++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

หยุดการกระทำที่เป็นตัวอย่างอันต่ำทราม เสียทีเถอะนายสมัคร

หยุดการกระทำที่เป็นตัวอย่างอันต่ำทราม เสียทีเถอะนายสมัคร สุนทรเวช บ้านเมืองไม่ใช่ของนายสมัครและพรรคพวกเท่านั้น อำนาจเมื่อได้มานั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยึดถือเอาไว้เยี่ยงชีวิต บ้านเมืองจะเสียหายอย่างไรช่างมันกระนั้นหรือ ก็เห็นนายสมัครบอกว่ารักและเทิดทูนในสถาบันของชาติเรา นายสมัครไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปที่จะพูดหรือทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ โดยไม่คำนึงถึงผู้คนอื่นในสังคมว่าจะมองตัวเองอย่างไร นายสมัครจะถืออัตตาตัวเองเป็นที่ตั้ง จะทำหรือปฏิบัติหน้าที่ตนเองออกมาสู่สาธารณชนอย่างไรๆ ก็ได้กระนั้นหรือ นายสมัครไม่สนใจว่าตนเองในฐานะผู้นำประเทศจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมแ ละเยาวชนกำลังสำคัญในอนาคตของชาติ ที่จะยึดถือและอ้างอิงเป็นประวัติศาสตร์ถึงการกระทำหน้าที่ของนายสมัครในวัน นี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของชาติไทย นายสมัครจะเอาสันดานหรือนิสัยของนายสมัครทั้งที่ดีและเลว เที่ยวแสดงออกมาต่อสังคมอย่างไม่สะทกสะท้านหรือกระดากใจตนเองนั้น มันเหมาะและสมควรแล้วหรือ


อ ย่าให้ประวัติศาสตร์ของชาติ ต้องจารึกว่ามีอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน ที่ดำรงตำแหน่งในวาระใกล้ๆ กัน ได้สร้างความวิบัติให้กับประเทศชาติ หนึ่งคนนั้นคือ ทักษิณ ชินวัตร ใช้ช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ประพฤติมิชอบกอบโกยผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมาเป็นของตนเอง วงศ์ตระกูล และพรรคพวกด้วยวิธีฉ้อฉล จนร่ำรวยและชาติบ้างเมืองเสียหายนับแสนล้านบาท หนำซ้ำยังใช้เงินที่คดโกงมานั้น มาสร้างความแตกแยกให้กับประชาชนในชาติจนยากที่จะประสานความสามัคคีให้ดีได้ด ังเดิม ก่อนสมัยที่ทักษิณจะเข้ามาบริหารประเทศได้อีก อีกคนคือ นายสมัคร สุนทรเวช ที่ใช้เล่ห์กลหลอกล่อทักษิณ ว่าตนเองพร้อมเป็นนอมินีหรือสมุนรับใช้ให้ทักษิณ จนทักษิณเชื่อและวางใจ หนุนให้นายสมัครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีและเข้ามาบริหารประเทศแบบมีวาระซ่อนเ ร้นเช่นสมัยทักษิณได้บริหารประเทศและใช้แนวทางการใช้อำนาจข่มขู่กดดันประชาช นที่ไม่เห็นด้วย จนประชาชนทนไม่ไหวออกมาคัดค้านลุกลามจนถึงขั้นต่อต้านประท้วงและขับไล่ให้ออ กไปจากการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เช่น ที่กำลังเกิดอยู่นี้


ถ้านายสม ัครไม่รู้ว่าตนเองกำลังกระทำให้ชาติบ้านเมืองต้องตกอยู่ในสถานะใกล้วิบัติหร ือกำลังจะล่มจมตามกระแสพระราชดำรัสนั้น ก็จะยกตัวอย่างให้นายสมัคร ให้หันกลับไปมองดูการกระทำของนายสมัครที่พึ่งผ่านมาทบทวนดู เช่น กรณีที่มีการพูดจาบจ้วงสถาบันฯ (เข้าข่ายล้มล้างราชวงศ์) ของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีฯ ร่วมรัฐบาลกับนายสมัคร ที่มีการดำเนินคดีตามข้อกฎหมายกับแกนนำพันธมิตรในข้อหาเดียวกันว่าเป็นสองมา ตรฐาน หรือไม่มีมาตรฐานใช่หรือไม่ นายสมัครไม่ต้องโยนเรื่องไปให้ผู้อื่นว่ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบให้กระกระทำ กันไป


ทีนายสมัครจะอาศัยสถาบันฯมาเป็นข้ออ้างมาเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง ยังได้ออกมาพูดเรื่องที่จะต้องการใช้ทำเนียบรัฐบาล ที่ถูกประชาชนเข้ายึดอยู่ในขณะนี้ มาเป็นสถานที่จัดงานฯ ที่มีการกราบบังคมทูลเสด็จมาร่วมงานพิธีฯ ในครั้งนี้ เพื่อให้สังคมทั่วไปเห็นว่า ถ้าประชาชนไม่ยอมออกจากทำเนียบรัฐบาลที่ยึดอยู่ไว้ ประชาชนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นผู้ไม่มีความเคารพในสถาบันและไม่มีความจงรักภั กดี แต่ถ้าประชาชนออกไปจากทำเนียบ ฝ่ายนายสมัครเอง ก็สมประโยชน์โดยไม่ต้องออกแรง ทั้งที่จริงแล้วนายสมัครเองนั้นถึงแม้อายุจะ 73 ปีกว่าแล้วประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาก็ยาวนานและเป็นถึงนายกรัฐมนตรีในปัจจุบ ัน ที่จะไม่รู้ว่าที่นายสมัครกระทำการดึงฟ้าลงมาต่ำในกรณีนี้นั้นจะสมผลและออกม าอย่างไรหรือไม่ ว่าที่สุดแล้วประชาชนจะออกไปจากทำนียบฯ ตามที่นายสมัครร้องขอหรือไม่ นายสมัครใช้วิธีการทำให้พระราชวงศ์กับประชาชนต้องมีความรู้สึกให้ออกห่างจาก กันโดยไม่จำเป็น ซึ่งเป็นการบั่นทอนความผูกพันระหว่างพระราชวงศ์กับพสกนิกรของพระองค์ การกระทำเช่นนี้ละหรือที่นายสมัครที่ชอบอ้างนักอ้างหนามีความจงรักภักดีต่อส ถาบันฯ ชนิดที่ไม่ต้องการให้สาธารณชนต้องสงสัยในตัวของนายสมัครเอง เสียดายที่เป็นถึงขนาดเป็นบุตรลูกของอดีตข้าราชบริพารชั้นเจ้าพระยาฯ แต่ไม่ได้รับการสั่งสอนมาว่าความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ นั้น เขาทำกันอย่างไร


ก รณีที่ฝ่ายพันธมิตรจะโดยเจตนาหรือว่าเพลี่ยงพล้ำ ในการดำเนินการ จนกระทั่งได้ถูกศาลฯ ออกหมายจับในข้อหา เป็นขบถต่อแผ่นดิน และได้มีการร้องศาลฯไตร่สวนฉุกเฉินขอคุ้มครองฯ ต่อศาลแพ่ง ในกรณีให้ฝ่ายพันธมิตรให้ออกไปจากทำเนียบรัฐบาลนั้น ก็เป็นอีหลอบเดียวกันที่นายสมัครและนายทักษิณชอบนำออกมาใช้ กล่าวคือ ก่อนหน้านี้นายสมัครกับพรรคพวกได้ออกมาตำหนิศาลฯ (เสมือนว่าให้สาธารณชนทั่วไปเข้าใจว่าศาลฯเข้าข้าง ให้ความคุ้มครอง) ต่อกรณี ASTV. เพียงแต่ใช้คำพูดเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลฯ และในกรณีความผิดอื่น ๆ อีกหลายคดีที่นายสมัคร และพรรคพวกออกมาตำหนิศาลฯ แต่ใช้คำว่า “พวกอมาตยาธิปไตย” และรวมไปถึงองค์อิสระเช่น ปปช. , คตส., กกต., สตง. ฯลฯ ที่พยามยามทำลายความน่าเชื่อถือในการทำงานของสถาบันฯ และองค์กรต่าง ๆ มีผลลัพธ์ออกมา ที่ส่งผลไปในทางลบต่อนายสมัครและพรรคพวกนั้น ถึงขนาดพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างรีบเร่งจนเป็นเหตุ ที่ฝ่ายพันธมิตร อ้างชุมนุมประท้วงเป็นต้นมานั้น เช่นนี้แล้ว นายสมัครและพรรคพวกก็กำลังยืมมือใช้อำนาจศาลฯ มาทำลายฝ่ายตรงข้ามคือพันธมิตร ที่จะทำให้ประชาชนทั่วไปได้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสถาบันศาลฯ สถาบันตุลาการ และจะทำให้มีการก่อการกระด้างกระเดื่องในอำนาจของศาลฯ ต่อคำสั่ง ต่อเรื่องต่าง ๆ ที่ประชาชนเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากศาลฯ ทั้งที่จริงแล้วที่ศาลฯ ได้มีการออกคำสั่งมานั้น ท่านได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาจากหลักฐานคำร้องจากผู้ร้องซึ่งก็คือ จากฝ่ายรัฐบาล แต่หาได้เป็นข้อยุติว่า ผู้ที่ถูกร้องคือฝ่ายพันมิตรนั้นจะได้กระทำผิดจริงถึงขั้นโดนลงโทษตามข้อกล่ าวหา ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะกระบวนการพิจารณาของศาลฯ ยังต้องใช้เวลา ไตร่สวนหาข้อเท็จจริง แต่กว่ากระบวนการของศาลฯ จะถึงที่สุดแล้ว ก็เข้าทำนองถั่วไม่ทันสุกงาก็ไหม้ไปเสียก่อน เช่นนี้แล้ว ประชาชนถึงได้เห็นว่าขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลของนายสมัคร เมื่อถึงโอกาสสบช่องทางในการใช้กฎหมายเข้าจัดการกับพันธมิตรผู้ประท้วง จึงระดมตั้งข้อกล่าวหาอย่างที่เห็น ซึ่งฝ่ายสถาบันศาลฯ จะต้องระวังในเรื่องนี้ให้ดี เพราะเมื่อใดก็ตาม ถ้าการทำงานของศาลฯ จะมุ่งพิจารณาตามตัวอักษร โดยยังมีหลักอื่นเช่น จารีตประเพณี เจตนา ฯลฯ ที่จะต้องนำมาประกอบการพิจารณา จนก่อเกิดการผิดพลาด บกพร่อง ไม่รอบคอบ ก็จะทำให้สถาบันศาลฯ ตุลาการต่าง ๆ ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมหรือเสื่อมในความน่าเชื่อถือของระบบศาลฯ เสียแล้ว สถาบันตุลาการก็จะพบกับวิกฤตศรัทธาจากสังคม ก็จะเป็นช่องทางให้คนอย่างทักษิณ และนักการเมืองเช่นนายสมัคร และพวกพ้องนำมาเป็นข้ออ้างว่าศาลฯ ไม่มีความชอบธรรมเกิดการแทรกแซงในระบบกระบวนการของศาลฯ จึงไม่ยอมรับในอำนาจของศาล อะไรจะเกิดขึ้นกับสถาบันตุลาการที่เป็นสถาบันหลักของชาติเอาไว้ให้ได้ ตามกระแสพระราชดำรัส ที่พระองค์ท่านมีต่อคณะตุลาการที่ผ่านมา


อย่าให้เหม ือนกับสถาบันฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ประชาชนทั่วไปเขาแลเห็นกันอยู่ในขณะนี้ว่าจะเป็นที่พึ่งของคนในชาติได้หร ือไม่ ที่บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเกิดความขัดแย้งทางความคิด แทนที่ฝ่ายรัฐสภา คือ วุฒิสภา และสภาผู้แทนจะหันหน้าเข้าปรึกษาหารือกับฝ่ายบริหารที่ผูกติดกันอยู่ ด้วยระบบพรรคการเมือง ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ ของบ้านเมืองอย่างไร หรือตั้งใจออกกฎหมายมาพัฒนาประเทศชาติตามที่อาสาจากประชาชนมาทำหน้าที่ด้วยภ าษีอากรของประชาชน แต่กลับร่วมหัวกันจะแก้รัฐธรรมนูญ และมุ่งหาสถานที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่อย่างหรูหราด้วยภาษีจำนวนมาก โดยไม่สนใจความต้องการของประชาชน หรือจะได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ที่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณที่จะทำการก่อสร้ างรัฐสภา ด้วยวิธีการเอาเงินเข้าฟาดหัว เอาเงื่อนไขที่ดีกว่าเข้าปิดปากการ ต่อต้านจากประชาชน เช่นที่ทักษิณ ชอบทำนั้น เป็นเรื่องเร่งด่วนตามที่สาธารณชนได้เห็นกันอยู่ ยังจะมาอ้างว่าเป็นรัฐสภาที่ทรงเกียรติ ถามว่ามันทรงเกียรติตรงไหน ก็ในเมื่อไปแย่งสถานที่และก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นที่ไม่เห็นด้วย มันจะทรงเกียรติได้จะต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย มันจะรีบเร่งไปทำไม มิน่าเล่าประชาชนเขาถึงไม่หวังพึ่งพา ส.ส. , ส.ว. และรัฐบาล ที่ประชาชนต้องพากันออกมาประท้วงจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่นายสมัครประณามว่าเป็นแก๊งข้างถนนอยู่นี้


ขอบอกนายสมัครไว้ ณ ที่นี้ว่า นายสมัครเป็นบุคคลล้มละลายไร้ความน่าเชื่อถือ ทั้งในคำพูดและการกระทำจากประชาชน อย่างน้อยคณะบริหารรัฐบาลของนายสมัครก็มีผู้ไม่เห็นด้วยและออกมาต่อต้านขับไ ล่ที่มีความหลากหลายของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ออกไปเสียเถอะนายสมัคร ถ้าประชาชนเขาไม่ต้องการแล้ว อย่าหลงตัวเองกับอำนาจที่มีอยู่เลย ที่นายสมัครอาสามานำพาประเทศชาติไทย จะให้ก้าวไปข้างหน้าเจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศเขานั้น ขอบอกว่านายสมัครไม่มีปัญญาที่จะทำได้และอย่าหลอกตัวเองอยู่เลย เพราะกะอีแค่ จะทำให้ประชาชนที่พูดภาษาไทยกันรู้เรื่อง สื่อสารและเข้าใจกันได้ดียอมรับ ในงานและนโยบายที่นายสมัครจะทำ และที่สำคัญกะอีแค่ตึกทำเนียบรัฐบาลที่ทำงานของนายสมัครและพรรคพวก นายสมัครยังไม่มีปัญญารักษา และปกป้องเอาไว้ไม่ได้ ยังจะมาเสนอหน้าอาสาปกป้องละพัฒนาประเทศชาติอยู่อีกหรือ.
ศรีจุฬา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น