++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547

เผยเคล็ดลับวิธีรักษาผิวหน้าหนาว

พ.ญ.ณัฎฐา รัชตะนาวิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว สาวๆ ทั้งที่มีอายุและสาววัยรุ่นมักจะกังวลใจเรื่องผิวแห้งและผิวแตกกันมากก็ เพราะว่าหน้าหนาวความชื้นในอากาศลดลงพอความชื้นลดลงผิวหนังก็จะสูญเสียน้ำ มากขึ้น เกิดการอักเสบของผิวหนังทำให้เกิดอาการคัน ยิ่งในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือเป็นโรคสะเก็ดเงินพอเกิดอาการคันและไปเกา มากๆ เข้า ผื่นก็อาจจะลุกลามไปมากขึ้น นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็มีส่วน เพราะอากาศเย็น ประชาชนก็จะหาเสื้อผ้าแขนยาว เสื้อผ้าหนาๆ หรือผ้าขนสัตว์มาสวมก็อาจเกิดอาการแพ้ได้ในบางราย

อีก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งมากขึ้นก็มาจากความเคยชินของคนไทยที่คุ้นกับการ อาบน้ำวันละ 2-3 ครั้ง เพราะการอาบน้ำถูสบู่มากๆ จะทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน เนื่องจากสบู่มีความเป็นด่างสูง ยิ่งอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นจัดๆ ด้วยแล้วยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
พ.ญ.ณัฎฐากล่าวว่า ภาวะความสูญเสียความชื้นของผิวหนังนี้เกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัยจะต่างกัน ที่ความรุนแรง อย่างในเด็ก ต่อมไขมันยังทำงานไม่มากเท่าผู้ใหญ่ก็จะทำให้ผิวแห้งแตกได้มาก ช่วงวัยรุ่น ผิวมีความสมดุลมากกว่าวัยอื่นๆ อาจจะไม่มีปัญหารุนแรงมากนัก จะมามีปัญหามากๆ อีกทีตอนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ 35-40 ปีขึ้นไป ผิวก็จะแห้งได้ง่ายมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงที่หมดประจำเดือน ซึ่งจะอาจต้องดูแลผิวมากเป็นพิเศษ

การดูแลไม่ให้ผิวแห้งเสียใน หน้าหนาวก็ทำได้ไม่ยากอย่างการอาบน้ำก็อย่าใช้น้ำร้อนนัก แค่น้ำที่อุ่นพอประมาณก็พอและเลือกใช้สบู่ที่อ่อนลง หรืองดใช้สบู่ในบางพื้นที่ที่จะแห้งมากๆ เช่น ลำตัวหน้าแข้ง ส่วนในที่อับชื้น มือ เท้า ก็คงใช้เหมือนเดิม สำหรับผู้ที่ผิวแห้งมากอาจต้องใช้ครีมทาผิวร่วมด้วย ซึ่งก็มีหลายชนิด ทั้งชนิดที่เป็นครีม โลชั่น น้ำมันและขี้ผึ้ง โดยน้ำมันและขี้ผึ้งนั้นจะมีคุณสมบัติในการเก็บรักษาความชุ่มชื้นของผิวไว้ ได้ดีที่สุดรองลงมาก็เป็นครีม แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะใช้แล้วจะมีความรู้สึกเหนอะหนะที่ผิว ถ้าจะใช้โลชั่นทาผิวในฤดูหนาวอาจจะต้องหมั่นทาบ่อยขึ้นเพียงแค่ทาตอนเช้า และก่อนนอนอาจไม่เพียงพอ" พ.ญ.ณัฐฎากล่าว

ผู้เชี่ยวชาญด้านผิว หนังกล่าวอีกว่า สำหรับหนุ่มๆ ที่ไม่ชอบใช้เครื่องบำรุงผิวนั้น แนะนำว่าถ้าอาการแห้งของผิวไม่รุนแรงมากมายและเจ้าตัวทนได้ไม่รู้สึกรำคาญ หรือคัน ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้โลชั่นก็ได้แค่งดใช้สบู่ในที่ที่เป็นขุย และไม่อาบน้ำอุ่นจัดก็พอ แต่ถ้าผิวแตกรุนแรงถึงขึ้นมีอาการคัน คงต้องทาโลชั่นมิฉะนั้นอาจลุกลามเป็นผื่นแพ้ได้ การแต่งกายดูให้อบอุ่น การสวนเสื้อแขนยาวก็ช่วยลดการสูญเสีย
โดยคุณ : ณัฎฐา รัชตะนาวิน

โปรติน "ไนคาสตริน" ตัวเหตุโรคสมองเสื่อม

วารสารวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโตรอนโต ในแคนาดา ได้ค้นพบโปรตินเกี่ยวพันกับโรคสมองเสื่อม โปรตินนั้นมีชื่อว่า "ไนคาสตริน" มีส่วนเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาท ทำให้จับตัวกันเป็นแผ่นของสิ่งที่เรียกว่า อะมีลอยด์ในสมอง โปรตินตัวนี้อาจจะเป็นตัวการใช้ในการผลิตตัวยาสกัดการจับตัวเป็นแผ่นของ อะมีลอยด์ได้

ทุก วันนี้ มีผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อม หลายล้านคน มักเป็นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงเท่าตัว โดยที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก อาจสูญเสียความจำ จนสมองพิการและถึงขั้นเสียชีวิตลงได้

ไทยรัฐ

เซียนเห็นไกลพันลี้ เซียนหูฟังไกล

ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกเทพเห็นไกล พันลี้ว่า ชัยลี้งั้ง เรียกเทพหูฟังไกลว่า
ซุงฮวงยื้อ ประวัติของ 2 เซียนจะเป็นหนึ่งในเรื่อง ของฮงซิ้งตึ้ง
หรือทำเนียบการ แต่งตั้งเจ้าที่คุยไว้ก่อนหน้านี้ ที่เป็นช่างจิวบุ่งอ๊วงแห่ง ราชวงศ์จิว รบเพื่อล้ม
ล้างราชวงศ์ เซี่ย โดย มีเกียงไท้กงเป็นกุนซือไง

เรื่องเล่าว่า ชัยลี้งั้ง หรือตาเห็นไกลพันลี้คือ แม่ทัพกิมเจียงกุง
ซุงฮวงยื้อ หรือหูฟังไกลพันลี้คือ แม่ทัพลิ่วเจียงกุง
ทั้งสองเป็นแม่ทัพของฝ่ายกษัตริย์ติ๋ว ผู้โหดเหี้ยมแห่งราชวงศ์ซาง ซึ่งตำ
นานฮงซิงตึ๊งนี้จะมีมุมวิจิตรพิสดารว่า ทั้ง 2 ฝ่ายคือฝ่ายกษัตริย์ติ๋วและฝ่าย
จิวบุ่งอ๊วง ต่างฝ่ายต่างก็มีเทวดาช่วยรบด้วย
ตาเห็นไกลพันลี้ เนื้อแท้คือเทพต้นท้อ ที่แปลงร่างเป็นคนในบางเวลา
ส่วนหูฟังไกล คือ เทวดาต้นหลิว
ที่แปลงร่างเป็นคนเช่นกัน
กษัตริย์ติ๋วจัดวางตัวให้ทั้งสองเป็นหน่วยรบอยู่
ฝ่ายหน้า ซึ่งก็ทรง
ประสิทธิ-ภาพมาก เพราะมีผลให้เกียงไท้กงรู้สึกงงมากว่า ไม่ว่าจะวางแผนการ
รบอย่างไร ดูเหมือนว่าฝ่ายกษัตริย์ติ๋วจะดักทางแล้วปกป้องได้หมด ซึ่งเกียง
ไท้กงมาจับได้ภายหลังว่า ไม่ว่าเกียง
ไท้กงจะพูดอะไร สั่งงานอย่างไร หูฟัง
ไกลล้วนได้ยินทั้งสิ้น และไม่ว่าจะมีการดำเนินการอะไรในค่าย ตาเห็นไกลพัน
ลี้ก็ล้วนเห็นหมดเลย
เกียงไท้กงแก้เกมด้วยการส่งลูกน้องระดับขุนพลอึ้งเทียงขึ้นเขาไปหา
เซียน แล้ว ขอเรียนวิชาเพื่อมาสู้กับตาเห็นพันลี้กับหูฟังไกล ทำให้ขุนพลยื้อ
พบเคล็ดรับมือกับ 2 เซียน โดยส่งทหารให้คอยโบกธงแดงตลอดเวลา
คอย ตีกลองและฆ้องตลอดเวลาอย่าวางมือ
ผลคือธงแดงเป็นเคล็ดกวนภาพในสายตาของตาเห็นไกลพันลี้และเสียง
กลอง ก็ได้กวนคลื่นเสียงทำให้หูฟังไกลไม่สามารถจับเสียงอะไรได้เลยนอก
จากเสียงกลองและฆ้อง
ทั้ง 2 เซียนคือตาเห็นไกลและหูฟังไกลรู้สึกโกรธที่ฤทธิ์เดชของตนถูก
สยบ จึง ตรงลิ่วไปยังค่ายของเกียงไท้กง ซึ่งทางนั้นก็เตรียมรับมืออยู่แล้ว เมื่อ
สองเซียนเข้าค่ายมาก็ถูกรุมล้อมและจับฆ่าได้ด้วยเคล็ดบางอย่าง ทำให้ที่สุด
ทัพของเกียงไท้กงก็ได้ชัยชนะ
และราชวงศ์จิวก็ได้ปกครอง จีน แทนราชวงศ์ซาง
อย่างไรก็ตาม มีอีกข้อมูลของเซียนตาเห็นไกลกับเซียนหูฟังไกลว่าทั้ง
สองคือ 2 ใน 4 ของลี่ไต้กิมกังหรือเทวดาผู้รักษาเสาสวรรค์
แต่บ้างก็ว่าเป็น องครักษ์ของเจ้าแม่เทียนโหวเนี่ยเนี้ย
แต่แม้ตำนานจะหลากหลาย หากก็นิยมให้ภาพลักษณ์ของ 2 เซียนนี้
เป็นเทพอสูร โดยตาเห็นไกลพันลี้มักใช้มือซ้ายคอยยกป้องมือเหนือตา ทำท่า
มองไกล มือขวามีอาวุธ 3 ชิ้น แต่ทำเป็นชิ้นเดียวรวมกันเรียกว่า
ทีแช ขาขวานิยมให้เหยียบ ไหกับหอยตัวใหญ่
ส่วนหูฟังไกลนิยมให้มือซ้ายมีงูสีแดง พันไว้อยู่ แล้วเอามือขวาป้องหู
เป็นท่าเงี่ยหูฟังนั่นเอง โดยคุณ : จิตรา ก่อนันทเกียรต

เคล็ดลับอาหารเช้าสำหรับเด็กวัยรุ่น

วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว ปัญหาทางโภชนาการที่พบในวัยรุ่นคือภาวะโภชนาเกิน และภาวะโภชนาการขาดเพราะอาจจะกินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตและไขมันมากเกิน ความต้องการ ทำให้อ้วน หรือมีบางคนกลัวอ้วนยอมอดอาหารจนผอม และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ
อาหาร ที่เรากินเข้าไปจะไม่ทำให้เราเห็นผลในทันทีทันใด แต่ผลจะเกิดขึ้นในระยะยาว เพราะฉะนั้นต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะได้มีสุขภาพ ที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยในวันหน้า

ในช่วงวัยรุ่น ร่างกายต้อง การพลังงานสูง เพื่อไปใช้ในการพัฒนาการ
เติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนาดและความสูง ความแตกต่างของ
อัตราการเจริญเติบโตของคนเชื้อชาติเดียวกัน เนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมและ
อาหาร ที่กิน ดังนั้น ควรกินให้หลากหลาย และครบ 5 หมู่ ไม่กินซ้ำซาก

‘อาหารเช้าสำหรับวัยรุ่นที่เร่งรีบออกจากบ้าน เพื่อไปใช้ทันเข้าเรียน
อาจจะเริ่มอย่างง่ายๆ ด้วย คอร์นเฟลก กับกล้วยหอมและนม ไข่ดาวหรือไข่
ต้ม หรือไข่ลวกตามชอบร่างกายก็จะได้รับคาร์โบไฮ- เดรตจากคอร์นเฟลก
ซึ่งมาจากข้าวโพดได้โปรตีนจากไข่ และนม ไขมันจากน้ำมันทอดไข่ ส่วน
กล้วย ให้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน

‘ ไข่เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นแหล่งของโปรตีน
เกลือแร่และวิตามินที่สำคัญ ควรรับประทานไข่วันละฟองทุกวัน

‘ นมให้คุณค่าอาหารสูง มีแคลเซียมสูง และมีเกลือแร่และแร่ ธาตุต่างๆ
อย่างน้อยควรดื่มนมวันละแก้ว เด็กที่ขาดแคลเซียมจะทำให้เติบโตไม่เต็มที่

‘ผลไม้สำหรับมื้อเช้า อาจจะเป็นกล้วยไข่ กล้วยหอม หรือส้ม ก็จะทำ
ให้ร่างกายได้รับเกลือแร่และวิตามิน รวมทั้งใยอาหารที่จะช่วยระบบขับถ่าย
และป้องกันการเกิดมะเร็ง

สำหรับวัยรุ่นเป็นวัยที่ผิวพรรณเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ แต่การที่จะให้
ผิวพรรณสวยงามไม่เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ควร เลือกรับประทานอาหาร
ที่ให้ประโยชน์ เช่น กล้วยไข่ กล้วยหอม แครอท คะน้า มะเขือเทศ ผักสีเขียว
ต่างๆ จะให้เบต้าแคโรทีนสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้ผิวหนังเหี่ยว
แห้งถ้ามีมาก เกินไป นอกจากนี้ ฝรั่งและส้มเป็นผลไม้ที่วิตามินซีสูง ซึ่งช่วย
ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง วัยรุ่นเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเติบโต
จำเป็นต้อง ได้รับอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน นอกจากนี้วิตามินซียังช่วย
บำรุงเส้นผมอีกด้วย นอกจากนี้วัยรุ่นยังต้องการเหล็กมาก ซึ่งหากปริมาณเหล็กใน เลือดต่ำ
จะทำให้อ่อนเพลียง่าย และเป็นโรคโลหิตจางได้ เหล็กมีมากในเนื้อสัตว์ ผัก
ใบเขียว และถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งวัยรุ่นหญิง ในช่วงที่มี
ประจำเดือน ทำให้สูญเสียเหล็ก จึงจำเป็น ต้องรับประทานอาหารที่มีเหล็ก
เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดไป

สำหรับ วัยรุ่นชาย ซึ่งมักจะใช้พลังงานมากกว่าวัยรุ่นหญิง อาจ จะต้องการโปรตีนมากเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ซึ่งโปรตีนจะมีมากใน เนื้อสัตว์ ไข่ และนม อย่างไรก็ตาม ทั้งวัยรุ่นหญิง และชาย
ควรรับประทานอาหารให้ หลาก หลายและครบ 5 หมู่ ไม่ควร งดอาหารเช้า เพราะเป็นช่วงที่อยู่ใน วัยเรียน
ซึ่งร่างกายต้องการอาหาร ไปเลี้ยงสมอง การขาดอาหารเช้าทำ ให้มีผลต่อ
ความสามารถในการจำและทำให้ขาดสมาธิในการเรียน
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำ เสมอ ซึ่งจะทำให้ร่างกายใช้พลัง งานมาก
ขึ้น ไม่ต้องกังวลกับความ อ้วน การขาดการออกกำลังกายจะทำให้แคลเซียม
ถูกดึงจากกระดูก เมื่อนานๆ เข้าจะเป็นสาเหตุโรคกระดูกพรุน n
โดยคุณ : รศ.ดร.เสาวพร เมืองแก้ว

ของหวานกับเด็ก

ของหวานกับเด็กดูเหมือนจะเป็นของคู่กัน เด็กส่วนใหญ่ชอบกิน ขนมหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกกวาดหรือทอฟฟี่ ซึ่งมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดโทษมากกว่าคุณประโยชน์
และหากไม่รู้จักวิธีกินให้ถูกต้อง ก็จะให้โทษแก่ร่างกายได้ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า

1. ถ้าเด็กกินอาหารรสหวานมากจะทำให้ความอยากอาหารลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกิน ของหวานก่อนอาหาร
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กขาดสารอาหาร ที่สำคัญ

2. การกินลูกกวาดหรือทอฟฟี่จะทำให้ฟันผุ ดังนั้นเมื่อลูก กินขนมเหล่านี้ ควรเตือนให้ลูกดื่มน้ำเปล่าหลังกินของหวาน หรือ แปรงฟันทันทีหลังการ กินของหวานเพื่อไม่ให้ความหวานตกค้าง ในซอกฟัน ซึ่งอาจจะทำให้ฟันผุ
ได้และไม่นอนหลับไปในขณะที่มี ลูกอมหรือลูกกวาดอยู่ในปาก เพราะนอก
จากลูกอมหรือลูกกวาด อาจจะติดคอแล้วยังเป็นบ่อเกิดของแบคทีเรียที่จะทำให้ฟันผุ

3.ไอศกรีมเป็นขนมหวานอีกอย่างหนึ่งที่เด็กชอบกิน ควรเลือกซื้อ
ไอศกรีมที่ผลิตโดยบริษัทที่เชื่อถือได้ ซึ่งคาดว่ามีกระบวนการผลิตที่สะอาด

4. ไม่ควรซื้อไอศกรีมแท่งที่ไม่ได้ห่อหรือบรรจุในภาชนะที่มิด ชิด เพราะอาจจะไม่สะอาดพอทำให้ท้องเสียได้

5. ไม่ควรกินไอศกรีมที่ใส่ขัณฑสกร ซึ่งให้ความหวานแทนน้ำตาล เพราะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
อาจเป็นสาเหตุของมะเร็ง

การ แนะนำให้ลูกเลือกกินและปฏิบัติตนในการกินอาหารอย่างถูก ต้องเป็นการวางรากฐานของชีวิตที่ดีและปลอดภัยเพราะ ผลการกินของลูกในวันนี้ คือสภาพที่ลูกจะเป็นในวันข้างหน้า