++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

โดย อัญชะลี ไพรีรัก 23 กันยายน 2552 18:11 น.
"วีระ สมความคิด" และคณะคนไทยรักชาติกลุ่มใหญ่
กลับมาแล้วจากการไปปฏิบัติภารกิจทวงคืนผืนแผ่นดินไทยกว่า 3,000 ไร่รอบๆ
ปราสาทพระวิหารที่คาราคาซังมานานจากการถูก "ยึดครอง"

แต่ในท่ามกลางเสียงปรบมือ ก็มีเสียงวิจารณ์ด้านลบพุ่งเข้าใส่
"วีระและคณะพันธมิตรฯ" ไม่ยั้งเช่นกัน

คมหอกคมดาบและวาจาใส่ร้ายกรีดใจเช่นนี้
มีหรือที่คนกล้าอย่างวีระและคณะของเขาจะยืนให้ซัดเอาๆ แต่เพียงฝ่ายเดียว
และทันทีที่ขบวนพันธมิตรฯ คืนเมือง
วีระและพวกจึงเปิดฉากตอบโต้ทุกถ้อยกระทงความด้วยอาการสุภาพ
ข้อมูลหนักแน่น มีสติไม่ลอกแลก และไม่คิดถอยแม้แต่ก้าวเดียว

เสียงประกาศที่ผามออีแดงสะท้อนสะท้านเพียงไร
คำอธิบายถึงเบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ที่ "กันทรลักษณ์"
ก็ชัดเจนจะแจ้งผ่านรายการคนในข่าว ASTV NEWS1
ก็หนักแน่นสะท้านทรวงไม่แพ้กัน
วีระผู้ไม่เคยกลัวคนโกงก็ตีแสกหน้านักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ จน
"นกแสกผี" ได้ที่เกาะใหม่หลายบ้านทีเดียว

บนรอยเท้าของการต่อสู้เพื่อทวงคืนแผ่นดินไทย
เราท่านทั้งหลายได้เห็นเงาร่มรื่นของกองทัพธรรม ในนาม "ศีรษะอโศก"
ที่ทาทาบทับ "กองทัพพันธมิตรฯ" ราวกับเนื้อเดียวกัน

กองทัพนักบุญภายใต้ธงธรรมของสันติอโศกที่ศรีษะเกษ
เป็นทั้งพัดโบกกล่อมเกลาจิตใจที่อ่อนล้า
เป็นทั้งนายช่างคนกล้าที่ดัดแปลงอุปกรณ์เก่าแก่ให้กลายเป็นศูนย์ถ่ายทอดสด
วิทยุ 107.75 เอฟเอ็ม และโทรทัศน์ FMTV
จนสามารถนำข้อเท็จจริงจากกันทรลักษณ์ออกสู่สายตาชาวโลกได้อย่างชัดแจ้ง
ทดแทน ASTV ที่ขาดแคลนเครื่องมือถ่ายทอดสดได้ทันควัน

ไม่เพียงเท่านั้นแต่เหล่าคนดีของพ่อท่านโพธิรักษ์ ทั้งหญิงและชาย
และทุกวัย ยังตั้งตัวเป็นทั้งทัพหน้าคอยระแวดระวังภัยให้พี่น้องพันธมิตรฯ
ได้อุ่นใจหายห่วง
แถมทัพหลังของแม่หญิงใจบุญยังเป็นกองหลังกุลีกุจอจัดหาน้ำ- อาหาร
และหยูกยามาชุบชีวิตนักรบพันธมิตรฯ
นับพันชีวิตที่แสนเหนื่อยล้าให้ได้กระชุ่มกระชวย

สุดท้ายเมื่อกายอิ่ม และใจเบา
ประตูของศีรษะอโศกยังเปิดกว้างต้อนรับนักรบพันธมิตรฯ
ให้ปักหลักพักค้างทุกคนกับรถทุกคันในค่ำคืนที่ไฟสงครามแห่งกันทรลักษณ์ยัง
คุกรุ่นในหัวใจคนดีทวงแผ่นดิน ก่อนที่รุ่งเช้าจะมาเยือน
น้ำท่าอาหารและน้ำใจของศีรษะอโศกก็ปลุกพี่น้องพันธมิตรฯ
เพื่อกอดลาในวันส่งกลับ หัวใจกับหัวใจแนบแน่นกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว
ซาบซึ้งตรึงใจไม่รู้ลืม

พันธมิตรฯ
ทวงคืนแผ่นดินกลับภูมิลำเนาโดยมีบาดแผลในจิตใจติดตัวกันไปคนละเล็กคนละน้อย
ขาไปคือผู้กล้า ขากลับมาถูกป้ายสีว่า "คลั่งชาติ"
ขาดเหตุผลจนแส่ไปสร้างความอับอายให้กับเพื่อนร่วมชาติ และอาจทำให้ "เขมร"
โกรธจนเป็นเหตุให้ผลประโยชน์เหนือ "บ่อน้ำมัน"
ถูกกระทบจากหัวใจที่กระเทือนของฮุนเซน

นี่คือที่มาของการปักหลักสู้กันด้วยข้อมูลของ "วีระและพวก"
ที่นำหลักฐานมาประจานความชั่วร้ายของอาณาจักรเนวินที่นับวันจะกร่างมากขึ้น
และอวดดี ยโสโอหังอย่างไม่ต้องเกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น

โดยดูได้จากอาการพองตัวของ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ ระพี
ผ่องบุพกิจ-ทหารและตำรวจในพื้นที่ที่ยุแยงตะแคงรั่วให้ประชาชนในพื้นที่เข้า
ใจเพื่อนร่วมชาติผิดๆ
แถมยังละเลยกับการป้องกันเหตุร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย
ขณะที่ทหาร-ตำรวจบางกลุ่มจัดคนมาสวมเสื้อ "ชาวบ้าน"
เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งกันอิ่มแปล้ พอเมาได้ที่ก็มาไล่ตี ไล่ฆ่า
คนดีที่ไปทวงคืนผืนดินไทยด้วยใจบริสุทธิ์

ลุงจำลองเล่าให้ฟังในวันถัดมาหลังเกิดเหตุเศร้าสลดที่กันทรลักษณ์ว่า
พ่อท่านโพธิรักษ์เดินนำหน้าศีรษะอโศกอย่างเข้มแข็ง ท่านบอกว่า
การทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยทุกคนไม่ว่า
คนคนนั้นจะครองตน-ห่มผ้าแบบไหน-สีใดก็ตาม

ส่วนขบวนคนไทยทวงคืนแผ่นดินกลับมาเล่าให้ฟังว่า ถ้าไม่มี
"ศีรษะอโศก -พลเอกปรีชา-อาแซมดิน-พี่วีระและกองทัพธรรม" แล้ว
ภารกิจทวงคืนแผ่นดินไทยคงไม่ได้เริ่มต้น
อีกประการหนึ่งแม้ขบวนพี่น้องพันธมิตรฯ
นับพันจะโดนซุ่มโจมตีตลอดระยะทางจากคนไทยใจขแมร์สักเพียงใดก็ตาม
ทว่าใจของพวกเขายังไม่เจ็บเท่ากับเจอข้าราชการไทยใจเนวินผู้อยู่เบื้องหลัง
การปลุกปั่นคนไทยให้มาไล่ตี-ไล่ฆ่า วีระและพันธมิตรฯ

เลือดไทยหลั่งรดปฐพี
เลือดคนดีราดลดเพื่อปลดเปลื้องผืนดินไทยในกำมือขแมร์ แค่นี้ไม่ยี่หระ
สักวันหนึ่งความจริงจะปรากฏ ว่าคนไทยใจคด
ยกแผ่นดินให้คนอื่นเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน
ไม่สนอธิปไตยเหนือดินแดนมาตุภูมิ

อยากให้ "ครูใหญ่เนวิน"
ซึ่งร่ำไห้ว่าจะปกป้องสถาบันตราบจนชีวิตจะหาไม่ แต่ไม่สัญญาว่าจะเป็น
"คนดีของแผ่นดิน" ระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า
จะยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เท่ากับ "อำนาจประชาชน" และไม่มีพลังใดๆ
ในจักรวาลนี้จะมีมวลพลังแก่กล้าเท่ากับพลังของ "ประชาชนผู้บริสุทธิ์"

นักการเมือง-ข้าราชการและพ่อค้าสารเลวโกงบ้านกินเมืองทั้งหลาย
ขอให้เชื่อความจริงแท้แน่นอนข้อหนึ่งว่า สักวันหนึ่งเมื่อคนกล้ามหาศาล
รวมพลังมุ่งมั่นที่บาทวิถี พวกเขาจะไล่ล่าคนอัปรีย์
และไล่บี้คนพาลด้วยใจธรรม

ขอเพียงความจริงทำงาน แล้วสันดานนักการเมืองสารเลวจะถูกเปิดโปง
ข้าราชการขี้ฉ้อกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์จะไม่มีวันพ้นไปจากคำพิพากษาของประชาชน
จงจำไว้ในไม่ช้า คนสามานย์ทั้งปวงจะไม่มีที่ยืน และที่เหยียบ
สิ่งที่เหลือสุดท้ายคือ โลงนอน และเหรียญบาทเพียง 1
อันในปากกล้าที่เคยปลิ้นปล้อนและโกงกิน

เห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟ เห็นคนชั่วได้ดี เห็นคนอับปรีย์ขึ้นวอ
ได้แต่นึกสงสารประเทศไทย จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนลุงจำลองพาไป
"โรงเรียนชาวนาคานาอาน" ที่ประเทศเกาหลีใต้
เห็นคนเกาหลีรักชาติช่วยกันฟื้นฟูกอบกู้บ้านเมืองแล้วอิจฉา
ได้แต่นึกในใจว่า แล้วเมื่อไร "จริยธรรม"
ในหมู่ผู้บริหารของบ้านเราจะได้รับการเยียวยากอบกู้?

หลังสุด "พี่กบ" เพื่อนพันธมิตรฯ
ตลิ่งชันซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่โต ไปดูงานที่เกาหลีใต้
กลับมาเล่าให้ฟังว่ารัฐบาลเกาหลีใต้กำลังทำโครงการ "จิตวิญญาณเอเชีย"
โดยเอากรุงโซลเป็นศูนย์กลางของศิลปวัฒนธรรม
จากนั้นหันไปสร้างเมืองใหม่คือ ซองโด เพื่อรองรับการจัดงานเอเชียนเกมส์ปี
2014 ต่อจากเมืองกวางเจาที่จะเป็นเจ้าภาพในปี 2010

ทางไปเมืองใหม่ไม่ยากเลย...เมื่อแยกจากเขตอินชอนไปเป็นรูปตัววี
คือ เมืองซองโด ที่อดีตเคยกว้างใหญ่ แต่ไม่เจริญ
รัฐบาลทุ่มเงินก้อนแรกนับร้อยล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสร้างสะพานข้ามปรู๊ดจาก
สนามบินอินชอนไปถึงเมืองซองโด และทุ่มอีก 40 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เพื่อเนรมิตซองโดให้กลายสภาพจากที่รกร้างเป็นเมืองที่เปี่ยมด้วย
นวัตกรรมทันสมัย สวยมีศิลปะ และสะดวกสบายสูงสุด
เมืองซองโดกำลังจะแล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นหน้าตอของเกาหลีใต้
ขณะที่กรุงโซลก็มีความก้าวหน้าอันแสนประทับใจกับการขุดคุ้ย "คลองเก่า"
ที่ซุกไว้ใต้ถนนและทางด่วน
การเผยโฉมทางน้ำเก่าแก่นี้มิเพียงชุบชีวิตเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนแห่งใหม่
ของกรุงโซล แต่รัฐบาลซ่อนระบบการบำบัดน้ำเสียไว้ใต้คลองเก่าด้วยงบ 500
ล้านเหรียญสหรัฐ
เส้นทางน้ำไหลเก่าแก่ได้กลายเป็นทางน้ำใสและแหล่งท่องเที่ยวสำราญใจแห่งใหม่
ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของกรุงโซล

เล่าเรื่องความเจริญไม่หยุดหย่อนของเกาหลีใต้
ต้องเล่าเรื่องความเข้มแข็งของสังคมเกาหลีใต้
ที่ไม่ละทิ้งรากเหง้าของตัวเอง ก่อเกิดรัฐบาลที่เปี่ยมวิสัยทัศน์
และมีเครื่องมือที่ถี่ถ้วนเพียงพอกับการขจัดทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ

ฟังแล้วความอิจฉาตีขึ้นมาเป็นริ้วๆ ได้แต่ถามกันไปมาอีกรอบว่า
เมื่อไรกันนะ ที่คนไทยลืมเรื่องรักชาติรักแผ่นดิน...เมื่อไรกันหนอที่คนบ้านเราจืดจางห่าง
ไกลจากคำว่า "ส่วนรวม" สำนึกสาธารณะของชนในชาติหายไปไหนกันหมด?

ฟังแล้วเครียด...
มาผ่อนคลายด้วยตลกน่ารักของลุงจำลองดีกว่า...ลุงบอกว่า
ชื่อของลุงดีที่สุดในหมู่ "จำ" ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น จำเลย จำลอง จำนอง
จำนำ...แต่ไม่ว่าจะดีอย่างไร
ลุงจำลองที่เคยจำนองแต่ไม่เคยจำนำก็ยังตกเป็นจำเลยจนได้ในคดี "กู้ชาติ"
แต่ยังไม่หมดไฟที่จะร้องบอกพันธมิตรฯ ทุกคนว่า พันธมิตรฯ
มีพรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือนำความจริง ความดี
และความเจริญมาสู่บ้านเมืองไทย
ถ้าไม่เลือกพรรคการเมืองใหม่ก็ให้มันรู้กันไป

แถม ท้ายลุงจำลองยังฝากบอกไปถึงเนวินและสุเทพด้วย
เพราะเขาสองคนล้วนแต่ช่วยสร้างคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใหม่ไม่หยุดหย่อน
...ฝากมาขอบคุณด้วยใจ จากชายชราคนนี้ที่ชื่อ จำลอง
ชายคนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกสาดโคลนใส่ไคล้ว่า "พาคนไปตาย" เพียงเพราะทหาร
รสช.จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬบางคนกลัว "พี่ลอง" ขึ้นสมองจนต้องจ้าง
"คนบางกลุ่ม" ด้วยเงิน1,200 ล้านบาท เพื่อสาดเรื่องร้ายใส่เสื้อ
"จำลอง"...เชื่อไม่เชื่อถาม "อดุลย์" ก็แล้วกัน.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000111656

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น