...+

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า

สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า
เมื่อเราปลูกอะไรลงไปเราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น ... จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ
ลงไปในสมอง คำพูดใดๆ ที่เราเคยได้ยินซ้ำๆ ซากๆ เกิน 37 ครั้ง มันจะกลายเป็น
"อุปนิสัย" ของเราทันที

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือ "สิ่งแวดล้อม" อย่าปล่อยให้ความคิด
หรือคำพูดของคนบางคนมาตัดสินชีวิตของเรา
ในโลกนี้ไม่มีใครมีอิทธิพลกับตัวเราเอง
นอกจากตัวเราเอง




พระพุทธรูปคอหัก

พระพุทธรูปคอหัก

บ่ายวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังนั่งรถเข็ญออกตรวจบริเวณวัด พบชาย ๒-๓ คนกำลังก้มๆเงยๆ อยู่โคนต้นไม้หลังอุโบสถ

หลวงปู่ ; ทำอะไร โยม

โยม ; พวกกระผมเอาพระพุทธรูปมาปล่อย(ทิ้ง)ครับ

หลวงปู่ ; ทำไมเอาพระพุทธรูปมาปล่อยซะหล่ะ

โยม ; พระพุทธรูปสององค์นี้คอหักครับ พ่อว่าไม่ดีเลยให้เอามาปล่อย

หลวงปู่ ; อ้อ พระพุทธรูปคอหักไม่ดี เลยเอามาปล่อยวัด อะไรไม่ดีก็เอามาปล่อยวัด หมากัดเป็ดกัดไก่ ไก่ ๔ ขา หมา ๔ หู ต้นไม้ประหลาด ลูกบอกไม่ได้สอนไม่เอาก็ให้มาบวช แต่เวลาขอของดีต้องมาขอกับพระ มาหาพระมาหาของดี ที่ไม่ดีก็เอามาทิ้งวัด มาทิ้งให้เป็นภาระพระ พระพุทธรูปคอหักคุณว่าไม่ดี เพราะคุณเข้าใจว่าไม่ดี ตอนไปบูชามาเสียเงินเสียทอง เอามากราบไว้บูชา ถือว่าดีว่าขลัง พอตกแตกคอหักคุณก็ว่าเป็นของอัปมงคล

คนเราอยู่ด้วยกันรักกันชอบกัน พออีกคนตายหมดลมหายใจก็กลัวกัน สมมุติกันว่าเป็นผีก็พาลกลัวกันซะอีก คุณเอ้ย ความ เป็นพระไม่ได้อยู่ที่ก้อนอิฐก้อนดินดอกนะ ความเป็นคนก็ไม่ได้อยู่กับร่างกายสังขารดอกนะ ความเป็นพระอยู่ที่คุณงามความดีของพระองค์ ความเป็นคนก็อยู่ที่คุณงามความดีของเขา คุณสมมติว่าพระคอหักคือพระตายก็กลัวพระคอหัก คุณสมมติว่าคนหมดลมหายใจก็เป็นผีก็กลัวผี

ถ้าความเป็นพระอยู่ที่ใจเรา พระนั้นถึงจะแตกจะหักก็น่ากราบน่าไหว้ ถ้าความเป็นคนอยู่ที่ความรักความผูกพันธ์ อยู่ในความดีของกันและกัน ถึงเขาหมดลมก็ยังน่าคิดถึงน่านับถือ ไม่น่ากลัว แต่คุณคิดว่าเมื่อเสกพระพุทธรูปแล้วท่านมีชีวิต มีความขลัง พอท่านคอหักก็คือท่านตาย ท่านหมดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ ให้เข้าใจเสียใหม่ พระก็คือพระจะคอหักจะแตกจะบิ่นความเป็นพระก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะพระก็คือพระ ความดีเป็นพระ ความที่พระองค์ทรงสั่งทรงสอนเป็นพระ ไม่ใช่ความเป็นอิฐเป็นดินเป็นพระ ถ้ามีความเชื่อความศรัทธาอย่างนี้ พระจะแตกจะหักเราก็ยังเก็บไว้ได้ ยังกราบได้ เข้าใจนะ

โยม ; แล้วจะให้พวกผมทำอย่างกับพระพุทธรูปคอหักนี้ครับ

หลวงปู่ ; ที่บ้านมีกาวไหม มีก็ทาติดให้เหมือนเดิมซะ

โยม ...................................

ความเกียจคร้าน เป็นอันตรายต่อโภคทรัพย์



ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้
เป็นธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ

โภคสมบัติ ๑
วรรณะ ๑
ความไม่มีโรค ๑
ศีล ๑
พรหมจรรย์ ๑
มิตร ๑
ความเป็นพหูสูต ๑
ปัญญา ๑
ธรรม ๑
สัตว์ทั้งหลาย ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการนี้แล
เป็นธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจหาได้ยากในโลก ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการเป็นอันตรายแก่ธรรม ๑๐ ประการนี้แล
ซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก คือ

ความเกียจคร้าน ความไม่ขยันหมั่นเพียร เป็นอันตรายแก่โภคสมบัติ
การไม่ประดับ การไม่ตกแต่งร่างกาย เป็นอันตรายแก่วรรณะ
การทำสิ่งไม่เป็นที่สบาย เป็นอันตรายแก่ความไม่มีโรค
ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว เป็นอันตรายแก่ศีลทั้งหลาย
การไม่สำรวมอินทรีย์ เป็นอันตรายแก่พรหมจรรย์
การแกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริง เป็นอันตรายแก่มิตรทั้งหลาย
การไม่ทำการสาธยาย เป็นอันตรายแก่ความเป็นพหูสูต
การไม่ฟังด้วยดี ไม่สอบถามเป็นอันตรายแก่ปัญญา
การไม่ประกอบความเพียร การไม่พิจารณาเป็นอันตรายแก่ธรรมทั้งหลาย
การปฏิบัติผิด เป็นอันตรายแก่สัตว์ทั้งหลาย

ดูกรภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการนี้เป็นอันตรายแก่ธรรม ๑๐ ประการนี้แล
ซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม๑๐ ประการเป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการนี้แล
ซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนาน่าใคร่ น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก คือ

ความไม่เกียจคร้านความขยันหมั่นเพียร เป็นอาหารของโภคสมบัติ
การประดับ การตกแต่งร่างกาย เป็นอาหารของวรรณะ
การกระทำสิ่งเป็นที่สบาย เป็นอาหารของความไม่มีโรค
ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นอาหารของศีลทั้งหลาย
การสำรวมอินทรีย์ เป็นอาหารของพรหมจรรย์
การไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริง เป็นอาหารของมิตรทั้งหลาย
การกระทำการสาธยาย เป็นอาหารของความเป็นพหูสูต
การฟังด้วยดี การสอบถาม เป็นอาหารของปัญญา
การประกอบความเพียร การพิจารณาเป็นอาหารของธรรมทั้งหลาย
การปฏิบัติชอบ เป็นอาหารของสัตว์ทั้งหลาย

ดูกรภิกษุทั้งหลายธรรม ๑๐ ประการนี้เป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการนี้แล
ซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก ฯ
จบสูตรที่ ๓
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๔
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
หน้าที่ ๑๒๐/๓๓๓
--

วิธีป้องกันกำจัดแมลงหวี่ศัตรูในโรงเพาะเห็ดอย่างได้ผล

วิธีป้องกันกำจัดแมลงหวี่ศัตรูในโรงเพาะเห็ดอย่างได้ผล นำกาบมะพร้าวและเถากระทกรกแห้งมารมควันทิ้งไว้ ช่วยไล่และกำจัดแมลงหวี่ให้หมดไปได้
จาก SMs Farmer Info - 11 ก.ย.2556

วิธีง่ายๆช่วยลดความขมได้ดี

การนำดอกขี้เหล็กต้มกับน้ำผสมเกลือ 1 ช้อนชาจนเดือด แล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำกลับไปต้มด้วยวิธีเดิมๆอีกครั้ง วิธีง่ายๆช่วยลดความขมได้ดี
จาก SMs Farmer Info - 15 ก.ย.2556

เคล็ดลับทอดปลาไม่ให้หนังปลาหลุด

เคล็ดลับทอดปลาไม่ให้หนังปลาหลุด ล้างปลา ซับน้ำจนแห้ง ทาน้ำมะนาวให้ทั่ว คลุกเกลือ ทอดในน้ำมันร้อน จนปลาลอยขึ้นมาแล้วพลิกอีกด้าน
จาก SMs Farmer Info - 7 ก.ย.2556

ป้องกันรักษาอาการท้องร่วง

นำใบฝรั่งสด (ไม่แก่ / อ่อนเกินไป) ตากแห้งแล้วบด 1 ส่วน +อาหารสำเร็จรูป10 ส่วน ให้ลูกหมูกินหลังหย่านมแล้ว 10 วัน ช่วยป้องกันรักษาอาการท้องร่วง
จาก SMs Farmer Info - 6 ก.ย.2556

วิธีทำสะเดานอกฤดู

วิธีทำสะเดานอกฤดู ให้เลื่อยเปลือกรอบลำต้นจนขาด (ตัดท่อน้ำ-อาหาร) สูงจากโคนต้น 1 เมตร ในต้นอายุตั้งแต่ 3 ปีและควรทำล่วงหน้า 2 เดือน
จาก SMs Farmer Info - 2 ก.ย.2556

ฟังรายการ Plearn Plearn Chiang Mai By DJ.Nickie- 26 Sep 2013 - No Need MAe Wong Dam

 Plearn Plearn Chiang Mai By DJ.Nickie 26 กันยายน 2556 กับประเด็น No Need Mae Wong Dam
++++
"วันนี้เป็นเรื่องของเขื่อนแม่วงก์  Mae Wong Dam การสร้างเขื่อนจะไม่ได้ป้องกันน้ำจากการถูกน้ำท่วม ถ้าสร้างขึ้นมา"

เรื่องเขื่อนแม่วงก์หลายฝ่ายช่วยกันให้ข้อมูลเต็มที่ รวมทั้งรายการภาคสองภาษา จากเชียงใหม่  "Plearn Plearn Chiang Mai By DJ.Nickie" กับประเด็น No Need Mae Wong Dam




วิธีง่ายๆสำหรับการป้องกันยุงกัด

วิธีง่ายๆสำหรับการป้องกันยุงกัด เพียงนำการบูรมาโรยบริเวณที่เราอยู่อาศัย หรือทาผิว กลิ่นการบูรจะช่วยไล่ยุงไม่ให้มากัดคุณได้อย่างปลอดภัย
จาก SMs Farmer Info - 1 ก.ย.2556

วิธีเก็บกุนเชียงไว้ได้นาน

วิธีเก็บกุนเชียงไว้ได้นาน คือ เก็บในตู้เย็น แต่เมื่อนำออกมาจะเหนียว เหมือนมีน้ำตาลเคลือบอยู่ เพียงตากแดดสัก 15 นาที สีจะสวยเหมือนเดิม
จาก SMs Farmer Info - 31 ส.ค.2556

ป้องกันโรคเกี่ยวกับลำไส้ได้

นำน้ำส้มควันไม้ 1 ซีซี + น้ำเปล่า 100 ลิตร ใส่รางน้ำให้เป็ดไก่ กินทั้งวัน ช่วยให้แข็งแรง  ภูมิต้านทานโรคสูง และป้องกันโรคเกี่ยวกับลำไส้ได้
จาก SMs Farmer Info - 30 ส.ค.2556

วิธีทำให้แตงกวาออกลูกดก

วิธีทำให้แตงกวาออกลูกดก ติดผล-มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เพียงนำนทข้นหวาน 1 กระป๋อง+เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด + ยาทัมใจ 1 ซอง +น้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นช่วงอกดอก
จาก SMs Farmer Info - 29 ส.ค.2556

เพียงนำหญ้าสดมาล้างให้สะอาด

เพียงนำหญ้าสดมาล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่รางให้แม่ไก่กินเป็นอาหารเสริมตอนเย็นทุกๆวัน ช่วยให้แม่ไก่โตไว แข็งแรง ออกไข่สมบูรณ์
จาก SMs Farmer Info - 28 ส.ค.2556

วิธีการเก็บผลผลิตที่ถูกวิธี

การนำสิ่วไปเจาะหรือสกัดเนื้อไม้ตรงส่วนที่เกิดสารกฤษณาออกมา คือ วิธีการเก็บผลผลิตที่ถูกวิธี ไม่ทำให้เสียคุณภาพและราคา ควรเก็บทุก 3 เดือน
จาก SMs Farmer Info - 27 ส.ค.2556

บำรุงไก่ชนทรงพลัง

บำรุงไก่ชนทรงพลังด้านการป้อนปลาช่อนยางให้กิน 2-3 ช้อนชา / วันหรือไข่นกกระทาดิบ (ไข่แดง) 1ฟอง /วันหรือใช้ทองหยิบ 1 ชิ้น บดชิ้นเล็กๆให้ไก่จิกกิน
จาก SMs Farmer Info - 26 ส.ค.2556

อะโวคาโดจะสุกแบบเนื้อไม่คล้ำ

อะโวคาโดจะสุกแบบเนื้อไม่คล้ำ / เละ เพียงบ่มในกล่องทึบแสงรองก้นด้วยกระดาษ วางผลในแนวตั้งให้ขั้วอยู่ด้านบน ทับด้วยกระดาษก่อนปิดกล่องไว้ 2 วัน
จาก SMs Farmer Info - 7ก.ย.2556

ทำน้ำตาลทรายแดงเป็นกับดักยุง

นำน้ำตาลทรายแดง 1 ขีด +  น้ำอุ่น 200 ซีซี+ผงยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ เทใส่ขวดตัดส่วนบนออกเป็นกรวยใส่ปิดแบบกลับด้าน หุ้มกระดาษดำ วางไว้เป็นกับดักยุง
จาก SMs Farmer Info - 25 สค 2556

วิธีสุดเจ๋งสำหรับป้องกันแมลงวันตอมอาหาร

วิธีสุดเจ๋งสำหรับป้องกันแมลงวันตอมอาหาร เพียงนำใบเล็บครุฑ ประมาณ 1 กำมือ ขยี้ให้กลิ่นออก วางหรือแขวนตามจุดต่างๆ ควรเปลี่ยนทุก 3 วัน
จาก SMs Farmer Info - 8 ก.ย.2556

แก้ปัญหาส้นเท้าแตกระแหง

ส้นเท้าแตกระแหง ปัญหาประจำเท้าที่หญิงสาวไม่พิสมัย แก้ได้ด้วยการนำเปลือกกล้วยหอมสุกด้านใน มาทาถูๆ วันละ 3-4 ครั้ง รับรองเห็นผลใน 1 สัปดาห์
จาก SMs Farmer Info - 25สค2556

การนำเห็ดสามอย่างขึ้นไป มาปรุงอาหาร

เป็นที่ทราบกันดีว่า การนำเห็ดสามอย่างขึ้นไป มาปรุงอาหารจะช่วยต้านมะเร็ง แต่ผู้ป่วยมะเร็งควรรับประทานเป็นน้ำซุป/ แทนเนื้อสัตว์ จะทำให้ดีขึ้น
จาก SMs Farmer Info - 28 ก.ย.2556

ปฐมพยาบาลผู้กินเห็ดพิษเบื้องต้น

ปฐมพยาบาลผู้กินเห็ดพิษเบื้องต้น ให้ผู้ป่วยเคี้ยวถ่านหุงข้าว ที่ทุบเป็นชิ้นเล็กๆทันที 10-20 ก้อน แล้วดื่มน้ำตามมากๆ ช่วยให้พิษสะสมน้อยลง
จาก SMs Farmer Info - 29 ก.ย.2556

บัวหลวงจะติดฝักเร็วขึ้นได้

บัวหลวงจะติดฝักเร็วขึ้นได้ หากหมั่นตัดแต่งใบแก่ซีด เหลืองและใบที่เป็นโรคทิ้ง แล้วบำรุงด้วยปุ๋ย 15-15-15 หลังการเก็บเกี่ยวทุกครั้ง
จาก SMs Farmer Info - 30 ก.ย.2556

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

เคล็ดลับทำให้พืชต้านทานโรค-แมลง

เปลือกไข่บดละเอียด 1 ส่วน + น้ำหมักผลไม้ (ทุกสูตร) 5 ส่วน ฉีดพ่นให้พืช ทุกเช้า ช่วยให้แข็งแรง ต้านทานโรค-แมลง เพราะได้รับแคลเซี่ยมจากเปลือกไข่
5 ก.ย.2556

กินอย่างไรไม่กรน


1.ไม่ควรกินอาหารก่อนนอนเยอะเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารหนักๆ ในช่วง 3 ชั่วโมงก่อนนอน เป็นไปได้ควรกินอาหารเบาๆ จำพวกซุปร้อนๆ เช่น ซุปมิโซะ ซุปฟักทอง ซุปข้าวโพด หรือกล้วยน้ำว้าสัก 1-2 ผล

2.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาที่มีฤทธิ์ที่ทำให้ง่วงซึม โดยทั่วไปแล้วเมื่อเกิดภาวะขาดออกซิเจน สมองและกล้ามเนื้อต่างๆ จะสั่งงานให้ร่างกายตื่นขึ้น แต่ถ้าหากถูกกดเอาไว้ด้วยแอลกอฮอล์ หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาท จะทำให้สมองตื่นช้า และอาจตอบสนองต่อภาวะขาดออกซิเจนไม่ทัน จนอาจเสียชีวิตได้

3.ดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ ก่อนนอน การนอนกรนส่วนหนึ่งเกิดขึ้น เพราะนอนหลับไม่สนิท ดังนั้น เพื่อการนอนหลับสนิทจนถึงเช้า ลองดื่มนม น้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น หรือน้ำสมุนไพรอุ่นๆ สักแก้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.cheewajit.com
รบกวนเข้าไปกดไลค์ลิ้งค์นี้หน่อยน้า https://www.facebook.com/theAunzVtg

เรียบเรียงและโพสต์โดย : แอดมิน สุญญตา

เลือกครอบครัวหรือเลือกเพื่อน




ปุจฉา - นมัสการค่ะพระอาจารย์ หนูมีเรื่องไม่สบายใจอยากขอคำปรึกษาค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกครอบครัวแทนการเลือกเพื่อน เมื่อเร็วๆนี้ หนูและกลุ่มเพื่อนมีการนัดกันเพื่อเลี้ยงส่งเพื่อนสนิทคนหนึ่งไป เรียนต่อค่ะ แต่พอถึงวันนัด พ่อได้ขอให้หนูช่วยขับรถไปต่างจังหวัดให้พ่อ หนูจึงโทรศัพท์ไปยกเลิกนัดเพื่อน เพื่อนคนนั้นโกรธ และไม่พูดคุยกับหนู จนกระทั่งเขาเดินทางไปเรียนต่อ แม้ว่าหนูจะส่งข้อความไปขอโทษและอธิบายให้ฟังถึงเหตุผลแล้วก็ตาม เขาก็ไม่ได้สนใจค่ะ หนูจึงปล่อยไม่สนใจเขา และคิดว่าสิ่งที่หนูทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แม้ว่าหนูจะไม่ได้ไปกินเลี้ยงส่งกับเขา แต่ก็มีเพื่อนคนอื่นที่ไปกินกับเขาอยู่แล้ว และหนูคิดว่าถ้าหนูไปกับเขา แต่ทิ้งให้พ่อต้องขับรถไปต่างจังหวัดคนเดียว หนูคงเป็นลูกที่อกตัญญูแน่ๆ

มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เวลาที่หนูเลือกจะไปกับครอบครัว เพื่อนส่วนใหญ่มักจะโกรธ และคิดว่าหนูควรจะให้ความสำคัญกับพวกเขาบ้าง แต่หนูกลับคิดว่าหนูทำถูกแล้วที่เลือกครอบครัวมากกว่า แต่เหตุใดเพื่อนหนูจึงคิดโกรธ และหนูควรจะแก้ไขอย่างไรหรือว่าช่างพวกเขาดีคะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณทำถูกแล้ว เพราะพ่อต้องการความช่วยเหลือของคุณ หากคุณไม่ขับรถให้ท่าน ท่านอาจเดินทางไปต่างจังหวัดไม่ได้ ผิดกับการไปส่งเพื่อน ถึงแม้คุณไม่ไปส่งเพื่อน ก็ยังเดินทางไปต่างประเทศได้อยู่ดี การที่เขาโกรธคุณก็เพราะเขาเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้คิดถึงคนอื่น ถ้าคุณมีแต่เพื่อนแบบนี้ คงหาความสุขได้ยาก เว้นแต่จะรู้จักทำใจ หรือวางระยะกับเขาพอสมควร

อย่างไรก็ตาม แม้พ่อแม่จะเป็นคนที่มีความสำคัญต่อชีวิตของเรามากกว่าเพื่อน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะ ต้องเลือกพ่อแม่ก่อนเพื่อนในทุกกรณี คุณควรดูสถานการณ์ด้วย บาง สถานการณ์ความช่วยเหลือของคุณอาจจำเป็นต่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ก็ได้ เช่น เพื่อนป่วยหนัก ขณะที่พ่ออยากให้คุณพาไปโรงหนัง ในกรณีอย่างนี้คุณควรช่วยเพื่อนก่อน เพราะถ้าคุณไม่ทำ จะเกิดเรื่องร้ายแรงตามมา ซึ่งต่างจากการพาพ่อไปโรงหนัง หาก คุณไม่สามารถพาท่านไปได้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแต่อย่างใด

เมื่อถอนขนไก่สดออก

เมื่อถอนขนไก่สดออก มักมีขนอ่อนติดอยู่ ใช้ใบตระไคร้สด 1 กำมือ ขยำแล้วขัดถูให้ทั่วตัวไก่ ล้างน้ำสะอาด ขนจะหลุดออกง่าย โดยไม่ต้องลนไฟ
จาก SMS Farmer Info -14 กย2556


ปุจฉา-วิสัชนา....โดย....คุณพศิน อินทรวงค์

-:-ข้อคิดสำหรับผู้ต้องการบรรลุธรรมในชาตินี้
แต่มีความจำเป็นยังต้องใช้ชีวิตฆราวาส-:-

ถาม...

สวัสดีครับพี่พศินผมอยากยึดสายอาชีพภาวนาผมควรพัฒนาตนเองอย่างไรครับแนะนำให้หน่อยครับ

ตอบ...

1. แยกหน้าที่ออกเป็นสองส่วน
คือ หน้าที่ภายนอก กับหน้าที่ภายใน

1.1หน้าที่ภายนอกคือ การงาน ครอบครัว สังคม สิ่งที่เรารับผิดชอบ สถานภาพทางสังคมที่เรามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ตรงนี้ทำให้ดีที่สุดอย่างเต็มความสามารถ

1.2 หน้าที่ภายใน ตรงนี้เป็นเรื่องการขัดเกลาจิตใจของเรา ให้สามารถเป็นอิสระจากทุกสิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกับการปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นทุกสิ่งทั้งปวง หน้าที่ตรงนี้ให้ทำด้วยวิธีการบริจาคทาน ถือศีล ทำสมาธิ วิปัสสนา

2. ให้รู้ว่ามีหน้าที่สองส่วนแต่ถึงเวลาปฏิบัติให้จับมารวมกัน

2.1 จำไว้ว่า สิ่งใดก็ตามที่จะทำให้หน้าที่ภายในของเราเสียหาย เราจะไม่ทำ แม้จะเป็นประโยชน์ต่อหน้าที่ภายนอก แต่ถ้าภายในของเราเสีย เราจะไม่ทำ เช่นทำแล้วรวยแต่ผิดคุณธรรม เราจะไม่ทำ ทำแล้วรวย แต่จิตใจตกต่ำเกิดความโลภ เราจะไม่ทำ หน้าที่การงานใดๆ ที่เราจะเลือกทำ จะต้องมีส่วนกระบวนการที่ส่งเสริมให้จิตใจของเราพัฒนาได้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป ขอให้ผนึกงานของเราให้กลายเป็นการทำบุญไปด้วยในตัว ตรงนี้ผู้ต้องการพัฒนาจิตอย่างถึงที่สุด ควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกงานของตนด้วย

2.2 เราต้องไม่หลงประเด็น ต้องรู้ชัดว่า เมื่อเราทำหน้าที่ภายในเต็มที่แล้ว หน้าที่ภายนอกก็จะดีไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะคนเราใช้จิตใจ ใช้ตัวเองไปทำทุกอย่าง ถ้าจิตใจของเราดี เบิกบาน มีความสุข มีปัญญา จะเอาไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น อย่าหลงประเด็นไปคิดว่ามันไม่เกี่ยวข้องกันเด็ดขาด อย่าไปมีความคิดผิดๆ ว่าการพัฒนาจิตใจเป็นการเสียเวลาที่ทำให้ประสบความสำเร็จช้า เพราะมันไม่จริง เราเป็นผู้ปฏิบัติ เราต้องมั่นในในวิถีทางของเราว่า การพัฒนาจิตนี่เองเป็นการเพิ่มขุมพลังชีวิตที่ดีที่สุด เป็นทางตรง ที่ลัดสั้นที่สุดอันนำไปสู่ชีวิตที่ประเสริฐเลิศทั้งปวง

2.3 เราต้องเข้าใจว่า ผู้พัฒนาจิตไม่จำเป็นต้องจน ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีเงิน เราสามารถมีเงินได้ ร่ำรวยได้เต็มที และเราจะมีชีวิตน่าภาคภูมิใจอย่างที่สุดแน่นอน แต่เราจะต้องไม่ยึดติดเงินทอง อย่าปล่อยให้เงินทองวัตถุมามีอำนาจเหนือเรา เพราะถ้าแม้แต่เงินทองเรายังเอาชนะไม่ได้ ก็เป็นอันว่า กิเลสทั้งหลายก็ยังเหยียบหัวเราอยู่ร่ำไป เราต้องวางตัวเป็นนาย ไม่ใช่ทาส ปล่อยวางได้ทุกเมื่อ มีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่ใช่ มีปัญญาพอที่จะหามา มีปัญญาพอที่จะสละออกไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์

2.4 การช่วยเหลือผู้อื่น คือหน้าที่ของเรา ถ้าเราคิดว่า เราต้องการพัฒนาจิตจนถึงที่สุด การเสียสละ มีน้ำใจ แบ่งปัน ไม่ใช่สิ่งที่ว่างๆ ค่อยทำ แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อจิตใจของเราในระดับที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป

3. คุณธรรมที่ต้องมี

3.1 ขอให้เราจัดการหน้าที่ภายนอกด้วยหลักอิทธิบาทสี่ รักในงาน ให้เวลา หาความรู้ และทบทวนประเมิณผล ขอให้ทำอย่างดีที่สุด แล้วปล่อยวางกับผลที่จะเกิด อย่าขับเคลื่อนการทำงานด้วยความโลภ ด้วยเงิน แต่จงขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งปัจจุบันขณะ เพราะพลังแห่งปัจจุบันขณะมีความแข็งแกร่งกว่าพลังแห่งความทะเยอทะยาน อีกทั้งไม่มีผลเสียตกค้างที่ก่อให้เกิดความผิดหวัง และความโลภ จงทำงานด้วยจิตว่าง แรกๆ จะทำเช่นนี้ไม่ได้ แต่ถ้าฝึกทำไปเรื่อยๆ ก็จะทำได้แน่นอน เมื่อทำได้แล้วการงานที่รับผิดชอบอยู่ จะถูกขับเคลื่อนด้วยศักยภาพสูงสุดที่คุณมี

3.2 ควบคุมคำพูดของคุณให้มาก โดยเฉพาะการวิพากวิจารณ์ เมื่อคุณคิดว่าต้องการพัฒนาจิตจนถึงที่สุด คุณต้องรู้ลิมิตของตนเองที่จะพูด พูดได้แค่ไหนที่ไม่ไปตีกิเลสของตัวเองให้ฟุ้งกระจาย คุณต้องรู้จักมีระยะห่าง อย่าไปเล่นกับอะไรที่มันจะเข้ามาทำให้จิตของคุณตกต่ำ เมื่อต้องเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งใดๆ คุณควรเข้าไปได้ใกล้แค่ไหนกิเลสของคุณจึงไม่ตีตลบหลัง ความสมดุลตรงนี้คุณต้องรู้จักรักษาให้ดี อย่างที่บอกไว้แต่แรก อย่าทำหน้าที่ภายนอก จนหน้าที่ภายในเสียหาย ถ้าคุณเลือกแล้วที่จะพัฒนาจิตจนถึงที่สุด คุณก็ต้องเตือนตนไว้เสมอว่าเป้าหมายของชีวิตคุณคืออะไร แล้วอย่าเอาอะไรไปแลกเด็ดขาด

3.3 แสดงออกทางการกระทำด้วยศีล อะไรที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ตนเองเดือดร้อน อย่าไปทำเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้ชีวิตของคุณร้อน ไม่มีความเหมาะสมต่อการพัฒนาจิต การพัฒนาจิตจะเกิดได้ดี ก็ต่อเมื่อชีวิตสงบเย็นตามสมควร

3.4 อัดฉีดความเมตตาเข้าไปในจิตใจของคุณ คุณธรรมเกี่ยวกับความเมตตานี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณต้องฝังจิตใจของคุณลงไปในนั้นให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น คุณต้องไม่ลืมที่จะวางอุเบกขาเมื่อถึงเวลาที่ควรวาง จงเมตตา แต่อย่าได้ทุกข์ร้อนไปกับความเมตตาของตนเอง คุณต้องพยายามฝึกจิตใจของคุณให้ข้ามพรมแดนของความเป็นเรา เขา ครอบครัว คนรัก ต้องพยายามฝึกให้ใจของคุณเห็นผู้อื่นสำคัญพอๆ กับตนเอง

3.5 การภาวนา เมื่อคุณคิดจะพัฒนาจิตจนถึงที่สุดแล้ว การภาวนาของคุณจะแยกจากชีวิตประจำวันไม่ได้เด็ดขาด คุณต้องมีกรรมวิธีในการหาอุบาย อย่าให้การภาวนาของคุณแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ คุณต้องรู้จักหนักเบาของตนเอง อะไรคือจุดดีจุดแข็ง จุดเปราะบางที่กิเลสมันจะแทรกตัวเข้ามาได้ง่าย คุณต้องเป็นนักบูรณาการสามารถผูกโยงทุกประสบการณ์ไว้กับหลักธรรมความจริง เมื่อเกิดอะไรขึ้น ขอให้นำมาพิจารณาเกี่ยวกับไตรลักษณ์ให้หมด ทั้งความรัก ความชอบ ดีใจ เสียใจ ความรู้สึกและสิ่งทั้งปวงทั้งรูปและนามทุกสิ่งจงน้อมกำหนดลงสูงไตรลักษณ์ให้สิ้นซาก จงมีกำลังใจอยู่เสมอ เรียนรู้ที่จะอยู่กับโลกใบนี้แบบผู้อาศัย ทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ว่าเราจะเข้าไปยึดไม่ได้ ทั้งทางสมอง สัญญาหมายจำ รวมไปถึงความเข้าใจระดับจิตอันเกิดจากการทำสมาธิ และวิปัสสนา

4. ปรับสมดุลชีวิต

4.1 เพื่อนฝูง คุณต้องรู้จักคบคน ต้องคบแต่คนดี ที่ไม่พาไปในทางเสื่อม หลีกเลี่ยงคนไม่ดี หลีกเลี่ยงสังคมไม่ดี เลือกคบแต่บุคคลที่จะพาคุณไปในทางสร้างสรรค์ คบแต่กัลยาณมิตร ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคุณคิดจะพัฒนาจิตจนถึงที่สุด คุณจำเป็นต้องมีผู้รู้ที่จะแก้ไขปัญหาการปฏิบัติทางจิตในขั้นลึกให้คุณได้ ถึงจุดหนึ่งคุณไม่สามารถอาศัยตำราได้ตลอดไป เพราะสภาวธรรมบางอย่างนั้น อยู่เหนือขอบเขตของตำราไปมาก ขอให้คุณใช้ปัญญาตรึกตรองดูให้มาก ก่อนจะยกใครเป็นครูบาอาจารย์ และอย่าฝากความหวังไว้กับอาจารย์ของคุณจนเกินไป แต่ให้ยึดที่ตัวธรรมะเป็นหลักโดยใช้ครูบาอาจารย์เป็นทางผ่าน ให้หลักโยนิโสมนสิการให้มาก เพื่อที่คุณจะไม่เลือกคนผิด และพึ่งพาบุคคลให้น้อยที่สุด แต่พึ่งพาหลักธรรมให้มากที่สุด

4.2 การงานของคุณ คุณต้องเลือกในการงานที่ทำให้จิตของคุณไม่ฟุ้งกระจาย ไม่เลือกงานประเภทที่ไปปั่นให้ใจของคุณขึ้นๆ ลงๆ ตรงนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องใช้ปัญญาของคุณเองในการพิจารณา เพราะแต่ละคนก็มีสัดส่วนของกิเลสในใจต่างกัน มีจริตต่างกัน แต่เมื่อคุณคิดจะเอาดีทางด้านนี้จนถึงที่สุด คุณก็ต้องยอมแลกกับความสบาย ความง่ายบางอย่างในช่วงแรกๆ แต่เมื่อคุณผ่านมันมาได้ ชีวิตของคุณจะอยู่ในจุดที่แปดเปื้อนไปด้วยกิเลสน้อยกว่าคนทั่วๆไป

5. ยอมรับความจริง เพื่อเตรียมตัวตั้งรับ

5.1 งานพัฒนาจิตนั้น เป็นงานที่ไม่ง่าย เพราะคุณกำลังสู้อยู่กับกิเลสซึ่งมันชนะคุณมาเนิ่นนาน ดังนั้นคุณต้องไม่ประมาท และต้องรู้จักหล่อเลี้ยงกำลังใจของคุณเอาไว้เสมอ อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ คุณจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องและหาอุบายให้ตนเองสามารถทำมันได้อย่างมีความสุข อย่าตามใจตัวเองจนเกินไป เพราะการตามใจตัวเองของเราส่วนใหญ่เป็นไปด้วยอำนาจกิเลสแทบทั้งสิ้น

5.2 ทางเส้นนี้เป็นเรื่องของการทวนกระแสโลก คุณต้องยอมรับว่า มันไม่ง่ายที่จะให้คนรอบข้างของคุณเข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร มันไม่ง่ายที่คุณจะทนทานต่อกระแสสังคมที่พัดคุณเข้าไปสู่วังวน คุณต้องต่อสู้กับตัวเองภายใน ต่อสู้กับความอยากของตน ต่อสู้กับโฆษณาชวนเชื่อที่ประโคมใส่หูของคุณทุกวัน ต่อสู้กับเสียงของพี่น้องเพื่อนพ้องร่วมโลก ที่จะมากระซิบข้างๆ หูของคุณบ่อยๆ ว่า "นั่นเธอทำอะไร มันผิดทางแล้ว มาตามฉันทางนี้ดีกว่า เธออย่าทำแบบนั้นเลย มันเป็นไปไม่ได้ มันเกินไป มาทางนี้เถอะนะ ใครๆเขาก็มาทางนี้กันทั้งนั้น"

ตลอดชีวิตของคุณ จะมีเสียงเหล่านี้มากระซิบข้างหูของคุณเป็นระยะๆ คุณต้องตั้งมั่นในเป้าหมาย อย่าได้หวั่นไหวเด็ดขาด

6. จงรู้ตัวว่าคุณคือผู้โชคดี เป็นความจริงอย่างถึงที่สุดที่ว่า ในโลกนี้มีคนคิดแบบคุณน้อยมาก และคุณตัดสินใจถูกแล้วที่ต้องการเดินในเส้นทางนี้ ถ้าทำได้และมีความเพียรพยายามพอ คุณจะรอดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่ต้องมาทุกข์ทนอยู่ในสังสารวัฏซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาและความทุกข์ทั้งปวง อันจะเป็นการตอกย้ำว่าคุณคือยอดคนผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างถึงจิตถึงใจ เป็นศิษย์ที่ดีที่สุดของพระตถาคตอย่างเต็มภาคภูมิ

7. ขออนุโมทนากับความคิดที่ถูกต้องตรงธรรมในครั้งนี้
และขอให้คุณมีปัญญาสามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรค์ไปได้อย่างดีที่สุด

เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง

ระยะนี้มีฝนชุก เกษตรกรควรยกร่องแปลงปลูกพืชในบริเวณที่ลุ่มให้สูง จัดระบบระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
จาก SMS Farmer Info - 25 ก.ย.2556


10 คำคม จาก 10 ภาษา

10 คำคม จาก 10 ภาษา
ภาษาจีน 每个人有自己的路要走
(เม่ยเกอะเริ่น โย่วจื้อจี๋เตอะลู้เย้าโจ่ว)
ความหมาย ทุกคนมีทางเดินเป็นของตัวเอง
ทุกๆ คนมีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ฝัน และทางเลือกเป็นของตัวเอง สิ่งหนึ่งที่เราชอบ อาจเป็นสิ่งที่อีกคนเกลียด หรือสิ่งหนึ่งที่เราฝัน อาจเป็นสิ่งที่อีกคนมีอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องไขว่ค ว้า เพราะฉะนั้นขอให้ภูมิใจกับทางเดินของตัวเอง เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงถึงความเป็นตัวเราได้ดีที่สุ ด

ภาษาอังกฤษ Life is what we make of it
(ไลฟ์ อิส วอท วี เมค ออฟ อิท)
ความหมาย ชีวิตคือสิ่งที่เราสร้างเอง
คนเรา ถึงแม้เลือกเกิดไม่ได้ แต่สามารถเลือกสร้างชีวิตได้ ขวนขวายโอกาส และมีความพยายามได้สร้างชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้น เพื่อพร้อมรับโอกาสดีๆ ที่อาจจะเข้ามาได้ทุกเวลา ความสำเร็จในชีวิตสร้างได้ด้วยตัวเองค่ะ

ภาษาญี่ปุ่น 天は人の上に人をつくらず 人の下に人をつくらず
(เทน วะ ฮิโตะโนอูเอะ นิ ฮิโตะโวะ ซึคุราซึ ฮิโตะโนะชิตะ นิ ฮิโตะโวะ ซึคุราซึ)
ความหมาย ฟ้ามิได้สร้างคนให้อยู่เหนือคน และมิได้สร้างคนให้อยู่ใต้คน
ประโยคนี้ ฟุคุซาวะ ยูคิชิ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเคโอเป็นผู้พูด ซึ่งหมายความว่า คนเราทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่าสูงกว่าหรือต่ำกว่า เพราะฉะนั้นเราไม่ควรดูถูกผู้อื่น รวมถึงใครที่กำลังท้ออยู่ก็ห้ามคิดว่าตัวเองด้อยกว่า คนอื่น

ภาษาฝรั่งเศส Le génie est une longue patience
(เลอ เจนี เอ อูน ลง ปาซิยองซ์)
ความหมาย อัจฉริยภาพคือความอดทนอันยาวนาน
การที่คนๆ หนึ่งจะกลายเป็นคนเก่งที่ฉลาดรอบรู้ได้นั้นไม่ใช่เรื ่องง่ายๆ แน่นอนว่าพวกเขาต้องขยันแล้วก็ขยัน ซึ่งความ ขยันที่ทุ่มเทลงไปนั้น อาจจะทำให้พวกเขาบางคนพลาดสิ่งสนุกๆ ในชีวิต เช่น การเที่ยวเล่นกับเพื่อน การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องอดทนและข่มใจเพื่อให้ผ่านช่วงเวลานั้นไปได้

ภาษาเกาหลี 하늘에 별 따기
(ฮานึลเล พยอล ตากี)
ความหมาย เด็ดดาวบนท้องฟ้า
หมายถึงสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ นั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องดูขีดความสามารถของเราด้วยว่าเรามีพลังพอที่จะทำ มั้ย แต่บางคนอาจเป็นพวกชอบลอง รู้ว่าไม่ได้ แต่ก็อยากลอง แต่ก็อย่าลืมว่า ถ้าเราเอาเวลาตรงนั้นไปมุ่งมั่นกับสิ่งที่มีโอกาสเป็ นไปได้ล่ะก็ คุ้มค่ากว่าเยอะเลย จริงมั้ย

ภาษาเยอรมัน Das Leben ist eine Reise
(ดาส เลเบน อิส อายเนอ ไรเซอ)
ความหมาย ชีวิตคือการเดินทาง
อาจจะตีความหมายได้ 2 แง่คือเริ่มเดินทางตั้งแต่เกิดจนตาย หรือเดินทางเพื่อไปหาเป้าหมายในชีวิต แต่ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในรูปแบบไหน เราก็ต้องเจอทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี และอุปสรรคที่เราเจอนั้นจะยิ่งทำให้เราภูมิใจและสามา รถยิ้มได้ทุกครั้งที่ย้อนมองกลับไปว่าเราเอาชนะมันได ้

ภาษาสเปน Cuando una puerta se cierra, otra se abre
(ก๊วนโด้ อู๊น่า ปูเอรฺต้า เซ เซียร่า โอ๊ตร้า เซ อาเบร่)
ความหมาย เมื่อประตูบานนึงถูกปิดลง อีกประตูก็จะเปิดขึ้น
เชื่อเถอะ ว่าถึงแม้ประตูบานนึงจะถูกปิดไป ก็ย่อมมีประตูอีกบานที่เปิดรับและฉายแสงส่องสว่างให้ อย่างดี หนทางไม่ได้มืดมนเสมอไป ถ้าเราเจอเรื่องแย่เรื่องหนึ่ง ลองมองรอบตัวดีๆ นะคะ สิ่งดีๆ อาจจะยืนรออยู่อีกมุมก็ได้

ภาษาเวียดนาม Ai cũng phải chết một lần
(อาย กุ๊ง ฝาย เจ๊ท โหมด เหลิ่น)
ความหมาย คน เราตายได้แค่ครั้งเดียว
คนเราเกิด ครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ถ้าตายนั่นหมายถึงการสิ้นสุดของชีวิตที่ไม่สามารถทำ อะไรต่อไปได้อีก เพราะฉะนั้นลองคิดให้ดีนะคะว่าชีวิตตลอดเวลาสิบกว่าป ีหรือยี่สิบปีได้ใช้ทำอะไรที่มันคุ้มค่าบ้างแล้วหรือ เปล่า เพราะอนาคตคือสิ่งที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไ รขึ้น รวมถึงเราไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหนคือวันสุดท้ายของชี วิตเรา

ภาษาอิตาเลียน Non fare il passo più lungo della gamba
(นน ฟาเร่ อิล ปั๊สโซ่ ปิ๊ว ลุงโก้ เดลลา กัมบ้า)
ความหมาย อย่าก้าวเท้ายาวกว่าความยาวของขา
ในการ ก้าวนั้น ควรก้าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญคืออย่ารีบก้าวยาวมากไป เพราะแทนที่จะถึงจุดหมายไว เราอาจจะต้องลื่นล้มเสีย เวลาเจ็บตัวฟรีๆ เพราะฉะนั้นควรประมาณความยาวของขาและแรง พลังของตัวเองให้ดีว่ามีมากเท่าไหน ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

ภาษาดัทช์ Waar een wil is, is een weg
(วาร์ เอิ่นวิลอีส อีสเอิ่นเว็ก)
ความหมาย ถ้า ไม่ท้อถอยซะก่อน หนทางสำเร็จก็ไม่ไปไหน
ประโยคนี้ เป็นประโยคที่ผู้ใหญ่เอาไว้ปลอบใจเด็กหรือค นที่อายุน้อยกว่าในเวลาที่ท้อและต้องการกำลังใจ หรืออาจจะแปลง่ายๆ ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

เทคโนโลยีซินโดรม ภัยสุขภาพคุกคามคนติดหน้าจอ


เทคโนโลยีซินโดรม โรคในกลุ่มออฟฟิศซินโดรมที่กำลังคุกคามชาวไซเบอร์ยุคใหม่ ผู้ชื่นชอบการเสพติดเทคโนโลยี ว่าแต่...คุณเองก็กำลังป่วยด้วยหรือเปล่านะ?

สมัยนี้กลายเป็นยุคที่คนใช้ "ดวงตา" จ้องหน้าจอ ใช้ "มือ" ถือแท็บเล็ต และใช้ "นิ้ว" จิ้มและลากสมาร์ทโฟน มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนก้มทำพฤติกรรมแบบนี้ไปหมด ไม่ว่าจะกำลังนั่งรอรถเมล์ กำลังนั่งทานอาหาร ขับรถ เดินอยู่ข้างถนน เลยไม่แปลกใจที่เราจะได้ยินคนใกล้ตัว หรือแม้แต่ตัวเองบ่นว่า รู้สึกเคืองตา ปวดตา เจ็บมือ เจ็บนิ้วอยู่บ่อย ๆ อาการเหล่านี้เป็นภัยสุขภาพแบบใหม่ที่เรียกว่า "เทคโนโลยีซินโดรม" และกำลังคุกคามชาวไซเบอร์อยู่อย่างเงียบ ๆ

โดย นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันคนหันมาใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเล่นเกม เล่นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน แต่กลับใช้งานต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดโรคในกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม หรือที่วงการแพทย์เรียกว่า เทคโนโลยีซินโดรม (Technology Syndrome)

น่าตกใจไม่น้อยที่ในช่วงระยะหลังมานี้มีผู้ป่วยตั้งแต่เด็กเล็กยันผู้สูงอายุ เข้ารับการรักษาด้วยโรคเทคโนโลยีซินโดรมจำนวนมาก และยังมีผู้ป่วยอีกมากที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองป่วยด้วยอาการดังกล่าว ดังนั้น นพ.ฐาปนวงศ์ จึงแนะนำวิธีการสังเกตอาการของโรคเทคโนโลยีซินโดรม เพื่อให้ตรวจสอบกันว่า ตัวคุณ หรือคนข้าง ๆ เข้าข่ายด้วยหรือไม่ ซึ่งจะมี 3 อาการหลัก ๆ คือ

1. ดวงตามีปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บตา ดวงตาล้า ตาช้ำ ตาแดง แสบตา ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากใช้คอมพิวเตอร์ หรือจ้องจอนานเกิน 25 นาทีขึ้นไป รวมทั้งการวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้ระดับที่เหมาะสมกับสายตา หรือปรับความสว่างหน้าจอไม่เหมาะสม หากดวงตาตรึงอยู่กับหน้าจอแบบนี้เป็นเวลานาน จะเกิดอาการเกร็ง มีผลกระทบต่อระบบของการกรอกตา และยังทำให้ระบบกล้ามเนื้อและประสาทผิดปกติด้วย

2. มีอาการทางกล้ามเนื้อกระดูก
ถ้าใครเป็นคนที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ แล้วยังนั่งไม่ถูกท่า ต้องก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ทุกวัน สุดท้ายแล้วอาการปวดคอ ปวดบ่า ปวดหลัง ปวดเอว ปวดนิ้วมือ ตามมาอย่างแน่นอน

3. เสพติดเทคโนโลยี
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ลองไม่ได้หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็กเฟซบุ๊กสัก 10 นาที ก็รู้สึกกระวนกระวายแล้ว หรือโพสต์ภาพไปเมื่อกี้ก็ว้าวุ่นใจอยากรู้ว่าจะมีใครมากดไลค์หรือยังนะ หรือแม้เพียงเข้าอินเทอร์เน็ตไม่ได้เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็รู้สึกหงุดหงิดสุด ๆ จนกลายเป็นความเครียด แบบนี้เข้าข่ายเป็นคนติดเทคโนโลยีแล้ว เพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองให้อยู่ห่างจากโลกไซเบอร์ได้เลย

แล้วจะรักษาโรคเทคโนโลยีซินโดรมได้อย่างไรล่ะ?...เรื่องนี้ นพ.ฐาปนวงศ์ บอกว่า ที่ไต้หวันเคยวิจัยพบว่า "การนอน" คือวิธีการรักษาโรคเทคโนโลยีซินโดรมได้ดีที่สุด เพราะจะทำให้เราไม่หมกมุ่นกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป ดังนั้น จึงควรนอนไม่ต่ำกว่าวันละ 7 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังอาจใช้การ "ประคบเย็น" ช่วยให้ผ่อนคลายได้

วิธีการประคบเย็นก็คือ นำผ้าไปแช่ในตู้เย็น หรือชุบในน้ำเย็น วางทาบบนศีรษะจากขมับซ้ายมาขมับขวา โดยไม่ต้องกด ขยี้ หรือคลึง แล้วทาบผ้าทับหน้าผาก ตา และจมูก วางจนกว่าผ้าจะหมด จากนั้น ให้นำผ้ามาชุบน้ำเย็นต่อ ทำติดต่อกันประมาณ 20 นาที วันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้อาการดีขึ้น และวิธีนี้ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์บ่อย ๆ

ส่วนใครที่มีอาการติดเทคโนโลยีแบบว่าอยู่ห่างแทบไม่ได้เลย คุณหมอ ก็แนะนำให้หากิจกรรมอื่นทำบ้าง เช่น อ่านหนังสือ ออกไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย อย่าเอาแต่จ้องหน้าจออย่างเดียว และถ้าไม่อยากปวดตาก็พยายามพักสายตาประมาณ 1-5 นาที หลังจากเล่นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนทุก ๆ 25-30 นาที เพื่อให้สายตาไม่อ่อนล้าจนเกินไป

โรคที่เกิดจากการทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ เดิม ๆ แบบนี้ บทจะป่วยก็มาเร็วติดจรวดอย่างที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ เอาเป็นว่าใครที่เริ่มเข้าข่ายจะเป็นเหยื่อของโรคเทคโนโลยีซินโดรม ก็พยายามลดละการใช้เทคโนโลยีลงหน่อยดีกว่านะ เลิกจ้องหน้าจอชั่วครู่ แล้วไปหากิจกรรมสนุก ๆ ทำบ้างดีกว่าเนอะ
************************* *****************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก kapook.com เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพ: ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

ทุนนิยม...เน้นเรื่องเสรีภาพทางเศรษฐกิจ

ทุนนิยม...เน้นเรื่องเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าเสรีภาพในการผลิต การจำหน่ายจ่ายแจก การบริโภคและการซื้อขาย รวมถึงเสรีภาพในทรัพย์สินส่วนบุคคล โดยถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของเสรีภาพมนุษย์

พุทธศาสนาเห็นต่างจากทุนนิยม เพราะเชื่อว่าเสรีภาพที่แท้จริงเป็นเสรีภาพภายใน เป็นเสรีภาพในทางจิตใจมากกว่า ถ้าไร้เสรีภาพในทางจิตใจแล้วเราก็กลายเป็นทาสของเงิน และเป็นทุกข์เพราะวัตถุได้อย่างง่ายดาย

พุทธศาสนายอมรับความสุขจากการใช้ทรัพย์ รวมทั้งความสุขจากการไม่มีหนี้ แต่พุทธศาสนาเห็นว่ายังมีความสุขที่ลึกไปกว่านั้น เป็นความสุขที่นอกเหนือจากการมีทรัพย์หรืออาสมิส ได้แก่ "นิรามิสสุข" คือ สุขที่ไปพ้นจากวัตถุสิ่งเสพ

พุทธศาสานามองว่าความเจริญไม่ว่าของบุคคลและของประเทศมี ๔ มิติ ได้แก่ความเจริญทางกายหรือทางวัตถุ ความเจริญในเรื่องของความสัมพันธ์หรือความประพฤติ ความเจริญในทางจิต และความเจริญในทางปัญญา...

ทุนนิยมนั้นเหมือนกับเงิน คือเป็นข้ารับใช้ที่ดี แต่เป็นนายที่เลว ทุกวันนี้เราปล่อยให้ทุนนิยมขยายใหญ่โตจนกระทั่งมีอิทธิพลครอบงำทุกด้านของชีวิตและสังคม ไม่เว้นแม้แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัว กับเพื่อนฝูง หรือกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรายึดถือ สิ่งที่เราต้องคิดกันก็คือทำอย่างไรถึงจะควบคุมทุนนิยมไม่ให้มีอำนาจมากเกินไป

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยควบคุมทุนนิยมไม่ให้มีอำนาจมากเกินไปจนเห็นคนเป็นสินค้า หรือเกิดการเอารัดเอาเปรียบจนเกิดช่องว่างอย่างมากมายก็คือ การทำให้สังคมมีความเข้มแข็งจนสามารถทัดทานไม่ให้อำนาจทุนทำอะไรตามใจชอบได้ มีหลายวิธีที่ทำให้สังคมควบคุมทุนได้ เช่น การส่งเสริมคุณค่าทางสังคมให้สำคัญกว่าคุณค่าทางเศรษฐกิจ

คนสมัยนี้เวลาจะซื้ออะไร ก็จะสนใจแค่ว่ามันราคาเท่าไร ถูกหรือแพง นี่เป็นการคิดโดยคำนึงถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ไม่ได้ถามต่อไปว่ามันทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ผู้ผลิตเอาเปรียบคนงานหรือเอาเปรียบแรงงานเด็กหรือไม่

หากเราจะทัดทานทุนนิยม ก็ต้องไม่เอามูลค่าหรือคุณค่าทางเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่เอาคุณค่าทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก คือถึงแม้ราคาจะแพง แต่ถ้าเป็นสินค้าซึ่งส่งเสริมชุมชน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตลอดจนวัฒนธรรมประเพณี ไม่ใช้วิธีโฆษณาที่ดูถูกผู้หญิงหรือกระตุ้นให้คนเห็นแก่ตัว เราควรสนับสนุนสินค้าอย่างนั้น เป็นต้น ถ้าทุกคนมีเกณฑ์แบบนี้ ทุนนิยมจะไม่เลวร้ายเท่าปัจจุบัน

นอกจากการให้คุณค่าทางสังคมเป็นใหญ่เหนือคุณค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ก็ควรสนับสนุนเครือข่ายชุมชนหรือประชาสังคมให้เข้มแข็ง เพื่อมีกำลังในการทัดทานอำนาจทุน ไม่ใช่ปล่อยให้มีการสร้างเขื่อนหรือโครงการใหญ่ ๆ ตามใจชอบ โดยไม่สนใจว่าจะเกิดผลกระทบต่อสังคมและชุมชนอย่างไร

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ พุทธศาสนาจะต้องเป็นอิสระจากทุนนิยมให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นคำตอบทางจิตวิญญาณเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้คนสามารถเป็นอิสระจากบริโภคนิยมได้ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้คนปัจจุบันเข้าหาบริโภคนิยม ไม่ใช่เพราะมันให้ความสะดวกสบายทางกายหรือความสนุกสนานเท่านั้น แต่เพราะมันตอบสนองความต้องการทางจิตใจ เช่นให้ความหมายแก่ชีวิต ทำให้ชีวิตไม่ว่างเปล่า

คนสมัยก่อนรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าหากได้ทำความดี เสียสละเพื่อศาสนาหรือประเทศชาติ แต่สมัยนี้ชีวิตจะมีคุณค่าหากได้สะพายกระเป๋าหลุยส์วิตตอง หรือสวมรองเท้าไนกี้ ในอเมริกาวัยรุ่นถึงกับฆ่าคนตายเพื่อจะได้ขโมยรองเท้าไนกี้ของเขามาใส่ จะเห็นได้ว่าชีวิตของผู้คนเดี๋ยวนี้ฝากไว้กับสินค้ามียี่ห้อพวกนี้ คำถามก็คือพุทธศาสนาจะช่วยให้ชีวิตเขามีคุณค่าได้หรือไม่ ถ้าพุทธศาสนาไม่สามารถทำได้ ผู้คนก็ต้องแห่ไปหาบริโภคนิยม นี้เป็นเรื่องท้าทายศาสนามาก

ต้องไม่ลืมว่าบริโภคนิยมตอนนี้เป็นศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะไปขั้วโลกเหนือ ไปป่าอเมซอน อยู่บนยอดเขาหิมาลัย บริโภคนิยมไปถึงหมดโดยผ่านดาวเทียม ทุกหนแห่งมีโค้กไปถึงหมด ไม่เว้นแม้แต่เชิงเขาเอเวอเรสต์ ขณะที่ศาสนาหลายศาสนายังไปไม่ถึง นี้คือสิ่งท้าทายพุทธศาสนา และควรที่ชาวพุทธทั้งหลายจะต้องช่วยกันนำพาพุทธศาสนาให้เป็นอิสระทางทุนนิยมแล้ว รวมทั้งสามารถเป็นทางเลือกให้แก่ผู้คนเพื่อออกจากบริโภคนิยมได้อย่างแท้จริง

พระไพศาล วิสาโล

อ่านบทความเต็มที่
http://www.visalo.org/article/budToonniyom.htm

เมื่อมีความทุกข์หรือความเดือดร้อนใจ

เมื่อมีความทุกข์หรือความเดือดร้อนใจ จงอย่าไปเที่ยวโทษโน่นนี่นั่น คนนั้น คนนี้ กลั่นแกล้งใส่ร้าย มนุษย์เรานั้นชีวิตจะดีหรือไม่ดี ย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเองนั่นแหละ เมื่อมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับชีวิตบ่อยๆ แสดงว่าทำบาปมากกว่าทำดีอยู่ รีบละบาป สร้างความดีทันที แล้วสิ่งดีๆจะมาหาเราเอง บุญกุศลนั้นหมั่นสร้างไว้ให้มากๆเถิดนะ หยุดเที่ยวโทษโน่นนี่นั่นได้แล้ว อย่าก่อกรรมกับผู้อื่นให้มากไปกว่านี้เลย แค่นี้ก็ชดใช้ขออโหสิกรรมต่อกันไม่ทันแล้ว

ที่มา:ธรรมะจากครูอาจารย์ทางธรรม

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 08 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

รายการรักพ่อ 08 กับ 3 ผู้ดำเนินรายการ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ , บ่าวสมุยและเอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก จากชมรมวิทยุเด็กและครอบครัว จ.ชลบุรี , ข่าว ในหลวงทอดพระเนตรข่าวน้ำท่วมนานถึง 5 ชั่วโมง, ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป, พระราชดำรัสการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กทม.ปี 2538, พระผู้ทำให้น้ำตาไหลและเคล็ดขัดยอก- ความรู้สึกที่ได้รับเสด็จอย่างใกล้ชิด, เรื่องราวการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ชุมพร-จากห­ัววังถึงพนังตัก,ช่วง Happy Family ครอบครัวอุ่นรัก - การร่วมแรงร่วมใจสร้างคันกั้นน้ำของกลุ่มร­ักพ่อที่ รพ.ศิริราช, บทกวี วัยรุ่นยุคน้ำหลากรักพ่อหลวง, การทำความดีของวัยรุ่นยุคน้ำหลาก การทำ EM-Ball, โครงการ FM 99.75 ทำดีเพื่อแผ่นดิน, ยุทธการอธรรมปราบอธรรมที่จันทบุรี, ที่มาของ EM BAll - อ.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ข้อความฝากถึงผู้ดำเนินรายการจากเจี๊ยบ วาริน และ ขวัญ วีวี่





" กลุ้มใจ แม่ขอเงินใช้เยอะมาก "



ปุจฉา - เพื่อนฝากถามค่ะ พ่อ+แม่ แยกกันตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อนอยู่กับพ่อ (ลูกคนเดียว) แต่แม่ก็ส่งเสียเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยด้วย เมื่อเรียนจบมีงานทำ ก็ส่งเงินให้แม่ตลอด ให้แม่ทุกเดือน (ปัจจุบันพ่อเสียแล้ว) แม่อยู่ ตจว. เพื่อนอยู่กทม. แม่มีแฟนใหม่ 6-7 ปีที่ผ่านมา แม่จะขอเงินพิเศษ เพิ่มเป็นระยะๆ 3-4 เดือน ครั้ง ประมาณ 2-3หมื่นบาท (โดยบอกว่าไม่มีเงินซื้อของเข้าร้าน แม่เปิดร้านขายของ) เพื่อนก็ให้เท่าที่มี ปีที่แล้ว แม่ขอให้ขายที่ให้ (ที่เป็นของแม่ แล้วยกให้เพื่อน) เพื่อนก็เซ็นต์ชื่อขายให้ ได้เงิน 1 ล้านบาท (ให้แม่หมด แม่ให้สร้อยทองมา 2 สลึง)

เดือนนี้ โทรมาขอเงิน 5 หมื่นบาท เพื่อนก็เครียด เพราะแม่บอก เงินจากการขายที่หมดแล้ว และไปกู้นอกระบบมา ดอกเบี้ย วันละพันกว่าบาท กู้มาซื้อของเข้าร้าน เพื่อนบอกให้เซ้งร้านถ้าขายแล้วขาดทุน จะเช่าคอนโดให้อยู่และให้เงินใช้ทุกเดือน แม่ไม่ยอม เพื่อนโทรมาบอกว่าทุกข์ใจ เพราะไม่รู้แม่เอาไปทำอะไร เชื่อตามที่แม่บอก หาทางแก้ปัญหาให้ ก็ไม่ยอม เลยบอกเพื่อนว่า ถ้างั้นให้ถามแม่ว่าให้บอกตรง ๆ ว่ามีหนี้เท่าไหร่ จะรับผ่อนใช้หนี้ให้ แต่อย่าไปสร้างหนี้ใหม่ แม่ก็ไม่ยอมพูด บอกว่าถ้าไม่ให้จะหนี ไปอยู่ที่อื่น

เพื่อนฝากถามว่า ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับแม่ เค้าจะเป็นลูก อกตัญญูมั้ย เค้าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะคาดเดาว่า ถ้าให้ก้อนนี้ไป ไม่นานก็คงโทรมาขอใหม่ เพราะที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้ตลอด ทั้ง ๆ ที่ให้เงินประจำทุกเดือนอยู่แล้วค่ะ เค้าไม่อยากรู้สึกผิด ถ้าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่สบายใจที่สถานการณ์เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะตนเองก็ต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ และเงินที่หามาก็ช่วยกัน 2 คนกับแฟน ขอบคุณค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ปัญหานี้จะแก้ได้จะต้องเริ่มจากการรู้ความจริงก่อนว่า เหตุใดแม่ของเขาจึงต้องการใช้เงินมากมายอย่างต่อเนื่อง ข้อเท็จจริงที่เล่ามานั้นล้วนได้จากการคุยกับแม่ แต่ความจริงอาจไม่ใช่เช่นนั้นก็ได้ ทางที่ดีลูกควรไปหาแม่ที่บ้าน เพื่อรู้ให้ชัดแม่ว่าปัญหาของแม่นั้นอยู่ที่ตรงไหน จะได้ช่วยแม่แก้ปัญหาได้ถูก อีกทั้งจะได้มีโอกาสพูดคุยอย่างเปิดอกกับแม่อย่างจริงจัง ดีกว่าการคุยผ่านโทรศัพท์ หากแม่มีปัญหาพฤติกรรมบางอย่าง ลูกก็จะได้แนะนำแม่หรือให้กำลังใจแม่เพื่อแก้ปัญหานั้นด้วยตนเอง แทนที่จะคิดพึ่งผู้อื่นอย่างเดียว (ที่จริงถึงไม่มีปัญหาอะไร คุณควรหาเวลาเยี่ยมแม่บ้าง)

การช่วยเหลือแม่นั้น นอกจากทำด้วยเมตตาหรือความรัก จำต้องใช้ปัญญาด้วย การสนองทุกอย่างตามที่แม่ร้องขอนั้น อาจเป็นการทำร้ายแม่ทางอ้อมได้ (เหมือนกับแม่ที่ตามใจลูกทุกอย่าง ย่อมเป็นการทำร้ายลูก) หากแม่มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องจนเกิดปัญหาหนี้สิน แล้วคิดว่าลูกจะช่วยแม่ได้ทุกครั้งไป แม่ก็จะได้ใจและถลำไปในทางที่ผิดพลาดหนักขึ้น โดยไม่คิดจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง

ดังนั้นลูกจึงอาจจำเป็นต้องบอกแม่หรือส่งสัญญาณให้แม่รู้ว่า ลูกไม่สามารถตามใจแม่ได้ และแม่จะต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย การทำเช่นนี้ไม่เรียกว่าอกตัญญู เพราะทำไปด้วยความปรารถนาดีต่อแม่ (เช่นเดียวกับแม่ที่ไม่ตามใจลูกทุกเรื่อง โดยเฉพาะการสนองกิเลสของลูก ก็ไม่อาจเรียกว่าเป็นแม่ที่ใจร้ายขาดเมตตาต่อลูกได้)

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

พืชผักจะอวบใหญ่กรุบกรอบแข็งแรง

พืชผักจะอวบใหญ่กรุบกรอบแข็งแรง ใช้วุ้นบนหน้าน้ำหมักทุกชนิด 3 กก. + น้ำซาวข้าวเหนียว 3 ลิตร หมัก 48 ชม. ใช้ 1 ส่วน/น้ำ 10 ส่วน ฉีดพ่นสัปดาห์ละครั้ง
3 ก.ย.2556

"ปันปั่น" จักรยานสาธารณะของกรุงเทพฯ กับ Vélib' ของปารีสแตกต่างกัน

"ปันปั่น" จักรยานสาธารณะของกรุงเทพฯ กับ Vélib' ของปารีสแตกต่างกันตรงเจตนารมย์ และกระบวนการ
จักรยานสาธารณะของปารีส ฝรั่งเศส ที่มีชื่อว่า Vélib' นั้น เกิดขึ้นเพราะเมืองปารีสให้บริษัท JCDecaux ซึ่งเป็นบริษัทสื่อโฆษณากลางแจ้ง ลงเงินในระบบจักรยานสาธารณะให้ประชาชนเพื่อตอบแทนที่บริษัทได้สัมปานป้ายบนทางเท้ากับเมือง(ไม่เกี่ยวอะไรกับโฆษณาบนตัว หรือสถานีจักรยาน) จำนวน 1,628 ป้าย(ครึ่งนึงของจำนวนนั้นเมืองสามารถลงโฆษณาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) บริษัท JCDecaux ลงเงินทั้งสิ้นประมาณ 140 ล้านเหรียญ ว่าจ้างพนักงานราว 285 คนเพื่อจัดการและดูแลระบบซึ่งสัญญากับเมืองไว้ 10 ปี เมืองได้รับผลตอบแทนจากการใช้จักรยานราว 4.3 ล้านเหรียญต่อปี
จะเห็นว่าระบบจักรยานของเขา ไม่ได้ใช้เงินภาษี แถมยังเป็นเงินที่เมืองเอามาจากบริษัทสื่อกลางแจ้ง และทั้งสองส่วนแยกออกจากกันชัดเจน
ในขณะที่ ปันปั่น ของ กรุงเทพฯ นั้น เกิดขึ้นเพราะ บริษัทกรุงเทพธนาคม วิสาหกิจของ กทม. สัมปทานทางเท้าให้กับบริษัทเอกชนไปบริหารจัดการธุรกิจจักรยานสาธารณะ ถ้ามองในแง่ดีธุรกิจจักรยานสาธารณะที่ไหนจะทำกำไรได้ จึงจำต้องมีป้ายโฆษณา แต่ถ้ามองในแง่ร้ายมันอาจเป็นการขายพื้นที่ทำป้ายโดยมีจักรยานสาธารณะบังหน้า เพราะจำนวน ที่ตั้ง และลักษณะของสถานีเอื้อต่อธุรกิจป้ายมากกว่าการใช้งานจักรยาน และไม่ว่าจะมองในแง่ดีหรือร้าย โครงการก็สร้างความลำบากแก่คนเดินเท้าอยู่นั่นเอง
ความต่างของ"ปันปั่น" กับ Vélib' นั้นไม่ใช่เพราะประเทศเขาพัฒนาแล้ว ประเทศเรากำลังพัฒนา แต่มันคือเจตนา และกระบวนการในโครงการสาธารณะของผู้บริหารเมือง

สูตรสารกำจัดวัชพืชในสวนยาง

สูตรสารกำจัดวัชพืชในสวนยาง แม่ปุ๋ย P10 กก+  เกลือ 40 กก. + โซดาไฟ 2 กก.+ดินประสิว 2 กก.+น้ำยาล้างจาน 2 ลิตร + น้ำ 200 ลิตร หมัก 7 วัน กำจัดทั้งใบแคบ-กว้าง
จาก SMS Farmer Info -20 สค 2556

21 ข้อคิดจาก ศุ บุญเลี้ยง'



1. อย่าหาสมุดที่ห้องสมุด สมุดหาที่ศูนย์หนังสือ
2. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จไม่อยู่ที่นั่นเสมอไป
3. เรียนรู้สิ่งที่พ่อ แม่ ไม่สั่งสอนด้วย
... 4. อย่าไว้ใจคนที่สุภาพเกินไป
5. ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงจัง
6. พกปากกา
7. อย่าบอกว่าดีหรือไม่ดี ให้ใช้คำว่า ชอบหรือไม่ชอบ
8. ใช้ไหมขัดฝัน
9. ซื้อของที่คุ้ม ของที่ดี ไม่ใช่ของถูกหรือแพง
10. หาโค้ชดีให้เจอ (ต้องโดน)
11. โจมตีความคิดตัวเอง
12. ฝึกโดนติ
13. สิ่งสำคัญต้องใช้สัมพันธภาพแลกมา
14. หัดฉวยจังหวะ คว้าโอกาส พร้อมที่จะใช้โอกาส
15. อย่าช่วยคนที่ถูกกระชากสร้อย
16. หัดใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ อ่านคู่มือและศึกษาความเหมาะสม ฝึกดูแผนที่
17. อย่าทำงานเป็นฝูง ให้ทำเป็นทีม
18. กล้าในสิ่งที่ควรกล้า กลัวในสิ่งที่ควรกลัว
19. ประหยัดอารมณ์
20. อย่าตัดสินคนจากการแต่งตัว แต่แต่งตัวให้ดี
21. ทางไปสู่ความลำบากนั้นไปสบาย ทางไปสู่ความสบายนั้นไปลำบาก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก บทสัมภาษณ์ ศุ บุญเลี้ยง สุขแบบพอดี
ขวัญเรือน ฉบับ 924 ปักษ์หลังเดือนพฤษภาคม 2553

การหวีผมที่ถูกต้อง "ช่วยผมสวย"


การหวีผมที่ถูกต้องช่วยให้ผมของคุณสวยได้ แม้ว่าการบำรุงเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะจำเป็นมากต่อเส้นผมและหนังศีรษะก็จริงอยู่ แต่ การหวีผมที่ถูกต้อง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการบำรุงเส้นผม การหวีผมที่ถูกต้องจะช่วยทำให้คุณมีเส้นผมที่ สวย เงางาม ได้ด้วย ฉะนั้นหันมาหวีผมที่ถูกต้อง กันดีกว่า วิธีหวีผม ที่จะทำให้ผมคุณสวยได้มาดูกันเลย

การหวีผมที่ถูกต้อง
- หวีผมจากโคนผมลงไปหาปลาย
ถ้าคุณเป็นสาวผมยาวให้จับช่วงปลายผมขึ้นมาสางเบา ๆ ให้ผมคลายตัวก่อนจากนั้นค่อยเริ่มหวีจากโคนลงมา จะทำให้ผมพันกันน้อยลงลดความเสี่ยงกับการที่ผมจะหักขาดหรือแตกปลาย

- ไม่ควรหวีผมบ่อย ๆ
การหวีผมบ่อยเกินจำเป็นจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้หนังศีรษะขับน้ำมันออกมามากจนกลายเป็นคนผมมัน ดังนั้นควรหวีผมแค่วันละสองครั้งคือเช้าและก่อนนอนและหวีไม่เกินครั้งละ 3 นาทีก็พอ

- ไม่ควรกดแปรงลงไปบนหนังศีรษะมาก ๆ
เพราะจะทำให้หนังศีรษะมันแล้วทำให้ผมร่วงควรใช้นิ้วมือนวดเอาจะดีกว่า อย่ากดแปรงลงไปบนหนังศีรษะจะทำให้เลือดไหลเวียนดีและผมดูสวยขึ้น

- หยุดหวีไปยกมือลูบผมไป
เพราะมือของคุณนั้นมีทั้งเหงื่อ น้ำมัน ฝุ่น การลูบผมก็เท่ากับเอาความสกปรกและน้ำมันไปเพิ่มให้เส้นผมทำให้ผมขาดความเงางามไม่มีชีวิตชีวา ควรก้มหัวลงแล้วหวีผมจากโคนผมลงไปถึงปลายจากนั้นเงยหน้าขึ้น เริ่มหวีจากซ้ายไปขวาและจากขวาไปซ้ายสลับกัน

เพียงเท่านี้คุณก็จะมีผมที่นุ่มสลวยอวดสายตาคนรอบข้างแล้วค่ะ
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก www.n3k.in.th อ้างอิงข้อมูลจาก woman's
ภาพ: ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

เพื่อนนิสัยไม่ดี ไม่เห็นความดีของเรา



ปุจฉา - ผมรู้สึกว่ากลุ่มเพื่อนร่วมชั้นบางคนไม่ชอบผม ทั้งๆที่เราก็หวังดีกับพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนที่พูดจาหยาบคาย แล้วก็ชอบวิจารณ์คนอื่นเสียๆหายๆ ผมก็เลยไม่ค่อยอยากคุยด้วย แล้วก็แยกกลุ่มเพื่อนกันอย่างชัดเจน แต่กลุ่มพวกเขาก็จะประชดประชันผมในหลายๆเรื่อง เช่น ไปทัศนศึกษา ตอนแรกพวกเขาบอกว่าอยากไป แต่พอผมบอกว่าผมจะไป พวกเขาก็ไม่ไป ซึ่งผมรู้สึกไม่ดีมาก

อีกทั้งพวกเขาก็เอาผมไปพูดนินทาลับหลัง เวลาผมแบ่งปันพวกชีทให้ พวกเขาก็ไม่เคยขอบคุณน้ำใจเลย ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเพื่อนอีกคน เขาก็จะแสดงคำขอบคุณอย่างออกนอกหน้า มันทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆ เลยครับ แล้วก็รู้สึกหมดหวังในการทำความดี จนบางทีเคยคิดว่า ไม่น่าทำดีกับพวกมันเลย บางครั้งก็รู้สึกสูญเสียความมั่นใจในหลายๆเรื่อง ซึ่งทำอย่างไรก็อดคิดไม่ได้เสียทีกราบนมัสการพระอาจารย์ช่วยชี้ทางด้วยครับ ขอบคุณครับ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - อย่าให้พฤติกรรมของคนไม่กี่คนบั่นทอนความดีในใจคุณ คุณไม่ควรยอมให้เขามีอำนาจเหนือคุณถึงขนาดนั้น การที่คุณพยายามทำความดีกับเขานั้นดีแล้ว คนเราควรทำดีกับทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม เหตุผลที่เราควรทำดีกับนาย ก. ไม่ใช่เพราะนาย ก. เป็นคนดี เป็นคนน่ารัก แต่เพราะเราเห็นว่าความดีนั้นดีในตัวมันเอง เป็นสิ่งที่ให้อานิสงส์ที่ดีงามทั้งแก่เราและผู้อื่น พูดอีกอย่างการทำความดีเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนการซาบซึ้งเห็นค่าของความดีของเรานั้นเป็นหน้าที่ของเขา หากเขาไม่ทำเช่นนั้น ก็เป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของคุณ ดังนั้นอาตมาอยากแนะนำให้คุณทำดีกับเพื่อนกลุ่มนั้นต่อไป แต่อย่าคาดหวังอะไรจากเขา รวมทั้งคำขอบคุณด้วย

อย่างไรก็ตามอาตมาเชื่อว่า หากคุณมั่นคงในความดี ทำดีต่อเขาอยู่เนืองนิจ ไม่ช้าก็เร็วพฤติกรรมของเขาจะเปลี่ยนไป เขาจะหันมาปฏิบัติดีกับคุณ ทั้งนี้ก็เพราะคนเราทุกคนล้วนมีความดีอยู่ในใจทั้งนั้น แต่ที่เขาทำตัวไม่ดี ก็เพราะความดีในใจเขานั้นอ่อนแรง ปล่อยให้ความชั่ว ความเห็นแก่ตัวครอบงำใจ แต่ความดีของคุณที่ทำต่อเขานั้นแหละ จะปลุกกระตุ้นความดีในใจเขาให้มีพลัง จนสามารถเอาชนะความชั่วหรือความกระด้างในใจเขาได้

ขอให้คุณระลึกถึงพุทธภาษิตที่ว่า “พึงเอาชนะความชั่วด้วยความดี เอาชนะคนตระหนี่ด้วยการให้” หากคุณทำตามคำสอนของพระองค์ ชีวิตคุณจะมีแต่ความเจริญและผาสุก สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งปวงได้

คำสอน...ท่านหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี



"ผู้เ้จริญวิปัสสนาทั้งหลาย เมื่ออายตนะภายในและภายนอนมากระทบกันเข้า มีความรู้สึกเกิดขึ้น ย่อมพิจารณาเป็น ไตรลักษณญาณอย่างนี้ทุกขณะ ไม่ว่าอิริยาบทใดๆ ทั้งหมด ถ้าพิจารณาจนชำนิชำนาญแล้ว มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติของมันเอง มีความรู้เท่าตลอดเวลา จนเห็นว่าอารมณ์ทั้งปวงสักแต่ว่าอารมณ์ เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปตามสภาพของมัน"

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 07 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ



 ผู้ดำเนินรายการ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
รายการวิทยุ รักพ่อ 07 ความห่วงใยของในหลวงที่ไม่เคยเป็นข่าว
10 อันดับเรื่องของ "ในหลวง" ที่คนไทยควรรู้ , คำพ่อสอนเรื่อง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ , ความตั้งใจของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ "ดูที่พ่อทำ จำที่พ่อสอน", เรื่องราวของชาวต่างประเทศที่รักในหลวงสุด­หัวใจ, เรื่องราวจากหนุ่มระยองว่าเข้าใจหลักปรัชญ­าและใส่ใจที่จะเรียนรู้เพียงใด, ข้อคิดปิดท้าย 3 คำจากในหลวง





สอนศิษย์อย่างไร ให้เกิดการเรียนรู้



ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ มีเรื่องข้องใจและอึดอัดกับการวางตัววางใจในการเป็นอาจารย์ค่ะ เริ่มไม่แน่ใจว่าเราควรจะต้องเคี่ยวกรำหรืออบรมฝึกฝนและให้วิชาความรู้ รวมถึงให้ทักษะชีวิตแก่นักศึกษาอย่างไรจึงจะถือว่าพอดี

บางคนว่าหากป้อนมากไปก็จะทำให้เด็กไม่รู้จักโตสักที เรียนเองไม่เป็น ทำอะไรเองไม่ได้ ควรสอนวิธีจับปลาแล้วเฝ้าดูช่วยอยู่ห่างๆ ให้เด็กรู้จักจับปลาด้วยตนเอง บางคนก็ว่าก็เด็กเกิดมาไม่ได้ฉลาดเท่ากันหรือมีโอกาสเหมือนคนเก่งๆ ในกรุงเทพ ดังนั้นหากอาจารย์ไม่ช่วยสนับสนุนแล้วใครจะทำ อะไรที่คนเป็นครูสามารถทำได้ก็ควรทำ จะปล่อยให้เด็กขวนขวายเองโดยมองอยู่ห่างๆได้อย่างไร โดยส่วนตัวรู้สึกเห็นด้วยกับทั้งสองฝ่าย

พระอาจารย์เคยสอนว่าหากสิ่งที่ทำดี มีประโยชน์ ไม่เบียดเบียนใครก็ทำไปเถอะ แต่เริ่มไม่แน่ใจว่าจุดสมดุลอยู่ที่ไหน สิ่งที่ทำนี้จะกลายเป็นว่าพ่อแม่อาจารย์รังแกฉัน(กับนักเรียน)หรือ ไม่ ขอนมัสการพระอาจารย์ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - การศึกษาหมายถึงการเรียนรู้ มิใช่การสอน ไม่ว่าสอน เท่าไหร่ ถ้าเด็กไม่เกิดการเรียนรู้ ก็ไม่เรียกว่าการศึกษาการ ช่วยให้เด็กรู้จักคิดเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ใน ระยะยาว แต่วิธีการที่จะช่วยให้เด็กคิดเป็นนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคนด้วย บางคนคิดได้ไว บางคนคิดได้ช้า ผู้เป็นครูก็ต้องพิจารณาเป็นคน ๆ ไป จะใช้สูตรสำเร็จกับเด็กทุกคนหรือทั้งชั้นย่อมไม่ได้

การป้อนความรู้ทุกอย่างให้เด็ก เสมือนเด็กเป็นแก้วเปล่า ย่อมไม่ช่วยให้เด็กรู้จักคิดหรือเกิดการเรียนรู้ได้ (อย่างมากก็ได้แต่ท่องจำความรู้และข้อมูล ซึ่งไม่นานก็ล้าสมัยใช้การไม่ได้) การอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้เด็กเรียนรู้หรือคลำทางเอง ก็เป็นสุดโต่งอีกด้านหนึ่ง ซึ่งไม่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้ จนกว่าเด็กจะมีพื้นฐานที่ดี

ก่อนจะถึงจุดนั้น ครู(และพ่อแม่)มีความสำคัญมากในการช่วยให้เด็กคิดเป็นหรือรู้จักคิด ซึ่งรวมถึงการมีความใฝ่รู้ และรู้จักวิธีแสวงหาความรู้ ถ้าเด็กมีคุณสมบัติดังกล่าว เขาก็สามารถเรียนรู้จากทุกประสบการณ์ที่เกิดกับเขา ไม่ว่าดีหรือร้าย บวกหรือลบ

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีเลี้ยงเป็ดให้ได้ไข่ฟองใหญ่

วิธีเลี้ยงเป็ดให้ได้ไข่ฟองใหญ่ ไข่แดงดี นำปูแสมสดมาล้างน้ำสะอาด 2 ครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรค สับละเอียด ให้เป็ดกินทุกวัน เช้า-เย็น
2 ก.ย.2556

จงอย่าใช้คำพูดที่เลวร้ายในขณะที่ท่านอารมณ์ไม่ดี

จงอย่าใช้คำพูดที่เลวร้ายในขณะที่ท่านอารมณ์ไม่ดีหรือไม่ปกติ ท่านมีโอกาสมากมายที่จะปรับเปลี่ยนอารมณ์ที่ไม่ดีเหล่านั้นได้ แต่ท่านไม่มีโอกาสที่จะหวนกลับไปเปลี่ยนคำพูดที่เลวร้ายที่ท่านพูดออกไปทำร้ายผู้อื่นได้เลย

Via" Awesome Quotes & Awesome Pictures "

ช่วยให้ผิวเนียนใส

นำน้ำผึ้ง 1 ส่วน + สบู่เหลว 2 ส่วน (หากใส่น้ำผึ้งมาก สบู่จะหนืดเกินไป) ใช้ทำความสะอาดร่างกายแล้วล้างด้วยน้ำอุ่น ช่วยให้ผิวเนียนใส
จาก SMS Farmer Info -18 ส.ค.2556

คำคมปราชญ์จีน นักปราชญ์จีน 21 เหตุแห่งความล้มเหลวของท่านกว๋อฉาง

คำคมปราชญ์จีน นักปราชญ์จีน 21 เหตุแห่งความล้มเหลวของท่านกว๋อฉาง

21 เหตุแห่งความล้มเหลวของท่านกว๋อฉาง (นักปราชญ์ชาวจีน)
มนุษย์ต้องทำงาน เมื่อทำงานเสร็จ ก็ต้องการความสำเร็จ หากสำเร็จ ก็ยินดี พอใจหากล้มเหลวไม่สำเร็จก็เสียใจ หดหู่ ท้อถอย ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
การทำงานสิ่งใดก็ตาม ทำแล้วต้องมุ่งหน้ากระทำต่อไปให้สำเร็จจงได้ ไม่ท้อถอยเสียโดยง่าย ไม่เลิกละลงกลางคัน มีความบางบั่น มุมานะพากเพียรพยายาม กระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เรื่อยไป หนักๆ เข้า งานใดๆ ก็ไม่สามารถหลีกหนีความพยายามของมนุษย์ไปได้
เมื่อเริ่มทำงานการสิ่งใดก็ตาม หากเริ่มต้นแล้วรู้สึกว่าสะดุดมีลางไม่ค่อยจะดีเสียเปรียบ มีท่าว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ ก็ขอจงอย่าได้ท้อถอย ให้คิดไว้เสมอว่า "เสือเจ็บนั้นไม่ร้อง" เมื่อท่านพบกับปัญหาจงอย่าเอะอะเอ็ดตะโร หรือโวยวายว่า ทำไม่ได้ ๆ ไม่มีทาง ๆ งานนี้ยากเหลือเกิน ใครจะสามารถทำให้สำเร็จได้ ? ซึ่งการร้องแรกแหกกระเชอ พร่ำเพ้อ ไปเช่นนั้น มิได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย แต่หากหุบปากเงียบไว้ ตั้งหน้าตั้งตาลงมือทำ ฝ่าฟันบากบั่นต่อสู้กับภาระหน้าที่งานนั้นเรื่อย ๆ ในไม่ช้า ความสำเร็จก็จะเข้ามาสู่ตัวเราเอง
ท่านกว๋อฉาง(นักปราชญ์ชาวจีน)ได้กล่าวถึงเหตุแห่งความล้มเหลวของมนุษย์ไว้ 21 ประการ ดังนี้
1) ไม่เข้าใจผู้อื่น เป็นคนไม่รู้เขา ไม่รู้เรา เอาแต่ตนเองเป็นประมาณ มีความคับแคบในจิตใจ
2) ไม่ประมาณตน สำคัญตนเองผิด ไม่ทราบว่าตนเองอยู่ในสถานะใด ขาดความเจียมตนอยากใหญ่ อยากดัง อาจจะเป็นคนชอบยกตนข่มท่าน อวดใหญ่อวดโต
3) ไม่เดียงสาต่องาน ขาดความรู้ในหน้าที่การงานที่ปฏิบัติ ไม่ได้ร่ำเรียนมาโดยตรง ไม่ได้รับการฝึกฝนอบรมในเรื่องนั้นๆ ให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่มีความเข้าใจงาน ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนต่อการปฏิบัติภารกิจนั้น
4) ขาดความสำนึกรับผิดชอบ ไม่รับทราบว่า ในหน้าที่งานที่ตนเองต้องปฏิบัตินั้น ที่จริงแล้วมีสิ่งใดบ้างที่ตนเองจะต้องรับผิดชอบ หรือแม้จะทราบ แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ทราบ ไม่ยอมรับผิดชอบงานในหน้าที่ของตน หรือคอยจ้องแต่จะรับ "ความชอบ" ส่วนความผิดนั้น มักปัดสวะให้ผู้อื่นรับเอาไป ก็ทำให้เกิดความผิดพลาดเสียหายล้มเหลวได้อย่างมากมาย
5) โลภโมโทสัน เป็นคนมักได้ มักเอา เป็นคนขี้ขอ มีโลภะ เป็นเจ้าเรือน เห็นสิ่งใดมีอาการอยากได้มาเป็นของตนในทุกๆ เรื่อง อาการเช่นนี้ เมื่อมีในตนมากเกินไป ทำให้มีสภาพเป็นคนน่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะเขากลับว่า จะไปขอทรัพย์สินของเขานั่นเอง ไร้ซึ่งสัจธรรม คนพูดปด พูดมดเท็จ พูดหลอกลวง พูดเพ้อเจ้อ พูดสับปลับ พูดปากกับใจไม่ตรงกัน ไม่มีคุณธรรมประจำใจ ย่อมไม่มีคนเคารพนับถือ วาจาไม่เป็นที่เชื่อถือแก่ผู้ใดเลย คนประเภทนี้ จะเป็นนักบริหารที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ที่จะเป็นได้ ก็เป็นเพียงคนจรหมอนหมิ่น สิ้นไรซึ่งความดีงามประจำตนเท่านั้นเอง
6) เย่อหยิ่งยโส คนอวดเบ่ง อวดหยิ่งยโสนั้น ไม่มีใครเขาเกรงกลัว และไม่เคารพนับถืออีกด้วย คนที่คิดว่าตัวเองเก่งนั้น ที่จริงเปรียบเสมือนกับคนที่ตายไปแล้ว เพราะคนที่หลงตัวลืมตนนั้นจะไม่ยอมศึกษาค้นคว้าสิ่งไดเพิ่มเติม เนื่องจากหลงตนคิดว่าตนเองเก่งกว่าใครๆ นั่นเอง
7) ก่อหนี้สินล้นพ้นตัว คนประเภทนี้ เป็นพวกหน้าใหญ่ใจโต ไม่ประมาณตน เห็นช้างขี้ก็อยาก ขี้ตามช้าง เห็นเขานั่งคานหาม ก็อยากนั่งบ้าง แต่หาคานหามไม่ได้ เลยต้อง "เอามือประสานก้นแทน"
คบค้าคนเสเพล คนที่คบค้าแต่คนพาล คนเสเพล ย่อมจะเป็นบ่อเกิดแห่งความพินาศฉิบหายไปด้วย ในอบายมุข 6 นั้น บ่งบอกว่า อย่าคบคนชั่วเป็นมิตร
9) เกียจคร้านต่อการงาน การขี้เกียจตัวเป็นขน การงานไม่ยอมทำ กระทำตัวประหนึ่ง "ตุ๊ดตู่" ที่ในเรี่ยวในรูช่างอยู่ได้ ขี้เกียจหนักหนาระอาใจ เขาเรียกให้กินหมากไม่อยากพบ คนขี้เกียจระดับนี้เป็นพวก "กินแล้วนอนรอวันเชือดเหมือนหมู" ยิ่งนอนก็ยิ่งอ้วน ยิ่งนอนก็ยิ่งง่วงหนักมากขึ้น และยิ่งขี้เกียจมากขึ้นทุกที ๆ หนักเข้ากลายเป็นคนอดอยากยากจน เกียจคร้านไม่ยอมทำการงานอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน หนักเข้าก็ต้องกลายเป็นยาจกเข็ญใจเที่ยวขอทานเขากิน
10) ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ การอวดเก่ง การดังด้วยการตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก ทำร้ายคนอื่นเกะกะระรานหาเรื่องราวจากสุจริตชนไปเรื่อย ๆ นั้น เป็นบ่อเกิดความเสียหายในชีวิตของบุคคลและท้ายที่สุดอายุก็มักจะไม่ยืนยาว อีกด้วย มักจะถูกทำร้าย ถูกแก้แค้นให้บาดเจ็บ หรือถึงกับล้มตายเสียโดยง่าย มักจะไม่ได้ตายดี แต่จะกลายเป็น "ผีตายโหง" เสมอ
11) ไร้ซึ่งสัจธรรม คนพูดปด พูดมดเท็จ พูดหลอกลวง พูดเพ้อเจ้อ พูดสับปลับ พูดปากกับใจ ไม่ตรงกัน ไม่มีคุณธรรมประจำใจ ย่อมไม่มีคนเคารพนับถือ วาจาไม่เป็นที่เชื่อถือแก่ผู้ใดเลยคนประเภทนี้ จะเป็นนักบริหารที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ที่จะเป็นได้ ก็เป็นเพียงคนจรหมอนหมิ่น สิ้นไร้ซึ่งความดีงามประจำตนเท่านั้นเอง
12) ใจคอคับแคบ คนจิตใจคับแคบ เป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้อย่างที่สุด เรียกได้ว่า "ขนาดอุจจาระเมื่อถ่ายออกมาแล้วยังไม่ยอมให้สุนัขกิน" นั้นเลยทีเดียว คนประเภทนี้ เรื่องที่ใครจะมาขออะไร ไม่มีทางที่จะให้แก่ใครเลย ส่วนทรัพย์สินสมบัติของคนอื่นๆ นั่น ตนเองจะจ้องตาเป็นมันด้วยความอยากได้มาเป็นของตัว และพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ได้มาเป็นของตัว และพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ได้มาเป็นสมบัติของตัวเองให้ได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถาถ้าขอเขาไม่ให้ก็ลักขโมยเอา หรือแย่งชิงเอาซึ่งๆ หน้าก็ทำได้
13) คบคนไม่เลือก คนคบคนไม่เลือกนี้ เป็นคนไม่ฉลาด เป็นคนที่สิ้นคิด คนนั้นมีหลายร้อยจำพวก ที่ดีก็มี แต่ที่ชั่วก็มาก หากคบคนไม่เลือก มีโอกาสสูงมากที่จะได้คนพาล คนเลวทรามมาเป็นมิตร บุคคลเหล่านี้จะปอกลอก ล่อลวง ชักชวน ชักจูงให้หลงผิด อาจจะพาไปติดยาเสพติดไปเที่ยวหญิงคนชั่ว มีโรคร้ายที่สังคมรังเกียจติดตัวมา อายุอาจจะไม่ยืนยาว มงคลสูตรข้อแรก สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้บอกไว้ว่า อย่าคบคนพาล แต่จงสมาคมกับบัณฑิต จึงเป็นมงคลอันประเสริฐอุดมดี
14) คิดคดล่อลวง คนคดในข้อ งอในกระดูกนั้น คดในทุกเรื่อง เป็นคนที่ไม่ควรคบหาสมาคมเป็นอย่างยิ่ง คนประเภทนี้ ทำงานสิ่งใดมักจะประสบความล้มเหลวเสมอ เนื่องจากนิสัยที่ชั่วร้ายเลวทรามของเขานั้นเอง มีคำกล่าวสำคัญตอนหนึ่งว่า แม่น้ำคดเคี้ยวก็ควรจร ไม่คดทำศรพอเชื่อได้ เหล็กคดทำเคียวเกี่ยวข้าวใช้ แต่คนคดนั้นไซร้ไม่ต้องการ
15) สุรุ่ยสุร่าย เป็นความเลวทรามชนิดหนึ่งของมนุษย์ ที่มีนิสัยหน้าใหญ่ใจโต มือเติบ จับจ่ายใช้สอยอย่างไม่อั้น ได้น้อย หรือได้มากไม่คำนึงถึง แต่จ่ายมากเข้าไว้ก่อน คำกลอนรุ่นเก่าของสุนทรภู่ว่าไว้ว่า "เป็นผู้ดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก เหมือนเกี่ยวแฝกมุงป่าฉิบหาย" แล้วในที่สุดตนเองก็ต้องล้มละลาย อาจจะต้องถึงขนาดฉิบหายขายตัวไปด้วยกันเลยทีเดียว
16) ไร้อุดมการณ์ บุคคลที่สิ้นไร้ซึ่งอุดมการณ์ ไม่มีจุดยืนที่แน่นอน ไม่มีหลักการใดมา หน่วงเหนี่ยวให้จิตใจยึดมั่นเป็นหลักไว้เสียแล้ว ก็มีสภาพเป็นคนหลักลอย กระทำการสิ่งใดก็ล่องลอยไปเรื่อยๆ ใครทักว่าอย่างไร ก็คล้อยตามไปตามสิ่งที่เขาทักนั้น ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครเขายอมรับ นับถือบุคคลประเภทนี้ หากต้องการความสำเร็จอย่างแท้จริงในการทำงานแล้ว ต้องเป็น "คนมีหลัก" หลักที่ว่านี้หมายถึง หลักเกณฑ์ หลักธรรมความประพฤติ มีคุณธรรม จริยธรรมแห่งวิชาชีพ แห่งหน้าที่ การงานของตน
17) ลุ่มหลงการพนัน การพนันนั้น นับเป็นยาเสพติดที่ร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งสำหรับมนุษย์เมื่อยังไม่เคยเล่น ก็ไม่รู้สึกอะไร เห็นเป็นสิ่งที่ไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่อง ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องวอแวด้วย แต่หากได้เข้าไปเล่นสักครั้งสองครั้งแล้ว อาจลุ่มหลงในเสน่ห์ มนต์มายาแห่งการพนันนั้น ในที่สุดก็ติดงอมแงม วันไหนไม่ได้เล่น ก็เกิดอาการหงุดหงิด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ตื่นเช้าขึ้นมาก็รีบล้างหน้าล้างตา ไปนั่งรอที่หน้าบ่อน เมื่อมีขาไพ่หรือขาอื่นๆ ครบพอที่จะเล่นกันได้ ก็โจ้กันได้เลยทีเดียวละ ต่อจากนี้ก็แทบจะไม่มีวันเลิกรา ไม่อยากจะจากกันไปเสียเลย ลูกเต้า สามี หรือภรรยานั้นลืมไปหมดแล้ว พวกเขาจะเป็นอยู่อย่างไรก็ช่างหัวมัน จะมีข้าวกินหรือไม่ จะมีเสื้อผ้าใส่หรือไม่จะได้ไปโรงเรียนหรือไม่ กลายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของฉันไปเสียแล้ว คนที่ลุ่มหลงการพนันขนาดหนักนี้หนัก ๆ เข้า ก็บ้านแตกสาแหรกขาด ต้องทิ้งขว้างร้างหย่าจากกันไป ครอบครัวใด หากสามีภรรยาเป็นผีพนันด้วยกันทั้งคู่ บาปกรรมก็ตกมาที่ตัวลูก ที่ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างดีเท่าที่ควร อาจจะเสียคนได้ตั้งแต่วัยเด็ก อาจจะไปมีแฟนเมื่ออายุยังน้อย อาจจะหนีตามกันไปโดยมิได้แต่งงาน อาจจะกลายเป็นนักการพนันตามพ่อแม่ไปด้วย เพราะได้เห็นสิ่งเลวทรามเหล่านั้นติดตามาตั้งแต่ยังเด็ก และมีมิจฉาทิฐิเห็นว่าเป็นสิ่งดีงามที่ตนเองต้องเจริญรอยตามพ่อแม่ไปด้วย เพราะได้เห็นสิ่งเลวทรามเหล่านั้นติดตามาตั้งแต่ยังเด็ก และมีมิจฉาทิฐิเห็นว่าเป็นสิ่งดีงามที่ตนเองต้องเจริญรอยตามพ่อแม่ไปด้วย
18) หุนหันพลันแล่น คนประเภทนี้ เป็นพวกใจร้อน ใจด่วนได้ เมื่ออารมณ์โกรธ หรือโทสะจริตเป็นเจ้าเรือนอยู่เสมอ หากพอใจอะไรก็ทำได้ หากไม่พอใจก็สะบัดก้นลุกเดินหนีไปทันทีได้เช่นเดียวกัน โดยไม่มีอาการเสียดงเสียดายอะไรเลย คนประเภทนี้บางทีเมื่อดีก็ดีใจหาย เมื่อร้ายก็ร้ายแสนเลยทีเดียว หากต้องการจะเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จ ไม่ล้มเหลว บุคคลประเภทนี้จะต้องฝึกจิตใจเสียใหม่ ให้เยือกเย็น สุขุมคัมภีรภาพ ไม่ใจเร็วด่วนได้อย่างแต่ก่อนอีก การจึงจะสำเร็จอีก
19) จิตใจโลเล คนประเภทนี้เป็นคนเหลาะแหละ เหมือนกับ "ไม้หลักปักเลน" อยู่แล้ว หลักนั้นย่อมโอนเอนไปมาเสมอ ไม่ตรึงแน่นอยู่กับพื้นได้ เนื่องจากเลนนั้นอ่อนเหลว หลักย่อมล้ม หรืออาจจะหลุดลอยไปจากพื้นเลนได้โดยง่าย การประพฤติตนเป็นคนโลเล เหลาะแหละ ไม่เอาจริงเอาจังในเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น คนย่อมไม่เคารพนับถือ เมื่อเชื่อถือในถ้อยคำ แล้วจะไปบริหารงานให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ก็ต้องประสบกับความล้มเหลววันยันค่ำ หากต้องการความสำเร็จ ต้องเลิกละนิสัย "โลเล" นี้ให้ได้อย่างเด็ดขาด
20) อิจฉาริษยา คนขี้อิจฉานั้น คือคนที่เห็นคนอื่นดีกว่าตนแล้วทนไม่ได้ รู้สึกเดือดร้อน ไม่สบายใจ เกิดอาการริษยาตามมาอีก คือไม่อยากให้เขาดีไปกว่าตน อยากให้เขาเกิดความพินาศ ล้มเหลว หากเขาเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะสุขสมในอารมณ์เป็นอันมาก เพราะการณ์เป็นไปสมตามที่ตนเองได้สาปแช่งเขาเอาไว้ คนประเภทขี้อิจฉานี้ ที่จริงแล้ว แทบจะไม่สามารถหาความสุขในชีวิตได้เลย เพราะเป็นคนที่ไม่เคยคิดดีๆ ต่อใคร ไม่เคยรู้จักคำว่า "ให้ ให้อภัย เมตตา กรุณา มุทิตา" แต่มีความอยากให้เขาเป็นทุกข์ ให้เขาเจ๊ง ให้เขาพัง ให้เขาเสียชื่อเสียง เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ แล้วตนเองกลับเป็นสุข และเมื่อเห็นเขาเป็นสุข ก็พลอยอิจฉาตาร้อน ไม่อยากให้เขาได้รับความสุขนั้นเพราะตนเองมีแต่ทุกข์ และอยากให้เขาได้รับความทุกข์เหมือนตนหรือมากกว่าตน
21) นอกรีตดื้อรั้น คนนอกรีต นอกรอย นั้นคือ คนที่ไม่ยอมประพฤติตามจารีต ตามประเพณีที่ดีงาม ที่คนเก่ารุ่นก่อน ผู้ใหญ่รุ่นปู่ย่าตาทวดเขาได้สร้างสรรค์ขนบประเพณีที่ดีงามเอาไว้คนที่เป็น พวกนอกรีต และหัวดื้อหัวรั้น ผู้ใหญ่บอกก็ไม่ฟัง สั่งก็ไม่เชื่อ ชอบเถียง ชอบโต้แย้ง ชอบขัดขืนคำสั่ง (โดยชอบ) ของผู้บังคับบัญชาเสมอ ผู้ใหญ่ย่อมไม่พึงพอใจ เห็นว่ากระด้างกระเดื่อง ไม่เชื่อฟัง ทำให้เกิดความเสียหายในการปกครองบังคับบัญชา คนประเภทนี้เจริญได้ยาก การประพฤติตนอยู่ในรีตนั้นเป็นสิ่งดี กระทำตามๆ กันมา ชนิดที่เรียนกว่า "เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด" แต่หากเป็นการอยู่ในรีตไปทุก ๆ เรื่อง คนเก่าคนก่อนเขาทำมาอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ไม่ยอมปรับปรุงเปลี่ยนอะไรเสียเลย ก็สร้างปัญหาได้เหมือนกัน เพราะสังคมนั้นจะประกอบไปด้วยบุคคลประเภท "ไดโนเสาร์เต่าล้านปี" ที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนอะไรให้รับกับยุคสมัยใหม่เสียบ้างเลย ฉะนั้นคำว่า "นอกรีต" นั้น มีความหมายสองนับ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว นัยหนึ่งนั้นการนอกรีต เป็นเรื่องเสียหาย แต่อีกนัยหนึ่ง การนอกรีตนอกรอย ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างเหมือนกัน
สรุป หากอยากเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ต้องทำตัวให้ห่างไกลจาก ความล้มเหลว 21 ประการ ที่ท่านกว๋อฉางได้กล่าวเอาไว้นี้ให้จงได้ และทำตนให้ตรงข้ามด้วยการใฝ่ฝัน กระทำตนมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จให้จงได้
ที่มา : เว็บไซต์ pattanakit

7 วิธีดูแลผมยาว "ให้สวยนาน"


สาวๆ ที่อยากให้ผมของตัวเองยาวสลวยสวยนานๆ วันนี้เรามีวิธีดูแลผมยาวมาฝากกันค่ะ ซึ่งเหมาะมากๆ กับคุณผู้หญิงที่รักการไว้ผมยาวค่ะ การดูแลเส้นผมถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากจริงๆ ถ้าไม่มีใจรัก แต่การดูแลเส้นผมยาวให้มีสภาพที่สลวยสวยนานนั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่า วันนี้เราจึงได้นำวิธีดูแลผมยาว มาแนะนำให้คุณสาวๆ ทั้งหลายได้รู้กันค่ะ

7 วิธีดูแลผมยาว
1. ไดร์ผมเมื่อจำเป็นเท่านั้น และควรเลี่ยงการไดร์ผมเสียจนแห้งสนิทควรให้เหลือความชุ่มชื้นไว้สักหน่อย

2. พยายามใช้ลมเย็นในการไดร์ผม ความเป็นจริงที่สาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือว่า ถ้าหากใช้ไดร์วัตต์สูงๆ ที่ให้ลมแรงๆ แล้ว ต่อให้เป็นลมเย็นผมก็จะอยู่สวยเช่นกัน แค่อาจจะต้องเสียเวลาไดร์นานหน่อยเท่านั้น

3. เมื่อไรที่ผมคุณจะต้องสัมผัสกับความร้อนอย่าลืมใช้อุปกรณ์ป้องกันความร้อนที่เรียกว่า thermal protector ซึ่งมีสารโพลีเมอร์ที่ช่วยดูดซับความร้อนไว้ โดยเฉพาะเวลาที่จะไดร์ผมหรือใช้โรลม้วนผมร้อนๆ ประเภทต่างๆ

4. หลีกเลี่ยงการหวีผมขณะผมชื้นหรือเปียกเพราะผมจะขาดง่ายมากๆ

5. สระผมทันทีทุกครั้งหลังจากขึ้นจากสระว่ายน้ำ

6. ใช้ครีมนวดผมที่มีองค์ประกอบป้องกันสารยูวีในตัว

7. ใช้น้ำยาทำสีผมที่มีส่วนประกอบแอมโมเนียต่ำๆ หรือไม่มีเลยยิ่งดี
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก www.n3k.in.th อ้างอิงข้อมูลจาก Spicy
ภาพ: ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

บุคคลไม่พึงส้องเสพธรรมะที่เลว หมายความว่าอย่างไร



Yothin Insuk ปุจฉา - พระอาจารย์ครับ มีข้อสงสัยครับ บุคคลไม่พึงส้องเสพธรรมะที่เลว ๑ ไม่พึงเป็นอยู่ด้วยความประมาท ๑ ไม่พึงยึดถือความคิดเห็นผิดไว้เป็นหลักปฎิบัติ ๑ และไม่พึงเกิดมาเป็นคนรกโลก หรือทำโลกให้เจริญไม่ได้ ๑ อยากให้พระอาจารย์ช่วยอธิบายแต่ละข้อให้หน่อยนะครับ โดยเฉพาะ "บุคคลไม่พึงส้องเสพธรรมะที่เลว"

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - “ไม่พึงส้องเสพธรรมะที่เลว” หมายถึงการไม่ปล่อยให้อกุศลธรรมหรืออารมณ์อกุศลครอบงำใจ เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่ควรลุ่มหลงจ่อมจมในอารมณ์นั้น แต่ควรสลัดมันออกไป หรือกำจัดให้สิ้นไป

ส่วนข้อต่อมา หมายถึงการดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาทต่อความชั่ว (ว่าแค่นี้เอง ไม่เป็นอะไรหรอก) หรือประมาทต่อความดี (ว่าทำไปก็ไม่ได้อะไร) หรือประมาทต่อความตาย (เพราะความตายจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่มีทางรู้ อาจเป็นวันนี้ คืนนี้ หรือชั่วโมงนี้ก็ได้) รวมทั้งไม่ประมาทต่อความหนุ่มสาว ความมีสุขภาพดี (เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เที่ยง และเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว)

ข้อที่ ๓ หมายถึงการไม่ปล่อยชีวิตไปตามความเห็นผิด ควรมีสัมมาทิฏฐิเป็นเครื่องนำทางชีวิต เช่น เห็นว่า บุญบาทนั้นมีจริง เชื่อในกฎแห่งกรรม เช่น ทำดี ย่อมได้ดี ทำชั่ว ย่อมได้ชั่ว ไม่มีใครพ้นวิบากแห่งกรรมไปได้ พูดง่าย ๆ คือปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ข้อสุดท้าย หมายถึงการใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่โลก ไม่สร้างปัญหาแก่ส่วนรวม เพราะหากทำเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเกิดมารกโลก ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด ไม่ต่างจากหญ้ารก หรืออาจแย่กว่าก็ได้

โทษของผู้อื่นเห็นได้ง่าย

พุทธพจน์

"โทษของผู้อื่นเห็นได้ง่าย ส่วนโทษของตนเห็นได้ยาก เพราะว่าบุคคลนั้น ย่อมโปรยโทษของคนอื่น ดุจบุคคลโปรยแกลบ แต่ปกปิดโทษของตนไว้ เหมือนพรานนกปกปิดอัตภาพด้วยกิ่งไม้ ฉะนั้น"

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 06 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ




 ผู้ดำเนินรายการ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
รายการวิทยุ รักพ่อ ตอน06 จัดทำโดย กลุ่มรักพ่อภาคปฎิบัติ





ไม่มีเงินให้ พ่อใช้เปลือง

ไม่มีเงินให้ พ่อใช้เปลือง
ปุจฉา - อยากให้พระอาจารย์ช่วยแนะแนวทางหรือแสดงความคิดเห็นหน่อยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า พ่อทิ้งแม่และลูกๆ ไปตั้งแต่ยังเด็กไปมีครอบครัวใหม่ แม่ต้องลำบากในการเลี้ยงลูก 3 คน เวลาผ่านไป 30 ปี ได้เจอพ่อ เมียเพิ่งเป็นมะเร็งตาย มีลูก 2 คน พ่อโดนรถชน กระดูกไหปลาร้าข้างซ้ายหัก หมอให้พัก 1 เดือน ปกติพ่อจะขี่มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ตอนนี้ยังขี่ไม่ได้ พ่อได้เงินช่วยเหลือจากคนรอบข้าง 4,000 บาท ซึ่งเป็นเงินของดิฉัน 1,500 บ. (ปกติดิฉันโอนให้เดือนละ 500 บาท) แต่คราวนี้เห็นป่วยจึงให้เพิ่มอีก 1,000 บาท

ผ่านมา 12 วัน พ่อโทรมาบอกว่าช่วยโอนเงินให้หน่อย เงินหมดแล้ว ดิฉันโมโหปนสงสัยว่าทำไมใช้เงินเยอะจัง ถ้าหารเป็นวัน 4,000 หาร 12 ตกวันละ 333 บาท จึงบอกไปว่าไม่มีให้แล้ว เพราะดิฉันเองภาระก็เยอะ ถ้าพ่อใช้กินข้าวอย่างเดียวยังไงก็ไม่ถึง 300 บาทแน่ๆ ดิฉันบอกว่าให้พ่อหาเอง

ดิฉันขอเรียนถามพระอาจารย์ว่า การที่ดิฉันปฏิเสธไม่ให้เงินพ่ออีก เพราะคิดว่าพ่อใช้เงินเปลืองเกินไป ให้พ่อไปหาเอง อย่างนี้จะบาปไหมคะ กราบพระอาจารย์ช่วยเทศนาสั่งสอน หรือ แนะนำหนทางออกให้หน่อยค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณควรสอบถามพ่อหรือหาความจริงก่อนที่จะสรุปว่าท่านใช้เงินเปลืองหรือมากเกินไป บาง ทีท่านอาจมีความจำเป็นต้องใช้เงินก็ได้ ไม่ควรด่วนสรุปไปก่อน และหากพบว่าท่านใช้เงินมาก ไป คุณควรอธิบายให้ท่านทราบว่า คุณสามารถช่วยท่านได้เท่านี้ เพราะคุณมีภาระมากมาย หากคุกตัดบทหรือพูดจาใช้ อารมณ์กับท่าน ย่อมไม่เป็นผลดีทั้งกับท่านและตัวคุณเอง

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

มะม่วงดองแช่อิ่ม

มะม่วงดองแช่อิ่ม จะกรุบกรอบน่าทานยิ่งขึ้น เพียงนำปูนแดงขนาดเท่ากำปั้นไปเผาไฟให้เกรียมแห้ง เย็นแล้ววางในภาชนะดอง ก่อนใส่มะม่วงตามลงไป
17 สค 2556

กฎ 3 อาร์ น่าคิด

กฎ 3 อาร์ น่าคิด

Respect for self คือ เคารพตัวเอง,
Respect for others คือ เคารพผู้อื่น
Responsibility คือ รับผิดชอบในทุกๆ การกระทำของตน

การหมักผมด้วยเชื้ออะโวคาโด้ครึ่งผล

การหมักผมด้วยเชื้ออะโวคาโด้ครึ่งผล + โยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ถ้วย นาน 10-15 นาที แล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สุขภาพผมจะดี นุ่มสลวยและเงางามขึ้น
จาก SMS Farmer Info -18 ส.ค.2556

บทความดีๆ ท่านมองตัวเองอย่างไร?

บทความดีๆ ท่านมองตัวเองอย่างไร?
สาวชาวไต้หวันผู้หนึ่ง เป็นโรคสมองพิการ ( cerebral palsy) แต่กำเนิดไม่สามารถเคลื่อนไหวตามปรกติ และพูดจาไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธาเธอสามารถเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐฯ แล้วแสดงทัศนคติของเธอในที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้อื่น
ครั้งหนึ่ง เธอรับเชิญไปบรรยายด้วยการเขียน (คนพูดไม่ได้ต้องใช้วิธีเขียน)หลังบรรยายเสร็จ มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า
“ท่านอยู่ในสภาพนี้โดยกำเนิด แล้วท่านไม่รู้สึกน้อยใจรึ? ท่านมองตัวเองอย่างไร?”
คำถามอันละเอียดอ่อนนี้ สร้างความตะลึงแก่ที่ประชุมไม่น้อย ต่างเกรงว่าคำถามนี้จะทิ่มแทงจิตใจของเธอ ปรากฏว่า เธอหันหน้าไปยังแผ่นกระดาน เขียนตัวหนังสืออย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“ฉันมองดูตัวเองอย่างไร?”
เธอหันหน้ายิ้มให้ผู้ร่วมประชุม แล้วเขียนข้อความต่อ
1.ฉันน่ารักมาก
2.ขาฉันเรียวยาวสวยดี
3.คุณพ่อคุณแม่รักฉันจัง
4.พระเจ้าประทานรักแก่ฉัน
5.ฉันวาดภาพได้ ฉันแต่งหนังสือได้
6.ฉันมีแมวที่น่ารัก
และ….
ขณะนั้น ที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ เธอหันกลับมามองดูทุกคน แล้วเขียนคำสรุปบนแผ่นกระดานว่า
“ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุมพร้อมทั้งน้ำตาที่สะเทือนใจจากหลายๆคน ณ วันนั้น ทัศนคติเชิงสุขนิยมและบทพิสูจน์ของเธอเพิ่มกำลังใจแก่ผู้คน มากมาย ผู้เป็นโรคสมองพิการผู้นี้คือ น.ส.หวางเหม่ยเหลียน ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตจาก UCLA ผู้เคยจัดนิทรรศการภาพเขียนส่วนตัวหลายครั้งในไต้หวัน
“ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด” ฉันชอบทัศนคติต่อชีวิตแบบนี้ ซึ่งถูกหลักสุขภาพจิตและสบายใจด้วย
ความสุขไม่ได้อยู่ที่คุณครอบครองสิ่งใดมากแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณมีทัศนคติอย่างไรในการมองสิ่งต่างๆ

เคล็ดลับผมสวย วิธีฟื้นฟูให้ผมเสียกลับมาสวย


เปลี่ยนผมเสียให้กลับเป็นผมสวย ใครที่รู้ตัวว่าผมเสีย วันนี้มีวิธีฟื้นฟูให้กลับมาสวยดังเดิม มาฝากกันค่ะ
ทุกเช้าหลังตื่นนอน ใช้ปลายนิ้วมือสางผมอย่างอ่อนโยน ป้องกันปัญหาผมพันกัน

ก่อนสระผม ใช้แปรงไม้แปรงผมอย่างเบามือ เพื่อให้สิ่งสกปรกที่ติดผมอยู่หลุดออก เพื่อความนุ่มสวยของผมก็อาจจะใช้น้ำมันมะกอกชโลมที่เส้นผม แล้วใช้มือสางให้ทั่วหมักทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนสระ

เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผมที่เหมาะกับสภาพผม หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ ซึ่งอาจทำลายสมดุลของสุขภาพผมได้

หมั่นบำรุงผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์เข้มข้น เพื่อคืนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไปให้แก่เส้นผม หลีกเลี่ยงการใส่ครีมนวดบริเวณโคนผม เพราะจะทำให้หนังศีรษะมัน

อย่าเกาศีรษะหรือขยี้ผมแรงๆ ระหว่างสระควรใช้ปลายนิ้วมือนวดบำรุงหนังศีรษะอย่างอ่อนโยน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันหนังศีรษะเป็นแผลหรือเกิดรังแคได้

ผมเปียกจะอ่อนแอเป็นพิเศษ หลังสระจึงไม่ควรขยี้ผมหรือแปรงผมแรง ๆ แต่ถ้าจะแปรงให้ก้มหัวลงและใช้หวีแปรงที่โคนผมจนถึงปลายผม เพื่อกระตุ้นหนังศีรษะ

หากมีเวลาควรปล่อยให้ผมแห้งเองด้วยการใช้พัดลม หลีกเลี่ยงการไดร์ หนีบ หรือม้วนผมด้วยความร้อนสูงๆ

รับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน วิตามินบี 6 แมกนีเซียม สังกะสี เพื่อบำรุงเส้นผม เช่น เนื้อ ตับ ไต ข้าวซ้อมมือ กล้วย ลูกพรุน ลูกเกด ถั่ว นมและผัก

หมั่นเล็มปลายผมทุก 8-10 สัปดาห์ ปิดท้ายด้วยการหลีกเลี่ยงการรัดผม มัดผม หรือคาดผมจนตึงแน่นเพื่อลดความเครียดและป้องกันปัญหาศีรษะล้านได้

Tips! วิธีแปรงผมที่ถูกต้อง ให้แบ่งผมเป็นส่วนๆ ค่อยๆ หวีผมทีละส่วนด้วยหวีไม้ซี่ห่างๆ หลีกเลี่ยงหวีพลาสติกที่จะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต เริ่มแปรงผมจากด้านในมาด้านนอก แปรงผมอย่างอ่อนโยนจากบนลงล่าง

************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก kapook.com อ้างอิงข้อมูลจาก Spicy
ภาพ: ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ครั้งเดียวพอไหม

ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ครั้งเดียวพอไหม

Khunaey Naka ปุจฉา - นมัสการคะพระคุณเจ้า ขอเรียนถามดังนี้คะการทำบุญบ้านทำตอนขึ้นบ้านใหม่แค่ครั้งเดียวก็พอจริงรึเปล่าคะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ถ้าเป็นการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำครั้งเดียวก็พอแล้ว ถือว่าเป็นสิริมงคลสำหรับการตั้งต้นมาอยู่บ้าน ส่วนทำบุญบ้านนั้นจะทำกี่ครั้งก็ได้ แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือ การหมั่นสร้างบุญกุศลเป็นนิจ ไม่ใช้บ้านในการทำความชั่วหรือหมกมุ่นกับอบายมุข ควรใช้บ้านเป็นสถานที่ทำความดี เช่น ทำงานด้วยความสุจริต สวดมนต์ ทำสมาธิ หรือช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ถ้าทำเช่นนี้ก็เกิดสิริมงคลที่ยั่งยืน บุญย่อมปกปักรักษาผู้อาศัยให้อยู่อย่างมีความสุข

มงคลแห่งชีวิต...การฟังธรรมตามกาล



เมื่อมีโอกาส เวลา หรือตามวันสำคัญต่างๆ ก็ควรต้องไปฟังธรรมบ้าง เพื่อสดับตรับฟัง สิ่งที่เป็นประโยชน์ในหลักธรรมนั้นๆ และนำมาใช้กับชีวิตเรา เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น ท่านว่าเวลาที่ควรไปฟังธรรมนั้นมีดังนี้คือ

๑.วันธรรมสวนะ ก็คือวันพระ หรือวันที่สำคัญทางศาสนา

๒.เมื่อมีผู้มาแสดงธรรม ก็อย่างเช่น การฟังธรรมตามวิทยุ การที่มีพระมาแสดงธรรมตามสถานที่ต่างๆ หรือการอ่านจากสื่อต่างๆ

๓.เมื่อมีโอกาสอันสมควร อาทิเช่นในวันอาทิตย์เมื่อมีเวลาว่าง หรือในงานมงคล งานบวช งานกฐิน งานวัดเป็นต้น

คุณสมบัติของผู้ฟังธรรมที่ดีควรต้องมีดังนี้คือ

๑.ไม่ดูแคลนในหัวข้อธรรมว่าง่ายเกินไป

๒.ไม่ดูแคลนในความรู้ความสามารถของผู้แสดงธรรม

๓.ไม่ดูแคลนในตัวเองว่าโง่ ไม่สามารถเข้าใจได้

๔.มีความตั้งใจในการฟังธรรม และนำไปพิจารณา

๕.นำเอาธรรมนั้นๆไปปฏิบัติให้เกิดผล

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 05 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ



 ผู้ดำเนินรายการ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
รายการรักพ่อ 05 พบกับ

- แนวทางของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติกับหลากหลา­ยกิจกรรม
- การสนทนาธรรมระหว่าง พระอาจารย์ฝั้น อาจาโรกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าพระองค์ทรงห่วงใจพสกนิกรไทยอย่างไรบ้าง
- ความรู้สึกจากหัวใจของ 3 คนไทย 3 จังหวัด ชลบุรี, อยุธยา , จันทบุรี กับความประทับใจและภูมิใจในเศรษฐกิจพอเพีย­ง และการเดินตามรอยเท้าพ่อหลวง และเหตุผลที่เรารักในหลวง
- ภาคสองภาษา เรื่องราวของอลันเบท นักปั่นชาวอังกฤษผู้มีในหลวงในหัวใจ
- บทกวีแด่ อลันเบท โดย สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
- รักพ่อ ในช่วงรายการ เรารักพระเจ้าอยู่หัว สัมภาษณ์น้องติวเตอร์ อายุ 4 ขวบกับคุณแม่ ที่ปลูกฝังให้ลูกรักในหลวง






อยากขอโทษแต่ยังทำใจกับนิสัยของพี่สาวไม่ได้



ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ โยมขอโอกาสเรียนถามเจ้าค่ะ โยมมีปัญหากับพี่สาวและตอนนี้ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย โยมอยากจะเข้าไปขอโทษพี่สาว แต่โยมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำดีหรือเปล่าเจ้าค่ะ

เหตุผลคือพี่สาวโยมเป็นคนเอาแต่ใจ ปากร้าย ไม่ฟังใคร ชอบดูถูกคน(ส่วนมากผู้ชาย) และสนุกกับการพูดถึงปมด้อยของผู้อื่น ชอบเอาปมด้อยผู้อื่นมาเรียกแทนชื่อเขา สิ่งเหล่านี้โยมพยายามทำใจยอมรับ แต่ว่าโยมก็ทนไม่ได้ตลอดจนทำให้มีปัญหา เพราะใช้อารมณ์พูดกลับไป ก็เลยทำให้พี่สาวโกรธโยมและประจานโยมว่าเป็นน้องเนรคุณ

โยมไม่อยากเป็นคนเนรคุณคนเจ้าค่ะ แต่ถ้าหากว่าโยมยังวางเฉยไม่ได้กับนิสัยของพี่สาว โยมก็จะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายและรังเกียจกับการกระทำนั้นตลอด และนั้นคือเหตุผลที่โยมยังไม่เข้าไปหาพี่สาว แต่โยมก็ยังไม่มั่นใจว่า สิ่งที่โยมควรจะทำคืออะไร โยมขอความเมตตาพระอาจารย์ช่วยบอกทางที่ถูกที่ควรทำด้วยเถิดเจ้าค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - หากคุณอยากจะขอโทษใคร ไม่ควรรั้งรอที่จะทำเช่นนั้น ทำแล้วคุณจะสบายใจ การที่คุณเป็นห่วงพี่สาวนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากจะแนะนำท้วงติง ควรพูดด้วยปิยวาจาและเลือกเวลาที่เหมาะ การพูดด้วยอารมณ์นั้นย่อมก่อผลเสียมากกว่าผลดี ถ้าหากคุณยังทำใจไม่ได้กับพฤติกรรมของพี่สาว ก็ควรวางระยะห่าง แต่ก็ไม่ควรถึงกับไม่พูดไม่จากัน อาตมาเชื่อว่าความดีของเธอก็มีอยู่มาก คุณควรมองเห็นส่วนนี้ของเธอ และสัมพันธ์กับเธอเฉพาะในส่วนนั้น

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

หากไม่มีเมล็ดผักหวานป่า

หากไม่มีเมล็ดผักหวานป่า ให้นำรากฝอยขนาด 2 ซม มาตัดเป็นท่อนยาว 30 ซม.ทาปูนแดงที่แผลแล้วปักชำให้ปลายโผล่ 5 ซม. รดน้ำทุกวันไม่นาน จะแตกต้นใหม่ขึ้นมา
19 ส.ค.2556

องุ่น" เป็นอาหารบำรุงร่างกายอีกชนิดหนึ่ง

องุ่น" เป็นอาหารบำรุงร่างกายอีกชนิดหนึ่ง นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหาร ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีหลายชนิด สารอาหารที่สำคัญ คือน้ำตาล และสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์อีกประมาณ 7-8 ชนิด น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี นอกจากนี้ยังมีเหล็ก และแคลเซี่ยม ส่วนเครือและราก ใช้เป็นยาขับลม ขับปัสสาวะ รักษาโรคไขข้ออักเสบ ปวดเอ็นกระดูก และมีฤทธิ์ระงับประสาท แก้ปวด แก้อาเจียนอีกด้วย

การรับประทานองุ่นเป็นประจำ จะมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง คนที่ร่างกายผอมแห้ง แรงน้อย แก่ก่อนวัย ไม่มีเรี่ยวแรง ถ้ารับประทานองุ่นเป็นประจำ จะช่วยเสริมทำให้ร่างกายค่อยๆแข็งแรงขึ้นได้

การยับยั้งเซลล์มะเร็งด้วยสารสกัดจาก...'องุ่นแดง'

โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนและทำให้เกิดโศกนาฎกรรมอย่างใหญ่หลวงแก่ประชาชนทุกชาติ ทุกภาษา ในวงการแพทย์พบว่าโรคที่มีอัตราการตายสูงมาก คือ โรคมะเร็ง

โรคมะเร็ง ก่อกำเนิดมาจากเซลล์มะเร็งที่เกาะตามอวัยวะต่างๆ เปลี่ยนสภาพในร่างกาย แล้วเปลี่ยนไปเป็นเนื้อร้ายเจริญเติบโตและขยายตัวในหลอดเลือด และน้ำเหลือง จนในที่สุดกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายจนยากแก่การรักษา โดยเฉพาะหากกระจายไปที่ส่วนสำคัญ เช่น ปอด ตับ และสมอง เป็นต้น ซึ่งอวัยวะดังกล่าวเป็นจุดอ่อนที่เซลล์มะเร็งสามารถเข้าไปทำลายได้ง่าย แล้วก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด

การรักษาโรคหรือเนื้อร้ายนี้ในวงการแพทย์ได้พยายามวิวัฒนาการ การรักษา และเยียวยาเป็นเวลาช้านาน

ปัจจุบันมีหลายวิธี คือ การผ่าตัด เคมีบำบัดและรังสีรักษา ซึ่งวิธีการดัง กล่าวก็เป้นเพียงแต่ยับยั้งหรือจำกัดการแพร่กระจายได้ในส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะในทางเคมีบำบัด และรังสีรักษา อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปากอักเสบ ผมร่วง เป็นต้น ซึ่งสร้างความเจ็บปวดหรือทุกขเวทนาแก่ผู้ป่วยจนอาจยุติการรักษาและนำไปสู่การสูญเสียชีวิตในที่สุด

"...พบว่าสารสกัดจากกากองุ่นแดงสามารถ ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง จะหยุดการกระจาย และตายไปในที่สุด ที่ทางวิทยาศาสตร์เรียก อะพอพโตซิส (apoptosis)..."

องุ่นแดง (ประกอบด้วย เมล็ด เนื้อ และเปลือก) มาใช้ในการศึกษาฤทธิ์ความเป็นพิษ ในการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งเป็นมะเร็งตับที่มีอุบัติ-การณ์สูงสุด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย พบว่าสารสกัดจากกากองุ่นแดงสามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งและหยุดการกระจาย จนตายไปในที่สุด ที่ทางวิทยาศาสตร์เรียก อะพอพโตซิส (apoptosis)

นอกจากนี้ยังมีสาร Ellagic acid ที่สามารถจับและทำลายพิษของสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะ สาร resveratrol ที่พบมากในผิวจากเปลือกองุ่นแดง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ขณะเดียวกันก็ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันแลัวยังเป็นสารป้องกันและต้านมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานจากต่างประเทศว่า สามารถใช้รักษาโรคอัลไซ -เมอร์ พาร์กินสันและ เอดส์ได้อีกด้วย

ดังนั้น หากเรานำเอาสารสกัดที่ได้จากการแปรรูปขององุ่น มาใช้ให้เป็นประโยชน์โดย เฉพาะนำมาสกัดเอาสาร polyphenol เป็นสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและเป็นสารต้านมะเร็ง โดยสกัดมาทำยา ซึ่งเราสามารถใช้เป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคร้ายนี้ได้ในอนาคต

(สาระน่ารู้)

รักษาโรคปากเท้าเปื่อยในโค กระบือ

รักษาโรคปากเท้าเปื่อยในโค กระบือ ด้วยยาป้ายลิ้นสีม่วง 1 ช้อนโต๊ะ+หัวเชื้อจุลินทรีย์อีเอ็ม 1 ช้อนโต๊ะ ใช้สำลีชุบป้ายที่ปากและลิ้น นาน 1-3 วัน
จาก SMS Farmer Info -11 ก.ย.2556

20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 40

อ่านให้จบ (ดีมาก) ~ ♡
20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 40

1. ไม่ต้องตั้งใจเรียนมากไป เอาแค่พอใช้ได้ก็พอ
เพราะโลกแห่งความเป็นจริง วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ที่เกรด...

2. การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมาก
พอๆ กับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน

3. เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่ แต่อย่าลืมด้วยว่า อาชีพนั้น..
สามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเอง

4. เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่าและสิ่งสำคัญ
ที่ต้องจำไว้ คือ "ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด"

5. หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมัน
จะเป็นเครื่องนำทางของคุณ ในชาตินี้ตลอดไป

6. ซื้อบ้านก่อน ที่จะซื้อรถ เพราะบ้านมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
รถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด

7. ดอกเบี้ยบ้านนั้นมหาโหดมาก รีบใช้ให้หมด
โดยเร็วพลัน ก่อนที่จะแก่ แล้วผ่อนไม่ไหว

8. การเก็บเงินเป็นแค่บันไดขั้นแรก
สู่ความร่ำรวย แต่ขั้นต่อมา คือ ต้องรู้จักลงทุน

9. อย่าเป็นศัตรูกับใครก็ตามบนโลกใบนี้ เพราะคุณจะไม่มีทาง
รู้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะยิ่งใหญ่มาก จนกลับมาทำร้ายคุณก็เป็นได้

10. คอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็สู้การมีเพื่อนเยอะไม่ได้

11. ควรมีงานทำมากกว่า 1 งาน
เพราะความมั่นคง ไม่เคยมีบนโลกใบนี้

12. อย่าคิดว่าตัวเองทำอะไรได้แค่อย่างเดียว
เพราะความสามารถของคนเรา มีมากกว่า 1 เสมอ

13. เมื่อมีโอกาสใดก็ตามเข้ามา
จงอย่าปฏิเสธ ถึงจะล้มเหลว แต่มันก็คือ ประสบการณ์

14. สร้างเนื้อ สร้างตัว
ให้ได้เร็วที่สุด ในขณะที่คุณยังมีกำลัง ยังเป็นหนุ่ม-สาว
เพราะการฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงอายุมาก ไม่ใช่เรื่องสนุก

15. ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังหนุ่มสาว
เพราะเมื่อมีครอบครัว การเดินทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม

16. เลือกคู่ชีวิต จงคิดให้ดีๆ อย่าดูแต่ข้อดีของเขา
แต่ต้องดูด้วยว่าเราสามารถรับข้อเสียของเขาได้มากแค่ไหน

17. การมีแฟน หรือสามีภรรยา ยังเลิกกันได้ แต่ความเป็น
พ่อแม่ลูก นั้นเลิกกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ควรดูแลพวกเขาให้ดีๆ

18. ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถ
ทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้

19. ลองหาเวลาอยู่ว่างๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยดูบ้าง อย่าแบก
โลกทั้งใบไว้คนเดียว และอีกอย่างงานก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

20. สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่ง โปรดถนอม
ตัวเองให้มาก เมื่อยังเป็นวัยรุ่น อย่าใช้ชีวิตให้หนักเกินไป

# หากคิดว่าโพสต์นี้มีประโยชน์ !!
กรุณาเเบ่งปันให้สักคมรับรู้

ใส่ส้นสูงอย่างไรไม่ให้เจ็บเท้า

รองเท้าส้นสูงเป็นอันตรายอย่างหนึ่งต่อสุขภาพของผู้หญิง วันนี้ ชีวอโรคยา ได้นำบทความเกี่ยวกับการใส่รองเท้าส้นสูงเรื่อง ใส่ส้นสูงอย่างไรไม่ให้เจ็บเท้า จาก kapook.com มาฝากค่ะ...
รองเท้าสูงนี่จะว่าไปก็เหมือนกับเป็น อวัยวะส่วนที่ 33 ของผู้หญิงเราเลยนะคะ ก็ใส่แล้วสวยมั่น เซ็กซี่ ต่อขาเพิ่มความสูงให้ ช่วยให้หุ่นเพรียวดูดีขึ้น อัพความมั่นใจมาให้เพียบ แต่เมื่อมีข้อดีมันก็มีข้อเสียตามมาเหมือนกัน เพราะอย่างที่รู้ว่าเมื่อใส่รองเท้าส้นสูงนาน ๆ แล้วไม่ดีต่อสุขภาพจริง ๆ ทั้งเจ็บเท้า ปวดน่อง ปวดหลัง งั้นถ้าอยากจะสวยมั่นด้วยรองเท้าส้นสูงแบบไม่ต้องโอดโอยเจ็บเท้าทีหลัง ต้องทำอย่างไรบ้าง เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

1. เลือกส้นสูง ที่ไม่สูงเว่อร์
รองเท้าส้นสูงใช่ว่ายิ่งสูงแล้วจะยิ่งดี เพราะยิ่งสูงมากคุณก็จะยิ่งทรงตัวยาก พาลให้เดินหัวทิ่มหัวตำกันได้ง่าย ๆ ถ้าใส่แล้วต้องเดินเตาะแตะหรือต้องเกาะใครให้ช่วยพยุงเดินอยู่ตลอดเวลา เท่านี้ก็รู้แล้วล่ะว่ามันไม่เวิร์คกับคุณแน่นอน เอาแบบที่ใส่แล้วเดินได้ ยืนสะดวก ทรงตัวได้ดีไม่โงนเงนดีกว่านะ

2. ใส่นานนักก็พักเท้าบ้าง
ยามใส่รองเท้าส้นสูงนาน ๆ หากเป็นไปได้ก็ควรหาเวลาพักเท้าบ้าง ถ้าคุณเป็นสาวออฟฟิศ ยามที่นั่งทำงานประจำโต๊ะเฉย ๆ ก็ถอดมันออกได้นะคะ ถอดออกมาแล้วก็ขยับเท้า เหยียดขาไล่ความปวดเมื่อยไปบ้าง ซึ่งนอกจากได้พักเท้าพักขาแล้ว คุณยังได้พักหลังไปในตัวด้วย

3. เลือกส้นสูงที่มีแบรนด์หรือที่ออกแบบจากนักออกแบบรองเท้าจริง ๆ ดีกว่า
รองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมหรือแบบที่ออกแบบโดยนักออกแบบรองเท้าจริง ๆ ดูจะเป็นมิตรกับเท้า น่อง และหลังของคุณมากกว่ารองเท้าส้นสูงแฟชั่นที่หาซื้อได้ทั่ว ๆ ไป เพราะกว่ารองเท้าส้นสูงดี ๆ จะผลิตออกมาได้สักรุ่นหนึ่ง ต้องผ่านกระบวนการคิดแล้วคิดอีกของนักออกแบบว่าจะทำอย่างไรให้รองเท้าทั้งสวยและเข้ากับธรรมชาติสรีระของร่างกายที่สุด

4. ถ้ารู้ว่าต้องยืนหรือเดินนาน ๆ เลี่ยงไม่ใส่ส้นสูงได้จะดีที่สุด
ในโอกาสที่คุณรู้ตัวล่วงหน้าแล้วว่างานนี้จะต้องยืนนาน ๆ หรือเดินมาก ๆ ไกล ๆ แน่ ๆ ก็ให้ตัดใจจากรองเท้าส้นสูงเสียดีกว่า แล้วหันมาผูกมิตรกับรองเท้าส้นเตี้ยหรือสูงประมาณ kitten heels ก็พอ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะต้องยืนหรือเดินนานแค่ไหน จะใส่รองเท้าส้นสูงไปก่อนแล้วพกรองเท้าส้นเตี้ยเบา ๆ สักคู่ไปเปลี่ยนก็ได้ค่ะ

5. เสริมแผ่นรองกระแทกที่ส้นรองเท้า
หาซื้อแผ่นรองส้นเท้าซับแรงกระแทกมาแปะที่ด้านในของรองเท้าส้นสูงคุณดู การมีแผ่นรองกระแทกมาเสริมจะช่วยซับแรงกระแทก และลดแรงกดที่จะลงมาที่ส้นเท้าของคุณลง ก็จะช่วยให้ไม่เมื่อยส้นเท้ามากนักได้

6. ซื้อส้นสูงที่มีพื้นรองเท้าด้านหน้าหนา
เลือกซื้อเลือกใส่รองเท้าส้นสูงที่มีพื้นรองเท้าด้านหนาสักนิด จะดีกว่าแบบพื้นรองเท้าด้านหน้าบาง ๆ เพราะแบบบางจะทำให้เท้าของคุณแอ่นและอยู่ในมุมที่ผิดธรรมชาติมากเกินไป รองเท้าที่พื้นด้านหน้าหนาสักหน่อยจะช่วยเสริมหน้าเท้า ช่วยให้ยืนและเดินได้สบายเท้ามากกว่า แถมยังทรงตัวได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับรองเท้าที่มีส้นสูงเท่า ๆ กันด้วยค่ะ

ทีนี้สาวคนไหนอยากสวยมั่นบนรองเท้าส้นสูง ก็อย่าลืมใช้วิธีเหล่านี้ไว้เซฟตัวเองไม่ให้ต้องเจ็บเท้า ปวดน่อง ปวดหลัง กันด้วยนะคะ และที่สำคัญแม้ว่ารองเท้าส้นสูงใส่แล้วจะช่วยให้คุณสวยสง่ามากขึ้นจริง ๆ แต่ก็อย่าใส่นานเกินไป ลองเปลี่ยนลุคเปลี่ยนอารมณ์มาสวยน่ารักชิล ๆ สบาย ๆ แต่ยังมีสไตล์กับรองเท้าส้นเตี้ยบ้างนะจ๊ะ
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก kapook.com เรียบเรียงข้อมูลโดยทีมงาน kapook.com
ภาพ: ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

ความสุขไม่ต้องรอ

ความสุขไม่ต้องรอก็เพราะเราสามารถบันดาล ให้เกิดขึ้นได้ทันที เดี๋ยวนี้ ตรงนี้ เพียงแต่เราปล่อยวางสิ่งที่แบกหรือ ยึดไว้ในใจ ซึ่งมักจะหนีไม่พ้นเรื่องราวในอดีตหรือสิ่งที่ปรุงแต่งเกี่ยว กับอนาคต หาไม่ก็เป็นเรื่องนอกตัว - พระไพศาล วิสาโล

ที่มา จิตใส ใจสุข

ความทุกข์ที่จริงเป็นสิ่งดี

ความทุกข์ที่จริงเป็นสิ่งดี ทุกข์นี้ดีจะได้เบื่อ เบื่อว่ากูไม่อยากเกิดแล้วโว้ย จะได้ปรารถนาออกจากกาม เพราะถ้ามันสุขมันก็จะลืมตัว มันจะพาเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้แหละ

คำสอน.....ท่านหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 04 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ



รายการวิทยุ รักพ่อ ตอน04 ดำเนินรายการโดย สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ และเอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก จาก สวท.ชลบุรี จัดทำโดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ
http://youtu.be/2W_QPc8M_vc






รถที่ถวายวัดหายไป



ปุจฉา - เรื่องมีอยูว่า เมื่อปี ๕๔ โยมบอกถวายรถให้รองเจ้าอาวาสรูปหนึ่ง ที่วัดต่างจังหวัด โดยใช้เฟสบุ๊คเป็นตัวเชื่อมต่อข่าวสาร ท่านได้เห็นรถที่โยมถ่ายส่งให้ และ ตกลงว่าจะมารับที่กรุงเทพฯ ยังไม่กำหนดเวลา พอผ่านไปเกือบเดือน น้ำท่วม รถที่จอดไว้ หนีไม่ทัน แช่น้ำหลายเดือน พอน้ำลด ท่านก็ติดต่อมารับเมื่อ ๒๙/๐๑/๕๕ โดยโยมบอกท่านว่ารถคันนี้โยมให้วัด....เพราะเคยไปถือศีล ไปคลุกคลีกับแม่ชี เห็นรถขนของซื้อกับข้าวมันเก่าจะหลุดเป็นชิ้น ๆ จึงตั้งใจถวายให้แม่ชีไว้ใช้ และตัวเองก็บอกแม่ชีไปแล้วด้วยว่าจะเอารถที่บ้านมาให้ใช้

เงียบหายไปนาน จนเดือนเมษา ๕๕ หยุดสงกรานต์โยมไปที่ถือศีลที่วัดไม่เห็นรถ ถามรองเจ้าอาวาสที่มารับ ท่านบอกว่าโยมโทรไปบอกอู่ให้เขาเปลี่ยนพวงมาลัยเป็นพาวเวอร์ ไม่ใช่หรือ มันเลยไม่เสร็จ โยมงง เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองทำไม

สงกรานต์นั้น รองเจ้า..บอกโยมว่า สอบถามอู่แล้ว เขาจะส่งรถมาให้วันที่ ๓๐ เมษา โยมเบาใจ และลากลับบ้าน พอเดือน มิ.ย.๕๕ ที่วัดมีงานแม่ชีโทรให้ไปช่วยงานบุญ โยมก็ร่วมบุญไปด้วย โดยแม่ชีบอกว่า จะช่วยตามรถให้อีกแรง พอถึงวัด รถที่บอกเมษาถึงวัดแน่ ก็ไม่เป็นอย่างที่พูด รองเจ้า..บอกว่า เขาทำหลังคาให้ เลยยังไม่มา โยมกลับกรุงเทพฯ ด้วยความผิดหวัง และได้ติดต่อทางเฟส บอกรองเจ้า..ไปว่า โยมอยากได้เลขตัวถังรถ ช่วยขูดมาให้ที จะเอาไปเสียภาษีและโอนทะเบียนลอยไว้ หากรถไปชนใคร เกิดเหตุอะไร จะได้ไม่มาพัวพันกับโยม

โยมส่งข้อความลงเฟส ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ก็ไม่ตอบกลับ โยมปรึกษาทนายที่ทำงาน เขาบอกว่าให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นพระคุณเจ้าจะเสียชื่อ โยมก็เลยยังรีๆ รอ ๆ อยู่ โยมจะทำอย่างไรดี บางคนบอกโยมว่า สงสัยขายเอาเงินใส่ย่ามไปแล้ว ส่วนแม่ชีที่บอกจะช่วยตาม เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เกรงอำนาจ รองเจ้าอาวาส โยมจะทำอย่างไรดี กับปัญหานี้คะ มกราหน้า ครบสองปี ที่รถหายไปอย่างไร้ร่องรอย

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - เวลาผ่านไปนานอย่างนี้ แสดงว่ารถสูญหายไปแล้ว คุณควรทำใจได้แล้วว่ายากจะได้รถกลับมา แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เรื่อง ราวผ่านเลยไป ควรหาข้อเท็จจริง หาไม่คุณก็ยังจะมีความสงสัยอยู่ร่ำไปว่ารองเจ้าอาวาสเอาไปหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณไม่สบายใจแล้ว ถ้าไม่เป็นความจริง ก็จะไม่เป็นธรรมแก่ตัวท่าน

หากรู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร เช่น ท่านเอาไปขายต่อ ก็จะได้รู้ว่าท่านเป็นคนอย่างไร และหากเป็นไปได้ ก็ควรดำเนินการเอาผิดกับท่าน เพราะการกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรสำหรับพระ ยิ่งเป็นรองเจ้าอาวาสด้วยแล้ว หากยังมีมีพฤติกรรมเช่นนั้นต่อไป ก็จะก่อปัญหามากมายแก่วัดและพระศาสนา

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

เพลง เดิน..เพื่อป่าแม่วงก์ - นิด ลายสือ

 บทเพลงของอ.ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรและผองเพื่อ?น ที่เดินเท้าจากป่าแม่วงก์สู่กรุงเทพฯ เพื่อประท้วงรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม?และสุขภาพ (EHIA) โครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์
คำร้อง-ทำนอง โดย ตึ๋ง ตุลามาส และ นิด ลายสือ
เรียบเรียงดนตรีและบรรเลง โดย อ.อั๋น ศุภกานต์ ใจดี
บันทึกเสียงที่ ลายสือ สตูดิโอ จ.ขอนแก่น เมื่อ 18 กันยายน 2556


เดิน..เพื่อป่าแม่วงก์ - นิด ลายสือ



รายการเพลงเพื่อชีวิต กับ เพื่อชีวิต ฅ. ตอนพิเศษ สัมภาษณ์ จีน ปุถุชน

จีน ปุถุชน โชว์อะคูสติก และ แนะนำศิลปินที่จะขึ้นเวทีคอนเสิร์ต แบบสนุกๆในรายการ
เพลงเพื่อชีวิต กับ เพื่อชีวิต ฅ :  จีน ปุถุชน 12กย2556

รายการเพลงเพื่อชีวิต กับ เพื่อชีวิต ฅ. ตอนพิเศษ สัมภาษณ์ จีน ปุถุชน เกี่ยวกับคอนเสิร์ต อะคูสติก เสือตัวเก่า รอการผ่าตัดหัวใจ จีน ปุถุชน สัมภาษณ์เมื่อ 12 กันยายน 2556 พูดถึงศิลปินใต้ดินที่จะมาร่วมเวที (อ.แต้ว บันเทิง, ไก่ แมลงสาบ, เดช อัสดง, อ.ศศิน เฉลิมลาภ, ต่อ ข้างทาง, วงฟ้าใหม่, วงตากวาง, ตะวันฉาย,) และ โชว์อะคูสติกปิดท้าย
ดูทางยูทูป  http://youtu.be/ttQ8kMB57kM



ทำไมอ.ศศิน เฉลิมลาภ มูลนิธิสืบนาคะเสถียรและเพื่อนๆ นักอนุรักษ์ ต้องเดิน 388 กิโลเมตร จากป่าแม่วงก์-กรุงเทพฯ

ทำไมอ.ศศิน เฉลิมลาภ มูลนิธิสืบนาคะเสถียรและเพื่อนๆ นักอนุรักษ์ ต้องเดิน 388 กิโลเมตร จากป่าแม่วงก์-กรุงเทพฯ
---
แถลงการณ์คัดค้านการอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ โครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์
โดย องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

1. รายงานฉบับนี้ไม่ได้ให้ความจริงใจในการศึกษาทางเลือกในการพัฒนาแหล่งน้ำโดยวิธีอื่นๆ โดยใช้วิธีคำนวณเทคนิคทางเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมให้ไม่คุ้มค่าในการเลือกทางเลือกอื่นๆ หรือ เทคนิคกำหนดตัวแปรที่เบี่ยงเบนน้ำหนักของการเลือกที่ตั้ง ให้มาก่อสร้างในป่าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์

2. รายงานฉบับนี้ละเลยข้อมูลความสำคัญของพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่ต่อเนื่องกับพื้นที่มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่เป็นป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ไม่มีการรบกวนระบบนิเวศสัตว์ป่าโดยที่ตั้งของชุมชน ดังมีรายงานข้อมูลสำรวจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของการกระจายตัวของเสือโคร่ง ทั้งจากรายงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า(WCS) ประเทศไทยและกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล(WWF)ประเทศไทย

3. รายงานฉบับนี้ได้ระบุข้อมูลผลประโยชน์จากการสร้างเขื่อนว่า ในพื้นที่ชลประทานทั้งหมด 291,900 ไร่ จะเป็นพื้นที่ชลประทานในฤดูฝนถึง 175,355 ไร่ จึงได้พื้นที่ชลประทานฤดูแล้งเพียง 116,545 ไร่ ดังนั้นพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จึงน้อยกว่าสิ่งที่ชาวบ้านเข้าใจว่าน้ำจะไปทั่งถึงทั้ง 23 ตำบลที่ได้ระบุในรายงาน หากพิจารณาเหตุผลที่ต้องสูญเสียพื้นที่ป่า และงบประมาณในการก่อสร้าง

4. รายงานฉบับนี้ระบุชัดเจนว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำที่ท่วมในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมได้ทั้งหมด และยังไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลน้ำที่ไหลบ่าจากพื้นที่เกษตรกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากป่าไม้ในพื้นที่นอกอุทยาน ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำมากถึง 70-80% ที่ไหลลงมายังที่ราบอำเภอลาดยาว ดังนั้นถึงสร้างเขื่อนแม่วงก์ก็สามารถบรรเทาอุทกภัยได้ไม่มากนักในพื้นที่โครงการ โดยไม่ต้องสงสัยว่าโครงการเขื่อนแม่วงก์จะมีผลต่อการบรรเทาน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตามงบประมาณสร้างเขื่อนตามโมดูล A1 ที่มากับโครงการเงินกู้จัดการน้ำ 3.5 แสนล้านของรัฐบาลได้เพียงไม่ถึง 1 % ของน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

5. ในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่มีมาตรการที่แน่ใจได้เลยว่าจะได้ผล ได้แก่ การปลูกป่าทดแทนที่ไม่มีการระบุพื้นที่ปลูกป่าว่าอยู่ในบริเวณใด มีแต่การคำนวณว่าจะได้ไม้และผลประโยชน์มากกว่าที่จะตัดไป ทั้งที่ความจริงแล้วพื้นที่นอกอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เกือบจะมีแต่พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านมิได้มีพื้นที่ใดสามารถปลูกป่าได้ถึง 36,000 ไร่ ตามที่ระบุได้ หรือมาตรการลดผลกระทบจากการล่าสัตว์ ตัดไม้เกินพื้นที่ ในระหว่างการก่อสร้างก็เป็นเพียงมาตรการทั่วๆไปให้เจ้าหน้าที่ดูแลเคร่งครัด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในขณะก่อสร้างจะไม่สามารถควบคุมการล่าสัตว์ที่จะไปถึงพื้นที่อื่นๆ รวมถึงห้วยขาแข้ง ได้

6. ในการพิจารณารายงานของคณะกรรมการผู้ชำนาญการในการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อปลายปี 2555 มีมติให้แก้ไขรายงาน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหลายประเด็น โดยเฉพาะการศึกษาเรื่องระบบนิเวศของสัตว์ป่า ซึ่งโดยหลักการแล้วต้องใช้เวลาในการศึกษาพอสมควร เป็นไปไม่ได้ที่จะศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบเพิ่มเติมแล้วเสร็จได้ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปี

7. พื้นที่ชลประทานเขื่อนแม่วงก์ เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับคลองผันน้ำในโมดูล A5 ซึ่งจะทำให้สภาพแวดล้อมและการจัดการน้ำที่ศึกษาไว้ทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปจากโครงการชลประทานเขื่อนแม่วงก์

8. ในการพิจารณารายงานฉบับนี้ รัฐบาลปรับเปลี่ยนบุคลากรของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการอย่างน่าสงสัย ตั้งแต่ต้นปี 2556 ได้แก่การโยกย้ายตำแหน่งของเลขาธิการอย่าง ดร.วิจารณ์ สิมะฉายา ซึ่งมีชื่อเสียงการยอมรับในการทำงานวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี มาเป็นนายสันติ บุญประคับ ซึ่งมีภูมิหลังทำงานด้านพัฒนาจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และปรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการผู้ชำนาญการรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้านพัฒนาแหล่งน้ำ จาก ดร.สันทัด สมชีวิตา ผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอกในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มาเป็นข้าราชการประจำอย่างตัวเลขาธิการ สผ.เอง คือ นายสันติ บุญประคับ ซึ่งอาจจะสงสัยได้ว่าต้องเร่งรัดทำงานตามนโยบายที่ได้รับมาจากโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านเนื่องจากในขณะนั้น รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านสิ่งแวดล้อมนี้คือ ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้รับผิดชอบโครงการจัดการน้ำเช่นกัน นอกจากนี้ยังทราบว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลในคณะกรรมการผู้ชำนาญการที่มีความเห็นทางวิชาการต่อความบกพร่องของรายงาน อาทิ ดร. อุทิศ กุฏอินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศป่าไม้ นายสมศักดิ์ โพธิ์สัตย์ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านธรณีวิทยา รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์ประกอบให้ไม่มีผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม และผู้แทนประจำของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ดังนั้นการเร่งรัดผ่านรายงานโครงการเขื่อนแม่วงก์ในครั้งนี้จึงมีความผิดปกติอย่างยิ่งต่อมาตรฐานทางวิชาการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจึงขอยื่นแถลงการณ์ฉบับนี้ต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้านพัฒนาแหล่งน้ำและเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันที่ 9 กันยายน 2556 ณ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

5 ข้อคิดประจำวันนี้ 20 ก.ย.2556

5 ข้อคิดประจำวันนี้ 20 ก.ย.2556

-> อย่ามีความสุขเพียงเพราะคำชมของใคร และอย่าเศร้าเสียใจกับคำด่าของคนอื่น ชีวิตควรดำรงอยู่ใน การกระทำของเรา ไม่ใช่ด้วยปากของใคร via@ThaiDhamma
->  ศรัทธาเป็นดาบสองคม ผู้ศรัทธาในสิ่งใดคือผู้เห็นค่าในสิ่งนั้น แต่ถ้าไม่มีปัญญาจะกลายเป็นความงมงายบ้าคลั่ง -พระอาจารย์ชยสาโร
-> คนบางคน "เหนื่อย" ที่พยายาม "โกหก" แต่รู้บ้างมั๊ยว่าอีกคน "เหนื่อย" กว่า ที่ต้อง "แกล้งทำเปนไม่รู้" via@ClubFridays
-> คนที่่ใช้อารมณ์ข่มขู่ผู้อื่นนั้น จะเป็นเพียงผู้ชนะในการทะเลาะวิวาท แต่แท้จริงแล้วเขาพ่ายแพ้ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น - ดร.เทียม โชควัฒนา
-> "การเปลี่ยนแปลง" มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สิ่งสำคัญไม่ใช่ทำให้ "ถูกใจ"แต่ต้องทำให้ "เข้าใจ" - Nontakorn Cho -
-> ก้าวเเรกยาก ก้าวที่สองลำบาก ก้าวที่สามเหนื่อยก้าวที่สี่ท้อ เเต่ถ้าไม่หยุดเสียอย่างก็จะไปถึงจุดหมายจนได้ - วินทร์ เลียววาริณ

เยี่ยมบ้านจีน ปุถุชน #2 ก่อนงานคอนเสิร์ต รอการผ่าตัดหัวใจ จีน ปุถุชน 10 กันยายน 2556

เยี่ยมบ้านจีน ปุถุชน #2 ก่อนงานคอนเสิร์ต รอการผ่าตัดหัวใจ จีน ปุถุชน 10 กันยายน 2556

เยี่ยมบ้านจีน ปุถุชน #2  เมื่อ 10 กันยายน 2556
พูดถึงอาการป่วย งานศิลปะกับการเดินทางที่ผ่านมา
ในช่วงพักฟื้น รักษาสุขภาพที่บ้าน ถอดเสื้อ ลุยดงใบบอน เก็บลูกของต้นตีนเป็ด, พูดถึงการจัดงานคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ ไม่มีการขายบัตร มีเพื่อนมิตรร่วมด้วยช่วยกันจัดงาน , เพื่อนช่วยเพื่อน
พูดึงอาการหัวใจรั่วที่เกิดขึ้น มีติ่งหัวใจห้องที่ 5, เปิดเผยของที่ระลึกในงาน,ภาพวาดที่จะนำไปประมูล, ตำนานถังน้ำมันของเสือตัวเก่า และโชว์อะคูสติกปิดท้าย

http://youtu.be/sVVuN0cMsaA



สื่อต่างชาติสงสัย ทำไม คนไทยรักในหลวงสุดหัวใจ



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายรางวัลอันเนื่องมาจากผลงานการพัฒนาชนบทของพระองค์มากมาย รวมทั้ง รางวัลล่าสุดที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายจาก นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งกล่าวสดุดีพระองค์ไว้ในโอกาสดังกล่าว ว่า

“พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์เอื้อไปยังบรรดาผู้ที่ยากจนที่สุด และเปราะบางที่สุดในสังคมไทย ทรงรับฟังปัญหาของพวกเขาเหล่านั้น และให้ความช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้สามารถยืนหยัดดำรงชีวิตของตนเองต่อไป ได้ด้วยกำลังของตัวเอง… โครงการ เพื่อการพัฒนาชนบทต่างๆ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังประโยชน์ให้กับประชาชนนับเป็นล้านๆ ทั่วทั้งสังคมไทย”

นั่นไม่เพียงทำให้พระองค์ทรงดำรงสถานะเป็น “กษัตริย์นักพัฒนา” ในสายต่างๆ ของบุคคลภายนอกประเทศเท่านั้น หาก แต่ยังส่งผลให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงสถิตอยู่ในดวงใจของคนไทยทั้งปวงไปตลอดกาลนาน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในทรรศนะของชาวต่างประเทศ

เดวิด โมห์เซนี่ -นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

“กษัตริย์ของประเทศไทย เป็นพระประมุขพระองค์เดียวที่ยังคงสามารถรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศของพระองค์ไว้ได้ ซึ่งถือเป็นสิ่งพิเศษมากสำหรับประเทศไทย นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชบัลลังก์อยู่ยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ พระองค์ใดเท่าที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ดูเหมือนว่าคนไทยมีเหตุผลดีพอที่จะรักพระองค์อย่างไม่จางหาย… “

แอนดี้ แคนฟีลด์ ร้อยเอ็ด

“ผมใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย และผมจะสวมเสื้อเหลืองในวันนี้ (9 มิถุนายน 2549) พระมหากษัตริย์ไทยของเราเป็นบุคคลอัศจรรย์ เป็นนักบุญ สามารถเทียบเคียงได้กับองค์ทะไลลามะ หรือองค์พระสันตะปาปา พระองค์ทรงพระราชทานแรงบันดาลใจทุกอย่างให้กับเรา แม้กระทั่งกับผู้ ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับผม ที่ถือกำเนิดในดินแดนอื่น แต่มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ “

เดวิด-ยอร์ก สหราชอาณาจักร

“ควรตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า ในขณะที่คนไทยนั้นให้ความเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด แต่กลับเป็นบุคลิกภาพ และการอุทิศพระองค์ โดยปราศจากเงื่อนไขขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันที่กอรปกันขึ้นเป็นรากฐานของความชื่นชมเคารพ ยกย่องในพระองค์อย่างลึกซึ้ง และใหญ่หลวงอย่างที่พระองค์สมควรได้รับ”

สตีฟ-ลอนดอน สหราชอาณาจักร

“ผมใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯมาเป็นเวลา 4 ปี และผมคงจำเป็นต้องบอกว่า การแสดงออกถึงความเคารพ และเทิดทูนที่คนไทยมีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทยนั้น เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ประชาชนสหราชอาณาจักรควรเรียนรู้จากพวกเขาให้มากเข้า ไว้”



โธมัส บราวน์-ว็อกซอลล์ ลอนดอน สหราชอาณาจักร

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระองค์อย่างชนิดที่ควรค่าอย่างยิ่งต่อการได้รับความเคารพรักจากปวง ชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมที่คนไทยทุกคนสามารถพึ่งพิงได้ ไม่ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างกันเองมากมาย แค่ไหนก็ตาม ซึ่งไม่มีใครอื่นสามารถทำได้เช่นนี้ … ผมคิดว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงแสดงบทบาทในแง่ของการให้ความคุ้มครอง และยึดถือรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ผู้ที่ปฏิเสธเสรีภาพ ผมอยากให้ทหารของเราต่อสู้ เพื่อพระราชาหรือพระราชินี และประเทศชาติ แทนที่จะเป็นรัฐสภา และรัฐบาล”

การนำกากอ้อยที่บีบน้ำหวานออกแล้วไปวางตามง่ามกิ่งของลองกอง

การนำกากอ้อยที่บีบน้ำหวานออกแล้วไปวางตามง่ามกิ่งของลองกอง แล้วเปลี่ยนใหม่ทุกๆ20-30 วัน เป็นวิธีล่อหนอนชอนเปลือกมากำจัดได้อย่างง่ายดาย
จาก SMSFarmer INFO - 26 ส.ค.2556

การนำเครือกล้วยมาแขวนห้อยไว้

การนำเครือกล้วยมาแขวนห้อยไว้ แล้วคลุมเครือด้วยถุงพลาสติกใสแบบมีก้นให้มิด จากนั้นมัดปากให้สนิท เป็นวิธีบ่มกล้วยให้มีสีสวยสุกสม่ำเสมอ
จาก SMSFarmer INFO - 24 ส.ค.2556

ช่วยให้โค-กระบือกินหญ้าได้มากขึ้น

เพียงทุบเปลือกยางนา แล้วแช่น้ำปล่อยให้โค-กระบือกินเอง ช่วยให้โค-กระบือกินหญ้าได้มากขึ้น ร่างกายแข็งแรงทนต่อโรค
จาก SMSFarmer INFO - 9 ก.ย.2556

วิธีกำจัดคาวปลาสวาย

วิธีกำจัดคาวปลาสวาย หั่นปลาขนาดที่ต้องการ สังเกตในเนื้อปลามีเส้นสีขาว 2-3 เส้น ดึงออกให้หมด แล้วล้างน้ำเปล่าจนไม่มีความในของไขมันปลา
จาก SMSFarmer INFO - 24 ส.ค.2556

การใส่น้ำมะขามเปียก

การใส่น้ำมะขามเปียกลงไปในน้ำแช่กล้วยดิบที่ปอกเปลือกเตรียมแปรรูป ในอัตรา 1 ลิตร/ น้ำเปล่า30 ลิตร จะช่วยล้างยางและทำให้ปล้วยไม่ดำคล้ำ
จาก SMSFarmer INFO - 8 ก.ย.2556

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

ลดความบอบช้ำของปลาดุก

ลดความบอบช้ำของปลาดุก ระหว่างการขนส่งหรือรอจำหน่าย นำมะนาว 3-4 ลูก ใส่ในภาชนะใส่ปลาดุก ป้องกันปลาแทงกันเอง เมื่อนำไปจำหน่าย ก็ได้ราคาดี
19 ส.ค.2556

ฝึกจิตอย่างไรให้ยอมรับ ความสูญเสียสิ่งที่เรารัก



Nlin LeNg ปุจฉา - กราบเรียนพระอาจารย์ เราจะฝึกจิตอย่างไรให้ยอมรับหรือตั้งรับกับการสูญเสียสิ่งที่เรารัก และจะถนอมความรักอย่างไรให้ยาวนานมากที่สุด

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ควรเจริญมรณสติอยู่เสมอ หรือพิจารณาว่า “เราจะต้องพลัดพรากจากคนรักของรักเป็นธรรมดา”

การพิจารณาเช่นนี้จะเป็นการเตือนใจเราให้ตระหนักถึงความจริงที่จะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง และหากเหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นในที่สุด คุณจะทำใจได้ง่ายขึ้น การเตือนใจตนเองเช่นนี้ยังจะช่วยให้คุณปฏิบัติต่อเขาด้วยความใส่ใจมากขึ้น เพราะรู้ว่าเขาจะต้องจากคุณไปในที่สุด การทำดีกับคนที่เรารักอยู่เสมอ ไม่เอาแต่ใจตัวเอง นอกจากจะเป็นการถนอมความรักให้ยืนยาวแล้ว ยังจะทำให้คุณไม่รู้สึกผิดเมื่อเขาจากไป สาเหตุที่คนเป็นอันมากรู้สึกผิดเมื่อคนรักจากไปก็เพราะเสียดายที่ไม่ได้ทำความดีกับเขาตอนที่เขาอยู่ หรืออาจจะทำอะไรที่ไม่ดีกับเขาด้วยซ้ำ พอเขาจากไปจึงเสียใจ ยิ่งรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรให้แก่เขาได้แล้ว ก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น

กะหล่ำปลี จะมีรสชาติหวาน

กะหล่ำปลี จะมีรสชาติหวาน กรอบและคงความสดใสได้นานกว่าปกติ หากฉีดพ่นด้วยน้ำตาลทรายแดง 1 กก. + น้ำ 20 ลิตร 2 ครั้ง/สัปดาห์ ก่อนเก็บเกี่ยว 1 เดือน
จาก SMS Farmer Info -12 ก.ย.2556

7 เรื่องต่อไปนี้ แม้คุณจะไม่ชอบ แต่ยังไงก็จะเกิดขึ้น

7 เรื่องต่อไปนี้ แม้คุณจะไม่ชอบ แต่ยังไงก็จะเกิดขึ้น บางเรื่องคุณอาจจะเจอแล้ว หรือไม่ก็ต้องเจอไม่วันใดก็วันหนึ่งนี่แหละ…จะดีกว่าไหม ถ้าคุณได้รู้และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเจอ แถมยังช่วยให้เข้าใจสิ่งที่ผ่านมาแล้วได้ดียิ่งขึ้น…
1. เพื่อนจะเข้ามาและจากไปเสมอในชีวิตของคุณ…
สังเกตสิคนที่เคยคุย เคยเที่ยวเล่นกันในช่วงเวลาหนึ่ง พอย้ายที่เรียน
เปลี่ยนที่ทำงาน ต้องแยกกันไป ก็จะกลายเป็นเพื่อนเก่าที่ค่อยๆ ห่างไป ขณะเดียวกันเพื่อนใหม่ก็จะเข้ามาแทน มีน้อยที่จะยังติดต่อกันตลอด เช่นเดียวกับเพื่อนที่คุณสนิทในตอนนี้ ก็อาจจะหายไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจึงไม่ควรยึดติดกับใคร เพราะต่างก็ต้องมีทางเดินของตัวเอง คอยเปิดใจรับมิตรภาพใหม่ๆ ดีกว่า เพราะมีผู้คนที่น่าสนใจอีกมากให้คุณได้รู้จักในทุกๆ ที่
2. สิ่งต่างๆ จะไม่เป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็นเสมอ…
คุณมักไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ดันได้ในสิ่งที่ไม่ต้องการใช่ไหม? ไม่มี
ประโยชน์เลยที่จะเครียดหรือทุกข์ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ แต่วิธีที่จะตอบสนองต่อสิ่งนั้นๆ คุณเปลี่ยนได้นะ
3. หลายคนรักคุณ แต่ส่วนมากจะไม่…
ไม่ว่าคุณจะมีชื่อเสียง ชอบทำการกุศล หรือเป็นแค่คนธรรมดา ก็จะมีคนรัก
คุณแน่ๆ แต่ยังไงก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบคุณด้วยเช่นกัน เหตุผลน่ะเยอะแยะ ไม่ว่าจะอิจฉา หรือเพียงเพราะคุณไม่เหมือนเขา ถ้าพวกเขาจะเอาแต่พูดเรื่องคุณ นั่นก็เป็นปัญหาของพวกเขานะ ไม่ต้องใส่ใจจำไว้ว่าคุณดีในแบบของคุณและนับถือตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนชอบคุณ
4. ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้นอกจากตัวคุณเอง…
คนอื่นช่วยเหลือคุณก็ได้แค่ระดับหนึ่ง ชีวิตใครก็ต้องคนนั้นแหละที่ทำให้
เกิดการเปลี่ยนแปลง จงเรียนรู้ที่จะยืนด้วยสองเท้าของตัวเองโดยไม่ต้องใช้คนอื่นๆ เป็นไม้เท้าค้ำยันในชีวิต เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่กับคุณไปตลอด
5. ความล้มเหลวเกิดขึ้นได้…
ไม่มีใครประสบความสำเร็จอย่างเดียวหรอก ยังไงก็ต้องล้มเหลวก่อน
นอกจากเรียนรู้จากบุคคลอื่นแล้ว ความล้มเหลวของคุณเองนี่แหละที่เป็นบทเรียนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตที่จะสอนคุณใช้มันเป็นแรงผลักดันให้คุณประสบความสำเร็จ ดีกว่าจมปลักไม่ไปไหน
6. อาจไม่มีพรุ่งนี้…
เราไม่มีทางรู้ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้น รถชน หัวใจวาย หรือแม้แต่โลกจะ
แตก มันเป็นไปได้หมด เผชิญหน้ากับมันซะ ยังไงวันหนึ่งก็ต้องเป็นวันสุดท้ายของเรา เพราะฉะนั้นในแต่ละวันทำให้ดีที่สุด ดูแลคนที่คุณแคร์ให้มาก ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กน้อย และใช้เวลาทำในสิ่งที่คุณชอบด้วย
7. ใครๆ ก็มีมากกว่าคุณ…
พอมองไปก็จะเห็นแต่คนที่มีอะไรมากกว่าตัวเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงิน
ตำแหน่ง หรือเพื่อน แต่รู้ไว้อย่างเพียงเพราะเขามี “มากกว่า” ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีความสุขกว่านะ อ่านประวัติบุคคลที่มีชื่อเสียงดู พวกเขาน่ะสนุกกับกระบวนการในการได้เงินมากกว่าตัวเงินซะอีก จงโฟกัสไปในสิ่งที่คุณรักดีกว่า เพราะมันจะตามมาด้วยความสุขที่มากกว่า
ชีวิตก็อย่างนี้แหละ ถ้าเข้าใจและยอมรับมัน คุณก็จะสนุกกับการใช้ชีวิต…

แกงส้มดอกแค

แกงส้มดอกแค
นอกจากเครื่องแกงที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรต้านหวัดหลายชนิดแล้ว ด้วยรสชาติที่เผ็ดนำ เปรี้ยวตาม จึงบำรุงธาตุลมและธาตุน้ำได้เป็นอย่างดี ส่วนดอกแคก็คืออาหารบำรุงธาตุไฟนั่นเอง สามธาตุนี้เป็นธาตุเริ่มต้นของการเจ็บป่วย ถ้าป้องกันไว้ได้โอกาสที่ธาตุดินจะถูกกระทบก็มีน้อยมาก

อาการไข้ในช่วงอากาศเปลี่ยน ตามหลักการแพทย์แผนไทยก็คือเกิดจากการที่ธาตุทั้งสี่ในร่างกายไม่สมดุล ดังนั้น การกินอาหารซึ่งเป็นผลิตผลทางธรรมชาติของธาตุไฟ ลม น้ำ และดินก็จะช่วยปรับธาตุ ทำให้อาหารกลายเป็นยา"

โดยอาหารต้านไข้หัวลมตำรับไทยที่มักถูกยกขึ้นมากล่าวถึงบ่อย ๆ มีอยู่สองอย่างก็คือ แกงส้มดอกแค และเมี่ยงคำ เพราะเป็นเมนูที่ครบถ้วนที่สุดในการบำรุงธาตุในช่วงอากาศเปลี่ยน
************************ **********************************
เครดิต: เรื่อง – ภาพ ชีวอโรคยา นำมาจากส่วนหนึ่งของบทความ เมนูต้านหวัดหากินได้ไม่ยากเลย
จาก kapook.com อ้างอิงข้อมูลนิตยสารลิซ่า

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

เพื่อนนิสัยไม่ดี ไม่เห็นความดีของเรา



ปุจฉา - ผมรู้สึกว่ากลุ่มเพื่อนร่วมชั้นบางคนไม่ชอบผม ทั้งๆที่เราก็หวังดีกับพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนที่พูดจาหยาบคาย แล้วก็ชอบวิจารณ์คนอื่นเสียๆหายๆ ผมก็เลยไม่ค่อยอยากคุยด้วย แล้วก็แยกกลุ่มเพื่อนกันอย่างชัดเจน แต่กลุ่มพวกเขาก็จะประชดประชันผมในหลายๆเรื่อง เช่น ไปทัศนศึกษา ตอนแรกพวกเขาบอกว่าอยากไป แต่พอผมบอกว่าผมจะไป พวกเขาก็ไม่ไป ซึ่งผมรู้สึกไม่ดีมาก

อีกทั้งพวกเขาก็เอาผมไปพูดนินทาลับหลัง เวลาผมแบ่งปันพวกชีทให้ พวกเขาก็ไม่เคยขอบคุณน้ำใจเลย ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเพื่อนอีกคน เขาก็จะแสดงคำขอบคุณอย่างออกนอกหน้า มันทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆ เลยครับ แล้วก็รู้สึกหมดหวังในการทำความดี จนบางทีเคยคิดว่า ไม่น่าทำดีกับพวกมันเลย บางครั้งก็รู้สึกสูญเสียความมั่นใจในหลายๆเรื่อง ซึ่งทำอย่างไรก็อดคิดไม่ได้เสียทีกราบนมัสการพระอาจารย์ช่วยชี้ทางด้วยครับ ขอบคุณครับ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - อย่าให้พฤติกรรมของคนไม่กี่คนบั่นทอนความดีในใจคุณ คุณไม่ควรยอมให้เขามีอำนาจเหนือคุณถึงขนาดนั้น การที่คุณพยายามทำความดีกับเขานั้นดีแล้ว คนเราควรทำดีกับทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม เหตุผลที่เราควรทำดีกับนาย ก. ไม่ใช่เพราะนาย ก. เป็นคนดี เป็นคนน่ารัก แต่เพราะเราเห็นว่าความดีนั้นดีในตัวมันเอง เป็นสิ่งที่ให้อานิสงส์ที่ดีงามทั้งแก่เราและผู้อื่น พูดอีกอย่างการทำความดีเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนการซาบซึ้งเห็นค่าของความดีของเรานั้นเป็นหน้าที่ของเขา หากเขาไม่ทำเช่นนั้น ก็เป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของคุณ ดังนั้นอาตมาอยากแนะนำให้คุณทำดีกับเพื่อนกลุ่มนั้นต่อไป แต่อย่าคาดหวังอะไรจากเขา รวมทั้งคำขอบคุณด้วย

อย่างไรก็ตามอาตมาเชื่อว่า หากคุณมั่นคงในความดี ทำดีต่อเขาอยู่เนืองนิจ ไม่ช้าก็เร็วพฤติกรรมของเขาจะเปลี่ยนไป เขาจะหันมาปฏิบัติดีกับคุณ ทั้งนี้ก็เพราะคนเราทุกคนล้วนมีความดีอยู่ในใจทั้งนั้น แต่ที่เขาทำตัวไม่ดี ก็เพราะความดีในใจเขานั้นอ่อนแรง ปล่อยให้ความชั่ว ความเห็นแก่ตัวครอบงำใจ แต่ความดีของคุณที่ทำต่อเขานั้นแหละ จะปลุกกระตุ้นความดีในใจเขาให้มีพลัง จนสามารถเอาชนะความชั่วหรือความกระด้างในใจเขาได้

ขอให้คุณระลึกถึงพุทธภาษิตที่ว่า “พึงเอาชนะความชั่วด้วยความดี เอาชนะคนตระหนี่ด้วยการให้” หากคุณทำตามคำสอนของพระองค์ ชีวิตคุณจะมีแต่ความเจริญและผาสุก สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งปวงได้