกข์ประการหนึ่ง เป็นสิ่งที่บั่นทอนความสุขของผู้คน
แต่ความกลัวก็เป็นสิ่งที่บันดาลความสุขให้คนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ
คนขายยายังไงเล่า

การสร้างความกลัวดังกล่าวให้รายได้กับบริษัทยาทั่วโลกมากกว่า 25,000
ล้านดอลลาร์ต่อปี

คอเลสเตอรอลเป็นสารองค์ประกอบที่จำเป็นตัวหนึ่งในร่างกายของเรา
เราใช้มันสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ สร้างฮอร์โมนเพศ
สร้างฮอร์โมนคอร์ติโซลเพื่อช่วยระบบร่างกายแบกรับความเครียด

ต่อมามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงว่า
ระดับคอเลสเตอรอลสูงในเลือดมีความสัมพันธ์ต่อโรคหัวใจหลอดเลือด
แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า
คอเลสเตอรอลที่ระดับเท่าไหร่จึงจะเสี่ยงต่อโรคกลุ่มนี้

และมีประชากรจำนวนกี่คนที่จะเสี่ยงต่อเรื่องนี้จริงๆ



นายเฮนรี แกดสเดน ซึ่งเป็นประธานบริษัทเมิร์ก
ยักษ์ใหญ่ของธุรกิจยาซึ่งกำลังจะเกษียณอายุ
ได้ให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์จูนว่า
"บริษัทยาถูกจำกัดศักยภาพไว้ให้อยู่เฉพาะกับผู้เจ็บป่วยเท่านั้น
แท้จริงแล้วบริษัทเมิร์กควรทำแบบบริษัทขายหมากฝรั่ง
คือผลิตยาขายให้กับคนสุขภาพดี ให้บริษัทสามารถขายยาให้แก่ทุกๆ คน"

แปลฝรั่งพูดไทยให้คนไทยฟังก็คือ นายแกดสเดนคิดว่า
ถ้าเขามัวแต่ขายยาลดคอเลสเตอรอลให้กับผู้ป่วยจริงๆ คือพวกโรคหัวใจ
เขาก็จะรวยช้า จำเป็นอยู่เองที่เขาจะต้องทำให้คนปกติที่ไม่ป่วย
แต่เข้าใจว่าตัวเองป่วย และหันมากินยาลดไขมันของเขา เขาจะได้รวยเร็วขึ้น

คิดได้ดังนั้นแล้ว นายเฮนรี แกดสเดน ก็จัดการทำ "ใต้โต๊ะ"
กับคณะผู้เชี่ยวชาญชุดหนึ่งในสหรัฐซึ่งมีหน้าที่กำหนดค่ามาตรฐานของคอเลสเตอรอลในเลือด
ให้ปรับค่าปกติของคอเลสเตอรอลจากเดิมที่ 250 ม.ก./ด.ล. มาเป็น 200
ม.ก./ด.ล. งานนี้ประชุมกันในปลายปี ค.ศ.2001

ผลก็คือ หลังการประชุมในคืนนั้นคนทั่วโลกนอนหลับไป
ครั้นตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็พบว่ามีประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลก
ซึ่งเมื่อวานนี้ยังเป็นคนปกติอยู่ แต่นอนหลับไปคืนเดียว
ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนกลายเป็นผู้ป่วยไปเสียแล้ว

ด้วยเหตุนี้ยาสแตตินซึ่งครอบคลุมชาวอเมริกัน 13 ล้านคน ในปี ค.ศ.1990
จึงเพิ่มกลุ่มประชากรที่ต้องบริโภคยาเป็น 36 ล้านคน
ภายในชั่วข้ามคืนเดียวตามกำหนดของหลักเกณฑ์ใหม่โดยคณะผู้เชี่ยวชาญ
(ด้านการใช้ยา) ในปีดังกล่าว

ซึ่งต่อมามีความจริงที่พบว่า คณะผู้เชี่ยวชาญคณะนี้มี 14 คน มี 5 คน
ที่มีความสัมพันธ์ด้านการเงินกับผู้ผลิตสแตติน 8 ใน 9
ของคนคณะนี้รับจ้างบรรยาย เป็นที่ปรึกษา หรือทำวิจัยให้บริษัทยายักษ์ใหญ่
มีผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งรับเงินจากบริษัทถึง 10 บริษัทด้วยกัน

ความเชื่อมโยงเหล่านี้ไม่เป็นที่รับรู้ของสาธารณะ
จนมีองค์กรสื่อในอเมริกานำมาเปิดโปง และเกิดวิวาทะครั้งใหญ่

ใครที่สนใจเรื่องนี้ไปหาอ่านได้ในหนังสือ "อุบายขายโรค"
พิมพ์โดยสำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน นพ.วิชัย โชควิวัฒน เป็นบรรณาธิการ



คุณเป็นอีกคนหนึ่งใช่ไหมที่ตกอยู่ในฐานะ นักบริโภคยาลดไขมัน

คงจำได้ว่าเมื่อก่อนนี้หมอเคยชี้ว่าคุณเป็นโรคคอเลสเตอรอลสูงเมื่อระดับเกิน
250 ม.ก./ด.ล. แต่ต่อมาไม่นานกลับไปหาหมอคนเดิม ทีนี้ท่านบอกคุณว่า
"มีงานวิจัยใหม่แล้วว่าคอเลสเตอรอลที่ปลอดภัยต้องไม่เกิน 200 ม.ก./ด.ล.
เพราะคนที่ระดับคอเลสเตอรอลระหว่าง 200-250 ม.ก./ด.ล.
ก็มีสิทธิตายด้วยหัวใจหลอดเลือดอีกตั้งเยอะ
เห็นท่าจะจำเป็นจ่ายยาลดคอเลสเตอรอลให้คุณละนะ ไหนๆ
คุณก็เบิกค่ารักษาพยาบาลได้อยู่แล้ว" ดังนั้น คุณก็ยอมรับอย่างน่าชื่น

แต่คุณรู้ไหมว่า ยาลดไขมันเหล่านี้เข้าไปทำหน้าที่อย่างไรในร่างกาย
ทำไมจู่ๆ คนมีนิสัยแย่ๆ ในการกินอาหารจนคอเลสเตอรอลสูง
ครั้นหันมากินยาลดไขมันแต่ยังคงดำเนินชีวิตแย่ๆ ต่อไป
แล้วคอเลสเตอรอลในเลือดก็ลดลงได้

ตามหลักฟิสิกส์แล้ว สสารย่อมไม่สูญสลายไปไหน แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่า
ไขมันที่คุณกินเข้าไปอย่างตามใจปาก มันหายไปไหนหมด

คำตอบก็คือ ยาลดไขมันไปทำหน้าที่เพิ่มปุ่มรับ (receptor) บนเซลล์ตับ
ให้ตับเก็บรับคอเลสเตอรอลจากกระแสเลือด แล้วไปซุกอยู่ในเซลล์ตับนั่นเอง

ผลก็คือการหลอกลวงว่า ในเลือดของเราหลังกินยาแล้วหลอดเลือดสะอาด
แต่หารู้ไม่ว่าเป็นการกลบเกลื่อนหลักฐานของนิสัยบริโภคนิยมที่เหลวไหล
เหมือนการกวาดเอาขยะไปซุกอยู่ใต้พรมนั่นเอง

พูดง่ายๆ ว่าไขมันเหล่านั้นย้ายที่อยู่ไปซุกอยู่ในตับ

จึงพบความจริงว่าใครก็ตามกินยาลดไขมันไป 3-5 ปี
ขอท้าพิสูจน์ให้ไปตรวจอัลตราซาวด์ตับได้เลย
จะพบผู้คนจำนวนมากที่กลายเป็นโรคไขมันพอกตับไปแล้ว

แถมปัจจุบันนี้คนที่กินยาจนคอเลสเตอรอลต่ำมากแล้ว หมอยังไม่ยอมเลิกจ่ายยา
แต่บอกผู้ป่วยว่า "คุณต้องกินยาตลอดชีวิต"

เรื่องของคอเลสเตอรอลจึงมีเรื่องราวซ่อนเงื่อนทางธุรกิจอยู่มากมาย
และผู้บริโภคก็ตกเป็นเหยื่อของการแพทย์พาณิชย์
นี่คือประเด็นที่หนึ่งที่จะชี้ให้เห็นในวันนี้



ส่วนประเด็นที่สองก็คือ คอเลสเตอรอลสูงแท้ที่จริงไม่สำคัญเท่ากับว่า
เป็นคอเลสเตอรอลชนิดไหนที่สูง และชนิดไหนที่ต่ำ
เราทราบมาจากสัปดาห์ที่แล้วว่า HDL-Chol เป็นคอเลสเตอรอลชนิดดี
เราต้องการให้มันสูง ส่วน LDL-Chol เป็นไขมันชนิดไม่ดี
เราต้องการให้มันต่ำ ดังนั้น การตรวจพบว่าคอเลสเตอรอลรวม (Total Chol)
สูงแล้วมัวนั่งปริวิตกนั้น เป็นเรื่องไม่สมควร ต้องดูว่าเป็นชนิดไหน

ในที่นี้ขอแนะนำตัวเลขสัดส่วนของคอเลสเตอรอล
เพื่อใช้คำนวณว่าสภาพไขมันในเลือดดีหรือไม่ดีกันแน่
มีสัดส่วนของไขมันอยู่สองค่าที่ควรรู้จัก กล่าวคือ :

1) Total Chol หารด้วย HDL-Chol จะให้ดีต้องไม่สูงกว่า 4.6

2) LDL-Chol หารด้วย HDL-Chol จะให้ดีต้องไม่สูงกว่า 3

นั่นหมายความว่า ถ้าคุณพบว่า Total-Chol ของคุณสูง แต่ถ้าคุณมีค่า
HDL-Chol สูง เมื่อหารกันแล้วก็อาจจะต่ำกว่า 4.6 แปลว่า
การสูงของคอเลสเตอรอลรวมของคุณนั้น ที่แท้แล้วมาจากการสูงของไขมันที่ดี

หรืออีกนัยหนึ่ง ดูว่าไขมันที่เลวกับไขมันที่ดี ต่างกันไม่เกินสามเท่า
แปลว่าสัดส่วนของไขมันในตัวคุณนั้น อยู่ในสภาพเยี่ยมยอด
เราจะพบกรณีเช่นนี้ในผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ในคนที่กินผักได้รับเบต้าแคโรทีนเหลือเฟือ หรือคนที่กินข้าวกล้อง
ถั่วต่างๆ มีวิตามินอีเหลือเฟือ

ยกตัวอย่างผู้รักสุขภาพรายหนึ่ง เป็นคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ปั่นจักรยาน
ว่ายน้ำ เล่นเวต ภาพลักษณ์ของไขมันในเลือดเป็น :

T-Chol 231 ม.ก./ด.ล. Trigly 91 ม.ก./ด.ล.

HDL-Chol 54 ม../ด.ล. LDL-Chol 160 ม.ก./ด.ล.

มองดูเผินๆ คนนี้มีคอเลสเตอรอลสูง และค่า LDL-Chol ก็สูงกว่าปกติ (<150 p="p">ม.ก./ด.ล.) แต่ถ้าหาสัดส่วนไขมันจะเห็นว่า

T-Chol 231 หารด้วย HDL-Chol 54 = 4.28

LDL-Chol 160 หารด้วย HDL-Chol 54 = 2.96

ถือว่าสุขภาพดี

ตัวอย่างครูโยคะรายหนึ่ง รูปร่างดี หน้าตาสะสวย เธอมีภาพลักษณ์ไขมันในเลือดดังนี้ :

T-Chol 234 H ม.ก./ด.ล. Trigly 60 ม.ก./ด.ล.

HDL-Chol 85 ม.ก./ด.ล. LDL-Chol 137 ม.ก./ด.ล.

เนื่องจากเธอถูกตรวจด้วยเครื่องอัตโนมัติในโรงพยาบาลมันก็จะตีตัว H
บอกมาในเลือด แปลว่าไขมันเลือดสูงแล้วนะ ทำให้เธอไม่สบายใจ
อยู่มาวันหนึ่งเธอได้พบกับผม แล้วเอาตัวเลขมาดูกัน ถ้าดูสัดส่วนจะพบว่า :

T-Chol 234 หารด้วย HDL-Chol 85 = 2.75

LDL-Chol 137 หารด้วย HDL-Chol 85 = 1.61

ถือว่าสุขภาพดีอย่างเยี่ยมยอดเพราะผลจากการฝึกโยคะสม่ำเสมอของเธอนั่นเอง
เสียดายที่ว่าระบบตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องตรวจไม่มีโอกาสพบแพทย์เลย
ปัญหาจึงเกิดขึ้นเนืองๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น