...+

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บรรลุอรหัตถผล โดยไม่ต้องออกบวช ได้ไหม?



Chuan Sirinimitwong ปุจฉา - กราบนมัสการครับ

๑. ในสมัยพุทธกาลมีท่านใดหรือไม่บ้างที่บรรลุอรหันต์ได้โดยมิต้องออกบวช?

๒. เป็นไปได้หรือไม่ที่บุคคลจะบรรลุอรหันต์โดยยังครองเพศฆาราวาส?

๓. บุคคลเมื่อบรรลุโสดาบันแต่ยังครองเรือนอยู่จนวันสิ้นลม เขาจะบรรลุอรหันต์ได้อย่างไร?

๔. การสิ้นสังโยชน์ต้องเป็นไปตามลำดับใช่หรือไม่ กล่าวคือต้องละสักกายทิฏฐิให้ได้ก่อนแล้วจึงจะสามารถละวิจิกิจฉาได้ตามลำดับเป็นต้น กราบขอบพระคุณพระอาจารย์

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ในสมัยพุทธกาลมีหลายท่านที่บรรลุอรหัตผลขณะที่ยัง เป็นคฤหัสถ์ เช่น ยสกุลบุตร กาฬุทายีอำมาตย์ กัจจายนะอำมาตย์ พระเจ้าสุทโธทนะ ท่านพาหิยะ สามท่านแรกได้ออกบวชในเวลาต่อมา ตัวอย่างดังกล่าวชี้ว่าบุคคลสามารถบรรลุอรหัตผลได้แม้ยังไม่ได้ออกบวช

ผู้ที่สิ้นชีพขณะที่เป็นพระโสดาบันนั้น จะเวียนมาเกิดในสุคติภพอีกไม่เกิน ๗ ครั้ง ก็จะบรรลุอรหัตผล บางท่านเกิดอีกครั้งเดียวก็เป็นพระอรหันต์ ทั้งนี้จากการได้ฟังธรรม ของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ จนจิตหลุดพ้นจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง

สำหรับการละสังโยชน์ทั้งสามของพระโสดาบันนั้น เกิดขึ้นพร้อมกัน

ค้างคาใจที่ดูแลแม่ได้ไม่ดี ก่อนสิ้นลม



ปุจฉา - มีเพื่อนมาปรึกษาว่า เธอดูแลเธอแม่จนสิ้นลม แต่แม้เธอแม่จะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ทุกวันนี้ รู้สึกติดค้าง เรื่องดูแลเธอแม่ไม่ดีพอ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะต้องทำให้ดี

ก่อนวันสุดท้ายเธอสวดมนต์ทุกวันพร้อมเธอแม่ และหาโอกาสทำบุญสม่ำเสมอ ใส่บาตรทุกวัน จนเมื่ออาการถึงที่สุดวันสุดท้ายยังได้สวดมนต์มากขึ้นและแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่ตี ๓ - ตี ๔ จนถึง ๖ โมงเย็น พยาบาลเข้ามา บอกขอเช็ดตัวก่อน เธอก็ให้ทำ แต่สักพักพยาบาลอีกคนบอกว่าคนไข้มีอาการผิดปกติ จับตะแคงแล้วมีน้ำไหลออกจากปาก พอตรวจชีพจรก็รู้ว่ากำลังจะสิ้นลมแล้ว รู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้พยาบาลขัดจังหวะความสงบของแม่

เมื่อย้อนคิดไปเรื่องอื่นๆ เช่น ตอนที่กำลังจัดแจงนำร่างเธอแม่ออกจาก รพ. ช่วงนั้นกำลังชุลมุนกับญาติผู้ใหญ่ที่โทรมาถาม หันมาอีกทีเจ้าหน้าที่ รพ.จัดแจงแต่งชุดที่วางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เธอเสียใจที่ว่าแม่คงอยากให้ลูกแต่งตัวให้มากกว่า และอีกหลายช่วงที่ก่อนหน้านี้ที่ดูเหมือนทำไม่ดีพอ จากการที่เธอเริ่มยอมรับว่าแม่มาถึงวาระสุดท้ายแล้วนั้น เธอไม่ทุ่มเทพอ บางทีก็ปล่อยวางเกินไป แต่ก็รู้สึกห่วงกลัวแม่จะเจ็บ เพราะเห็นขาแม่บวม ก็เลยไม่ได้ทำอะไร เธอค้างคาใจ ร้องไห้ เสียใจอยากย้อนไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้เธอแม่ ไม่ทราบว่าจะแนะนำเธออย่างไรดี

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - จากที่คุณเล่ามา เพื่อนของคุณดูแลแม่ได้ดีมาก ไม่เพียงแต่ดูแลกาย แต่ยังดูแลใจด้วย ให้เวลากับท่านอย่างเต็มที่โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของตน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอควรตระหนักก็คือ ในชีวิตจริงนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่า การดูแลที่สมบูรณ์แบบชนิดที่ดีพร้อม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ หากเธอคาดหวังว่าการดูแลของเธอจะต้องสมบูรณ์แบบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เธอจะผิดหวัง เพราะไม่ว่าเธอจะทำอย่าง ดีแค่ไหน ก็จะพบว่ายังดีไม่พอ ยังมีบางอย่างที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำเสมอ นี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายคนที่ดูแลบุพการีจนสิ้นลม

สิ่งที่อาตมาอยากแนะนำเธอก็คือ อย่ามองแต่แง่ลบ หรือมองแต่ข้อบกพร่อง เธอควรมองแง่บวกบ้าง คือมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่เธอได้ทำ แล้วเธอจะพบว่าเธอได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เธอแม่ ซึ่งสมควรที่เธอจะภาคภูมิใจ และขอบเธอทุกอย่างที่ทำให้เธอได้มีเวลาดูแลท่านอย่างเต็มที่ แต่ตราบใดที่เธอมองแต่แง่ลบ เธอจะพบความผิดพลาดเสมอ แม้ความผิดพลาดจะมีแค่ ๑ เปอร์เซ็นต์ แต่ก็อาจทำให้เธอทุกข์ยาวนาน มีผู้คนเป็นอันมากตกอยู่ในกับดักอันนี้ที่ตนสร้างขึ้นเอง ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะภาคภูมิใจที่ได้ทำดีถึง ๙๙ เปอร์เซ็นต์

หากลูกเธอสอบได้ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เธอควรดีใจไหม หรือว่าเธอควรเสียใจที่ลูกทำผิดพลาดถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าเธอเป็นแม่ที่มองแต่แง่ลบแบบนั้น เธอจะมีแต่ความทุกข์เพราะเห็นแต่ความผิดพลาดของลูก ไม่เห็นความเก่งของลูกเลย ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าเธอเป็นลูกที่มองแต่แง่ลบ เห็นแต่ข้อผิดพลาดของตนเอง เธอก็จะมีแต่ความทุกข์ หากแม่ของเธอมีญาณวิถีรับรู้ถึงความรู้สึกของเธอในขณะนี้ ท่านคงอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ แทนที่ท่านจะเป็นสุขในสุคติ อาจเป็นทุกข์ก็ได้ ดังนั้นหากเธอรักแม่ ปรารถนาดีต่อแม่ ก็ควรคลายความทุกข์ และกลับมาภาคภูมิใจในสิ่งที่เธอได้ทำให้ท่าน

อีกข้อหนึ่งที่อาตมาอยากบอกเธอก็คือ คนเราเมื่อจวนเจียนจะสิ้นลม การรับรู้ทางกายจะหายไป จะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดทางกาย ดังนั้นตอนที่พยาบาลพลิกตัวท่าน ท่านอาจไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนแต่อย่างใด หลายคนที่หัวใจหยุดเต้น แล้วถูกช่วยให้ฟื้นกลับมา เล่าว่าระหว่างที่หมอและพยาบาลปั๊มหัวใจเขานั้น เขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขา แต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย มีแต่ความสงบ บางคนถึงกับเสียดายที่ถูกช่วยให้กลับมา เพราะถ้าไปเสียแต่ตอนนั้นก็จะรู้สึกสบายมาก ดังนั้นหากเธอช่วยน้อมใจแม่จนเกิดความสงบอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนแล้ว การที่พยาบาลมาพลิกตัวแม่ในตอนที่ท่านจวนเจียนสิ้นลมนั้น คงไม่ทำให้ท่านเกิดอาการสะดุดหรือใจไม่สงบอย่างที่เธอกังวล

ทุกข์ใจ เพราะแม่ใกล้ตาย

ทุกข์ใจ เพราะแม่ใกล้ตาย

Nokina Lin - กราบนมัสการค่ะ แม่หนูป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หนูรู้ว่าทุกคนต้องตาย แต่พอนึกถึงแม่ หนูทำใจไม่ได้ ตั้งแต่แม่ป่วยหนักไม่มีความสุขเลย หนูเป็นลูกคนเดียวพึ่งทำงานได้ปีกว่า มาทำงานไกลบ้าน หนูช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลย หนูรู้สึกเจ็บปวดมาก หนูทำได้เพียงกลับบ้านไปหาแม่ทุกอาทิตย์ หนูควรจะคิดในแง่บวกยังไงบ้างคะ เพื่อให้หนูรู้สึกดีขึ้นกว่านี้

พระไพศาล วิสาโล - เมื่อตอนที่โยมแม่ของอาตมาประสบอุบัติเหตุจนกะโหลกร้าวสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงและเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ แม้เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน แต่อาตมารู้สึกว่ายังดีที่โยมแม่ไม่เสียชีวิตกะทันหัน แต่ยังอยู่ต่อมาอีกหลายวันให้ลูก ๆ มีเวลาทำใจ รวมทั้งมีโอกาสปรนนิบัติแม่และพูดความในใจให้แม่รับรู้ ตลอดจนขอขมาต่อแม่ด้วย แม้ตอนนั้นท่านอยู่ในภาวะโคม่าแล้ว แต่พวกเราก็เชื่อว่าท่านรับรู้ทุกอย่างที่เราทำให้ท่าน

กรณีคุณแม่ของคุณยังนับว่าดีกว่าโยมแม่ของอาตมามาก เพราะท่านยังสามารถดำเนินชีวิตได้ไม่ต่างจากคนทั่วไปมากนัก อย่างน้อยก็ยังสามารถพูดคุยสื่อสารกับคุณได้ อีกทั้งยังสามารถรับรู้ความรักที่คุณมีต่อท่านได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังสามารถทำสิ่งดี ๆ ให้แก่ตนเองได้ เช่น ทำบุญ สวดมนต์ เจริญสมาธิ รวมทั้งการเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมีอกับวาระสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบ

ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเปรียบเทียบความทุกข์ของตนเองกับความทุกข์ของคนอื่น เพราะความทุกข์ที่เกิดกับใครล้วนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวพันกับพ่อแม่และผู้มีพระคุณ แต่ก็อย่าลืมว่าถ้าคุณจมอยู่ในความทุกข์ คุณจะพลาดโอกาสสำคัญนั่นคือ การเก็บเกี่ยวความสุขทางใจในขณะที่คุณแม่ยังอยู่กับคุณ ในเมื่อเวลาที่คุณแม่จะได้อยู่กับคุณนั้นมีน้อยลงเรื่อย ๆ แทนที่คุณจะใช้เวลาที่เหลือน้อยนิดจมอยู่ในความทุกข์ความเจ็บปวด ไม่ดีกว่าหรือที่คุณจะใช้เวลาดังกล่าวสร้างสุขให้แก่กันและกัน เช่น พูดคุยถึงความซาบซึ้งประทับใจในอดีตที่คุณได้รับจากคุณแม่ ร่วมกันทำสิ่งดี ๆ ที่ให้ความสุขแก่กัน อาทิ การไปเที่ยวในที่ ๆ คุณแม่ชอบ หรือไปทำบุญร่วมกัน นี้คือเวลาที่คุณกับคุณแม่จะได้ยิ้มแย้มและมีรอยยิ้มให้แก่กันและกัน

แต่ถ้าหากคุณปล่อยใจจมปลักในความทุกข์ นอกจากความทุกข์จะปิดกั้นใจคุณไม่ให้พบสัมผัสกับความสุขซึ่งมีอยู่รอบตัวแล้ว และละเลยเวลาที่มีค่าแล้ว ยังพลอยทำให้คุณแม่ของคุณเป็นทุกข์ ไม่มีแม่คนไหนจะมีความสุขได้ถ้าลูกเป็นทุกข์ แต่ถึงแม้จะเจ็บป่วย เราก็ยังมีความสุขได้หากได้รับสิ่งดี ๆ จากคนรอบข้าง รวมทั้งได้ทำสิ่งดี ๆ ร่วมกัน หากทำได้เช่นนี้ แม้วันที่ความพลัดพรากมาถึง คุณก็สามารถจะยิ้มได้ทั้งน้ำตาเพราะมั่นใจว่าได้มอบสิ่งดีที่สุดให้แก่คุณแม่ และไม่ทิ้งโอกาสให้ผ่านไปอย่างไร้ค่าแม้แต่น้อย

ตรงกันข้ามหากคุณเอาแต่ทุกข์ และไม่สามารถทำสิ่งดี ๆ ให้แกุ่คุณแม่ได้อย่างเต็มที่ เมื่อวันนั้นมาถึง คุณจะเสียใจว่าทำไมคุณถึงปล่อยโอกาสดี ๆ ให้หลุดมือไป

สรุปก็คือ อย่ามัวเป็นห่วงกังวลกับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จนละเลยที่จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หรือใช้ประโยชน์จากปัจจุบันอย่างเต็มที่

ความสุขในการทำงาน กับเงินเดือนสูงๆ แต่ไม่มีความสุข จะเลือกอย่างไหน

ความสุขในการทำงาน กับเงินเดือนสูงๆ แต่ไม่มีความสุข จะเลือกอย่างไหน
เมื่อสองวันก่อนได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เจอกันนานมาก เขาทำงานอยู่บริษัทใหญ่โตแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตำแหน่งก็อยู่ในระดับบริหาร และค่า ตอบแทนก็อยู่ในระดับที่สูงใช้ได้ทีเดียว แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ สีหน้า และแววตาไม่มีความสุขเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้น ผมรู้สึกว่าเพื่อนผมคนนี้แก่ตัวไปเยอะกว่าอายุมากเลยทีเดียว คุยกันไปสักพัก เขาก็ถามคำถามว่า “ถ้าให้เลือกระหว่าง การทำงานในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนสูงๆ แต่ไม่มีความสุขในการทำงานเลย กับการที่ได้เงินเดือนไม่สูงนัก แต่ทำงานอย่างมีความสุข จะเลือกอย่างไหน”
ท่านผู้อ่านล่ะครับ ถ้าต้องเลือก จะเลือกอย่างไหนดีครับ
ปัจจุบันนี้มีหลายคนมากครับ ที่ต้องเลือกแนวทางแรก ก็คือ พยายามไต่เต้า และสร้างตัวเองให้ดำรงตำแหน่งที่สุงขึ้นเรื่อยๆ และพยายามทำให้ค่าตอบแทนของตนเองสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะมองว่า ความสำเร็จในชีวิต และความสุขนั้น วัดกันด้วยตัวเงินเดือนที่สูงๆ ถ้าได้เงินเดือนสูงๆ ก็จะถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน และยิ่งทำให้เรามีความสุขมากขึ้นไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้นใครที่ได้เงินเดือนสูงๆ แต่ต้องทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบเลย หรือเป็นประเภทจำใจทำ ทนทำไปเรื่อยๆ จำเป็นต้องทำ หรือ บางคนอาจจะบอกว่าไม่มีทางเลือกอื่นเลยต้องทำไป ฯลฯ ผมคิดว่าคนแบบนี้อาจจะทำงานอย่างมไม่มีความสุขเลย เหมือนเพื่อนผมคนนี้ที่เล่าให้อ่านกัน เขาทำงานนี้มานานมากจนตนเองคิดว่าไม่สามารถจะเปลี่ยนงานได้แล้ว ก็เลยทนทำไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชอบงานนี้เลย แต่ได้งานในบริษัทที่มีชื่อเสียง ตอนนั้นก็คิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ยืดได้แล้ว แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แต่พอทำไปได้สักพัก ก็เริ่มรู้ตัวว่า งานนี้ไม่ใช่ตัวเองเลย แต่ก็ทำมานานเกินกว่าที่จะลาออกแล้ว เพราะกลัวว่าลาออกไปแล้ว จะไม่สามารถหางานที่อื่นที่เงินเดือนดีขนาดนี้ ก็เลยทำไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีความสุข
ถามเรื่องของผลงาน ก็อยู่ในเกณฑ์เรื่อยๆ จริงๆ เพราะเมื่อเราทำงานอย่างไม่มีความสุขแล้ว ผลงานก็ไม่ออกครับ เป็นประเภททำตามขั้นตอนการทำงานไปเรื่อยๆ ยิ่งทำไปเรื่อย ก็ยิ่งไม่มีความสุข เช้ามาก็ไม่อยากตื่นไปทำงาน ถึงที่ทำงานก็ทำงานแบบซังกะตาย เร่งเวลาให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ ชีวิตเป็นแบบนี้มากว่า 20 ปี ผมไม่รู้ว่าเขาทนได้อย่างไรเหมือนกัน คำตอบที่มักจะได้รับเวลาที่ถามว่าถ้าไม่มีความสุขแล้วทำไมไม่ลาออกซะล่ะ ก็คือ “ก็เงินเดือนมันเยอะ จะไปหาที่อื่นที่เงินเดือนเยอะขนาดนี้มันก็ยากอยู่” ก็เลยอยู่ทำงานต่อ แต่ทำงานอย่างไม่มีความสุขเลย เพื่อเงินเดือนเยอะๆ เท่านั้น
แต่ตอนนี้เพื่อนผมคนนี้เขาตัดสินใจลาออกไปแล้วครับ ตัดสินใจทิ้งงานที่ไม่มีความสุข แล้วมาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ มาทำกิจการเล็กๆ ของตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนผมคนนี้ก็คือ สีหน้า แววตา ดูมีความสุขมากขึ้น ใบหน้าที่เคยเหี่ยวแห้ง ไร้สีสัน ไร้ความกระตือรือร้น ก็กลับมาเป็นใบหน้าที่อ่อนวัยลง และดูมีความกระตือรือร้นมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเลยทีเดียว
สิ่งที่เขาพูดให้ผมฟังก็คือ “รู้งี้ น่าจะลาออกมาตั้งนานแล้ว” ผมก็ถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร เขาก็ตอบว่า
“ตอนนี้มีความสุขมาก เพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ตัวเองรัก และอยากจะทำมาตั้งนานแล้ว แม้ว่ารายได้จะไม่เท่ากับที่เคยได้มา แต่แลกกับความสุขในชีวิตแล้ว มันคุ้มเกินคุ้มจริงๆ”
ท่านผู้อ่านล่ะครับ ชีวิตในการทำงานตอนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ตื่นเช้ามารู้สึกอยากไปทำงานทุกวัน หรือรู้สึกต้องอดทนไปทำงานทุกวัน งานที่เราทำอยู่นั้น เรารักมันจริงๆ หรือเปล่า เรามีความสุขกับมันจริงๆ หรือเปล่า หรือกำลังทนทำไปเรื่อยๆ เพื่อแลกกับเงินเดือนและสวัสดิการสูงๆ เพียงอย่างเดียว
ถามอีกสักครั้งครับว่า “ถ้าให้เลือกระหว่าง การทำงานในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนสูงๆ แต่ไม่มีความสุขในการทำงานเลย กับการที่ได้เงินเดือนไม่สูงนัก แต่ทำงานอย่างมีความสุข จะเลือกอย่างไหน”
แหล่งที่มา : Lisa

กฏ 3 ข้อ สู่การเป็นผู้นำสร้างแรงบันดาลใจ



The 3 Laws of Leadership: Inspiring Your Team to Peak Performance
ผู้นำที่ดีมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะนำพาผู้ตามของเขาด้วยคุณสมบัติทางด้านจิตใจให้เป็นแบบอย่างถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนถึงชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยความแน่วแน่และทะเยอะทะยาน ผู้นำที่ดีรู้วิธีจุดประกายให้ผู้อื่นเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุดและกระตุ้นให้เขาเหล่านั้นบรรลุเป้าหมายของพวกเขาได้ พวกเขามีภาพที่ชัดเจนถึงอนาคตที่พวกเขาต้องการและพวกเขามีความสามารถในการสื่อสารวิสัยทัศน์นี้ไปยังผู้อื่นด้วยความเร้าใจ
ผมเชื่อว่าคุณอยากรู้ว่าพวกเขาทำได้อย่างไร วันนี้ Brian Tracy ได้ไขคำตอบถึง กฏ 3 ข้อในการเป็นผู้นำสร้างแรงบันดาลใจและแบบอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับทีมงานของคุณ
กฏข้อที่หนึ่ง กฏแห่งความเป็นเลิศ
ผู้คนส่วนใหญ่จะเกิดแรงบันดาลใจอย่างสูงเมื่อพวกเขารู้สึกว่ากำลังทำงานให้กับองค์กรอันเป็นเลิศ พวกเขามีแบบอย่างที่ดีที่จะมองขึ้นไป วิธีที่ดีที่สุดที่จะกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น คือการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศของคุณให้กับทีมงานได้เห็น
กฏแห่งความเป็นเลิศนั้นเป็นสิ่งที่ผู้นำที่ดีต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ความเป็นเลิศในกฏข้อนี้ไม่ได้หมายถึงจุดหมายปลายทางหรือเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ แต่เป็นความเป็นเลิศระหว่างการเดินทางต่างหาก แผนการที่ดีที่ชัดเจนและแสดงถึงความเป็นเลิศจะช่วยให้เกิดแรงกระตุ้นในทีมงานของคุณได้อย่างดีเยี่ยม
กฏข้อที่สอง กฏแห่งความซื่อสัตย์
บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้นำที่ดีคือการเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยม (Role Model) การพูด การเดิน การกระทำของคุณทุกย่างก้าวของคุณต้องทำตัวราวกับว่ากำลังมีคนจับจ้องคุณอยู่ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม ผู้นำที่ดีจึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งภายนอกและภายใน การได้รับความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการเป็นผู้นำสร้างแรงบันดาลใจ
คำสอนที่ดีมีค่าน้อยกว่าแบบอย่างที่ดีเสมอ จุดสำคัญของความซื่อสัตย์ในความเป็นมนุษย์คือความสม่ำเสมอทั้งภายในและภายนอก การที่คุณจะเป็นผู้นำที่ดีได้นั้นนอกจากคุณจะต้องจริงใจต่อผู้อื่นแล้ว คุณยังต้องมีความจริงใจต่อตนเองด้วย
กฏข้อที่สาม กฏแห่งความทะเยอทะยาน
ผู้นำนักสร้างแรงบันดาลใจมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของอนาคตที่ดีกว่าเดิมซึ่งเขามุ่งมั่นและตระหนักถึงมันเกือบตลอดเวลา วิสัยทัศน์เป็นปัจจัยหนึ่งในตัวชี้วัดความเป็นผู้นำที่ดีหรือไม่ดี ผู้นำนักสร้างแรงบันดาลใจจะมีภาพที่ชัดเจนของอนาคตที่เขาต้องการจะสร้างและพวกเขามีความสามารถในการสื่อสารวิสัยทัศน์นั้นออกมาได้อย่างตื่นเต้นและเร้าใจ
การเป็นผู้นำที่ดีได้คุณต้องมีภาพที่ชัดเจนของอนาคตที่ดีกว่าและมันต้องเป็นภาพที่ใหญ่จริงๆ สิ่งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นในการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดภาพนี้ขึ้นมาจริงๆ
กฏเสริม กฏแห่งความเชื่อมั่น
ผู้นำที่ดีจะเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ตาม และมีความกล้าพอที่จะไว้วางใจและมอบหมายภารกิจที่ความสามารถของผู้ตามสามารถทำได้
นอกจากความสามารถในการสื่อสารวิสัยทัศน์และเป้าหมายเอาเป็นเลิศได้อย่างตื่นเต้นเร้าใจแล้วผู้นำนักสร้างแรงบันดาลใจ ยังมีความสามารถในการมองเห็นความสามารถและศักยภาพของทีมงานได้อย่างท่องแท้ ทั้งนี้เขาไม่ได้มีตาทิพย์หรือหยั่งรู้แต่อย่างใด แต่เขามีความไว้เนื้อเชื่อใจในความสามารถของทีมงานและพร้อมจะมอบหมายงานชิ้นนั้นให้ทุกเมื่อ เมื่อความพร้อมของเขามาถึง
และแน่นอน ผู้นำที่ดีจะรับผิดชอบทุกการกระทำในการตัดสินใจของตัวเอง เมื่องานผิดพลาดเขาจะไม่กล่าวโทษ แต่จะออกหน้ารับ และเดินเข้าไปบอกว่า “คุณทำได้ดีกว่าที่ผมคิดซะอีก”
วิถีนักเลง หนทางสู่สุดยอดผู้นำสร้างแรงบันดาลใจ
คุณจะกลายเป็นผู้นำที่ดีได้เมื่อคุณตั้งเป้าหมาย ใส่ใจกับแผนการอันเป็นเลิศ และโอบอุ้มผู้ตามด้วยความรักและความเชื่อใจ
แบบอย่างที่น่าทึ่งของความเป็นสุดยอดผู้นำคือ นักเลง ที่เรามองว่าเขาเป็นพวกเกเรหัวไม้สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่จุดหนึ่งที่น่าสนใจของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่านักเลงก็คือ “ความเป็นผู้นำ”
นักเลงที่ยิ่งใหญ่ล้วนเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน ไม่ใช่เพราะความรุนแรงแต่ผู้ติดตามนับไม่ถ้วนติดตามนักเลงผู้ยิ่งใหญ่เพราะเสน่ห์ในตัวเขา ความแข็งแกร่ง รักพวกพ้อง ยอมแลกชีวิตเพื่ออิสรภาพ คือความยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ในผู้นำนักเลง
ผู้นำที่ดีจึงไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งที่สูงส่งหรือได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วไปอย่างที่เราคิดกัน แต่ผู้นำนักสร้างแรงบันดาลใจคือคนที่ใส่ใจในความเป็นเลิศ ซื่อสัตย์ทั้งภายนอกและภายใน มีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า และโอบอุ้มผู้ตามด้วยความรักและความเชื่อใจ
อย่าได้ใส่ใจว่าใครจะทำอะไรเพื่อคุณบ้าง จงใส่ใจว่าคุณได้ทำอะไรให้ผู้อื่นบ้างดีกว่า เหตุผลเดียวที่ผู้ตามติดตามผู้นำด้วยความเต็มใจก็คือ ผู้นำที่ดีทำฝันของเขาให้เป็นจริงได้ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการทำฝันของผู้นำให้เป็นจริง
ที่มา: The 3 Laws of Leadership: Inspiring Your Team to Peak Performance
เขียนโดย: Brian Tracy
แปลโดย: คุณชายอาร์ท
*หมายเหตุ : เนื้อหามีการแก้ไขในแบบฉบับของผมเองโดยยึดหัวข้อและเนื้อหาบางส่วนของต้นฉบับเท่านั้น ไม่ได้แปลจากต้นฉบับทั้งหมด ทั้งนี้ผมได้เติมส่วนท้ายและ กฏเสริม ลงไปเอง

วิธีล้างพิษปอดจากบุหรี่


บุหรี่เป็น 1 ในมลพิษที่เราเป็นคนเลือกสูดเข้าไปเอง จากสถิติในอเมริการะบุว่า จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั้งหมดมีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งปอดเป็นสัดส่วนถึง 25% สารคาร์บอนจากควันบุหรี่จะทำให้เกิดการรวมตัวของอนุมูลอิสระที่คอยบ่อนทำลายเซลต่างๆ ในร่างกาย ไม่ต่างจากคาร์บอนในท้องถนน แต่บุหรี่เป็นสิ่งที่เราสูดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ดังนั้นคาร์บอนที่เข้าไปจะเข้มข้นมาก จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อและเซลปอดที่บอบบางจนเกิดอนุมูลอิสระสะสมจนกลายเป็นมะเร็งในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะมีวิธีการล้างพิษจากบุหรี่แล้ว คุณก็ควรที่จะเลิกบุหรี่ด้วย ซึ่งหากทำตามโปรแกรมเหล่านี้แล้ว ควบคุมอาหารและเสริมอาหารที่จำเป็น คุณก็จะเริ่มเบื่อบุหรี่ไปได้เองด้วย เริ่มต้นกันเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ล้างพิษ 3 วัน
วิธีนี้สามารถใช้เลิกบุหรี่แบบหักดิบได้ค่ะ

วันที่ 1
1. ดื่มน้ำแครอทคั้น 1 แก้ว (300มล.) สลับกับน้ำส้มคั้น 1 แก้ว ทุก 1 ชั่วโมง แต่ไม่ควรดื่มน้ำทั้ง 2 อย่างผสมกัน เพราะผลไม้ที่เป็นกรดเมื่ออยู่รวมกับผักแล้วอาจก่อให้เกิดปัญหาการย่อยได้
2. กินสลัดที่ทำจากผักกาดเขียวหรือร็อคเก็ต แครอท และบีทรูท (ขูดฝอยถ้ามีเวลา) และอโวคาโดครึ่งผล ส่วนน้ำสลัด ให้ผสมน้ำมันมะกอกครึ่งช้อนชากับน้ำมะนาวคั้นสดครึ่งผล หรือน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์เล็กน้อย
3. ถ้าตอนเย็นรู้สึกหิว ให้ทำซุบผักต้านอนุมูลอิสระรับประทาน ประกอบด้วยแครอท ฟักทอง บร็อกโคลี ดอกกะหล่ำ หอมหัวใหญ่ และกระเทียม

วันที่ 2
1. เหมือนกับวันที่ 1 แต่อาจดื่มน้ำซุปผักต้านอนุมูลอิสระทุก 2 ชั่วโมงเพิ่มได้ แต่อย่าดื่มพร้อมน้ำผลไม้ หรืออาจลองทำผักบดรับประทานก็ได้ ใช้ผักที่แนะนำในข้างต้นโดยเพิ่มผักสีเขียวไปด้วย ถ้าท้องผูกให้เติมวิตามินซีผง ชงดื่มกับน้ำผลไม้ครั้งละ 1 ช้อนชาวันละ 3 ครั้ง
2. ถ้าไม่ชอบซุปฟักทองอาจเปลี่ยนเป็นซุปดอกกะหล่ำ ใส่บร็อกโคลี หอมใหญ่ เทอร์นิปและกระเทียมได้ โดยใส่ฟักทองเพิ่มอีกนิดหน่อย และพยายามกินสลัดผักสดให้มากที่สุด เพื่อช่วยกระตุ้นการล้างพิษของตับและการขับน้ำดีที่จะช่วยกำจัดพิษที่คั่งค้างออก

วันที่ 3
1. ให้กินอาหารเหมือนวันที่ 2 และเริ่มทำความสะอาดตับอย่างนุ่มนวลด้วยการดื่มชาแดนดิไลออนและชาเซนต์แมรี่ส์ธิสเทิล
2. สำหรับคนที่ล้างพิษใหม่ๆ น้ำผักล้างพิษอย่างน้ำแครอท บีทรูท และผักโขมอาจแรงไปซักนิดอาจต้องอาศัยน้ำผลไม้ที่น่าจะมีฤทธิ์อ่อนกว่า หรือทำซุปผักทานง่ายๆ ก็ได้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 เสริมสร้างสุขภาพ
ในขั้นตอนนี้ไม่มีอาหารที่ต้องงดเป็นพิเศษ แต่ต้องพิจารณาสิ่งที่กินแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายสามารถกำจัดสารพิษออกไป
1. กินผักและผลไม้สีส้มให้ได้วันละ 2 มื้อ และควรดื่มน้ำคั้นเข้มข้นจากผักและผลไม้เหล่านี้ต่อไป ดื่มน้ำส้มหรือส้มสดทุกวัน
2. ดื่มน้ำแครอทคั้นหรือแครอทสดทุกวัน อาจเพิ่มบีทรูท ผักใบเขียวหรือขิงได้
3. กินอโวคาโด 1 ผล ทุก 2 วัน
4. ใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันวีทเจิร์มหรือทั้ง 2 อย่างผสมกันทำน้ำสลัดหรือกับข้าวจากผัก
5. กินโปรตีนหลายๆ อย่าง แต่ไม่ควรกินโปรตีนจากสัตว์มากเกินไปพยายามเน้นปลาทะเลลึกเช่น ทูน่า แซลมอน ปลาค้อด ปลาซาร์ดีน
6. ควรเพิ่มส่วนผสมถั่วเมล็ดแข้งในอาหารประเภทซุปมเนสโตรเน่ด้วย ทานสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 3 เสริมอาหาร
รายการเสริมอาหารที่ควรจัดไว้ในแผนการกินเมื่อคุณเริ่มต้นขั้นตอนที่ 2
1. กินวิตามินต้านอนุมูลอิสระ 1 เม็ด วันละ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย คนที่อาศัยในเขตอุตสาหกรรมควรกินอาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระให้มากกว่านี้
2. ดื่มชาเขียววันละ 2-3 ถ้วย ถ้าเป็นแคปซูลให้กินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1-2 ครั้ง
3. ดื่มชาแดนดิไลออนทุกวัน
4. กินเซนต์แมรี่ส์ธิสเทิลชนิดเม็ดวันละ 1 ครั้ง จะลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีด้วย
5. วิตามินซีผง ชงดื่มวันละ 1 ช้อนชา
6. แมกยีเซียมผง 1 ช้อนชา วันละ 1-2 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 2 เสริมสุขภาพ
กุญแจสำคัญในขั้นตอนนี้คือรับประทานวิตามินซีมากๆ ร่างกายต้องสูญเสียวิตามินจำนวนมากทุกครั้งที่เราอัดควันบุหรี่เข้าปอด วิตามินซีจะไปช่วยป้องกันเนื้อเยื่อปอดไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายๆ ชงวิตามินซีแบบผงดื่มอย่างน้อยวันละ 3-4 กรัม ใน 6 สัปดาห์แรก เพราะดูดซึมได้ง่ายถ้าท้องร่วงให้ลดปริมาณลง

อย่าลืม
1. ดื่มน้ำมะนาวคั้น 1 ผลผสมน้ำสะอาดและน้ำผึ้งเป็นประจำทุกวันเพื่อลดเสมหะหลังเลิกบุหรี่
2. กินอาหารต้านอนุมูลอิสระตามรายการในหัวข้อล้างพิษจากมลภาวะ ดื่มน้ำส้มคั้นมากๆ ทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 6 สัปดาห์ จากนั้นลดลงเหลือ 2 วันครั้ง
3. ปลาสดที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ปลาแซลมอน ปลาค้อด และปลากซาร์ดีน เพื่อเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
4. อาหารรสเผ็ดและฉุนอย่างมัสตาร์ด จะช่วยขับเสมหะออกจากปอดและทำให้โพรงไซนัสโล่งขึ้น
5. เติมสะระแหน่ลงในสลัด เพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจสดชื่นและความคิดปลอดโปร่ง
6. กินของว่างทีละน้อยแต่บ่อยๆ เพื่อชดเชยเวลาที่หยิบบุหรี่ขึนมาสูบ
7. แปรงฟันทุก 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อลดอาการอยากบุหรี่
8. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชะล้างพิษออก

ขั้นตอนที่ 3 เสริมอาหาร
รายการเสริมอาหารที่ควรจัดไว้ในแผนการกินเมื่อเริ่มต้นขั้นตอนที่ 2
1. วิตามินซีผงที่เสริมไฟโอฟลาโวนอยด์ 1 ช้อนชา ชงดื่มกับน้ำสะอาดหรือน้ำผลไม้ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง
2. วิตามินอีขนาด 500 หน่วยสากล วันละ 1-2 ครั้ง (คนที่กำลังกินยาแก้โรคหัวใจหรือยาละลายลิ่มเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
3. น้ำมันปลาแซลมอนชนิดแคปซูลที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 กินครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง
4. วิตามินบีคอมเพลกซ์ (บี1 และ บี2) เพื่อป้องกันอารมณ์หงุดหงิดเมื่อจากนิโคติน โดยกิน1 เม็ดหลังอาหาร 3 มื้อ เมื่อรู้สึกดีขึ้นให้ลดเหลือวันละ 1 ครั้ง
5. ดื่มชามิ้นต์ชนิดใดก็ได้ เช่นชาเปปเปอร์มินต์ หรือชาขิงเพื่อขับเสมหะ
6. นักสมุนไพรบำบัดอาจช่วยจัดเครื่องดื่มบำรุงจาก อิเลคามเพน (ขับเสมหะ) เอคินาเซีย (ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน) เฟนูกรีก (ลดเสมหะในทรวงอก) ขิง (ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ปอด) เปปเปอร์มินต์ (ช่วยให้ปอดโล่ง) ข้าวโอ๊ต (ลดความอยากนิโคติน) คาโมมายล์ (ลดอาการหงุดหงิดและฟื้นฟูเส้นประสาท) โรสแมรี่ (ต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นสมองส่วนความจำ) ผสมสมุนไพรข้างต้นในปริมาณเท่าๆกัน ดื่มครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 3 ครั้ง ตลอด 6 สัปดาห์และดื่มต่ออีกอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์
******* *******
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก www.ladytip.com
ภาพ: ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 24 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 24 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

พบกับ ดร.สายใย เอี่ยมภูมิ หมอแพทย์แผนไทยวัย 70 รักษาเรื่องหมอนรองกระดูกทับเส้น กับเรื่องราวความประทับใจต่อในหลวงอย่างมา­กมาย, คุณป้อม มสารัศม์ ณธีอัครพัฒน์ กับเรื่องราวความประทับใจจากงานนิทรรศการ 84พรรษา ประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เมื่อ 8-12 มี.ค.2555



คำสอน...ท่านหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ

คำสอน...ท่านหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ

"เมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้นมาในโลก
แล้วเข้าไปยึดถือว่าเป็นตัวตนของเราของเขา
ยามจากไป ยามดับไปสลายสิ้น
สิ่งที่รักที่พอใจนั่นแหละ
พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นทุกข์อย่างยิ่ง"

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กล้วยไม้ดอกใหญ่ สวย สมบูรณ์

กล้วยไม้ดอกใหญ่ สวย สมบูรณ์ ด้วยปุ๋ยผลไม้สุกสีเหลือง 100 กก. + กากน้ำตาล 1กก. +EM 1ลิตร +น้ำหมัก 1 เดือน  คนทุก 7 วัน ใช้รดหรือพ่น 250 CC/น้ำ 20 ลิตร
จาก SMS Farmer Info - 22 ต.ค.2556

เทคนิคช่วยให้ไข่เป็ดแดงและมัน

เทคนิคช่วยให้ไข่เป็ดแดงและมัน ช่วงเช้าให้กินอาหารเม็ดผสมกับหัวกุ้ง ช่วงบ่ายใช้ข้าวเปลือก 3 ส่วนผสมกับดอกดาวเรืองแห้ง 1 ส่วน  ให้กินทุกวัน
จาก SMS Farmer Info - 21 ต.ค.2556

อ้อยเจริญเติบโตเร็ว มีผลผลิตเพิ่มขึ้น

อ้อยเจริญเติบโตเร็ว มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เมื่อใช้กากส่า (ของเสียจากโรงงานอ้อย) ฉีดพ่นอ้อยได้ทุกระยะ ในอัตรา 1 คันรถสิบล้อ ต่อพื้นที่ 5 ไร่
จาก SMS Farmer Info - 21 ต.ค.2556

สูตรปลาแดดเดียว

สูตรปลาแดดเดียว ปลาสไลด์แผ่น 1 กก.ล้างน้ำเกลือ 2 ครั้ง คลุกซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วยตวง พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา ผงพะโล้ 1 ช้อนชา หมัก 10 นาที ตากแดด
จาก SMS Farmer Info - 20 ตค 2556

ไข่เจียวผักแมะ เมนูอร่อยง่ายๆ

ไข่เจียวผักแมะ เมนูอร่อยง่ายๆ ปรุงจากผักแมะ 2 กำมือ +ไข่ 2 ฟอง มีประโยชน์ในการลดน้ำตาลในเลือด บำรุงกระดูก ตับ ตา  ปอด  ผิวหนังและขับพิษได้ด้วย
จาก SMS Farmer Info - 27 ตค 2556

วิธีทำหมึกตากแห้ง

วิธีทำหมึกตากแห้ง ผ่าตัวและหัวหมึก เอาไส้และขี้ออก ล้างน้ำทะเลหรือน้ำ+เกลือ ห้ามใช้น้ำจืดเพราะหมึกจะมีกลิ่นเหม็น เสร็จแล้วตากแดด 1 วัน
จาก SMS Farmer Info - 27 ต.ค.2556

นำถุงดำครอบหน่อไม้ที่พึ่งแทงขึ้นจากดิน

นำถุงดำครอบหน่อไม้ที่พึ่งแทงขึ้นจากดิน แล้วค่อยเอาออกก่อนเก็บเกี่ยว วิธีเจ๋งๆ ช่วยเพิ่มความหวาน กรอบ ทำให้หน่อไม้ทุกชนิดขาว น่ารับประทาน
จาก SMS Farmer Info - 28 ต.ค.2556

นำถุงดำครอบหน่อไม้ที่พึ่งแทงขึ้นจากดิน

นำถุงดำครอบหน่อไม้ที่พึ่งแทงขึ้นจากดิน แล้วค่อยเอาออกก่อนเก็บเกี่ยว วิธีเจ๋งๆ ช่วยเพิ่มความหวาน กรอบ ทำให้หน่อไม้ทุกชนิดขาว น่ารับประทาน
จาก SMS Farmer Info - 28 ต.ค.2556

เทคนิคเพาะพันธุ์ไก่พื้นเมือง

เทคนิคเพาะพันธุ์ไก่พื้นเมือง ไก่ผู้ 1 ตัว: ไก่ตัวเมีย 5 ตัว ผสมพันธุ์ 16.00-18.00 น. 3-5 วัน/ ครั้ง (น้ำเชื้อไก่จะแข็งแรง ไข่ดก อัตราฟัก 95%)
จาก SMS Farmer Info - 28 ต.ค.2556

ประดิษฐ์มีดกรีดยางนกเงือก

มะนายิ ราหู ชาวสวน จ.นราธิวาส เจ๋ง ประดิษฐ์มีดกรีดยางนกเงือกกรีดได้บาง 1 มม ควบคุมความลึก-ตื้น โดยไม่ต้องออกแรง ซิวรางวัลชนะเลิศออกแบบ 2556
จาก SMS Farmer Info - 29 ต.ค.2556

กระตุ้นแก้วมังอรให้ออกดอกนอกฤดู

กระตุ้นแก้วมังอรให้ออกดอกนอกฤดูด้วย ปุ๋ยสูตรไข่ไก่ 5กก.+ ฮอร์โนมนมสด (ปุ๋ยหมักจากนมสด) 10 กก. + พด.2 จำนวน 1 ซอง หมัก 1 เดือน ใช้พ่น 10cc/น้ำ  20 ลิตร
จาก SMS Farmer Info - 29 ต.ค.2556

ผีหรือวิญญาณ มีจริงไหม ?



คนอย่างแจ่ม แจ่ม ปุจฉา - กราบนมัสการพระคุณเจ้าเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าผีหรือวิญญาณมีจริงไหมเจ้าคะ เป็นคำถามที่ค้างคาใจมานานมาก ทั้ง ๆ ที่พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ทรงสอนให้เราเชื่อแม้แต่นิดเดียวก็ตามที แต่ก็ยังต้องการคำตอบอยู่ดีเจ้าค่ะ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ผีกับวิญญาณนั้นต่างกัน วิญญาณนั้นแปลว่า ความรู้แจ้งอารมณ์ เช่น เมื่อ ตากระทบรูป แล้วเห็นรูป ก็เรียกว่า จักขุวิญญาณเกิดขึ้น พูดง่าย ๆ วิญญาณ ได้แก่ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น เป็นต้น ซึ่งเกิดและดับตลอดเวลา ไม่ได้หมายถึง อะไรที่เป็นดวง ๆ ล่องลอยข้ามภพข้ามชาติ อย่างที่เข้าใจกัน และดังนั้นจึงห่างไกลจากคำว่า “ผี” มาก

“ผี” ตามความเข้าใจของคนไทยนั้น กินความรวมถึง เปรต อสูร และเทวดา ทั้งสามอย่างนี้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก อยู่ในภพที่ต่างจากมนุษย์ พุทธศาสนาถือว่าทั้งหมดนี้ รวมทั้งสัตว์นรก เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสังสารวัฏ ที่มนุษย์เราพึงมีเมตตา ขณะเดียวกันไม่ควรเอามาเป็นสรณะ(โดยเฉพาะเทวดา) เพราะไม่ช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้เลย อาจทำให้มีกิเลส ความหลง และความประมาทเพิ่มขึ้น

ให้อภัยพ่อ และภรรยาน้อยที่ใกล้ตาย อย่างไร?



ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ มีปัญหาที่อยากจะปรึกษาพระอาจารย์ ซึ่งเป็นเรื่องของครอบครัวหนูเองค่ะ คือ พ่อของหนูเขามีภรรยาน้อย เป็นหลานของแม่หนูเอง ซึ่งหนูจะเรียกเขาว่าเจ๊

ตอนนี้เองเจ๊เขาป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย ใจหนูสงสารเขานะคะ แต่มันก็มักจะมีความคิดที่ว่าเขาทำให้ครอบครัวของหนูแตกแยก มันทำให้หนูเสียความศรัทธาในตัวพ่อค่อนข้างเยอะเลยค่ะ หนูรู้สึกผิดเสมอที่คิดแบบนี้ แต่ก็ห้ามความคิดไม่ได้ มันทุกข์อยู่ในใจเสมอที่ได้ยินเรื่องราวที่พ่อพูดถึงเขา ส่วนแม่ของหนู เขาก็เคยบอกหนูว่าเค้ารับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้

พระอาจารย์คะ หนูควรฝึกจิตยังไงดีคะ หนูไม่อยากทุกข์ใจแบบนี้เลย มันรู้สึกเสมอเลยว่าครอบครัวไม่อบอุ่นเหมือนเดิม ถึงพ่อจะเป็นพ่อที่ดีสำหรับลูก แต่เขาก็เป็นสามีที่ไม่ดีกับภรรยาของเขา หนูไม่อยากรู้สึกบาปกับความคิดเช่นนี้เลยค่ะ ถ้าถึงในวันที่เจ๊ต้องจากไป หนูก็อยากอโหสิให้เขาได้จริงๆ พระอาจารย์ช่วยกรุณาให้คำตอบหนูด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คนเราทุกคนล้วนมีจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดทั้งนั้นรวมทั้งบุพการีของเราด้วย แต่เมื่อผิดพลาดไปแล้วก็ควรให้อภัย เพราะหากเราไม่ให้อภัยเราเองก็จะเป็นทุกข์เหมือนมีแผลใจที่เรื้อรัง การให้อภัยนั้นช่วยเยียวยาจิตใจของเราให้เป็นปกติได้ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยเราให้อภัยผู้อื่นได้ ก็คือเห็นความดีของเขา อย่าจดจ่อจ้องมองแต่ข้อผิดพลาดของเขา ยิ่งเป็นบุพการีด้วยแล้ว ความดีหรือบุญคุณของท่านต่อเรานั้น ย่อมมีมากมาย ถ้าให้อภัยบุพการีผู้มีพระคุณไม่ได้ เราจะให้อภัยคนอื่นได้อย่างไร

กับเจ๊ก็เช่นกัน ยิ่งตอนนี้เธอกำลังป่วยหนัก คุณใช้ควรโอกาสนี้ให้อภัยเธอ อย่ารอจนเธอเสียชีวิตแล้วถึงให้อภัย เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึงคุณอาจเสียใจที่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยไป การให้อภัยเธอนั้น หากคุณบอกให้เธอรับรู้ด้วย จะช่วยเธอไม่น้อย เพราะเธอคงรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้ครอบครัวของคุณแตกแยก ไม่มีใครอยากเป็นเมียน้อยหรอก แต่ความจำเป็นบางอย่างทำให้ต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เธอไม่ได้ป่วยกายเท่านั้น แต่ป่วยใจด้วย การให้อภัยของคุณจะช่วยลดความเจ็บป่วยในจิตใจของเธอได้ไม่มากก็น้อย

ความดี ความเข้าใจ และความสุข เป็นสิ่งที่มิอาจแยกจากกันได้

ความดี ความเข้าใจ และความสุข เป็นสิ่งที่มิอาจแยกจากกันได้

เมื่อเราทำความดี เราย่อมอิ่มเอมใจ และเมื่อเราเข้าใจว่าความไม่เที่ยงเป็นธรรมดาของชีวิต เราก็เป็นสุขอยู่ได้ในทุกสถานการณ์ และยิ่งเรามีความสุข ก็ยิ่งอยากทำความดี ขณะเดียวกันความสุขก็ทำให้จิตสงบ สามารถไตร่ตรองชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง จนเข้าใจสัจธรรมได้

พระไพศาล วิสาโล
ขับเคลื่อนชีวิตด้วยจิตวิวัฒน์

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 23 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

รายการรักพ่อ 23 พบกับคุณ Weewii Rachawadee กับวิธีคิด วิธีแก้ปัญหา เสียงหัวเราะ และบทกวีอวยพรวันเกิด, คุณรับพร พัฒนศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการจาก Good FM จ.ตราด (สาวใจเดียว ดอกกระเจียวพลัดถิ่น) กับเรื่องราวการต่อสู้เพื่อผืนดิน 3000 ไร่ รวมทั้งเรื่องราวของในหลวงที่ประทับใจ,
พี่เอ๋ รักในหลวง กับกิจกรรมใหม่ๆ ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิของกลุ่มรักพ่อ และ
คุณหนูนา ท่าใหม่ (Tiamö Nunä (Loveking) นำพระราชดำรัสและบทกวีที่เรียงร้อยออกมาอย­่างโดนใจ



9 วลีทองของสตีฟ จ็อบส์ ที่สร้างพลังความคิดและ



แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่


1. นวัตกรรม ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม

ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทำงานในภาคธุรกิจที่กำลัง
เจริญเติบโต คุณต้องรู้จักคิดหาทางทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทำให้
ลูกค้าพึงพอใจและอยากจะเป็นลูกค้าตลอดไป

แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่กำลังหดตัว คุณต้องรีบออกมาจากธุรกิจนั้น ๆ โดยเร็ว
ก่อนที่จะตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย

2. จงเป็นคนที่มีคุณภาพสูง แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นในชีวิต

คุณจะต้องใช้ความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ที่มี พยายามทำให้มากกว่าคนอื่น
มีมาตรฐานสูงกว่าคนอื่น และใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง
แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นในชีวิตท่าน

3. มีวิธีเดียวที่จะทำงานให้ได้ผลดีเยี่ยม

วิธีเดียวที่จะทำงานให้ได้ผลดีเยี่ยม ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่ทำ ถ้าคุณยังไม่
เจอสิ่งที่รักในตอนนี้ จงมองหาไปเรื่อย ๆ

จงทำในสิ่งที่คุณรัก เมื่อคุณมีเป้าหมาย และพยายามไปให้ถึงมัน จะทำให้ชีวิต
ของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น ช่วยให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว และช่วยให้
คุณรู้สึกดี เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคด้วย

4. อาหารและเสื้อผ้า ส่วนใหญ่ที่เรากินและเราใช้ เราไม่ได้ผลิตด้วยตัวเราเอง

อาหารส่วนใหญ่ที่เรากิน เราไม่ได้ผลิตด้วยตัวเราเอง เราสวมใส่เสื้อผ้าที่
คนอื่นผลิต และอื่น ๆ อีกมากมาย

เราเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา และเราจะรู้สึกปลาบปลื้มอย่างยิ่ง ที่เราสามารถ
สร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ

5. จิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
ที่ทุกคนควรจะมี

จิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริงในพุทธศาสนา จะทำให้เรา ตระหนัก
ถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น

6. โดยทั่วไปแล้ว คุณดูโทรทัศน์เพื่อพักสมอง และคุณใช้คอมพิวเตอร์เมื่อ
ต้องการให้สมองทำงาน

ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานการศึกษาจำนวนมาก ที่ยืนยันว่า การดูทีวีส่ง
ผลเสียด้านจิตใจและมีอิทธิพลด้านศีลธรรม และคนที่ติดทีวีส่วนมาก แม้จะรู้ว่า
มันทำให้ชินชาและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่พวกเขาเหล่านั้น ก็ยังใช้
เวลาส่วนใหญ่ นั่งอยู่หน้าจอทีวี

7. ผมสูญเงินไป 250 ล้านดอลลาร์ ภายใน 1 ปี มันทำให้ผมรู้จักตนเองดีขึ้น

คนที่ประสบผลสำเร็จ โดยไม่เคยล้มเหลวหรือทำผิดเลยนั้น ไม่มีหรอก มีแต่คน
ที่ประสบความสำเร็จ เคยทำผิดพลาดและรู้จักเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อทำให้
ถูกต้องในครั้งต่อไป

พวกเขามองความผิดพลาดเป็นเครื่องเตือนสติมากกว่าความสิ้นหวัง

8. มีหลายเรื่องที่จะต้องทำให้สำเร็จในชีวิตนี้

มีเรื่องใหญ่ ๆ หลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในชีวิต อย่ามัวแต่นั่งคิดมากกว่า
ลงมือทำ ความปรารถนา ความสนใจ ความหลงใหล และความอยากรู้
อยากเห็น เหล่านี้ ล้วนเป็นของขวัญที่จะมอบให้กับชีวิตของเราเอง

ของขวัญชิ้นนี้ แท้จริงแล้วมันคือ “เป้าหมาย” ของเรานั่นเอง ใครก็ไม่อาจเลือก
เป้าหมายให้คุณได้ คุณต้องหาด้วยตัวของคุณเองเท่านั้น

9. เวลาของคุณมีจำกัด จงอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตตามแบบคนอื่น

คุณต้องมีความกล้า ที่จะทำตามหัวใจปรารถนาและสัญชาติญาณ คุณมีสิทธิ์
ใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ โดยไม่มีใครมาคอยขัดขวาง ลองให้โอกาสตนเอง
ฝึกความคิดริเริ่ม

จงใช้ชีวิตตามแบบที่คุณเลือก และเป็นเจ้านายของตัวเอ

.ทำไมเรียกข้าวผัดอเมริกันทั้งที่คิดจากคนไทย

เมนูเช้าข้าวผัดอเมริกัน...ทำไมเรียกข้าวผัดอเมริกันทั้งที่คิดจากคนไทย
คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต (เจ้าของนามปากกา "นิตยา นาฏยะสุนทร" ภรรยา นายวิลาศ มณีวัต บรรณาธิการ นสพ.ชาวกรุง คนแรก) เคยให้สัมภาษณ์หนังสือสกุลไทย เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ "ข้าวผัดอเมริกัน" ว่าเป็นอาหารที่คุณหญิงสุรีพันธ์ได้ประยุกต์ขึ้นเอง ขณะทำงานเป็น ผู้จัดการราชธานีภัตตาคาร ซึ่งเป็น แอร์พอร์ตเรสตัวรองต์ ของกรมรถไฟ ใน สนามบินดอนเมือง โดยที่มีสายการบินแห่งหนึ่งสั่งจองอาหารเช้า และอาหารกลางวันไว้แต่ยกเลิกเที่ยวบิน ทำให้อาหารเช้าแบบอเมริกันที่เตรียมไว้ เช่น ไข่ดาว ไส้กรอก เหลืออยู่จำนวนมาก คุณหญิงสุรีพันธ์ ได้นำข้าวผัดที่มีอยู่มาประกอบกับอาหารเช้าแบบอเมริกันดังกล่าวเพื่อรับประทาน นายทหารอากาศไทยที่เห็นเข้าได้สั่งรับประทานด้วย เมื่อทหารอเมริกันมาเห็นและถามถึงชื่อข้าวผัดดังกล่าว คุณหญิงสุรีพันธ์ ได้ตั้งชื่อว่า "อเมริกัน ฟรายด์ ไรซ์" หรือ "ข้าวผัดอเมริกัน" ซึ่ง พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหารอากาศในขณะนั้นได้ทราบแล้วชอบชื่อนี้มาก ข้าวผัดอเมริกันขณะนั้นมีส่วนประกอบไม่แน่นอน บางวันส่วนประกอบก็เปลี่ยนจากไส้กรอกหรือไก่อบเป็นเนื้อทอด แล้วแต่ว่าในครัวจะเหลืออะไร เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขณะคุณหญิงสุริพันธ์แต่งงานและมีลูกแล้ว จึงเป็นเหตุการณ์หลังวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 ซึ่งเป็นวันที่คุณหญิงแต่งงาน แม้ยังไม่พบข้อมูลแน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด แต่น่าจะเกิดก่อนปี พ.ศ. 2497 ที่คุณหญิงสุรีพันธ์ลาออกจาก ราชธานีภัตตาคาร ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ

Oil pulling การล้างพิษทางช่องปากด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น


การล้างพิษ โดยวิธี Oil pulling เป็นการดูแลรักษาสุขภาพแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ยังไม่ค่อยนิยมกันนัก ทั้งที่เป็นกรรมวิธีเก่าแก่แต่โบราณ เราไปชื่นชอบผลิตภัณฑ์เคมีจากตะวันตก จนละเลยการเรียนรู้ศาสตร์ตะวันออกดั้งเดิมของไทยเราและเอเชียที่มาจากธรรมชาติ ราคาไม่แพง จนกระทั่งปัจจุบันผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องธรรมชาติบำบัดกันเพิ่มมากขึ้น การแพทย์แผนปัจจุบันในไทยเองก็เริ่มให้ความสำคัญในการรักษาโดยธรรมชาติบำบัดมากขึ้นกว่าการใช้เคมีบำบัด จึงเริ่มกลับมาแพร่หลายอีกครั้ง

Oil Pulling เป็นวิธีธรรมชาติจากสมัยก่อนซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย คือการกลั้วน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น (เป็นน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธีในการสกัดน้ำมันจากมะพร้าวโดยไม่ผ่านความร้อน) ไปมาในปากอย่างน้อยเป็นเวลา 15 - 20 นาที โดยให้น้ำมันผ่านช่องระหว่างฟันไปมา - เข้าออก จนกระทั่งน้ำมันที่ข้นเหนียวผสมกับน้ำลาย จนเจือจางความข้น จึงบ้วนทิ้ง

ทำไมแค่การกลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าวจึงบำบัดโรคได้นั้น ให้ลองสังเกตง่ายๆ คือ ในปากของเรามีเนื้อเยื่อที่อ่อนที่สุดตามเหงือก และเยื่อบุช่องปาก ซึ่งอณูของเซลล์เม็ดเลือดสามารถผ่านและดูดซึมได้ง่าย โมเลกุลเล็กๆ อาจถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกายทางช่องปาก ผ่านเนื้อเยื่อ และโมเลกุลของน้ำมันอาจผ่านเข้าไปทางเซลล์ในช่องปาก และดูดซึมเชื้อแบคทีเรีย ที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายกลับขึ้นมา โดยมีน้ำลายเป็นตัวกระตุ้น เชื้อแบคทีเรียเหล่านั้นอาจจะรวมถึงสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายกลับขึ้นมา

ในกรณีที่เยื่อบุภายในช่องปากและเหงือกเป็นแผล ก็จะทำให้เชื้อโรค ซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น กรณีนี้เป็นทฤษฏีที่สังเกตได้ง่ายอย่างถ้าช่องปากเป็นแผล เอาอะไรใส่ปากหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับคนไม่สบายทางปากหรือลมหายใจยังสามารถป่วยได้และทางปากติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าทางลมหายใจ

อย่างเช่นเด็กที่อมนิ้วเมื่อนิ้วไปสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย มันไม่ได้ผ่านเข้าไปในช่องท้องโดยทันทีแต่จะถูกดูดซึมเข้าไปตามเซลล์ในช่องปาก นั่นเอง เด็กบางคนกินอาหารไม่สะอาดก็แค่ปวดท้องเพราะลงผ่านช่องท้องแต่เด็กบางคน เยื่ออ่อนในปากกลับติดเชื้อรา หรือในกรณีที่สภาวะร่างกายไม่สบาย อาจจะแสดงผลทางช่องปากคือเกิดการร้อนใน เป็นตุ่มใส ในปาก หรือปากเปื่อยเป็นแผล โดยที่ไม่ได้เกิดจากบาดแผลจากการแปรงฟัน หรือกัดลิ้นหรือ กัดริมฝีปากแต่อย่างไร และแผลในปากก็หายได้ง่ายกว่าแผลภายนอก ทั้งๆ ที่มีความชื้นและเปียกด้วยน้ำลายอยู่ตลอดเวลา

วิธี Oil pulling นี้ ยังสามารถบำบัดรักษาอาการเหล่านี้อย่างเห็นผลได้ชัดคือ อาการปวดศีรษะ ปวดฟัน โรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคไต โรคหลอดลมอักเสบ เลือดตีบหรือคั่ง โรคเรื้อนกวาง แผลเปื่อย ฝี แผลมีหนอง โรคเกี่ยวกับลำไส้ การย่อย รวมทั้งโรคในผู้หญิง และยังสามารถป้องกันการเติบโตขึ้นใหม่ของเนื้องอกที่เป็นอันตรายหลังจากการรักษา โรคเรื้อรังจากเลือด อัมพาต โรคเกี่ยวกับเส้นประสาท ช่องท้อง ปอด และตับ หรือโรคนอนไม่หลับ และที่สำคัญ ผิวพรรณหน้าตาจะสดใส ใบหน้าเต่งตึง จนรับรู้ได้ภายใน 1 สัปดาห์

จริงๆ แล้วสามารถบำบัดได้เกือบทุกโรคก็ว่าได้ รวมทั้งผู้ที่ถูกสารพิษ หรือ สารเสพติด สารคาเฟอีน สารนิโคติน และสารพิษจากโรงงาน สารพิษจากยาฆ่าแมลง เป็นต้น

กรรมวิธีในการบำบัด ในตอนเช้า ตื่นนอนก่อนดื่มน้ำ – ก่อนรับประทานอาหาร ให้บ้วนปากด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ โดยพยายามอย่ากลืนน้ำมัน ค่อยๆ ทำโดยอย่าฝืน หรือเร่ง โดยให้น้ำมันผ่านช่องฟัน อาจจะทำการเคี้ยวน้ำมัน หรือ กลั้วผ่านไปมาระหว่างซี่ฟัน จนน้ำลายหลั่งออกมาเป็นจำนวนมากนั้นคือ การที่สารพิษต่างๆ ได้ผ่านเซลล์เม็ดเลือดออกมาทางเมือก ในเนื้อเยื่อจากช่องปาก ดังนั้นจึงไม่ควรกลืนน้ำมันเพราะน้ำมันได้เปลี่ยนเป็นสารพิษ ในตอนแรกน้ำมันจะข้นเหนียว เมื่อผสมเป็นเวลานานกับเมือกในช่องปากและน้ำลาย จะเปลี่ยนสถานะเหลวขึ้นและจะเป็นสีขาวขุ่นขึ้นคล้ายๆ ขนแกะถ้าน้ำมันยังคงเป็นสีเหลืองอยู่แสดงว่า ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการนานเท่าที่ควร

หลังจากที่บ้วนทิ้งแล้ว ควรล้างช่องปากด้วยน้ำเปล่าอย่างน้อย 4 - 5 ครั้ง และแปรงฟัน หลังจากนั้นให้ล้างอ่างล้างหน้าให้สะอาด เพราะจะเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย และสารปนเปื้อนที่เราบ้วนออกมาจากปากของเรานั่นเอง

สิ่งที่จะเห็นได้ชัดขึ้นคือ ช่องปากของเราจะสะอาด ลมหายใจจะสะอาดขึ้น โดยฟันก็จะขาวขึ้นด้วย ปัญหาในช่องปากก็จะลดลง รวมทั้งปัญหาขอบตาคล้ำ และอาการนอนหลับไม่สนิทจะหายไป

เวลาที่ดีที่สุดในการบำบัด คือตอนเช้าก่อนอาหาร และสามารถ ทำซ้ำได้ สามเวลา คือก่อนมื้อแต่ต้องเป็นในช่วงท้องว่าง เป็นที่น่าสนใจและเสียเวลาเพียงเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายเพียงน้อยนิดแต่อาจได้ผลอย่างน่าทึ่ง ทำทุกวันจะเห็นกับตัวเองว่าได้ผลดีจริงๆ
******* *******
หมายเหตุแอดมิน: ชีวอโรคยา แบ่งปันข้อมูลเพื่อสุขภาพ ไม่มีผลิตภัณฑ์ขายนะคะ
ปัจจุบันมี น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น จำหน่ายตามร้านค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป
หากท่านหาซื้อไม่ได้ กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่ Health me Shop
เพจที่ชมรมชีวอโรคยา มอบหมายให้สมาชิกชมรมจัดทำขึ้นเพื่อจัดหาสมุนไพรจำหน่ายสำหรับผู้ที่ไปหาซื้อด้วยตนเองไม่ได้ ติดต่อ Health me Shop ได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
www.facebook.com/healthmeshop999

******* *******
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก Dr.Karach at a conference of the All Ukranische-Union of the Oncologists (speciallists for Tumor disease) and Bacteriologists, a part of the Academy of Sciences of UDSSR
http://www.oilpulling.com/PULLING%20OIL_karacharticle.pdf
ภาพ: ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

"เราเองมีพิษยิ่งกว่าพิษงู

คำสอน...หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

"เราเองมีพิษยิ่งกว่าพิษงู
เช่น โกรธใครก็ใช้วาจาทิ่มแทงเขา
ให้เจ็บอกเจ็บใจยิ่งกว่าโดนพิษงูกัด
เพราะว่าเจ็บที่ใจไม่ใช่เจ็บที่กาย"

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อยากรักษาศีลเพื่อผู้อื่น

อยากรักษาศีลเพื่อผู้อื่น ปุจฉา - กราบนมัสการค่ะพระอาจารย์ คนใกล้ชิดและคนรอบข้างมักบอกว่าหนูเป็นคนดี แต่หนูจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจค่ะเพราะจริงๆ แล้วหนูไม่ใช่คนดี และหนูก้อบอกกับทุกคนเสมอว่า เราไม่ได้ดีอย่างที่ทุกคนเข้าใจ

เพราะการที่หนูไม่ฆ่าสัตว์เพราะหนูกลัวเขามาทำหนู หนูไม่ลักทรัพย์เพราะของๆ หนู หนูก้อหวงคนอื่นก้อต้องหวงของเขาเหมือนกัน ไม่ประพฤติผิดในกามเพราะหนูมองว่าผู้ชายที่นอกใจภรรยาได้ไม่มีศักดิ์ศรีและไม่แมน หนูไม่โกหกเพราะโกหกแล้วจะกังวลมากว่าโกหกอะไรใครไว้ ต้องจำมันทำให้ปวดหัวก็เลยไม่โกหก ยกเว้นเล่นๆขำๆกับเพื่อน ไม่ดื่มสุราหรือสิ่งเสพติดให้โทษ เพราะหนูไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น

หนูอยากเรียนถามพระอาจารย์ว่า ที่หนูคิดและทำอยู่ทุกวันนี้มันทำให้หนูรู้สึกว่าเห็นแก่ตัวคือทุกอย่างเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง หนูอยากไม่ฆ่าสัตว์เพราะรักและเมตตาอะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ หนูควรวางใจหรือทำอย่างไรคะกับการรักษาศีลในแต่ละข้อน่ะค่ะ กราบขอบพระคุณในเมตตาค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - การที่คุณรักษาศีลเพราะมุ่งประโยชน์ที่จะเกิดแก่ตนเอง หรือเพราะเอาตนเองเป็นที่ตั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เป็นสิ่งที่ดี เพราะทำ ให้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น การรักษาศีลแบบนี้เรียกว่า "ปรารภตน" หรือ "อัตตาธิปไตย"

แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น คุณควรทำเพื่อเห็นแก่ประโยชน์แก่ผู้อื่น หรือนึกถึงผู้อื่นเป็นสำคัญ เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ เพราะเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมรักสุขเกลียดทุกข์ หรือเพราะไม่ต้องการทำให้เขาเดือดร้อน

หากคุณรักษาศีลให้มั่นคง จิตใจจะสงบเย็น เป็นสุข เมตตาก็จะบังเกิดขึ้น ทำให้คุณนึกถึงประโยชน์ของผู้อื่นมากขึ้น นี้จะช่วยให้การรักษาศีลของคุณพัฒนาขึ้น คือมิได้เอาตนเองเป็นที่ตั้งเท่านั้น แต่ยังทำเพราะคำนึงถึงประโยชน์สุขของผู้อื่นด้วย

นอกจากนั้นคุณควรทำมากกว่าศีล ๕ เช่น หมั่นให้ทานและช่วยเหลือผู้อื่น การกระทำดังกล่าว (ซึ่งจัดว่าเป็นศีลเช่นกัน) จะช่วยให้คุณนึกถึงผู้อื่นมากขึ้น ส่งผลให้การรักษาศีลของคุณเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นด้วย

ช่วยหมอทำหัตถการ ขูดชิ้นส่วนเด็กที่เสียชีวิต เป็นบาปไหม?

ช่วยหมอทำหัตถการ ขูดชิ้นส่วนเด็กที่เสียชีวิต เป็นบาปไหม?
Yanida Piawong ปุจฉา - เรียนถามพระอาจารย์ค่ะ การเป็นพยาบาลห้องผ่าตัดต้องมีส่วนร่วมในการทำแท้งจะบาปหรือไม่คะ แต่ผู้ป่วยเขาแท้งมาก่อนคือเด็กในท้องเสียชีวิตแล้วแต่ชิ้นส่วนออกไม่หมด หมอต้องขูดเดาชิ้นส่วนเด็กออกให้หมดเพื่อป้องกันภาวะตกเลือด เพื่อช่วยชีวิตมารดา พยาบาลมีส่วนในการช่วยจัดส่งเครื่องมือในการทำหัตถการ ถือว่ามีส่วนในการทำบาปหรือไม่คะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - กรณีที่คุณพูดถึงนั้น ไม่ถือว่าเป็นการทำแท้ง เพราะเด็กเสียชีวิตมาก่อนแล้ว การขูดชิ้นส่วนเด็กออกมาเป็นการเยียวยาผู้เป็นแม่ ทั้งหมอและพยาบาลถือว่าได้ช่วยแม่ให้รอดชีวิต โดยไม่ได้ทำให้เด็กตายแต่อย่างใด

นิตยสารไทม์ตีพิมพ์เรื่อง "20 วิธีทำให้(ตัวเรา)มีความสุข" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ


...
(1). แสดงความชื่นชมสัปดาห์ละ 5 ครั้ง
อ.ซอนย่า ลิวโบเมียสกี แห่งมหาวิทยาลัย UC Riverside พบว่า คนที่แสดงความชื่นชมออกมาภายนอก (โดยการเขียน) สัปดาห์ละ 5 ครั้งมีความสุขมากกว่าคนที่ทำได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ถ้าไม่ชอบเขียน... พูดชมคนอื่นออกมาจากใจก็ใช้ได้ แต่อย่าเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้ไว้ในใจอย่างเดียว
(2). ฟังเพลง
ผลการศึกษาทำในคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดตาพบว่า การได้ฟังเพลงช่วยให้ชีพจร และความดันเลือดเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคนไข้ที่ไม่ได้ฟังเพลง
ผลการศึกษาทำในคนไข้ที่เข้ารับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) พบว่า คนไข้ที่ได้ฟังเพลงมีความเครียดน้อยกว่า และใช้ยานอนหลับน้อยกว่าคนไข้ที่ไม่ได้ฟังเพลง

(3). จูบกอดกันหน่อย
การสัมผัสร่างกายกับคนที่ "คุ้นเคย" ทำให้คนเรามีความสุข... ทีนี้ถ้าไม่คนให้กอดก็อย่าเพิ่งตกใจ กอดน้องหมาน้องแมว หรือกอดหมอน-ตุ๊กตาก็ใช้ได้
(4). ปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ (สำนักปฏิบัติที่ไม่เน้นการบริจาคมีแนวโน้มจะปลอดภัยกว่าสำนักที่เน้นการบริจาค หรือมากไปด้วยการเรี่ยไร) หรือการออกกำลังแบบตะวันออก เช่น ไทเกก-ไทชิ โยคะ มวยจีน รำกระบองชีวจิต ฯลฯ ช่วยให้คนเรามีความสุขได้

(5). เคลื่อนไหว
การเดิน เดินเร็ว วิ่ง ขี่จักรยาน หรือทำอะไรที่ร่างกายได้เคลื่อนไหวมักจะทำให้คนเรามีความสุขมากกว่าการอยู่นิ่งๆ นานๆ
วิธีหนึ่งที่จะทำลายความ "เศร้า-เหงา-เซง" ได้ดีคือ พอเบื่อๆ ก็ให้เดินเร็วสุดๆ ติดกันอย่างน้อย 10 นาที แล้วอะไรๆ มักจะดีขึ้นเอง
(6). หัวเราะ
คุยกันเรื่องขำๆ หาหนังสือขำขันมาอ่าน หรือดูวิดีโอขบขัน... ถ้าทำเป็นกลุ่มได้ยิ่งดี คนเรามีแนวโน้มจะหัวเราะเวลาอยู่กันหลายๆ คนมากกว่าตอนอยู่คนเดียว 30 เท่า

(7). ทำให้คนอื่นมีความสุข
ผลการศึกษาพบว่า คนที่ทำให้คนอื่นมีความสุขวันละ 5 ครั้งมีความสุขมากกว่าคนที่ทำให้คนอื่นมีความสุขสัปดาห์ละ 5 ครั้ง
กลไกที่เป็นไปได้คือ ความสุขเป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งที่สะท้อนกลับไปกลับมาได้ตามหลัก "ทำดี-ได้ดี"
(8). ทำเงิน
การวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สเตทในปี 2548 พบว่า คนที่ทำเงินได้มากกว่าเพื่อนๆ มีความสุขมากกว่า
ข้อสำคัญคือ อย่าไปเปรียบเทียบกับคนที่หาเงินได้มากกว่าเรา แต่ให้ลองเปรียบเทียบกับคนที่หาเงินได้น้อยกว่าเรา และเก็บความสุขแบบนี้ไว้ในใจ เพราะความสุขแบบนี้พูดมากไปจะทำให้คนหมั่นไส้เพียบเลย

(9). ทำงาน
ผลการวิเคราะห์งานวิจัย 225 รายงาน รวมกลุ่มตัวอย่าง 275,000 คนพบว่า คนเรามีความสุขใหญ่ๆ จากการทำงานให้สำเร็จ จากการมองโลกในแง่ดี สุขภาพดี สติปัญญา ครอบครัว และความเชี่ยวชาญ
สรุปคือ คนขยัน (ในการศึกษาเล่าเรียน การฝึกงาน การทำงาน) มองโลกในแง่ดี ให้เวลากับครอบครัว และสุขภาพมีแนวโน้มจะมีความสุขมากขึ้น
(10). กลับสู่รากเหง้า
ผลการศึกษากลุ่มชนหลายแห่งทั่วโลกพบว่า คนที่ไม่ลืมรากเหง้าทางสังคม เช่น ใส่ใจ และรักษาวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ ฯลฯ มีความสุขมากกว่าคนที่ทิ้งรากเหง้า

(11). กตเวที (บุญคุณควรทดแทน)
คนที่ระลึกถึงความดีงามของผู้มีพระคุณ และตอบแทนคุณเป็นรูปธรรม เช่น เลี้ยงดูคุณแม่คุณพ่อ มีของฝากให้คุณครูสมัยเด็กๆ ฯลฯ มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ
(12). มองโลกในแง่ดี
คนที่มองโลกในแง่ดีมีความสุขมากกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย... วิธีฝึกง่ายๆ คือ ให้ลองมองเรื่องร้ายๆ (วิกฤต) ในชีวิตเราว่า เรื่องร้ายๆ นำโอกาสดีๆ อะไรมาให้เราบ้าง และฝึกพลิกวิกฤตที่เราพบทุกวันให้กลายเป็นโอกาสแห่งการพัฒนา
ธรรมดาของข่าวดีคือ มักจะมาคู่กับข่าวร้าย และธรรมดาของข่าวร้ายคือ มักจะมาคู่กับข่าวดี... ชีวิตของคนส่วนใหญ่มักจะเป็นเช่นนี้
คนมองโลกในแง่ดีมักจะมองเห็น "โอกาส" ในท่ามกลาง "วิกฤต" ได้มากกว่า และฟันฝ่าอุปสรรคได้ดีกว่า
การฝึกมองโลกในแง่ดีมักจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ และเป็นเรื่องที่น่าลงทุนมากๆ เลย

(13). ลองสิ่งใหม่
อ.ริช วอล์คเกอร์ แห่งมหาวิทยาลัยวินซทัน-ซาเลมทำการศึกษาบันทึกความทรงจำ 30,000 ฉบับ และไดอารีอีกกว่า 500 ชุดพบว่า คนที่มีประสบการณ์มากกว่ามีแนวโน้มจะมองโลกในแง่ดีมากกว่าคนที่มีประสบการณ์น้อย
การลองสิ่งใหม่ในด้านดี เช่น ท่องเที่ยวไปในที่ที่ปลอดภัย การชมสารคดี การศึกษาเรียนรู้เรื่องใหม่ ฯลฯ มักจะทำให้คนเรามีประสบการณ์มากขึ้น เห็นธรรมดาของโลกมากขึ้น และมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
(14). ระบายความในใจกับเพื่อนที่รู้ใจ
การมีเพื่อนที่รู้ใจและระบายความในใจไปบ้างมักจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น... อ.ริช วอล์คเกอร์แนะนำว่า การมีเพื่อนหลากหลายสไตล์จะช่วยให้การระบายความในใจได้ผลดีขึ้น เช่น มีเพื่อนต่างวัย ต่างอาชีพ ฯลฯ เนื่องจากทำให้เรามีมุมมองในเรื่องชีวิตกว้างขวางขึ้น

(15). งานเป็นงาน-บ้านเป็นบ้าน
การวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สเตทพบว่า คนที่รู้จักแยกแยะ "งานเป็นงาน-บ้านเป็นบ้าน" หรือทำงานเต็มที่ หมดเวลาแล้วพักงาน กลับบ้านแล้วให้เวลากับคนที่บ้าน มีความสุขมากกว่าคนที่แยกแยะไม่เป็น
(16). คาดหวังบนความเป็นไปได้จริง
งานวิจัยในยุโรปพบว่า คนเดนมาร์กมีความสุขมากกว่าคนชาติอื่นๆ ในยุโรปติดกันมานานกว่า 30 ปี
สาเหตุสำคัญคือ คนเดนมาร์กมีระดับความคาดหวังที่ตั้งอยู่บนความเป็นไปได้จริง ไม่คาดหวังอะไรที่เกินจริง ทำให้คนที่นั่นมี่ความสุข

(17). ทำตัวให้ว่าง
คนที่เหลือเวลาให้กับตัวเองบ้าง ไม่รับงานหรือวุ่นวายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น ไม่ดู TV หรืออ่านหนังสือพิมพ์มากเกินไป โดยเฉพาะข่าว 3 จังหวัดภาคใต้กับข่าวพวกประท้วงในไทย ฯลฯ มีความสุขมากกว่าคนที่ชอบทำตัวให้ไม่ว่าง
คนที่สนใจเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ทั้งวัน เช่น หมกมุ่นกับการเมือง ฯลฯ มีแนวโน้มจะมีความสุขน้อยลง
(18). คิดเรื่องดีๆ
คนที่คิดเรื่องดีๆ บ่อยๆ เช่น คิดถึงการทำความดีของคนรอบข้างทุกเช้า คิดถึงการทำความดีของตัวเองก่อนนอน ฯลฯ มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนที่คิดแต่เรื่องร้ายๆ

(19). ยิ้มให้เป็น
คนที่ยิ้มเก่งมีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนที่ยิ้มไม่เก่ง... วิธีฝึกง่ายๆ คือ ส่องกระจกทุกครั้งให้ยิ้มกับ "คนในกระจก" ทุกครั้ง เวลาพูดโทรศัพท์ให้หากระจกมาตั้งไว้ใกล้ๆ (ส่องเป็นพักๆ)... พูดไปยิ้มไป
(20). แต่งงานกับความสุข
ผลการศึกษาพบว่า คนโสดที่แสนเศร้า (คนโสดที่มีอารมณ์ซึมเศร้าบ่อย) มีความสุขจากการแต่งงานมากกว่าคนโสดที่ไม่ค่อยเศร้า และคนที่แต่งงานแล้วส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนโสด
นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอร์วิคพบว่า คนที่มีความสุขสุดๆ ไปเลยคือ คนที่แต่งงานกับคนที่มีความสุข... ทีนี้ถ้าแต่งงานแล้วยังรู้สึกไม่ค่อยจะพึงพอใจก็ไม่ต้องตกใจ เพราะมีงานวิจัยพบว่า พวกขี้บ่นก็บ่นไปอย่างนั้นเอง จริงๆ แล้วส่วนลึกๆ ยังมีความสุขมากกว่าคนโสด
ถ้ายังโสดก็ไม่ต้องตกใจอีกนั่นแหละ เพราะมีวิธีทำให้มีความสุขอีก 19 วิธี (ข้อ 1-19)... เมื่อชีวิตมาถึงตรงนี้แล้ว ขอให้พอใจกับสิ่งที่เรามีและเป็น... แล้วความสุขจะเข้ามาหาเราเอง
...

เรื่องที่สำคัญมากสำหรับคนยุดนี้คือ ถ้าไม่อยากมีความทุกข์แบบสุดๆ... อย่าเป็นหนี้โดยไม่จำเป็นจริงๆ อย่าเป็นหนี้เกินตัว อย่าไปค้ำประกันหนี้สินให้คนอื่น และอย่าเล่นการพนัน
คนที่ไม่มีหนี้นั้น... เวลาหายใจเข้าก็หายใจเข้าเป็นสุข เวลาหายใจออกก็หายใจออกเป็นสุข ไม่หายใจติดขัดแบบคนมีหนี้
...
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

นิทานเซน : ข้าวเย็นหมดแล้ว


ยังมีพระบวชใหม่รูปหนึ่ง เมื่อถึงมื้ออาหารเช้าในวันถัดไปหลังจากครองเพศบรรพชิต เกิดอาการอดรนทนไม่ไหว จึงเอ่ยถามคำถามเพื่อหวังให้อาจารย์เซนหลงหยาชี้ทางสว่างให้ ดังนี้

"ท่านอาจารย์ ศิษย์มีข้อสงสัยมากมาย
ข้อแรก :จิตวิญญาณของคนเราสามารถเป็นอมตะหรือไม่?
ข้อสอง:ร่างกายของคนเราต้องเสื่อมสลายเสมอไปหรือไม่?
ข้อสาม:คนเราจำต้องตายแล้วเกิดใหม่แน่หรือ?
ข้อสี่:หากเราตายแล้วเกิดใหม่ จะสามารถจำเรื่องราวในชาติที่แล้วได้หรือไม่?
ข้อห้า:เซน จะทำให้เราหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดจริงหรือ?..."

จากนั้นศิษย์เซนยังคงถามคำถามต่อเนื่องไปอีกมากมายไม่มีหยุด แต่ขณะที่กำลังจะเอ่ยถามคำถามต่อไป กลับถูกขัดจังหวะด้วยประโยคเดียวของอาจารย์เซนหลงหยาว่า "ข้าวเช้าของเจ้า เย็นหมดแล้ว"

ปัญญาเซน: การเอาแต่ฟุ้งซ่านถึงสิ่งที่อยู่ห่างไกลจนละเลยปัจจุบันขณะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม เซนเน้นการรักษาจิตปกติ ดำรงสติระลึกรู้อยู่ทุกขณะเวลาในชีวิตประจำวัน เพราะเมื่อมีสติแล้ว ย่อมเข้าใจแก่นแท้ของสิ่งทั้งปวงโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ

ที่มา : หนังสือ 《一日一禅》, 东方闻睿 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 中国电影出版史, 2004.8, ISBN 7-106-02204-7

10 สิ่งที่น่าทำ

10 สิ่งที่น่าทำ
1. หัดคิดแต่ด้านบวก แล้วเราจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้

2. หัดฝัน แล้วเราจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่

3. หัดพูดแต่ด้านบวก แล้วเราจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่รักเรา

4. ลองเขย่งดูสิ แล้วเราจะรู้ว่าเรายังสูงขึ้นอีก

5. ลองทำบ้าดูสิ แล้วเราจะรู้ว่าคนอื่นก็กลัวเราเป็นเหมือนกัน

6. ลองทนดูสิ แล้วเราจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใครๆ

7. หัดฟาดฟันกับอุปสรรคดูสิ แล้วเราจะรู้ว่าเราคือคนที่เข้มแข็ง

8. ลองออกกำลังกายทุกวันดูสิ แล้วเราจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง

9. หัดยิ้มดูสิ แล้วเราจะรู้ว่าเราคือคนที่น่ารัก

10. ลองคิดใหญ่ดูสิ แล้วเราก็จะรู้ว่าเรามีความฮึกเหิมอย่างน่าแปลกใจ — กับ

10 อันดับ "ผักรักษาโรค"


1. เห็ดหอม มีรสหวาน มีกลิ่นหอม มีฤทธิ์ลดโคเลสเตอรอลในเลือด รับประทานเป็นยาบำรุงกำลังช่วยย่อย ลดอาการเบื่ออาหาร
2. งา มีกลิ่นหอม มีน้ำมันมาก สรรพคุณบำรุงกำลัง แก้ท้องผูก ผมหงอกก่อนวัย ลดโคเลสเตอรอลในเลือด และเสริมภูมิต้านทานโรค ผู้มีท้องร่วงเรื้อรัง ไม่ควรรับประทาน
3. ถั่ว มีคุณค่าอาหารครบถ้วน มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ
4. ขี้เหล็ก ใช้ใบรับประทาน ทำให้นอนหลับดี แก้ท้องผูก และบำรุงร่างกาย
5. ตำลึง เป็นไม้เถา ใช้ใบรับประทาน เป็นพืชมีคุณค่าสูง เหมาะเป็นอาหารบำรุง นอกจากนี้ตำลึงยังมีคุณสมบัติแก้แพ้ได้ดี โดยนำใบมาพอกบริเวณโดนสัตว์กัดต่อย
6. มะระ เป็นผักจำพวกแตง มีรสขม เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ แก้กระหาย มีการทดลองกินมะระลดน้ำตาลในเลือดได้ (ส่วนเม็ดมะระจีนแก่จัดตากแห้งแกะเปลือกนอกออก นำมาบดให้ละเอียด ละลายน้ำร้อนกินวันละครั้งก่อนนอน จะแก้อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้)
7. ผักกาด มี 3 ชนิด ผักกาดขาว ผักกาดเขียว และผักกาดหอม ต่างมีสารอาหารเกลือแร่วิตามินครบบริบูรณ์ และมีเส้นใยอยู่จำนวนมาก รับประทานป้องกันอาการท้องผูก ลดการเป็นมะเร็งลำไส้ ส่วนผักกาดหอมสามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูง เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และสร้างเสริมภูมิต้านทานโรค
8. มะเขือ มีอยู่ 3 ชนิด เปลือกสีเขียว สีม่วง และสีขาว พบว่าเปลือกสีม่วงและสีขาวมีคุณภาพดีกว่าสีเขียว ในมะเขือมีวิตามินบี 1 จำนวนมาก ช่วยเสริมการทำงานของสมอง ช่วยความจำ ลดอาการอ่อนเปลี้ยของสมอง ในมะเขือยาวนี้มีโปรตีน แคลเซียม และวิตามินมากกว่ามะเขือเทศ รับประทานช่วยให้เส้นเลือดไม่เปราะ ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคลักปิดลักเปิด
9. ปวยเล้ง เป็นผักสีเขียวเข้ม มีเส้นใย เกลือแร่ วิตามินซี กรดออกซาลิกจำนวนมาก ซึ่งกรดนี้ถ้ารวมตัวกับแคลเซียมจะทำให้เกิดนิ่วได้ ก่อนบริโภค ควรลวกให้สุกก่อน จึงนำมาปรุงอาหาร รับประทานเพื่อยับยั้งการดำเนินของโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน
10. แค รับประทานดอกชนิดสีแดงและสีขาว มีสรรพคุณลดไข้ ส่วนใบแครับประทานเป็นยาระบายได้
11. หัวปลี เป็นส่วนดอกของต้นกล้วย มีธาตุเหล็ก จึงบำรุงเลือด แก้โลหิตจาง และยังคงลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ การนำมาปรุงอาหารได้แก่ ยำหัวปลี หรือรับประทานสดก็ได้

การปรุงอาหารผักให้ได้คุณค่า
- การรับประทานผักต้ม จะต้องรับประทานน้ำแกงด้วย การต้มควรจะต้มในน้ำน้อยๆ และใช้เวลาสั้นๆ
- การปรุงอาหารจำพวกผัก ถ้าเติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร และรักษาวิตามินซีไว้ด้วย
- เครื่องครัวที่ใช้ผัดหรือต้มผัก ควรเป็นพวกเหล็ก เพราะจะทำให้วิตามินสูญเสียน้อยกว่าพวกทองแดง
******* *******
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก http://www.ku.ac.th/e-magazine/october45/know/vegetable.html

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 22 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 22 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

: วิถีลุงพงศ์
รายการรักพ่อ 22 พบกับคุณลุงพงศ์ Shetthapong Maneepong
ที่จะมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ประวัติชีวิต, กิจกรรมที่ทำเพื่อในหลวง, โครงการที่อบรม, การจัดรายการวิทยุที่คนเมืองเรดิโอ, ความตั้งใจที่ทำกิจกรรมต่างๆ



“เธอคือผู้กำหนด”

คำสอน....ท่าน ว.วชิรเมธี

“เธอคือผู้กำหนด”

“มนุษย์คือนายแห่งชะตาชีวิตตน
มนุษย์คือเทพเบื้องบนทรงศักดิ์ศรี
มนุษย์คือผู้กำหนดบทบาทชี้
มนุษย์นี้คือพระเจ้าผู้เฝ้ามอง
“เธอคือหนึ่งในมณีแห่งมนุษย์
จงอย่าหยุดพัฒนาอย่าเป็นสอง
จงอย่าทนก้มหน้าน้ำตานอง
จงสรรสร้างยุคทองของเธอเอง”

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปฏิบัติอย่างไร กับคนชอบโกหก



ปุจฉา - ถ้าคนที่เรารู้จักสร้างความหงุดหงิดและเร่าร้อนในใจเพราะความโกรธเคืองเมื่อจับได้ว่าเขาโกหกบ่อยๆ และตัวเขาเองก็รู้ตัวว่าถูกจับได้ แต่ดูเหมือนเขาไม่สะทกสะท้านหรือ รู้สึกผิดใดๆ เวลาเขาโทรมาไม่อยากคุยด้วยเลย ไม่อยากรับโทรศัพท์ อยากเลิกคบ จะถือว่าเราสร้างกายกรรม มโนกรรมไหมคะ และเราควรปฏิบัติกับคนแบบนี้เช่นไร

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - กายกรรมและมโนกรรม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ต่างกันก็ตรงที่เป็นกุศลหรืออกุศล เช่น ความรู้สึกหงุดหงิดรุ่มร้อนใจเมื่อพูดคุยกับคนบางคน ก็เป็นมโนกรรมแล้ว จัดว่าเป็นมโนกรรมฝ่ายอกุศล และหากไม่รู้เท่าทันอารมณ์นั้น ก็อาจเกิดวจีกรรมและกายกรรมที่เป็นอกุศลตามมา ในทำนองเดียวกัน แค่มีความคิดหรือความรู้สึกว่าไม่อยากคุยกับเขาหรือไม่อยากคบเขา นี้ก็เป็นมโนกรรมเช่นกัน และเป็นมโนกรรมฝ่ายอกุศลด้วยเนื่องจากทำไปด้วยความโกรธหรือเกลียดเขา

พระพุทธเจ้าตรัสว่า การไม่คบคนพาล เป็นมงคลสูงสุดประการหนึ่ง หากคุณเห็นว่าเขาเป็นคนไม่ซื่อตรง ไม่มีวาจาสัตย์ การวางระยะห่างจากเขาย่อมเป็นผลดีต่อคุณ แต่พึงทำโดยไม่มีความโกรธเกลียดเขา ที่จริงควรมีเมตตาต่อเขาด้วย ซ้ำเพราะนิสัยเช่นนี้มีแต่จะทำให้เขาประสบความเสื่อม หาความเจริญได้ยาก

ตัดเยื่อใยจากคนที่มีครอบครัวแล้ว อย่างไร ?


ปุจฉา - กราบนมัสการพระคุณเจ้า ติดตามอ่านผลงานคำสอนพระคุณเจ้ามานานโดยตลอด เกินสิบปี คิดว่าตนเองพยายามรักษาศีล เจริญสติและเกิดปัญญาได้บ้างระดับหนึ่ง จนเกิดเหตุการณ์พบและมีสัมพันธ์เริ่มต้นทางใจจนทางกายอย่างลึกซึ้งกับผู้มีครอบครัวอยู่แล้ว แรก ๆ คุมจิตใจไม่ให้เป็นทุกข์เมื่อเขาต้องหายจากเราเป็นระยะ ๆ จนหายไปเป็นเดือน จนจวบใกล้เป็นปี มีความทุกข์เกิดขึ้น คิดตัดใจหลายครั้งหลายหนยังไม่สำเร็จ อยากเรียนถามว่าวิธีใดที่จะเลิกความสัมพันธ์แบบนี้ได้โดยเด็ดขาดที่สุด กราบนมัสการเจ้าค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ความรู้สึกผูกพันทางใจนั้น ตัดให้เด็ดขาดทันทีได้ยาก เว้นเสียแต่มาพบความจริงว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ ความรักก็จะกลายเป็นความเกลียดโกรธได้อย่างฉับพลันทันที ในกรณีของคุณนั้น ควรวางระยะห่างจากเขาเป็นเบื้องแรก การที่เขาหายจากคุณไปเป็นปีนั้นควรถือเป็นเรื่องดี หาไม่แล้วคุณอาจห้ามใจไม่ได้ที่จะถลำเข้าไปอบาย

ประการต่อมา คุณควรพิจารณาถึงโทษของความผูกพันกับชายคนนั้นซึ่งมีครอบครัวแล้ว หากยังหลงรักเขาความทุกข์ ย่อมเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ควรมองเห็นให้ชัดว่าจะมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง ความตระหนักถึงโทษดังกล่าวจะช่วยห้ามใจคุณไม่ให้เตลิดไปกับ ความลุ่มหลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความอาลัย ความคิดถึงย่อมเกิดขึ้นแก่คุณเป็นระยะ ๆ คุณควรมีสติรู้ทันมัน รับรู้เฉย ๆ โดยไม่ต้องกดข่ม แค่เห็นว่ามันเกิดขึ้นกับใจ ไม่นานมันก็จะไป เหมือนสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในใจคุณชั่วคราวเท่านั้น

การหาอะไรทำให้เพลิน ๆ รวมถึงการทำสมาธิและการสวดมนต์ จะช่วยให้คุณไม่ฟุ้งซ่านหรือปล่อยใจให้ความลุ่มหลงครอบงำใจ หากทำดังที่ได้แนะนำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง คุณจะพบว่าไม่ช้าก็เร็ว ความผูกพันนั้นจะจางคลายไปจนเลือนหายไป เพราะธรรมชาติของมันเป็นเช่นนั้นเอง

ผิดหวังในตัวแม่ผู้ให้กำเนิด

ผิดหวังในตัวแม่ผู้ให้กำเนิด

ปุจฉา - กราบเรียนพระอาจารย์ค่ะ ตอนนี้หนูมีเรื่องทุกข์ใจที่เกี่ยวกับแม่ หนูมีแม่ ๒ คนค่ะ คือแม่ที่เลี้ยงมาตั้งแต่ ๒ ขวบ เป็นคุณยายทวดของพ่อ ขอแทนคำว่าแม่จ๋านะคะ เพราะท่านสอนให้เรียกอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก อยู่กับแม่จ๋ามาจนโตไม่เคยรู้สึกว่าขาดความอบอุ่นเลย ท่านดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดดีมาก รู้ได้ว่าท่านหวังดีต่อเราด้วยใจจริง จวบจนวาระสุดท้ายของท่านก็ยังรู้สึกว่ายังตอบแทนพระคุณไม่พอ แต่ก็ยังรู้สึกภูมิใจว่าได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญูต่อท่าน

เมื่อหันกลับมามองแม่ที่ให้กำเนิดของตัวเอง เมื่อแม่จ๋าป่วยก็ไม่เคยมาเยี่ยม มาช่วยดูแล หรือจะมาแสดงความกตัญญูอะไรเลย เค้าเคยบอกว่าแม่จ๋าไม่ใช่แม่เค้า จะให้แม่ไปดูแลแม่จ๋า แม่ทำไม่ได้หรอก คำพูดนี้มันทำให้รู้สึกว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ช่างอกตัญญูเหลือเกิน รู้ไหมคนแก่ที่เลี้ยงลูกให้เธอมาน่ะช่างลำบากขนาดไหน พอรู้ว่าไม่ได้สมบัติอะไรจากเค้าก็ไม่ใยดี ส่งพ่อมาดูแลแม่จ๋าแทน แม้แต่งานศพแม่จ๋า แม่กับพ่อก็ไม่มา

หนูเคยคิดนะคะว่าเมื่อถึงเวลาหนูจะเอาคืน แล้วตลอดเวลาแม่ชอบด่าว่าพ่อให้หนูฟัง จนหนูทนไม่ไหวต้องฝากบอกพ่อไปบอกแม่ทีว่าให้เลิกว่าพอซะที ยิ่งเค้าว่าพ่อเท่าไหร่หนูยิ่งรู้สึกรังเกียจเค้าค่ะ ในความรู้สึกหนูพ่อไม่ค่อยบอกรัก แต่การแสดงออกของพ่อรับรู้ได้ค่ะว่ารักลูกมาก ผิดกับแม่ไม่เคยดูแล ไม่เคยแสดงความใส่ใจ ไม่เคยโทรหาถามไถ่ทุกข์สุขของลูก จะรอแต่ให้ลูกเข้าหา

บางทีอดคิดไม่ได้ว่าที่บ้านยังจนมากก็เพราะมีแม่แบบนี้หรือเปล่า ถ้าเทียบกับบ้านอื่นๆ ทำไมเค้ามีลูกเยอะแยะ เค้ายังตั้งตัวได้ ครอบครัวเราบ้านแตก ยากจนมาก ส่วนหนึ่งเพราะพ่อเจ้าชู้ ติดเล่นหวย จึงไม่สามารถตั้งตัวได้ค่ะ หนูเข้าใจความเจ็บช้ำของแม่นะคะ แต่มีหลายสิ่งไมหลายอย่าง และหลายครั้งที่เหมือนกับว่าเคมีไม่เข้ากัน มีหลายครั้งที่รู้สึกว่าธรรมไม่เสมอกัน ความคิดความอ่านไม่ตรงกันหลายเรื่อง หนูพยายามใช้ความเมตตานะคะ

ทุกวันนี้หนูยังส่งเงินเลี้ยงดูตามอัตภาพ ตามหน้าที่ลูกที่ควรกระทำ ส่งของไปให้บ้าง ซื้อเสื้อผ้าให้บ้างตามแต่อารมณ์ หรือเจอแล้วนึกถึงก็จะให้ แต่จะทำยังไงดีคะรู้สึกว่าเราแม่ลูกมีกรรมต่อกันมากเหลือเกิน หนูแยกตัวออกมาอยู่ต่างหาก ไม่อยากอยู่ใกล้หรือแม้แต่ไปเยี่ยม นอกจากมีธุระจริง ๆ ก็จะไปหา

ดังนั้น ทุกวันนี้หนูจึงอยู่ตัวคนเดียว ไม่นับญาติกับใครทั้งนั้น เพราะแต่ละคนรับไม่ไหวค่ะ ชอบแข่งดีแข่งเด่น แม่ก็ไม่สอนลูกในสิ่งที่ควรสอน ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เวลาน้องสาวคลอดลูก นี่พ่อแม่ช่วยกันเต็มที่ แฟนหนูเค้าว่าหนูว่าขี้อิจฉาน้อง หนูบอกไม่ใช่ ไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น หนูเข้าใจว่าหนูติดดี เหมือนอย่างที่พระอาจารย์เคยสอนลูกศิษย์ท่านอื่น หนูก็พยายามที่จะไม่ติดดีนะคะ พยายามเข้าใจสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แต่ขณะนี้รู้สึกยากเหลือเกินที่จะวางใจให้ดีกับพระอรหันต์ในบ้านค่ะ โปรดช่วยชี้ทางสว่างให้หนูด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ ตอนนี้รู้สึกจิตมันหนักเหลือเกิน อยากจะวางก็วางลำบากค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ความดีนั้นเป็นสิ่งที่ควรประกอบในทุกการกระทำของเรา ไม่ใช่ว่าเราควรทำดีเฉพาะกับ คนที่ดีต่อเราเท่านั้น แม้คนที่ไม่ได้ดีกับเรา เราก็ควรทำดีกับเขาด้วยเช่นกัน หากเขาทำไม่ดีกับเรานั่น เป็นเรื่องของเขา เขาต้องรับกรรมของเขาเอง แต่หน้าที่ของเราก็คือทำดีอยู่เสมอ เพราะความดีจะช่วยขัดเกลาตัวเราไม่ให้อกุศลครอบงำ อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย แม้ประโยชน์ประการหลังคุณอาจจะไม่สนใจหากเกิดขึ้นกับคนบางคน แต่ก็อย่าละเลยประโยชน์ส่วนแรก คือประโยชน์ตน

กับใครก็ตามที่ไม่ดีกับเรา เรายังควรทำดีกับเขา นับประสาอะไรกับแม่ผู้ให้กำเนิด แม้ท่านจะมีข้อเสียมากมาย แต่ก็ย่อมมีข้อดีไม่ใช่น้อย คุณควรตระหนักถึงข้อดีเหล่า นี้ของท่าน รวมทั้งบุญคุณที่ท่านมีต่อคุณด้วย หากทำเช่นนั้นได้ คุณจะให้อภัยท่านได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ให้อภัยท่านหรือรู้สึกลบกับท่าน พึงระวังว่าคุณอาจจะเป็นอย่างท่าน หรือซึมซับพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดีจากท่านมาก็ได้ คุณไม่พอใจที่ท่านไม่สำนึกบุญคุณของแม่จ๋า ไม่ดูแลเอาใจใส่แม่จ๋า(ซึ่งเป็นยายทวดของสามี) แต่ถ้าไม่ระวัง ต่อไปคุณอาจจะทำอย่างนั้นกับแม่ของคุณเอง

ดังนั้นคุณควรปรับมุมมองและเปลี่ยนท่าทีต่อท่าน แม้ว่าใหม่ ๆ จะทำได้ยาก ต้องฝืนใจทำ แต่ต่อไปคุณก็จะทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความรักของคุณอาจช่วยให้ท่านเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้นก็ได้ แต่ถึงแม้พฤติกรรมของท่านจะไม่เปลี่ยน ที่แน่ ๆ ก็คือ คุณจะมีความสุขมากขึ้น ไม่ถูกความโกรธเกลียดและความรู้สึกผิดรังควานจิตใจดังขณะนี้

ยาลดความอ้วน…ทางลัดความผอมที่อันตราย!!


สิ่งแรกที่เราต้องเกริ่นกันก่อน คือ "โรคอ้วน" หรือ "ความอ้วน" เป็นสิ่งที่ต้องใช้การรักษาในระยะยาวเพื่อให้น้ำหนักลดและคงที่ไว้ เช่นเดียวกับในโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง การใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอาจจะเหมาะสำหรับคนบางกลุ่ม ซึ่งในขณะที่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเหล่านี้จะค่อนข้างน้อย แต่ก็เคยมีรายงานอาการแทรกซ้อนอันตรายในภายหลัง ที่ต้องทราบก็คือ ยาพวกนี้ไม่ใช่ทางแก้สำหรับโรคอ้วนทุกประเภท การใช้ยาลดความอ้วนควรจะควบคู่ไปกับการออกกำลังและการเปลี่ยนอาหารการกิน เพื่อให้การลดน้ำหนักนั้นประสบความสำเร็จในระยะยาว

เมื่อไหร่ที่คุณจะต้องการยาลดความอ้วน
เมื่อคุณมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป

เมื่อคุณมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 27 ขึ้นไป แต่มีอาการของโรคอ้วน เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูงร่วมด้วย

รู้จักยาลดความอ้วน
ฤทธิ์ของยาลดความอ้วนประเภทหนึ่ง ก็คือ "กดความอยากอาหาร" ยาเหล่านี้จะมาในรูปของยาเม็ดหรือแคปซูล ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้สั่ง ที่พบได้มากคือ Phentermine จะช่วยลดน้ำหนักโดยการหลอกร่างกายให้เชื่อว่าไม่มีความหิว หรือหลอกว่าอิ่มแล้วด้วยการเพิ่มเซโรโทนิน หรือคาเทโคลามิน สารในสมองซึ่งส่งผลกระทบกับอารมณ์และความอยากอาหาร

อีกประเภทหนึ่งก็คือตัวยาซึ่งจะไปยับยั้งการดูดซึมไขมัน หรือ Orlistat ซึ่งจะทำงานโดยการหยุดยั้งประมาณ 30% ของไขมันทั้งหมดที่เรากินเข้าไปไม่ให้มีการดูดซึมโดยร่างกาย และขับออกไปพร้อมกับอุจจาระ ตัวยาออร์ลิสแตท (ในชื่อการค้าคือ Xenical) นับเป็นยาชนิดเดียวที่ทาง FDA สหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้กับการลดน้ำหนักระยะยาว แต่ก็ยังมีการห้ามไม่ให้ใช้นานเกินสองปี

โดยทั่วไปแล้ว ออร์ลิสแตตจะค่อนข้างใช้ได้ผล ทำให้เกิดการลดน้ำหนักประมาณ 12-13 ปอนด์ ภายในระยะเวลาหนึ่งปี หากต้องการจะลดมากกว่านั้นต้องคู่กับการลดน้ำหนักโดยไม่ใช้ยาไปด้วย ส่วนใหญ่แล้วน้ำหนักจะลดได้ภายใน 6 เดือนแรก

ความเสี่ยงของยาลดความอ้วน
ในระยะสั้น สำหรับคนที่เป็นโรคอ้วนแล้ว ยาเหล่านี้จะให้ผลดีต่อสุขภาพ แต่หากใช้เป็นระยะยาวแล้วควรสอบถามแพทย์ถึงความเสี่ยงต่อไปนี้

ติดยา ในปัจจุบัน ยาหลายชนิดยกเว้น Xenical เป็น "สารควบคุม" หมายความว่า แพทย์จำเป็นจะต้องทำตามขั้นตอนบางประการหากจะจ่ายยาให้คุณ เพราะยาตัวนั้นอาจเสพติดได้

ดื้อยา คนส่วนใหญ่มักจะลดน้ำหนักได้ภายใน 6 เดือนแรก ทำให้แพทย์บางคนเชื่อว่าอาจเป็นคนไข้ดื้อยา อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะดื้อยา หรือเพราะยาถึงขีดจำกัดแล้วต่างหาก

ผลข้างเคียงที่ต้องเตรียมตัวรับ
ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ของยาลดความอ้วนนั้นค่อนข้างน้อย และมักจะดีขึ้นเมื่อร่างกายของคุณปรับตัวกับยาได้ โดยยาประเภทกดความอยากอาหาร จะมีผลข้างเคียงคือ

- กระตุ้นการเต้นของหัวใจ
- เพิ่มความดันโลหิต
- ท้องผูก
- นอนไม่หลับ
- คอแห้งอย่างมาก ปากแห้ง
- มึนงง ปวดศีรษะ
- วิตกกังวล
- คัดจมูก
สำหรับยา Orlistat นั้น อาจมีผลข้างเคียง อย่างเช่น ผายลมบ่อย อุจจาระเป็นมัน ถ่ายบ่อย หรือไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะชั่วคราวเท่านั้นและมักจะหายเอง แต่ก็หนักขึ้นได้เช่นกันถ้าคุณกินอาหารไขมันสูง และเพราะยานี้จะลดการดูดซึมไขมัน จึงลดการดูดซึมวิตามินซึ่งละลายในไขมันด้วย ทำให้คุณขาดวิตามินบางประเภทได้

และเนื่องจากยาเหล่านี้ไม่ได้รับคำแนะนำให้ใช้ในระยะยาว จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ใครก็ตามซึ่งพยายามจะลดน้ำหนักควรจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เปลี่ยนนิสัยการกิน และออกกำลังให้มากขึ้นในขณะที่กินยานั้น
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก กระปุกดอทคอม อ้างอิงข้อมูลจากนิตยสาร ลิซ่า
ภาพ: ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

มะตูม


มะตูม สรรพคุณและประโยชน์ของมะตูม แก้ท้องเดิน ท้องเสีย ท้องร่วง โรคลำไส้เรื้อรังในเด็ก ดื่มน้ำมะตูมทำให้มีสมาธิ คลายเครียด และลดความต้องการทางเพศ

ผลโตเต็มที่ - ฝานเป็นชิ้นบางๆ ตากแห้งคั่วให้เหลือง ต้ม - ชงรับประทาน แก้ท้องเดิน ท้องเสีย ท้องร่วง โรคลำไส้เรื้อรังในเด็ก

ผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก - น้ำมาเชื่อมรับประทานต่างขนมหวาน จะมีกลิ่นหอม และรสชวนรับประทาน บำรุงกำลัง รักษาธาตุ ขับลม

ผลสุก - รับประทานต่างผลไม้ เป็นยาระบายท้อง และยาประจำธาตุของผู้สูงอายุ ที่ท้องผูกเป็นประจำ

ใบ - ใส่แกงบวช เพื่อแต่งกลิ่น

ราก - แก้หืด หอบ แก้ไอ แก้ไข้ ขับลม แก้มุตกิต

วิธีและปริมาณที่ใช้
ใช้ผลโตเต็มที่ ฝานตากแห้ง คั่วให้เหลือง ชงน้ำดื่ม ใช้ 2-3 ชิ้น ชงน้ำเดือดความแรง 1 ใน 10 ดื่มแทนน้ำชา หรือชงด้วยน้ำเดือด 2 ถ้วยแก้ว ดื่มครั้งละครึ่งถ้วยแก้ว

หมายเหตุ: การดื่มน้ำมะตูมทำให้มีสมาธิ คลายเครียด และลดความต้องการทางเพศ ให้ผลในช่วงที่ดื่มเท่านั้น สังเกตได้ว่าโบราณมักทำชามะตูมให้ภิกษุหนุ่มบวชใหม่ดื่มประจำ

**
หมายเหตุแอดมิน: ชีวอโรคยา แบ่งปันข้อมูลเพื่อสุขภาพ ไม่มีผลิตภัณฑ์ขายนะคะ
ปัจจุบันมี ผู้แปรรูปมะตูมอบแห้งบรรจุถุงขายสำหรับไปทำน้ำมะตูม มีจำหน่ายตามร้านค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป
หากท่านหาซื้อไม่ได้ กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่ Health me Shop
เพจที่ชมรมชีวอโรคยา มอบหมายให้สมาชิกชมรมจัดทำขึ้นเพื่อจัดหาสมุนไพรจำหน่ายสำหรับผู้ที่ไปหาซื้อด้วยตนเองไม่ได้ ติดต่อ Health me Shop ได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
www.facebook.com/healthmeshop999

************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก www.n3k.in.th อ้างอิงข้อมูลจาก rspg.or.th และ คุณสมบัติสมุนไพรไทย
ภาพ: ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

หญ้าหนวดแมว ตอนที่ 19 /จาก หลากสรรพคุณ 20 สมุนไพรไทยฯ

หญ้าหนวดแมว ตอนที่ 19 /จาก หลากสรรพคุณ 20 สมุนไพรไทยฯ
ไม้ล้มลุกขนาดเล็กที่มีสรรพคุณไม่น้อย โดย "ราก" สามารถใช้ขับปัสสาวะได้ "ใบ" ใช้รักษาโรคไต ช่วยขับกรดยูริกออกจากไต รักษาโรคเบาหวาน อาการปวดหลัง ไขข้ออักเสบ ลดความดันโลหิต "ต้น" ก็ใช้แก้โรคไต ขับปัสสาวะได้เช่นกัน และยังช่วยรักษาโรคนิ่ว โรคเยื่อจมูกอักเสบได้ โดยนำต้นสด หรือต้นแห้ง หรือใบอ่อน หรือใบตากแห้ง ไปชงกับน้ำ 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร ห้ามนำไปต้ม และไม่ควรใช้ใบแก่ หรือใบสด เพราะมีฤทธิ์กดหัวใจ ทำให้ใจสั่นและคลื่นไส้ได้
**************** ****************
หมายเหตุแอดมิน: ชีวอโรคยา แบ่งปันข้อมูลเพื่อสุขภาพ ไม่มีผลิตภัณฑ์ขายนะคะ
ปัจจุบันมี ผู้แปรรูปสมุนไพรอบแห้ง /เป็นเม็ด /แคปซูล /ลูกกลอน จำหน่ายตามร้านค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป
หากท่านหาซื้อไม่ได้ กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่ Health me Shop
เพจที่ชมรมชีวอโรคยา มอบหมายให้สมาชิกชมรมจัดทำขึ้นเพื่อจัดหาสมุนไพรจำหน่ายสำหรับผู้ที่ไปหาซื้อด้วยตนเองไม่ได้ ติดต่อ Health me Shop ได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
www.facebook.com/healthmeshop999

**************** ****************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก “หลากสรรพคุณ 20 สมุนไพรไทยที่ใครๆ ก็รู้จัก”
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง - ภาพประกอบจาก gpo.or.th , สสส. , กรมวิชาการเกษตร , โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

ปัญหาหอยทากแพร่ระบาด

ปัญหาหอยทากแพร่ระบาดและเข้าทำลายสวนมะละกอปลูกใหม่ ให้ได้รับความเสียหาย แก้ไขง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งสารดคมี เพียงโรยแกลบดิบหนาๆ
จาก SMS farmer Info - 10 ต.ค.2556

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 21 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

รายการรักพ่อ 21 พบกับทีนพลัสรักพ่อ, ลูกจีนโพ้นทะเล อัญชุลี รักอำนวยพร ผู้สำนึกคุณแผ่นดิน เล่าถึงงานจิตอาสาตลอด 8 ปี กับงานประชาสัมพันธ์ที่วัดโพธิ์เย็น กาญจนบุรี, คุณหน่อย ประภัสสร เปิดใจถึงเพื่อนร่วมงานร่วมจิตอาสา

เคล็ดลับการทอดปลา

เคล็ดลับการทอดปลา เพียงหยดน้ำส้มสายชู 2-3 หยด ลงในกระทะน้ำมันก่อนนำปลาลงทอด เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ปลาไม่ติดกระทะแล้ว
จาก SMS farmer Info - 12 ต.ค.2556

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปฏิบัติธรรมแล้ว เห็นความคิดดับได้เร็ว ควรทำอย่างไรต่อ ?



Kriangsak Ketpeng ปุจฉา - นมัสการพระอาจารย์ กระผมได้เคยปรึกษาพระอาจารย์เรื่องการปฏิบัติธรรมครับ ครั้งที่แล้วกระผมได้ฝึกปฏิบัติแบบหายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย พอความคิดเกิดขึ้นกระผมไม่ผลักไส แต่เป็นแค่คนดูครับ ตอนนี้กระผมเลยเพิ่มเวลานั่งนานขึ้น จากครึ่งชั่วโมง มาเป็นหนึ่งชั่วโมง

ปรากฏว่าครั้งนี้ กระผมเห็นความคิดดับเร็วมาก ครั้งที่แล้วเมื่อความคิดเกิดขึ้น มันจะคิดต่อไปจนกว่าจะจบครับ แต่ครั้งนี้เมื่อความคิดเกิดขึ้น พอกระผมรู้สึกว่ากำลังคิดอยู่ ความคิดนั้นก็ดับ พอความคิดดับก็มาอยู่กับลมหายใจอัตโนมัติ และผลอีกอย่างที่เกิดขึ้น ครั้งนี้กระผมรู้สึกตื่น เบิกบาน สมองโล่ง กายเบา และเหมือนจะเห็นแสงด้วยครับ

กระผมอยากขอคำชี้แนะพระอาจารย์ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้น คืออะไร และกระผมต้องทำอย่างไรต่อไปครับ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์อย่างสูงครับ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - การที่คุณเห็นความคิดดับเร็วมากนั้น เป็นเพราะสติคุณว่องไวขึ้น จึงรู้ทันความคิดได้ รู้เวลาใจไหลออกไปข้างนอก สติก็จะรู้ทันได้ไว และพาใจกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ผลก็คือเกิดความรู้สึกตัวขึ้น ความรู้สึกตื่น เบิกบาน สมองโล่ง กายเบา ที่คุณว่านั้น คือ "ความรู้สึกตัว" หรือ "สัมปชัญญะ" ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนคุณรับรู้ได้ถึงสภาวะที่เป็นกุศล

คุณควรทำความเพียรต่อไปเรื่อย ๆ โดยตระหนักว่าอาการดังกล่าวสามารถแปรเปลี่ยนได้ วันใดที่คุณไม่รู้สึกเบิกบานโปร่งโล่ง ก็ให้รู้ว่ามันเป็นธรรมดา อย่าได้วิตกหรือเสียใจ เพราะสติสัมปชัญญะนั้นเป็นอนัตตาไม่เที่ยง ขอให้คุณปฏิบัติดังที่ได้ทำต่อไป

นอกจากทำในรูปแบบแล้ว คุณควรประสานการปฏิบัติให้กลมกลืนกับชีวิตประจำวัน คือมีสติหรือรู้สึกตัวในทุกอิริยาบถและทุกกิจกรรม มีอะไรมากระทบก็ให้รู้ทัน มีอะไรเกิดขึ้นกับกายและใจก็ให้รู้เฉย ๆ ไม่ผลักไสต่อต้านหรือไขว่คว้ายึดติด

ส่งเงิน ส่งทองให้แม่ใช้ แต่แม่กลับเอาไปให้พี่สาว



ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ หนูมีเรื่องหนักอกหนักใจค่ะ อยากให้พระอาจารย์ช่วยชี้แนะเจ้าค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าหนูทำงานอยู่กรุงเทพ หนูก็จะส่งเงินให้แม่ตลอด แต่เวลาที่หนูส่งเงินให้ไป พี่สาวชอบมาขอยืมแม่ตลอดและไม่ยอมคืน พอแม่ไม่มีแม่ก็มาขอหนู บางทีหนูก็ไม่มีเจ้าค่ะ หนูก็อยากเก็บเงินบ้างเพราะหนูอายุจะ ๓๐ แล้วยังไม่มีอะไรเลย

เมื่อเร็ว ๆ นี้หนูให้ทองแม่ไป ๑ บาทเพราะแม่บอกว่าอยากใส่ หนูก็ให้แล้วหนูก็ให้แม่สัญญาว่าจะไม่นำไปให้พี่สาวหนูไปจำนำ หรือ ขายเพื่อนำเงินไปทำอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าให้หนูจะไม่กลับบ้านอีกเลย แม่ก็สัญญา แต่ให้ไปไม่ถึง ๓ เดือน แม่หนูเห็นพี่สาวลำบาก แม่ก็ให้พี่สาวหนูไปจำนำ แต่พี่หนูดันเอาไปขายแทน แล้ววันหนึ่งหนูถามว่าทองยังอยู่ไหมแม่โกหกหนู ๒ ครั้ง ว่าพี่สาวให้ทองคืนมาแล้ว เรื่องที่ว่าเอาไปขายหนูมารู้ทีหลัง

หนูเสียใจที่แม่โกหกหนู หนูไม่โทรหาแม่ ๒ อาทิตย์ พอโทรไปเค้าก็ร้องไห้หาว่าหนูไม่ให้อภัยแม่ที่ทำแบบนี้ หนูไม่ได้โกรธแม่แต่หนูเสียใจที่แม่ไม่รักษาสัญญาและโกหกหลังจากนั้นหนูก็โทรไป หนูก็อธิบายให้แม่เข้าใจความรู้สึกของหนูบ้าง แม่เค้าก็ก็ร้องไห้ทุกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องมาเค้าร้องไห้ไปประมาณ ๕ ครั้งได้แล้ว หนูไม่อยากให้แม่ร้องให้เพราะหนู แต่แม่ไม่เข้าใจหนูเลย ที่เวลาหนูให้อะไรไปแม่เอาไปให้พี่ชายคนรอง พี่สาวของหนูตลอด

ตอนนี้หนูไม่อยากส่งเงินให้แม่ ไม่อยากให้อะไรแม่ เพราะให้แม่ไปแม่ก็ไม่ได้ใช้ พี่สาวหนูเค้าเอาไปหมด หนูบาปมากไหมคะที่หนูทำให้แม่ร้องไห้แบบนี้ทุกครั้งที่แม่ร้องไห้ หรือ เสียใจ หนูก็เสียใจเหมือนกัน หนูควรจะทำอย่างไรดี หนูกลัวเป็นบาปที่หนูทำให้พระอรหันต์ในบ้านร้องไห้ ขอพระอาจารย์ได้โปรดชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - แม่ของคุณคงมีความลำบากใจอย่างมาก ใจหนึ่งก็อยากรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณ แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารพี่สาวของคุณ ผู้ที่เป็นแม่มักใจอ่อนเสมอเมื่อเห็นลูกมีปัญหา ยิ่งเป็นคนใจอ่อนอยู่แล้ว ก็ยิ่งห้ามใจไม่ได้ จึงเอาเงินหรือทองที่คุณให้มอบแก่พี่สาวไป เพราะปัญหามาอยู่ตรงหน้าแล้วก็แก้ไปก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง ส่วนพี่สาวของคุณก็คงจับจุด อ่อนของแม่ได้ จึงสามารถทำให้ท่านสงสารและใจอ่อนได้ทุกครั้ง

แม้สิ่งที่ท่านทำนั้นไม่ถูกต้องเพราะรับปากกับคุณไว้แล้ว แต่คุณก็ควรเห็นใจท่านหรือพยายามเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่บ้าง ท่านเองคงรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่รักษาสัญญา ที่สำคัญขอให้คุณตระหนัก ว่าการที่ท่านทำเช่นนั้น ไม่ได้หมายความว่าท่านรักคุณน้อยกว่าพี่สาว แต่อาจเป็นเพราะท่านเห็นว่า คุณอยู่ในฐานะที่ดีกว่าพี่สาว หรือสามารถช่วยตัวเองได้ดีกว่าพี่สาว

ถ้าเป็นไปได้คุณควรหาเวลาไปหาท่านที่บ้าน และพูดคุยปรับความเข้าใจกับท่าน เรื่องแบบนี้ควรคุยกันแบบต่อหน้าต่อตา จะได้สื่อสารและรับรู้ความในใจของกันได้ดีขึ้น

สำหรับเงินที่คุณส่งให้ท่านใช้นั้น มองในแง่หนึ่งการที่ท่านเอาเงินไปให้พี่สาว ถือว่าเป็นความสุขของท่าน แม้ท่านไม่ได้ใช้เอง แต่ถ้าท่านมีความสุขที่ได้ให้คนอื่นใช้ ก็น่าจะรับได้อยู่ แต่ถ้าคุณยังทำใจไม่ได้ ก็อาจเก็บเงินสะสมไว้ให้ท่าน (โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นประจำ) พร้อมกับแจ้งให้ท่านรู้ เมื่อ ท่านต้องการใช้ คุณจึงค่อยนำไปมอบให้ท่าน คุณจะได้สบายใจว่าได้ตอบแทนคุณท่านอย่างต่อเนื่อง

เมื่ออุทกภัยเกิดขึ้น นอกจากการยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว

เมื่ออุทกภัยเกิดขึ้น นอกจากการยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และรู้จักยกใจให้เหนือน้ำ แม้ว่าข้าวของจะอยู่ใต้น้ำไปแล้วก็ตาม

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าพิจารณาก็คือ ควรมองเหตุการณ์ครั้งนี้ในแง่บวกบ้าง มองในแง่บวกหมายถึงการรู้จักใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น มองว่ามันเป็นเครื่องสอนธรรมหรือสอนใจเรา สอนให้เราเห็นความไม่เที่ยง สอนใจให้เราตระหนักว่า ทรัพย์สมบัติทั้งปวงที่มีอยู่นี้ไม่มีสักอย่างที่เป็นของเราเลย ความพลัดพรากจากมันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็ต้องเป็นวันหน้า

โดยเฉพาะเมื่อถึงวันที่เราต้องตาย ควรใช้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ให้เราตระหนักถึงเรื่องอนาคตภัยอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่กลัว ไม่ใช่กังวลกับมัน แต่ให้เตรียมตัวอยู่เสมอ

พระไพศาล วิสาโล

สมุนไพรแก้หวัด คนเราจะเป็นไข้หวัดได้

สมุนไพรแก้หวัด คนเราจะเป็นไข้หวัดได้ เกิดจากขณะนั้นร่างกายอ่อนแอ และได้รับเชื้อโรคเข้าทางเดินหายใจ เชื้อโรคที่ทำให้เป็นไข้หวัด คือ เชื้อไวรัส เชื้อไวรัสจะทำให้มีการอักเสบของทางเดินหายใจส่วนต้น (คือ จมูก และคอ) ถ้าเป็นหวัดธรรมดาไม่มีโรคแทรกซ้อน จะหายได้เองภายใน 5-7 วัน

อาการ
1. มีไข้ต่ำๆ ตัวร้อนหรืออาจไม่มีไข้เลยก็ได้
2. คัดจมูก มีน้ำมูก
3. ไอ จาม เจ็บคอ
4. อาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ท้องเดิน อาจมีหรือไม่มีก็ได้ และถ้ามีอาการก็มักเป็นไม่มากนัก

โรคแทรก
ได้แก่ โพรงจมูกอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม หูอักเสบ เยื่อหุ้มสมองหรือสมองอักเสบ เป็นต้น

การติดต่อ
ติดต่อทางเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย โดยที่ผู้ป่วยไอหรือจาม ทำให้เชื้อโรคกระจายอยู่ในอากาศ ซึ่งจะเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่รับเชื้อโรคทั้งทางปากและทางจมูก
ดังที่ได้กล่าวแล้วจะเห็นได้ว่า โรคหวัดถ้าเริ่มเป็นจะมีอาการไม่รุนแรง แต่ถ้ารักษาไม่ถูกต้องและร่างกายอ่อนแอมากๆ อาจเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงถึงกับเสียชีวิตได้ ดังนั้น เราจึงควรได้เรียนรู้วิธีการป้องกันโรคหวัดกันบ้าง


คนโบร่ำโบราณมีวิธีบรรเทาอาการหวัดโดยไม่ต้องพึ่งยาฝรั่งอย่างไม่จำเป็น โดยการใช้สมุนไพรตามตำราดั้งเดิม คนรุ่นใหม่อย่างคุณก็นำไปใช้ได้ค่ะ

ขิง
นำขิงแก่ขนาดประมาณหัวแม่มือทุบให้แตก หั่นเป็นแว่น ต้มกับน้ำ 1 แก้ว ใช้ไฟอ่อนๆ ต้มให้เดือด 5 นาที เสร็จแล้วตักขิงออก เติมน้ำเพิ่มเล็กน้อย ดื่มขณะยังอุ่น ทำอย่างนี้ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น

หรือใช้ขิงฝานเป็นแผ่นบางๆ เติมน้ำร้อนที่เดือดจัดให้เต็มถ้วย ปิดฝาตั้งทิ้งไว้พอให้อุ่น ดื่มวันละ 3 ครั้ง เช่นกัน

หากไม่มีขิงสด จะใช้ขิงแห้งแทนก็ได้ ส่วนขิงผงสำเร็จรูป ผ่านกรรมวิธีมามาก อาจทำให้สรรพคุณลดลงไป

ตะไคร้
ใช้ตะไคร้ 1 ต้น หั่นเป็นแว่นๆ และขิงสด 5-6 แว่น ใส่น้ำ 3-4 แก้ว ต้มจนเดือด ทิ้งไว้ให้อุ่น ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว วันละ 3 เวลาหลังอาหาร

มะขาม
ต้มน้ำ 1 หม้อใหญ่ ใส่ใบมะขาม 1 กำมือลงไป รอจนเดือดแล้วยกลง ทุบหัวหอม 3-4 หัว ใส่ลงไป ใช้ผ้าคลุมทั้งศีรษะและหม้อเอาไว้ แง้มฝาหม้อเอาไว้ ให้ไอน้ำระเหยออกมา สูดไอที่ระเหยจะช่วยให้หายคัดจมูก และเป็นการขับเหงื่อด้วย สูดจนหมดไอ แล้วผสมน้ำเย็นลงไปพออุ่นๆ นำมาอาบ ทำวันละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 3-4 วันก็หาย

การป้องกันโรคหวัด คือ รักษาร่างกายให้แข็งแรงโดย
1. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ผัก ผลไม้ ถั่วต่างๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงดื่มน้ำมากๆ และหลีกเลี่ยงเครื่องดองของเมา และพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง
2. ที่พักอาศัยควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี แดดส่องถึง
3. ไม่ใช้ของเครื่องใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ไม่ใกล้ชิดผู้ที่เป็นโรคหวัด
4. หลีกเลี่ยงสถานที่ ที่มีคนอยู่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น โรงภาพยนตร์ ตลาด
5. อย่าให้ร่างกายกระทบความร้อนจัดหรือเย็นจัดทันทีทันใดร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับดินฟ้าอากาศ
6. ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัยอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ร่างกายแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า
การดูแลเมื่อเป็นหวัด
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
2. กินอาหารอ่อนย่อยง่ายและมีประโยชน์ จัดให้น่ารับประทาน
3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
4. งดเหล้า บุหรี่
5. รักษาร่างกายให้อบอุ่น หลีกเลี่ยงอากาศที่เย็นจัด
6. การปฏิบัติตัวเมื่อมีไข้
7. ดื่มน้ำมากๆ
8. เช็ดตัวลดไข้
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก สมุนไพรดอทคอม
http://www.samunpri.com/modules.php?name=News&file=article&sid=185
ภาพ: ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

13 เมนู ที่รู้ทั้งรู้ก็ยังกิน


13 เมนูยอดนิยมนี้ ที่มีตั้งแต่โซดาไปจนถึงข้าวโพดคั่ว ทั้งที่มาในรูปอาหารเพื่อสุขภาพและจานด่วน ที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีประโยชน์แต่ก็ยังรับประทาน
1. นักเก็ตไก่
อาหารฟาสต์ฟูดยอดนิยมที่กินสะดวกและหาได้ทั่วไป แต่ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยง จะเป็นแบบแช่ฟรีซไว้ในตู้เย็นที่บ้านหรือซื้อทานในร้านอาหารก็ไม่ควร เพราะมีปริมาณเกลือสูง รวมถึงสารกันบูด และ ไขมันในปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ

2. เฟรนช์ฟรายด์
รู้อยู่แล้วว่าเป็นของว่างที่อุดมไปด้วยแคลอรี่ การทานเป็นประจำอาจก่อให้เกิดโรคเบาหวานและควบคุมน้ำหนักได้ยาก สารอาหารที่เป็นประโยชน์ของเจ้าแท่งสีเหลืองทองถือว่ามีน้อยมาก แม้ว่าจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อย แต่ถ้าอยากกินจริงๆ แนะนำให้อบแทนทอด

3. ขนมขบเคี้ยวชนิดทอด
ขนมขบเคี้ยวประเภททอดทั้งหลายล้วนใส่เกลือในสัดส่วนเกินพอดี นั่นหมายถึงปริมาณแคลอรี่ และ สารกันบูด ในระดับที่ทำลายสุขภาพ โดยให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและใยอาหารต่ำ อันจะส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง

4. โซดา (ต่างชาติเรียกน้ำอัดลมทุกชนิดว่า “โซดา”:แอดมิน)
ความจริงคือน้ำซ่าชนิดนี้มีแคลอรี่เท่ากับศูนย์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ให้สารอาหารเป็นประโยชน์ใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นโซดาในท้องตลาดทั้งหลายยังใส่ส่วนผสมแต่งรสแต่งกลิ่น เช่น น้ำเชื่อมฟรุกโตส(ไซรัป) ที่ทำจากข้าวโพดที่ให้โทษมากกว่าน้ำตาล เพราะมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไปเพิ่มระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่มีส่วนทำลายเซลล์ในตับ นอกจากนี้ยังทำให้อ้วน และช่วยกระจายเชื้อแบคทีเรียและมะเร็ง โดยไปเพิ่มปริมาณกรดแก่ร่างกาย

5. ฮอทดอกและเนื้อแปรรูป
กระบวนการผลิตเนื้อและฮอทดอกในท้องตลาดใช้สารสังเคราะห์ในปริมาณสูง รวมถึงผงชูรส เกลือ และบรรจุภัณฑ์ราคาถูก ที่สำคัญ ในขั้นตอนการแยกเนื้อและไขมันนั้นต้องผลิตภายใต้ความร้อนและความดันที่สูงมาก สารอาหารที่มีประโยชน์จึงสูญเสียไปเยอะ

6.แฮมเบอร์เกอร์จานด่วน
เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวาน จากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่รับประทานแฮมเบอร์เกอร์ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะมีแนวโน้มเป็นเบาหวานมากกว่าคนที่ไม่ทาน

7.ซีเรียลผสมน้ำตาล
อาหารเช้าอย่างซีเรียล โดยเฉพาะยี่ห้อที่กล่องสีสันสดใส หลายบ้านมีไว้คู่ครัว ทราบหรือไม่ว่าแต่ละกล่องเพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไปในระดับเสี่ยงเป็นเบาหวาน แม้คุณสมบัติเส้นใยสูงจะช่วยป้องกันโรคเบาหวาน แต่ซีเรียลเหล่านี้ก็มีไฟเบอร์อันเป็นประโยชน์ในสัดส่วนที่ต่ำมาก ถ้าอยากกินจริงๆ ให้มองหาซีเรียลที่ข้างกล่องระบุไว้ว่ามีไฟเบอร์ประมาณ 5 กรัม และเลี่ยงชนิดที่มีปริมาณน้ำตาลสูง

8. มันฝรั่งทอดชนิดแผ่น
มันฝรังแผ่นทอดกรอบต่างๆ อุดมไปด้วยไขมันและแคลอรี่ ที่สำคัญเค็มมาก ทั้งหมดนี้แทคทีมกันทำร้ายสุขภาพ ทางที่ดีควรกินให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะเท่ากับจะได้หนีจากปริมาณไขมันและแคลลอรี่ในปริมาณที่ร่างกายเกินต้องการ และไปลงท้ายด้วยการสะสมในน้ำหนักจนพุ่งกระฉูด ซึ่งจะนำไปสู่โรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอีกสารพัด

9. กราโนลา บาร์ หรืออาหารเช้าที่ประกอบด้วยน้ำนมใส่ผลไม้แห้ง,ผลไม้เปลือกแข็ง,ข้าว ชนิดอัดแท่ง
ตลาดอาหารสำเร็จรูปที่(ดู)มีประโยชน์กำลังโปรโมทเมนูสุขภาพนี้อย่างเต็มที่ ความจริงก็คือ กราโนลาบาร์ มีปริมาณน้ำตาลไซรัปข้าวโพดสูง แม้บางยี่ห้อจะโฆษณาว่ามีส่วนผสมของน้ำผึ้งแท้ แต่สารให้ความหวานส่วนใหญ่มาจากน้ำตาลไซรัปข้าวโพด ที่อุดมไปด้วยโซเดียมและไขมันที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

10.คุกกี้ แครกเกอร์ เค้ก และ มัฟฟิน สำเร็จรูป
ขนมเหล่านี้จัดอยู่ในสินค้าหมวดเดียวกันของร้านสะดวกซื้อ เพราะมีผลต่อสุขภาพใกล้เคียงกัน นอกเหนือจากปริมาณน้ำตาลและเกลือที่สูงมาก ขนมเหล่านี้ยังประกอบไปด้วยไขมันชนิดทรานส์ ซึ่งผู้ผลิตนิยมใช้เพราะราคาถูกว่าไขมันที่มีประโยชน์ขนิดอื่นๆ และยังช่วยยืดวันหมดอายุ และ ทำให้หน้าตาขนมดูดีไปได้เป็นระยะเวลานาน

11. ชาเย็นสำเร็จรูป
จากคำโฆษณาว่าทำเองแสนจะง่ายแถมราคาถูกอีกต่างหาก ที่จริงแล้วเครื่องดืมชนิดนี้ทำมาจากถุงชาราคา เครื่องดื่มชนิดนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพตามที่บอกเอาไว้ นอกจากจะไม่มีประโยชน์ใดๆ ยังเต็มไปด้วยกลิ่นสีสังเคราะห์ น้ำตาลไซรัปข้าวโพด และ น้ำตาลชนิดอื่นๆ อีก

12. มาการีน (เนยเทียม)
ดูเป็นทางเลือกรองจากเนยแท้ ซึ่งหลายบ้านมีไว้คู่ครัว ข้อเสียประการสำคัญคือ อุดมไปด้วยไขมันทรานส์ที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ อย่างโรคอ้วน นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วย อนุมูลอิสระ สารกันบูด สารอีมัลซิฟายเออร์-ป้องกันการแยกตัวของน้ำและน้ำมัน และ เฮกเซน - สารทำลายละลาย ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

13. ข้าวโพดคั่วจากไมโครเวฟ
ของทานเล่นยอดนิยมชนิดนี้ คือหนึ่งในเมนูที่ไร้คุณค่าทางสารอาหารมากที่สุดเมนูหนึ่ง ประการแรก ข้าวโพดชนิดนี้ล้วนผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ยังไม่รวมสารกันบูด และ เกลือที่ใส่ลงไปไม่ยั้ง มากกว่านั้น ยังมีสารไดอะซิติล สารที่อยู่ในเนยหรือน้ำมันที่ใช้ในการเพิ่มรสและกลิ่น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดหลอดลมอักเสบ หลอดลมถูกทำลาย หรือมีอีกชื่อว่า Popcorn Lung ถ้าอยากกินจริงๆ ให้เลือกชนิดที่ปลูกแบบออร์แกนิค และ ซื้อมาทำเองที่บ้านด้วยส่วนผสมเตรียมเองเช่นกัน เช่น น้ำมันมะพร้าว เนยแท้ ฯลฯ
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก สนุกดอทคอม อ้างอิงที่มา : fitnea.com และ waymagazine.org
ภาพ: ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

สูตบำรุงกำลังช่วยให้โค-กระบือ

สูตบำรุงกำลังช่วยให้โค-กระบือ กินอาหารได้ดี เพียงนำผักหนาม 500 กรัม ล้างให้สะอาด ตำบดรวมกับเกลือ พอประมาณ แล้วผสมอาหารให้กิน
จาก SMS farmer Info - 2 ต.ค.2556

ระยะต่อไปจะเป็นฤดูหนาว

ระยะต่อไปจะเป็นฤดูหนาว เกษตรกรควรจัดเตรียมวัสดุให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
จาก SMS farmer Info - 11 ต.ค.2556

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 20 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

รายการรักพ่อ 20 พบกับ4 สาว กับเรื่องราว จดหมายถึงในหลวงกับ Weewii Rachawadee / คุณครูที่แม้จะป่วยแต่ขอร่วมเล่าถึงความปร­ะทับใจในพระราชดำรัสเกี่ยวกับครู ครู A Maneerath แห่งกำแพงเพชร / "ในหลวง"ท่ามกลางภยันตรายในสามจังหวัดชายแ­ดนใต้ กับ Warintira Khiewchan และหลายเรื่องราวความประทับใจของในหลวงจาก แนน นันทวรรณ กันคำ

วิธีสุดเจ๋งเพิ่มความเค็มที่ไม่ทำให้เสียความกรอบ

ค่อยๆตักน้ำเกลือ (เกลือ 3 กก.+น้ำ 3 ลิตร) 1 ทัพพีใส่ในกระทะขณะทอดเผือก+กล้วย-มันฉาบใกล่จะสุก วิธีสุดเจ๋งเพิ่มความเค็มที่ไม่ทำให้เสียความกรอบ
จาก SMS farmer Info - 13 ต.ค.2556

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สังคมต้องส่งเสริมให้พระเป็นคนดี



เฉพาะการให้ความรู้ในทางปริยัติ ระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ก็ไม่ค่อยมีคุณภาพอยู่แล้ว ยิ่งการฝึกฝนในทางจิตใจหรือการปฏิบัติ ก็ยิ่งแล้วใหญ่ คือแทบไม่มีเลย โดยเฉพาะเรื่องสมาธิภาวนาสำคัญมาก ไม่งั้นพระก็จะสู้บริโภคนิยมไม่ได้

ในสังคมปัจจุบันแม้พระจะมีศีลมีวินัย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะหลงติดในการบริโภค วินัยเป็นเรื่องของกายวาจา จะต้องมีการฝึกใจเพิ่มด้วย ศีลหรือวินัยเป็นกำแพงป้องกันบริโภคนิยมเบื้องต้น แต่แค่นั้นไม่พอ จะสร้างกำแพงอีกชั้นหนึ่งที่ใจ ก็คือต้องทำสมาธิภาวนา ประการแรกก็เพื่อให้ท่านมีสติ รู้เท่าทันกิเลสภายใน ประการที่สองก็เพื่อ ให้เกิดปัญญา พระต้องมีปัญญาที่จะเห็นโทษของบริโภคนิยม เห็นโทษของสิ่งเสพหรือกามสุข เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ให้ความสุขได้เพียงชั่วคราว ไม่สามารถให้ความสุขที่ยั่งยืนได้ มันไม่ใช่สรณะอันเกษม ประการที่สาม ซึ่งช่วยได้มากก็คือ เพื่อให้เกิดสมาธิ เพราะสมาธิทำให้เกิดความสงบเย็นในใจ เป็นความสุขที่ประเสริฐกว่ากามสุขหรือสุขจากสิ่งเสพสิ่งบริโภค

คนเราล้วนต้องการความสุข ถ้าไม่สามารถเข้าถึงความสุขทางใจหรือความสุขที่เป็นความสงบได้ ก็ต้องไปหยิบฉวยหรือแสวงหาความสุขอย่างอื่นมาแทน แล้วความสุขที่หยิบหาได้ง่าย คือความสุขทางวัตถุ หรือกามสุข เช่น หนัง เพลง อาหาร เซ็กส์นี่คือความสุขทางกาม แต่ถ้าเข้าถึงความสุขที่ประเสริฐ คือความสุขจากสมาธิภาวนา ความสุขจากใจที่สงบเย็นความรู้สึกโหยหากามสุขก็จะน้อยลง สิ่งเหล่านี้เป็นกำแพงที่ช่วยป้องกันจิตใจไม่ให้บริโภคนิยมหรือกามสุขครอบงำ ทำให้เราไม่ว่าพระหรือฆราวาสสามารถ หันหลังให้กับบริโภคนิยมได้ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่คิดเอา มันต้องสัมผัสด้วยตนเองจากการปฏับัติ แม้จะมีคนบอกว่าดีๆๆๆ ถ้าเราไม่สัมผัสเอง ใจก็ไม่คล้อยตาม ก็ยังโหยกามสุขอยู่นั่นเอง

การปฏิบัติกรรมฐานไม่เพียงทำให้พระอยู่ท่ามกลางบริโภคนิยมอย่างมีความสุขเท่านั้น แต่ยังสามารถสอนญาติโยมได้ว่ามีอะไรที่ดีกว่ากามสุข มีสิ่งที่ประเสริฐกว่าความร่ำรวยหรือความฟุ้งเฟ้อ ชาวบ้านเห็นหลวงพ่อหลวงตาท่านอยู่อย่างง่ายๆ ทั้งที่ท่านมีโอกาสสร้างกุฏิหลังใหญ่ สามารถมีรถราคาแพงๆ ได้แต่ท่านไม่เอา ไม่ใช่เพราะว่าท่านไม่มีปัญญา แต่ท่านไม่เห็นประโยชน์ของมัน เมื่อโยมเห็นอย่างนี้ ก็มีแบบอย่าง เกิดแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตอย่างท่าน หรืออย่างน้อยก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับบริโภคนิยม และเกิดภูมิต้านทานในจิตใจ

อาตมาคิดว่าสิ่งที่พุทธศาสนาจะช่วยโลกยุคปัจจุบันได้ คือการทำให้คนมีภูมิต้านทานต่อบริโภคนิยม หรือเห็นว่ามีทางเลือกที่ดีกว่าประเสริฐกว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยสิ่งเสพสิ่งบริโภค

พระไพศาล วิสาโล

http://www.visalo.org/article/secret255609.htm

ได้ขออนุญาตใช้น้ำประปาของทางราชการ ล้างรถส่วนตัวเป็นบาปไหม?



Jutarut Sawangchai ปุจฉา - กราบนมัสการ เรียนถามพระอาจารย์ การที่ข้าราชการใช้น้ำประปาของทางราชการ มาล้างรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าบาปไหมเจ้าค่ะ โดยอ้างว่าขออนุญาตแล้ว (ขอกับคนขับรถของทางราชการหรือคุณยาม) เพราะว่าเขาก็มีเงินไปจ้างล้างรถได้ค่ะ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ จุฑารัตน์

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - จะเป็นบาปต่อเมื่อมีเจตนาขโมยหรือลักทรัพย์ แต่ข้าราชการผู้นั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะขโมยเพราะได้บอกหรือ “ขออนุญาต”ผู้อื่นแล้ว ถ้าว่าตามกฎหมายหรือระเบียบราชการ การทำเช่นนั้นย่อมไม่ถูก เพราะน้ำนั้นไม่ใช่เป็นสมบัติของคนขับรถหรือยาม แต่มองจากมุมของเขา เขาไม่มีเจตนาที่จะลักขโมยหรือไม่คิดว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการขโมย จึงเรียกว่าผิดศีลได้ไม่เต็มปาก

อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะรู้ว่าทำเช่นนั้น ไม่ถูก จึงทำที “ขออนุญาต”คนขับรถหรือยาม เพื่อกันผู้อื่นต่อว่า หรือเพื่อเป็นข้ออ้างแก่ตนเองว่าฉันไม่ได้ขโมยนะ อย่างนี้ก็ถือว่าผิดศีล เป็นบาป

ประโยชน์และสารอาหารในผัก

ประโยชน์และสารอาหารในผัก คนไทยถือว่าโชคดีที่มีทั้งอาหาร พืชผักและผลไม้หลายชนิดให้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หน้าแล้ง หน้าฝนตก น้ำหลาก ผักก็ไม่เคยขาดตลาด หาได้ง่ายและราคาถูกกว่าอาหารอื่นๆ การบริโภคผักหลากหลายชนิดทำให้ได้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายอย่าง แตกต่างกันไป อาจจะแนกด้วย สี หรือ สารอาหารก็ได้

รู้ไหมว่าในผักมีสารอาหารอะไร
ผักอุดมไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารพฤกเคมี (ประโยชน์ของผักหลากสี) ช่วยเสริมสร้าง ควบคุมการทำงาน และช่วยควบคุมการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย หลักแล้วสารอาหารที่มีอยู่ในผักสามาระแบ่งได้คร่าวๆดังนี้

ผักมีวิตามินซี
ได้แก่ คะน้า กะหล่ำปลี ขึ้นฉ่าย มะเขือเทศสีดา ผักกวางตุ้ง ข้าวโพดอ่อน ชะอม บร็อคโคลี่ ดอกกะหล่ำ
ช่วยเพิ่มความต้านทานโรคหวัดเจ็บคอ ภูมิแพ้
ใช้ผลิตคอลลาเจน ช่วยให้เซลล์เกาะกันทำให้ผิวพรรณเต่งตึงสดใส
ช่วยเม็ดเลือดแดงต่อสู้กับเชื้อโรค เป็นแผลหายเร็ว
ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียมของร่างกายเป็นไปด้วยดี

ผักมีวิตามินบี 1,2
ได้แก่ ข้าวกล้อง และข้าวที่ยังไม่ถูกขัดสี ถั่วต่างๆ รำข้าว ข้าวซ้อมมือ งา กระเทียม ผักใบเขียว
ช่วยบำรุงระบบประสาท สมอง ทำให้มีสมาธิความจำดี
เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรทให้เป็นพลังงาน
ป้องกันผิวหนังอักเสบ

ผักมีเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอ
ผักที่มีเบต้าแคโรทีนได้แก่ ผักขม บร็อคโคบลี่ แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง
ผักที่มีวิตมินเอสูง ได้แก่ ใบยอ ใบย่านาง ใบชะพลู ตำลึง (ใบและยอดอ่อน) ผักกูด มะระ (ยอดอ่อน) ผักกะสัง ผักแพว ผักชีลาว ผักแว่น ผักบุ้งขาว ใบบัวบก ใบเหรียง กระเจี๊ยบเปรี้ยวหรือกระเจี๊ยบแดง (ใบ) ใบแมงลัก ชะอม (ยอด) พริกชี้ฟ้าแดง ผักแพงพวย ผักปลัง ขี้เหล็ก (ดอก)
ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวทำลายเซลล์ ในร่างกาย
ช่วยในระบบสายตาและการมองเห็น
ช่วยทำให้เนื้อเยื่ออ่อนของเซลล์ และผิวหนังชุ่มชื้น

ผักมีไนอาซิน หรือ วิตามิน บี3
ได้แก่ ข้าว
ช่วยในการสร้างน้ำย่อย
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ
ช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณ

ผักมีคาร์โบไฮเดรต
ได้แก่ มันฝรั่ง มันเทศ มันสำปะหลัง ข้าวโพด ถั่วและถั่วฝักต่างๆ
พวกแป้งและน้ำตาลกลูโคส ทำให้ผักสดมีรสหวานอ่อน กินอร่อย
เซลลูโลส เป็นเส้นใยช่วยในการขับถ่าย ช่วยดูดซับสารที่ไม่ต้องการออกจากกระเพาะลำไส้ ชะลอการดูดซึมน้ำตาลและช่วยให้อิ่มเร็ว

ผักมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส
ด้แก่ ผักแพว ยอดสะเดา กระเพราขาว
ช่วยบำรุงกระดูก และฟัน

ผักมีธาตุเหล็ก
ได้แก่ มะเขือพวง ผักโขม ใบชะพลู ดอกแค ตำลึง
ช่วยบำรุงเลือด
เป็นตัวนำเอาออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงยังเซลส์ต่างๆ
รู้อย่างนี้แล้วก็เลิกสงสัยได้แล้วค่ะว่าทำไมผู้ใหญ่จึงสอนและเคี่ยวเข็นให้เราทานผักเยอะๆ
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก www.lovefitt.com อ้างอิงข้อมูลจาก หนังสือกินดีเพื่อสุขภาพดี
ภาพ: ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

เรื่องจริงที่ไม่น่ามองข้ามของการนอน

เรื่องจริงที่ไม่น่ามองข้ามของการนอน นอนเร็วผิวพรรณจะดี เพราะผิวจะซ่อมแซมตัวเองตอนสี่ทุ่มถึงตีสอง
การนอนเป็น ‘ความจำเป็นพื้นฐาน’ ของชีวิตมนุษย์ เราใช้เวลาในการนอนมากถึง 1 ใน 3 ของเวลาทั้งชีวิต การนอนนอกจากเป็นการพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญของขบวนการฟื้นฟูทางสรีรวิทยาและชีววิทยา ปรับสมดุลฮอร์โมนและระบบต่างๆ ในร่างกาย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปรับสภาพจิตใจให้ตอบสนองต่อความเครียด วิตกกังวล และความขัดแย้งทางจิตใจ ฯลฯ เคยไหมคะ…เวลาที่คุณรู้สึกกังวลกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ พอได้นอนหลับเต็มอิ่มสักตื่น กลับรู้สึกดีขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้จัดการอะไรกับปัญหานั้นเลยด้วยซ้ำ

o ถ้า เรานอนหลับเต็มอิ่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน จะรู้สึกว่าร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ ตื่นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง สติปัญญาแจ่มใส มีพลังงานเต็มเปี่ยมไปตลอดวัน

o การนอนเป็นเคล็ดลับการบำรุงผิวพรรณสำหรับสาวๆ โดยธรรมชาติ เพราะผิวจะซ่อมแซมตัวเองตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสอง

o การนอนน้อยเสี่ยงต่อโรคอ้วน เพราะการอดนอนจะทำให้ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตและควบคุม สัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกายมีน้อยลง ทำให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น

o การนอนน้อยยังเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ผลงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ใน The Proceedings of the National Academy of Science ได้ทดลองให้ปลุกอาสาสมัครให้ตื่นเมื่อเข้าสู่ภาวะหลับลึก พอถูกปลุกติดกันหลายๆ คืน พบว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีการตอบสนองต่ออินซูลินช้ากว่าปกติ และมีลักษณะบางอย่างคล้ายโรคเบาหวาน ซึ่งอาจจะพัฒนาเป็นโรคเบาหวานจริงๆ ในอนาคต

o นักวิจัยไต้หวันได้ทดลองให้ผู้สูงอายุฟังเพลงช้าๆ ก่อนนอนเช่น แจ๊ส โฟล์ก ออเครสตรา พบว่าทำให้มีพัฒนาการทางการนอนเพิ่มขึ้น 35% ดังนั้นการนอนเต็มที่ เป็นเคล็ดลับสู่สุขภาพดี ลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคอย่างง่ายๆ
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก www.goodfoodgoodlife.in.th
ภาพ: ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ กรณีศึกษาผู้เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย “ล้างพิษตับ” 2 ครั้งโรคร้ายหายได้

คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ กรณีศึกษาผู้เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย “ล้างพิษตับ” 2 ครั้งโรคร้ายหายได้
จากการเสวนาบนเวที ในงาน “พระอาทิตย์แฟร์ ครั้งที่ 2” ที่บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์

คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์" เป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ผ่านการรักษามามากมาย ทั้งทำคีโมและกินยา หมอบอกไม่มีทางหายกำหนดวันตายให้แล้ว ลูกชายเตรียมโกนหัวบวชให้แล้ว ต่อมาได้ไปใช้วิธีแพทย์ทางเลือกกับหมอเขียว (แพทย์แผนปัจจุบันซึ่งหันมามุ่งมั่นทางด้านแพทย์ทางเลือก/แอดมิน) และได้เข้าร่วมหลักสูตรล้างพิษตับ จนในปัจจุบันแพทย์ CT สแกนไม่พบโรคมะเร็งปอดแล้ว ได้เล่าประสบการณ์ในงานพระอาทิตย์แฟร์ ดังนี้

“เมื่อปี 2553 ได้ตรวจพบโดยบังเอิญว่ามีไข้และระบบขับถ่ายผิดปกติ ในตอนนั้นหมอบอกว่าอายุ 50 ปีกว่าๆ แล้ว ถ้าลำไส้มีปัญหา หมอแนะนำให้เช็คเลือด 1 ตัวคือ CEA ซึ่งในตอนนั้นสนใจแต่เรื่องทำมาหากิน ไม่ได้ใส่ใจกับการดูแลสุขภาพมากนัก จึงยังไม่ค่อยรู้เรื่อง
พอเอกซเรย์ปอดก็เจอฝ้าขาวๆ หมอจึงส่องกล้องดูปอด และพบชิ้นเนื้อ 2.4 เซนติเมตร และผลการวินิจฉัยเป็นโรคร้ายระยะที่ 2 ต้องผ่าตัดทันที ซึ่งตอนนั้นอึ้งไป ก่อนที่จะบอกข่าวร้ายกับคนในครอบครัว ทุกคนต่างก็งงและนิ่งอยู่ในภวังค์ ในตอนนั้นที่ผ่าตัดออกก็คิดว่าหายแล้ว แต่ยังต้องทำเคมีบำบัด ซึ่งมีผลข้างเคียงเยอะมาก จากนั้นก็พบหมอทุกๆ 2 เดือน จนหายดี

หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน ก็แอบไปทำ CT สแกนที่เกาะสมุย และพบว่าโรคดังกล่าวกลับมาอีก แต่เพื่อความแน่ใจจึงไปตรวจอีกที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างรอฟังผลจึงเดินทางมาขอประวัติที่โรงพยาบาลประจำในกรุงเทพฯ ในตอนนั้นตัวเองรู้สึกว่าเหนื่อยมาก
จนในที่สุดมีคนแนะนำให้ไปตรวจที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพราะมีโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคทางปอด และหมอก็ยืนยันว่าเป็นโรคร้ายระยะแพร่กระจาย คือระยะที่ 4 และรักษายาก เพราะหมอเห็นว่าอาจจะไปที่สมอง และกระดูก

ตอนนั้นเริ่มทานยาได้เดือนกว่า สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ จึงปรึกษาเรื่องอาหารการกินแบบหมอเขียว และได้ตัดสินใจเข้าร่วมหลักสูตรล้างพิษตับกับคุณชญาบุญ ตอนที่ร่างกายขับสารพิษออกมานั้นมีกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งคนที่เป็นโรคร้ายจะเหม็นทุกคน แต่เมื่อมันออกมาทุกคนต้องดีขึ้น เริ่มทำไป 2 ครั้ง แล้วก็ไปทำ CT สแกน ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์อีกรอบ โดยที่ไม่ได้บอกว่าไปทำอะไรมาบ้างนอกจากกินยา ซึ่งข่าวดีในตอนนั้นคือ โรคร้ายดังกล่าวไม่สามารถตรวจพบได้แล้ว จึงมองว่าการล้างพิษตับ อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกอีกหนึ่งทาง ที่ให้ประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจ”
************** **************

ชีวอโรคยา ได้นำความเห็นจากแพทย์แผนปัจจุบันมาให้อ่านด้วย จากบทความ “กรณีศึกษามะเร็งปอดระยะสุดท้ายหายไปหลังล้างพิษตับ 2 ครั้ง” เขียนโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
************** **************
ผลการล้างพิษตับปรากฏว่าครั้งแรกนิ่วในตับและถุงน้ำดีสีเขียวเยอะมากเต็มถังเป็นสีเขียว ครั้งที่สองทำอีกสองอาทิตย์ปรากฏว่ามีไขมันออกมาด้วย

หลังจากการล้างพิษตับ 2 ครั้งแล้วไปตรวจกับแพทย์แผนปัจจุบันพบว่าเม็ดสาคูในปอดจากมะเร็งระยะที่ 4 ได้หายไปทั้งหมด !!!?

ปัจจุบันคุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ (คุณเจี๊ยบ) ได้ไปล้างพิษตับอีกหลายครั้ง แต่ความน่าอัศจรรย์คือนอกจากจะมีชีวิตยืนยาวกว่า 7 เดือนที่แพทย์คาดการณ์แล้ว มะเร็งที่ปอดระยะที่ 4 ก็หายไปทั้งหมดด้วยตั้งแต่การล้างพิษตับในครั้งที่ 2 ปัจจุบันคุณสินห์ฉวี จึงได้ผสมผสานการล้างพิษตับผสมผสานไปกับการรักษาในแนวทางของหมอเขียว อีกทั้งยังดื่มน้ำปัสสาวะเป็นยาตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่บัญญัติเอาไว้ในพระไตรปิฎกด้วย

ผมจึงได้โอกาสสัมภาษณ์ รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี อาจารย์แพทย์ ภาควิชาพยาธิวิทยา (Department of Pathology) คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า กรณีดังกล่าวนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เซลล์มะเร็งที่ปอดจะหลุดออกมาผ่านระบบขับถ่ายเพราะอยู่คนละส่วนกัน แต่น่าจะเป็นเพราะร่างกายเมื่อได้นำไขมันและของเสียจากตับและถุงน้ำดีออกไปได้แล้ว ทำให้ตับทำงานฟื้นตัวได้ดีขึ้น ภูมิต้านทานในร่างกายจึงกลับคืนมา จนเซลล์มะเร็งที่ปอดไม่สามารถจะอยู่ได้มากกว่า

รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยังให้ความเห็นเพิ่มเติม อุปมาเปรียบตับเหมือนรถบรรทุกที่มีหินอยู่เต็มคันรถ ยิ่งมีมากยิ่งเคลื่อนได้ช้า หากมีมากขึ้นไปอีกก็ไม่สามารถแล่นได้ หากสามารถลดภาระของรถบรรทุกให้ลดน้อยลงโดยการนำหินออกไปจากรถบรรทุกบ้าง รถบรรทุกนั้นก็จะกลับมาแล่นได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยังให้ความเห็นอีกด้วยว่า สิ่งที่ออกมาจากการล้างพิษตับ เช่น ก้อนสีเขียวนั้น แท้ที่จริงหากผ่าร่างกายก็จะพบสิ่งเหล่านี้ในร่างกายอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้คือไขมันจากบริเวณถุงน้ำดีและตับ หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะตกตะกอนกลายเป็นก้อนที่แข็งขึ้นและกลายเป็นนิ่วได้ในที่สุด ดังนั้นการสามารถนำมาออกได้น่าจะมีส่วนในการฟื้นฟูการทำงานของตับโดยตรง

อย่างไรก็ตาม รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยินดีให้ความร่วมมือสนับสนุนหลักสูตรล้างพิษตับ โดยการจะตรวจสิ่งที่เป็นผลิตผลจากการล้างพิษตับ เพื่อทดลองในห้องแลปให้ โดยที่จะต้องเก็บตัวอย่างเหล่านั้นในแอลกอฮอล์ 95% เพื่อที่จะได้ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการศึกษากรณีดังกล่าวให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สุดท้าย รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมในการควบคุมอาหาร ลดความเป็นกรดในร่างกาย รับประทานอาหารพืชผักผลไม้ และน้ำที่มีสภาพความเป็นด่าง (อัลคาไลน์) ให้มากขึ้น แต่สำคัญที่สุดมากไปกว่านั้นคือจะต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บได้ดีขึ้น อันเป็นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพราะการไปแม้แต่โรงพยาบาลก็ยังอาจจะพบเชื้อโรคร้ายแรงในโรงพยาบาลที่ดื้อต่อยาหลายชนิดได้ด้วย
************** *************
หมายเหตุ: สำหรับผู้ต้องการร่วมกิจกรรมคอร์สล้างพิษตับ กับ ชีวอโรคยา
ในรีสอร์ท 4 ดาว+ 3 วัน 2 คืน สไตล์สนุกสนานเป็นกันเอง
**แอดมินอาจไม่เห็นคอมเม้นท์ ควร in box หรือ อีเมล์ ตอบทุกคน-แน่นอนกว่าค่ะ
หากต้องการไปร่วมกิจกรรมกรุณาติดต่อขอรายละเอียดจากเราได้ 3 ทาง คือ
- สอบถามขอรับรายละเอียดได้ทางช่องข้อความ (in box)
- ฝากอีเมล์ของท่านเพื่อขอรับรายละเอียดไว้ในข้อความ (in box)
- อีเมล์หาเราเพื่อขอรับรายละเอียดที่ Chivaarokhaya@hotmail.com
!!!อย่าฝากอีเมล์ให้ในช่องคอมเม้นท์!!! เนื่องจากจะมีผู้ขโมยอีเมล์ของคุณไปสร้างความรำคาญให้คุณค่ะ
สำหรับท่านที่โอนเงินจองก่อนจะได้รับสิทธิ์ในห้องพักที่ดีที่สุดก่อนและคิวกิจกรรมนวดก่อน

************* ************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก
ส่วนหนึ่งในคลิป www.youtube.com/watch?v=ObqXvanL-CM Published on Feb 8, 2013
จากการเสวนาบนเวที ในงาน “พระอาทิตย์แฟร์ ครั้งที่ 2” ที่บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์
และส่วนหนึ่งของบทความ “กรณีศึกษามะเร็งปอดระยะสุดท้ายหายไปหลังล้างพิษตับ 2 ครั้ง” เขียนโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ภาพ: คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ โดย ชีวอโรคยา บันทึกมาจากคลิปดังกล่าว

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772