++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชีวิตเดิมๆของช่างซ่อมรถที่ด่านขุนทด ในวันที่หลวงพ่อคูณจากไป

ชีวิตเดิมๆของช่างซ่อมรถคนด่านขุนทด ในวันที่หลวงพ่อคุณจากไป

เขาเป็นคนด่านขุนทดตั้งแต่เกิด รู้จัก และเคยไปกราบหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่วัดบ้านไร่ตั้งแต่เรียนชั้น ม.5 ถือได้ว่า เป็นลูกหลานของหลวงพ่อคูณ ลูกหลานชาวด่านขุนทดขนานแท้ แต่ในวันที่หลวงพ่อคูณมรณภาพ และสรีระสังขาร เคลื่อนไปที่ขอนแก่น ไปเป็น อาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไม่ได้กลับมาที่วัดบ้านไร่ ให้ได้กราบ อีกต่อไป เขาก็อยากจะมีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่อคุณ ที่ขอนแก่นเช่นกัน

ตั้งใจไว้ว่า ในวันหยุด เสาร์ที่ 24 พ.ค.2558 จะเดินทางไปขอนแก่น ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ประชาชนทุกคนจะมีโอกาสได้กราบสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ก่อนที่จะมีพิธีเคลื่อนย้ายไปยังคณะแพทย์ศาสตร์เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดอง หลังจากนี้ไปอีก 3 ปี จึงจะได้กราบหลวงพ่อคูณอีกครั้งในพิธีศพของท่านในเดือนมิถุนายน 2561

"แกไปกราบท่านรึยัง"
"จะไปพรุ่งนี้ล่ะ ขึ้นรถหน้าที่ว่าการอำเภอด่าน รถฟรี ออกตอน 8.30 น. วันสุดท้ายแล้ว"
"คนคงจะแย่งกันไป ต้องรีบไปแต่เช้า ไม่งั้น รถจะเต็มซะก่อน"
"ฉันว่าจะไปรถไฟ ดูข่าวบอกว่า จัดรถไฟฟรี จากโคราช ไปขอนแก่น แล้วจะมีรถมารับไปยังบริเวณงาน ให้ไปกราบหลวงพ่อคูณด้วย"
"แล้วแกจะไปรึเปล่า" เพื่อนคนหนึ่งหันมาถามเขา เขาพยักหน้า ด้วยความตั้งใจแน่นแน่ว่าจะไปกราบท่านในวันสุดท้าย



หลังทานข้าวมื้อเที่ยงวันนั้นผ่านไป เขากลับเข้าไปทำงานในร้านอู่ซ่อมรถ ริมถนนมิตรภาพในตัวเมืองโคราช มีลูกค้านำรถมาเข้าอู่สองคัน ต้องการให้ซ่อมรถให้เสร็จในวันที่ 25 พ.ค.2558 เพราะจะรีบเอาไปขนสินค้า ส่งให้ลูกค้าถึง กทม เขาและทีมช่างซ่อมรถ อีก 2 คน จึงต้องรับงานชิ้นนี้

"โห ให้ซ่อมสองคันนี่ให้เสร็จ ภายใน 3 วันนี่ จะทันมั้ยน้อ"
"เช็คสภาพแล้ว ทันแน่นอน ถ้ามึงไม่อู้งานน่ะ ยังไงก็ทัน"
"มึงบอกว่า อยากไปกราบหลวงพ่อคูณที่ขอนแก่น ในวันที่ 24 งั้นมึงต้องรีบซ่อมรถให้เสร็จภายใน 2 วัน ไม่งั้นอดแน่"
"เอาว่ะ ลุย.."

เขาและเพื่อนร่วมงาน ต่างลงมือทำงานทันที จนถึงช่วงเย็น แต่ละคน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า

"ขอพักซักครึ่งชั่วโมงนะ"
"กูจะไปซื้อน้ำ กะขนมที่ เซเว่น มึงจะเอาอะไรรึเปล่า"
"ฝากซื้อเอ็ม 150 ขวดนึง"
"กูเอากาแฟ กระป๋องนึง น้ำเปล่าขวดนึงนะ"
"เออ เดี๋ยวกูมา เดี๋ยวกูออกตังค์ให้ก่อน เดี๋ยวพวกมึงค่อยจ่าย ตอนปิดร้านละกัน"

เขาเดินไปที่ร้านเซเว่นที่ปากทาง เห็นมีคนหลายคน มายืนแถวนั้น ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ ที่ริมฝั่งถนนทั้งสองฝั่ง มีสองกลุ่ม กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ แบบนี้ คงจะมีเรื่องกันล่ะมั้ง... เขาพยายามหาทางเดินเลี่ยงบริเวณนั้น จะได้เข้าร้านเซเว่น ซื้อของให้เร็วที่สุด แต่ถนนเส้นนั้น เป็นซอยแคบๆ เขาจึงต้องเดินไปด้านหลังคนกลุ่มหนึ่ง ด้านที่ติดกับเซเว่น เดินอ้อมคนที่ยืนแถวหลังอย่างตัวลีบ

"เฮ๊ย!! ลุย"
กลุ่มคนที่อยู่อีกฝั่งถนน โยนก้อนหินมา ก้อนหนึ่งโดนหัวของเขา ฝ่ายคนที่ยืนอยู่ฝั่งที่เขาเดินอยู่ ถือไม้แล้วรีบวิ่งเข้าหาอีกฝั่ง สองฝ่ายวิ่งเข้าหา ปะทะกัน ชุลมุน มีใครคนหนึ่งจากฝั่งถนนตรงข้าม เหวี่ยวไม้มาเกือบโดนเขา เขารีบวิ่งเข้าไปในร้านเซเว่น

ข้างนอก ชุลมุนอยู่พักหนึ่ง เมื่อมีใครคนหนึ่งขับรถกระบะ แล่นเข้ามาบริเวณนั้น เขาได้ยินนักเลงฝ่ายหนึ่ง ตะโกนขึ้นมาว่า เอ๊ย ไอ้นั่นมาแล้ว ถอยก่อนๆๆๆ แล้วสถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลาย....

เขารีบซื้อของตามที่เพื่อนฝากซื้อ รีบจ่ายเงินแล้ว รีบหิ้วถุงออกจากร้านทันที จู่ๆ มีคนขี่มอเซอร์ไซต์มาที่บริเวณนั้น ลงจากรถแล้ว ชี้หน้าด่าฝ่ายตรงกันข้าม เขาเดินเข้าไปในซอยไม่ได้ เพราะคนสองกลุ่ม ยืนประจันหน้ากัน ปิดทางเข้าซอย และแล้ว ทั้งสองฝ่าย ก็เริ่มตะลุมบอนกันอีกครั้ง

"โอ๊ย.."
เขาโดนลูกหลงอีกแล้ว คนฝ่ายที่ยืนอยู่ฝั่งถนนเดียวกันเขา หันมามอง แล้วถามว่า ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย แล้วหยิบไม้ให้เขา แล้วดึงมือเขาออกไปสู้กับฝ่ายตรงกับข้าม เขาเซตามแรงผลัก เขาไปอยู่ในวงที่เกิดเรื่องตีกัน เขาโดนไม้หน้าสามตีเข้าที่แขน เขารีบหลบออกมาจากบริเวณนั้น คนสองกลุ่มตีกันอยู่พักหนึ่ง ตำรวจก็มาถึง เขารีบเดินเข้าซอย ไปยังร้านซ่อมรถทันที

"เฮ๊ย อะไรวะ ฝากซื้อกาแฟกระป๋อง กะน้ำ นี่มึงได้เลือดเลยเหรอ"
"โคตรซวยจริงๆว่ะ ดันไปเจอคนตีกันพอดี กูเลยโดนลูกหลง"
"ถือซะว่า ฟาดเคราะห์ละกันนะ"
"โดนฟาดแบบนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะโว้ย ดีไม่โดนหัวแตก"
"ทำงานไหวรึเปล่าวะ"
"พักสักชั่วโมงก่อนก็ได้นะมึง ไปหาทายาแก้ฟกช้ำก่อน เดี๋ยวสักครึ่งชั่วโมง มึงค่อยมาทำงานต่อ"
"เออ ก็ได้ว่ะ"

เมื่อได้พัก เขาจึงเดินไปที่ร้านอินเตอร์เนตคาเฟ่ พักสักชั่วโมง เล่น facebook ทักทายเพื่อนฝูงซะหน่อย นี่เป็นอีกหนึ่งความสุขเล็กๆในชีวิตของเขา

เดินเข้ามาในร้าน ก็เจอหนุ่มคนหนึ่ง มายืนมองๆ แปลกๆ เขาเดินไปถามเจ้าของร้าน ว่า ไอ้หนุ่มนั่น มารอใครเหรอ เจ้าของร้านตอบว่า เห็นบอกว่า รอเพื่อน ตะกี้เข้าไปถามว่า จะเล่นเนตมั้ย มันบอกว่า รอเพื่อนแป๊บนึงก่อน ถึงจะเล่น

"แปลกนะ แทนที่จะนั่งเล่นรอเพื่อน นี่มันจะยืมเงินเพื่อนมาเล่นเนตรึยังไง"
เขานั่งเล่นเนต ที่เครื่องเบอร์ 9 ในร้านส่วนใหญ่ มีแต่เด็กๆ มานั่งเล่นเกม กันเต็มเกือบทุกโต๊ะ เขาสังเกตเห็น หนุ่มคนนั้น เข้าไปถามเด็กคนนั้น คนนี้ ว่า ว่างมั้ย จะให้ไปช่วยยกของ มีค่าขนมให้ คนละ 100 บาท เลยนะ ไปแป๊บเดียว เขาได้ยินเด็กหลายคน ปฏิเสธ ไม่อยากไปไหน อยากจะเล่นเกมส์มากกว่า

ไอ้หนุ่มคนนี้ พยายามเข้าไปถามเด็กคนนั้น คนนี้ ..

แปลก.. มันจะมาเอาเด็กตัวเล็กๆ ไปช่วยยกของทำไมกัน ทำไมไม่จ้างผู้ใหญ่ ที่มีกำลังวังชามากกว่าเด็กๆล่ะ
"พี่ เดี๋ยวผมไปช่วยยกของให้ก็ได้ ที่ไหนล่ะ"

ไอ้หนุ่มคนนั้น หันมามองหน้า แล้วบอกว่า ไม่เป็นไร แต่เขาบอกว่า เขาช่วยยกให้ก็ได้ ไอ้หนุ่มคนนั้น รีบเดินออกมาจากร้านเนตทันที

จนกระทั่งเขาเล่นเนต ครบเวลา จึงเดินออกมา เห็นผู้ชายคนที่เจอในร้านเนต เดินอยู่ข้างหน้าเขา มีเด็กคนหนึ่งเดินตามเขาไปด้วย

"อะไรวะ หาเด็กไปยกของจนได้ ทำไมมันต้องให้เด็กไปช่วยยกวะ"
เขาเดินต่อไป จะกลับไปทำงานที่ร้าน

"เอ๊ะ นั่น จะพาลูกชั้นไปไหนน่ะ" เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา เมื่อมองไป เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา
เขาหันกลับไปมองที่หนุ่มคนนั้น เห็นก้มลงอุ้มเด็ก แล้วรีบวิ่งทันที...

"แก๊งขโมยเด็ก !!!"

พอได้ยินเสียงตะโกน เขาก็รีบวิ่งตามชายคนนั้นทันที เสียงตะโกนเรียก ทำให้คนในซอยนั้น โผล่ออกมามุงดู ชายคนนั้น รีบปล่อยเด็กลง แล้วรีบวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้น เขารีบวิ่งไปดักอีกทาง โผล่มาตรงทางแยก หนุ่มคนนั้น วิ่งเข้ามาชนเขาพอดี จนเขาล้มโครม กระเด็นไปชนเข้ากับถังขยะ หัวเขาไปชนโดนอะไรสักอย่าง หนุ่มคนนั้น ก็ลุกขึ้นวิ่งหนีต่อไป

เขาเดินลูบหัว กลับเข้าไปที่ร้าน เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนร่วมงานฟัง

"เฮ๊ย ให้ไปพัก ดันซวยไปเจอเรื่องใหม่อีก เจ็บหัวมาอีกแล้ว แบบนี้ ดวงไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ต้องไปทำบุญซะแล้ว"
"วันนี้ พอแค่นี้ดีกว่า จะปิดร้านแล้ว กลับบ้านกันดีกว่า พรุ่งนี้ ค่อยมาทำงานต่อ"

ระหว่างนั่งรถโดยสารกับด่านขุนทด เขารู้สึกปวดเนื้อปวดตัว พอสมควร คงเกิดจากสิ่งที่เขาได้เจอในวันนี้ เขาอยากจะกลับให้ถึงบ้าน จะได้กินยาแก้ปวดและเข้านอน.. "รถติดขบวนอะไรเหรอ เห็นจอดแช่ตั้งนานแล้ว"
"ปิดถนน มีขบวนแห่งานอะไรรึเปล่า"
"รถข้างหน้า ต่อแถวยาวเลย รถติดเหมือน กทม อีกแล้ว"
รถค่อยๆ ขยับๆ ไปเรื่อยๆ จนผ่าน จุดที่เกิดอุบัติเหตุ รถชนกัน มีเจ้าหน้าที่กู้ภัย เอารถยก ลากรถที่เกิดอุบัติเหตุออกจากช่องทางจราจรแล้ว รถบนถนนจึงค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาจากบริเวณนั้นได้

กว่าจะนั่งรถมาถึงหมู่บ้าน เกือบสองชั่วโมง...

"โอย ไม่ไหวแล้วพ่อ งานที่ร้านก็ยังไม่เสร็จ แบบนี้จะได้ไปงานหลวงพ่อคุณ มั้ยน้อ"
"ถึงไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไรหรอก ความนับถือมาจากใจ เคารพนับถือท่าน เอาคำสอนของท่านมาปฏิบัติเป็นทางนำชีวิต นี่ก็ตรงตามเจตนาของหลวงพ่อคุณ เช่นกันนะ ท่านสอนให้พวกเราเป็นคนดีนี่"
"ดูข่าวในทีวี แล้วน้อมส่งจิต ระลึกถึงท่านก็ได้ ปลายเดือนนี้ ในตัวเมืองโคราช ก็จัดสวดมนต์บำเพ็ญกุศล ครบ 15 วันที่หลวงพ่อคุณจากไป เราไปร่วมงานที่วัดก็ได้นะ"


เขาพนมมือขึ้นท่วมหัว ระลึกถึงหลวงพ่อคุณ ยังมีคนอีกหลายล้านคน ที่ไม่ได้ไปกราบสรีระร่างของหลวงพ่อคูณที่ขอนแก่น เหมือนกับคนด่านขุนทดอีกหลายคน ที่ไม่มีโอกาสได้ไปขอนแก่น เช่นกัน

ชีวิตของคนธรรมดาๆของเขา ไม่ใช่คนเด่นคนดัง เรื่องราวไม่ดราม่า น่าสนใจสำหรับใครๆ ชีวิตรายวันที่เจอเรื่องราวริมถนน จนไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อคูณตามที่ตั้งใจไว้ แต่ท่านยังอยู่ใกล้ๆ อยู่ในใจ ไม่ใช่ใกล้แค่เหรียญหลวงพ่อคุณรุ่นเก่า ที่มีคนถามซื้อจากเขาหลายๆครั้ง...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น