คุณเคยนึกสงสัยกับคำถามที่ว่า "เหตุใดเรารักในหลวง" หรือไม่
สำหรับตัวฉันเองแล้ว กลับมีคำถามมากมายเกี่ยวกับผู้ที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา ถ้าคำถามนี้ออกจากชาวต่างชาติ อาจจะไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกเท่าใดนัก เพราะเขาเหล่านั้นอาจจะไม่เคยพบเห็น พบเจอ หรือเข้าใจถึงความเป็นมาเป็นไปของความรักนี้ แต่หากมาจากคนที่อาศัยอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่านอยากให้ ฉันอยากให้ทุกคนลองย้อนกลับมามองที่ตนเองว่า เหตุใด เราจึงตั้งคำถามนี้ขึ้นมา บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินคำถามว่า ทำไมเราถึงรักผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายคนนู้น หลายครั้งที่คำตอบที่เราได้รับคือ "ไม่มีเหตุผล" นั่นแปลว่า "ความรัก" ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหตุผล หากแต่เรามีเพียงความรู้สึกที่เรียกว่า "รัก"
"ความรู้สึก" เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากข้างใน ไม่สามารถมีใครมาบังคับเราได้ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบหนึ่งซึ่งเกิดจากจิตสำนึก หรือภายใต้จิตสำนึกของเราเอง
แล้วความรู้สึกที่เรียกว่า “รัก” เป็นใช่ไร เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรารักแล้ว
เพียงแค่คุณมองสิ่งรอบตัวคุณเอง ว่า มีคนไหนรอบข้างคุณ ที่คุณสามารถบอกว่า รัก ได้จริงๆหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ที่มีต่อพ่อแม่ ความรักที่มีต่อญาติพี่น้อง ความรักที่มีต่อเพื่อน ความรักที่มีต่อคนรัก หรือจะรักในตัวศิลปิน แม้จะต่างกันในบางมุมของความรัก แต่สิ่งที่เหมือนคือ เรารู้สึกรัก หากคุณรู้สึกรักแล้ว คุณอาจจะมีคำถามต่อไปว่า
“รักแล้วต้องทำยังไง”
คำตอบนี้มีอยู่รอบตัวคุณเช่นกัน คุณอยากทำอะไรให้คนที่คุณรักเช่น คุณรักพ่อแม่ คุณอยากให้ท่านสบาย มีอาหารการกิน ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คุณจะต้องทำยังไง แน่นอน คุณก็จะต้องทำในสิ่งที่ท่านทำให้คุณมาก่อน คือ ทำงานเพื่อจะมีรายได้ในการดูแลท่าน แม้ว่างานนั้นอาจจะลำบาก เราก็พร้อมยินดีที่จะทำเพื่อคนที่เรารัก แม้ท่านจะบอกว่า ไม่เป็นไร ท่านยังสามารถดูแลตัวเองได้ก็ตาม แม้ท่านอาจจะปฏิเสธในสิ่งที่คุณให้ท่าน ซึ่งบางครั้งท่านเห็นเราเหนื่อยเพื่อได้มันมาและไม่อยากให้เราลำบาก แต่เราก็ยินดีที่จะพูดว่า ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ให้มากกว่านี้ก็ทำได้ ทั้งหมดนี้อาจจะเพียงเพื่อเห็นแค่รอยยิ้ม และสายตาแห่งความภาคภูมิใจที่ได้รับกลับมา นั่นคือสิ่งที่ลูกทุกคนอยากได้ มันไม่ได้มีมูลค่ามากมาย แต่กลับมีมูลค่าทางจิตใจ นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินตราแต่กลับมีค่าสูงสุดสำหรับผู้ให้เช่นเรา เฉกเช่นเดียวกันกับคนที่รักในพระเจ้าอยู่หัว ออกมาทำดีเพื่อพระองค์ ออกมาทำสิ่งเล็กๆที่บางคนอาจจะมองว่าไม่มีประโยชน์ มองว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้ผลตอบแทนมากกว่า มองว่าทำให้พระองค์ พระองค์ไม่เห็น ไม่รู้ เราจะทำเพื่ออะไร เช่น กวาดเศษใบไม้ข้างลานพระบิดา ในโรงพยาบาลศิริราช ทำไปทำไม เดี๋ยวถึงเวลาก็มีคนมาทำ ทำตอนนี้เดี๋ยวใบไม้ก็ล่วงหล่นมาอีก พระองค์ไม่ทรงทอดพระเนตรลงมาตอนที่เราทำอยู่หรอก หากแต่ผู้ที่ช่วยกันทำนั้น กลับคิดว่า ถ้าปราศจากเศษใบไม้ จะทำให้สดชื่น เผื่อว่าพระองค์ทอดพระเนตรลงมา พระองค์จะได้รู้สึกผ่อนคลายกับต้นไม้ ใบหญ้าที่เขียวชอุ่ม หากแต่พระองค์ไม่ได้ทอดพระเนตรลงมาในเวลานั้นก็ไม่เป็นอะไร เพราะผู้ป่วยที่ผ่านมาทางนั้นพอดี ก็จะเห็นและทำให้รู้สึกผ่อนคลายกับอาการป่วยของตนได้ก็ยังดี เป็นส่วนเล็กๆในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ได้คำนึงถึงว่า ณ ขณะที่ตนทำนั้น แดดจะร้อนเพียงใด แต่กลับมองเห็นถึงว่า เมื่อทำเสร็จแล้ว จะมีใครบ้างที่ได้รับ ดังเช่น ที่พระองค์ ทรงงาน หลายครั้งที่พระองค์ ทรงเสด็จไปในถิ่นทุระกันดาน โดยไม่ได้คำนึงถึงความลำบากขณะที่พระองค์เสด็จ เพียงแต่พระองค์อยากที่จะช่วยเหลือ ประชาชนที่พระองค์รักดั่งลูกของตน บางครั้งหากทุกคนเลือกที่จะทำแต่สิ่งที่ให้ทุกคนมองเห็นดังเช่นปิดทองพระประธานแต่ด้านหน้า ด้านหลังไม่มีผู้ปิด พระประธานจะสง่างามได้อย่างไร
Maliwan Pukka Keewiriyakul
๗ ธ.ค. ๒๕๕๕
(หมายเหตุ บทความที่น้องปุ๊ก ส่งมาให้อ่าน เมื่อเห็นว่า เข้าที น่าอ่าน จึงขอเผยแพร่ แปะใน facebook กว่า ร้อยเฟส)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น