...+

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มีเพียงฉันที่ไม่ได้กินฟรี

มีเพียงฉันที่ไม่ได้กินฟรี
นี่แหละสังคมเรา พยายามทำตัว เลว ๆ ให้สังคมเพื่ออยู่รอด ใช่มั้ย เราเกิดมาเพื่อต่อสู้กะ โลกาวิวัฒน
ยิ่งพลิกตัวดิ้นรนได้เท่าไร ก้อ อยู่รอด ทำตัว ดีดี แล้วสังคมจะมาข่มเหงเราเมื่อเราไม่ดิ้นรน ช่าย มั้ย
มีเพียงฉันที่ไม่ได้กินฟรี
ผู้แต่ง ภรรยาคุณเลี่ยว
(ผู้แต่งใช้อักษรจีนเพียง ๘๐๐ ตัว สามารถบรรยายถึงสภาพสังคมจีนยุคใหม่ได้อย่างสุดยอดจริงจริง)

วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ พวกเพื่อนๆสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม ได้นัดชุมนุมพบปะสังสรรค์กัน
ที่ภัตราคาร เทียนอัน นับตั้งแต่สำเร็จการศึกษา พวกเพื่อนเก่าได้นัดพบปะกันสม่ำเสมอ มีแต่ฉันเท่านั้น
ที่ขาดการติดต่อกับพวกเพื่อน ฉันทำงานวาดภาพผลิตภัณฑ์ในโรงงานแห่งหนึ่ง ฉันและสามีต่างก็ช่วย
กันทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัว ด้วยรายได้ที่ไม่มากนัก ความจริงฉันตั้งใจจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยง แต่ก็ไม่
สามารถปฏิเสธเพื่อนๆได้ ก็เลยต้องรับปาก

สามีของฉันยุ่งอยู่กับการทบทวนบทเรียนให้ลูกชาย ซึ่งลกชายของเรากำลังเตรียมตัวเข้าเรียนชั้นมัธยม
เพื่ออยากให้ลูกชายได้เรียนในโรงเรียนมัธยมที่ดีมีชื่อเสียง พักนี้สามีต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้บริหารโรงเรียน
ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบผลว่าสำเร็จหรือไม่ ก่อนออกจากบ้านฉันเหลือบมองดูลูกชายแล้วจึงเดินออกไป

ภัตตาคาร เทียนอัน เป็นภัตราคารหรูชั้นหนึ่ง เมื่อฉันเดินเข้าไปห้องที่จองไว้ พวกเพื่อนๆ
มากันครบแล้ว ทักทายฉันเกรียวกราวยังไม่ทันได้นั่งต่างก็แย่งกันยื่นนามบัตรให้ฉัน
พลิกดูนามบัตรแต่ละคนต่างก็มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นผู้จัดการ ผู้บริหาร ต่างๆ แม้กระทั่งอาฮุยซึ่งเรียนไม่เอาใหนที่สุด
สอบได้ที่โหล่ ก็ยังได้เป็นตำรวจ เป็นผู้กำกับสถานีตำรวจ

มองดูอาหารที่พนักงานเอามาเสริฟ ฉันหูตาลายไปหมด นั่งนึกสงสารตัวเองที่ผ่านๆมาไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารพวกนี้เลย
คำนวนในใจค่าอาหารโต๊ะนี้มีมูลค่าเท่ากับรายได้ของฉันถึง ๓ เดือนทีเดียว อาฮุยตำรวจทำตัวเหมือนเจ้าภาพ
งานเลี้ยงนี้ ชักชวนเพื่อนๆให้กินกันไม่หยุด และรินเหล้าแจกทุกคน คีบอาหารให้คนโน้นคนนี้
ปากก็พูดไม่หยุดว่า "กิน พวกเรากิน มื้อนี้ผมจัดการเอง ไม่ต้องห่วง" พรรคพวกทุกคนไม่มีไครขัดศรัทธา
ทั้งกินทั้งดื่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน

เมื่อสมควรแก่เวลา หลังจากที่กินกันอย่าง อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็เป็นเวลาที่ต้องแยกย้ายกลับกัน
ฉันสังเกตุดูไม่มีไครแสดงความใจกว้างที่จะเป็นผู้เคลียจ่ายค่าอาหาร ในที่สุดอาฮุยคักโทรศัพท์ออกมา
กดหมายเลขแล้วพูดว่า " เสี่ยวหลี่ คืนนี้ออกไปจับกุมกวาดล้างได้อะไรไหม.. ..เออ ดี ดี
ส่งมาพบผมที่ภัตราคาร เทียนอัน สักคน ให้มาช่วยจ่ายค่าอาหารหน่อย"

พูดจบเขาก็เก็บโทรศัพย์เข้ากระเป๋าด้วยความภาคภูมิใจ พวกเพื่อนก็เฮด้วยความสนุกสนาน
ต่อมาไม่ถึง ๑๕ นาที ก็มีชายวัยกลางคนผลักประตูเข้ามา พอ เห็นยอดเงินในใบเสร็จก็หน้านิ่ว
คิ้วขมวด ดูเหมือนว่าเงินสดเขามีไม่พอจ่าย เขาควักโทรศัพย์ออกมาพร้อมทั้งกดโทรพูดว่า
"คุณเลี่ยวหรือครับ ผมครูใหญ่หม่านะครับ เรื่องลูกชายของคุณที่ฝากมาเข้าโรงเรียนมัธยมของผมนั้น
เป็นอันว่าผมตกลงรับไว้แล้วนะครับ แต่พอดีวันนี้ผมเชิญเพื่อนๆมาเลี้ยงอาหาร อยากขอ
ให้คุณมาช่วยจ่ายค่าอาหารได้ใหมครับ ผมอยู่ที่ภัตราคารเทียนอัน ห้อง ๒๐๓ ...."
หลังจากนั้นประมาณ ๒๐ นาที มีคนมาเคาะประตู พอประตูเปิดออกมา ทันทีที่เห็นสามีที่ใส่แว่น
สายตาหนาเตอะของฉัน คือผู้เดินเข้ามา ฉันเป็นลมล้มฟุบลงทันที

( เรื่องสั้นนี้ได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่นมากมาย ประจำปี ๒๐๐๖ )
จัดเทียบเท่ากับ นักเขียนปฏิวัตร หลู่ซิ่น ทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น