...+

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทำใจ ต้องเตรียมตัวด้วย! โดย โสภณ องค์การณ์

ทำใจ ต้องเตรียมตัวด้วย!
โดย โสภณ องค์การณ์

เห็นการเร่งทำงานกระชับฐานเครือข่ายอำนาจยึดครองประเทศของขบวนการเหลี่ยม ร้ายอย่างเป็นระบบ ควบคุมกลไกองค์กรต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการเตรียมแผนมาอย่างดี โครงการประชานิยม การสร้างหนี้สินให้ประชาชนจะติดขัด นั่นเป็นเพียงปัญหาทางปฏิบัติ ยังดันทุรังเดินหน้าได้

ทำงานขยันขันแข็ง ร่วมแรงร่วมใจเหมือนขบวนการปลวกรุมกินบ้าน แยกย้ายกันแทะเสา ฝาผนัง เพดาน เฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างที่ทำด้วยไม้

ถ้าเจ้าของบ้านไม่ยอมทำอะไร หรือไม่มีหนทางกำจัด สุดท้ายจะไม่เหลือ! ขบวนการปลวกเหลี่ยมร้ายกำลังแทะกินประเทศด้วยพลังไดโว่ติดเทอร์โบ โด๊ปด้วยพลังเงิน! เป็นกองทัพผีโม่แป้งทำงานไม่มีวันหยุด

รีบเร่งแรงจัด ต้องทำงานแข่งกับเวลา! หัวหน้าและแกนนำเครือข่ายรู้ดีว่าพฤติกรรมปลวกกินเมืองคงอยู่ได้ไม่นาน ประชาชนคนห่วงใยประเทศคงไม่ปล่อยให้ขบวนการเหลี่ยมร้ายรุมทึ้งทรัพย์สินแผ่น ดินแทบไม่เหลือซาก

ความอหังการ ยโสโอหังลำพองในอำนาจรัฐ ทำให้ขบวนการเหลี่ยมร้ายย่ามใจ โยกย้ายข้าราชการ มุ่งกอบโกยผลประโยชน์ผ่านโครงการต่างๆ บั่นทอนโครงสร้างของประเทศ หลักนิติธรรม คุณธรรม กลไกของรัฐให้เสื่อมโทรม

กระชับมิตรกับทรราชเพื่อนบ้านอย่างฮุนเซน ประกาศตัวเป็นพี่น้องเหมือนสายเลือดพันธุ์เดียวกัน โดยมีผลประโยชน์แบ่งปันทรัพย์สินแผ่นดิน

ใครคบหาทรราชอย่างฮุนเซน ย่อมไม่ใช่คนดี! ถ้าฮุนเซนยกย่องว่าใครเป็นคนดี พวกนั้นย่อมเป็นคนเลว ยอมทรยศต่อบ้านเมืองตัวเองเพื่อฮุนเซน

คนกัมพูชาหลายล้านคนต้องทนทุกข์หนีความอดอยาก การรีดนาทาเร้นของฮุนเซนมาเมืองไทย แต่มีคนไทยขายชาติเปิดเผยสังกัดเหลี่ยมร้าย ยกย่องบูชาฮุนเซนยิ่งกว่าพ่อ แม้แต่นายกฯ ปู โคลนนิ่ง ยังไม่ได้รับเกียรติขนาดนั้น

ความมั่นใจในฐานอำนาจของเหลี่ยมร้ายเป็นแรงจูงใจให้หลายคนเปิดหน้าออกมาเป็น ผีโม่แป้ง ทั้งเต็มตัว และแอบกระมิดกระเมี้ยน มีหลายรายยังปากแข็ง แต่พฤติกรรมฟ้องชัด เช่น พวกนักรับจ้างสอนในมหาวิทยาลัยดาหน้าออกมาแถลงเป็นวรรคเป็นเวร แก้ตัวว่าไม่มุ่งเน้นช่วยเหลือใคร โทษนักการเมือง สื่อบางกลุ่มว่าตีความผิดโดยเจตนา และไม่เจตนา โทษแต่คนอื่น แต่ลืมหลักกฎหมายที่ว่า “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา”

หรือยกระดับว่าเป็น “วรเจตนา” กันแน่! การลงทุนเปิดตัว เปิดหน้าครั้งนี้ถือว่าเป็นการทุ่มเกือบสุดตัว ผลพวงที่จะตามมาต้องรอดู! “วรเจตน์” แย้มมาแล้วนี่ว่าวันหนึ่งอาจต้องลาออกจากการเป็นอาจารย์ไปเล่นการเมือง

วันนั้น คงเห็นชัดว่า “วรเจตน์” ไปสังกัดพรรคไหน หรือเป็นพรรคอะไหล่!

ยุคนี้นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายกลุ่มมีจุดยืนเรื่องปัญหาบ้านเมือง พวกเป็นกลางก็มี กึ่งแทงกั๊ก หรือไม่ยุ่งกับโลกภายนอกก็มี

เราเห็นโครงการการศึกษาน่าห่วง ผู้รับจ้างสอนหนังสือมักจบใหม่ หมาดๆ จากปริญญาโท ปริญญาเอกจากต่างประเทศ ไม่มีประสบการณ์การทำงานกับภาคเอกชน รับปริญญารับรองวุฒิแล้ว ก็มาสมัครเป็นอาจารย์

แปรสภาพจากผู้เรียนจบ เป็นผู้สอน! ถ่ายทอดตำราวิชาการจากต่างประเทศให้เด็กไทยได้รับรู้! ดูแล้วไม่ต่างจากการไปท่องจำแล้วมาเล่าต่อ ได้ใช้สติปัญญา สมอง คิดเองหรือไม่ เพราะการทำวิทยานิพนธ์ก็ยังมีที่ปรึกษา

การฝักใฝ่ รับใช้การเมือง เป็นหนทางลัดสู่ความก้าวหน้าในอาชีพงาน! นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยภาครัฐไม่แตกต่างจากข้าราชการหน่วยอื่นๆ

นอกจากกลุ่มรับจ้างสอนหนังสือ ยังมีกลุ่มอื่นๆ เตรียมรับบทผีโม่แป้ง รอคำสั่งแต่งตั้งโดยรัฐบาล มีคณะกรรมการต่างๆ เช่น นำโดยอดีตอัยการใหญ่ นักกฎหมายใหญ่! นายกฯ ปู โคลนนิ่ง เป็นนอมินี ตัวแทนเชิดให้เหลี่ยมร้าย

คอป. ของป๋าคณิต อาจโดนแซวว่าเป็น “คณิต อุกฤษ และ ปู” ฮ่า!

เมื่อ 3 แรงแข็งขัน รื้อ ปรับโครงสร้างนิติรัฐ อ้างว่าสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันใช้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่นักกฎหมายใหญ่ทั้งคู่มีบทบาทในการยกร่าง ชี้แนะในสถานภาพสมาชิกสภานิติบัญญัติ และตำแหน่งอื่นๆ ในยุคก่อน ย่อมถูกมองว่ามีเงื่อนงำ

ปากก็อ้างว่าไม่ได้ทำเพื่อเหลี่ยมร้าย จะมีคนบ้องตื้นเชื่อหรือไม่ ต้องศึกษาพฤติกรรม บทบาทว่าได้รับใช้ทรราช เป็นผีโม่แป้งให้เผด็จการหรือไม่

เริ่มมีคำถามดังขึ้น “บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ จะทำอย่างไรกันดี ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม นักการเมืองเร่งโกงบ้าน กินเมืองอย่างนี้หรือ”

มีแต่คำถาม ไร้คำตอบ อาจเพราะเร็วเกินไป อารมณ์กดดันยังไม่หนักมากนัก บ้างก็รอให้สภาพเลวร้ายกว่านี้ ให้ขบวนการต่อต้านกังฉินก่อตัวรอบใหม่ บ้านเมืองจึงอยู่ในสภาพรอวันวิกฤตปะทุ เกิดเหตุรุนแรงกว่าที่เป็นมา

ชาวบ้านบางส่วนทำใจ ยอมรับสภาพเลวร้าย กลุ่มอื่นทำใจเช่นกันว่าบ้านเมืองคงเลี่ยงวิกฤตเลือดตกยางออกไม่พ้น เกิดกลียุคสงครามกลางเมือง เมื่อทางออกเพื่อปรองดองตีบตันเพราะความลำพองอำนาจของเหลี่ยมร้าย

ถึงวันนั้น โอกาสและความอยู่รอดย่อมเป็นของผู้ไม่ประมาท เชื่อดิ! อิอิอิ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น