...+

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การสร้างระบบความรู้ของพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่

การสร้างระบบความรู้ของพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่
โดย สันติ ตั้งรพีพากร 3 สิงหาคม 2553 14:37 น.
การสร้างพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ เป็นเรื่องใหญ่และใหม่สุดๆ แม้ในวงการเมืองของโลกก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อยกระดับกลไกการบริหารประเทศในรูปของพรรคการเมืองให้สามารถรับมือกับ สถานการณ์ใหม่ๆ สนองตอบความต้องการใหม่ๆ ที่มีลักษณะ “ไร้พรมแดน” และ “ครอบโลก” ได้อย่างแท้จริง

ในขั้นนี้ “จินตภาพ” พรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ ที่ผู้เขียนพอจะนำเสนอได้ นอกจาก “คน” ที่มีอุดมการณ์การเมืองใหม่แล้ว ประกอบไปด้วย “ระบบ” และ “กลไก” ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการทำงานขององคาพยพในระดับองค์รวมของพรรคฯ

เรียกกันให้เต็มก็ว่า “ระบบขับเคลื่อน” และ “กลไกขับเคลื่อน”

โดยทั้งสองส่วนนี้ จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็ด้วยคุณภาพดีเยี่ยมของบุคลากรพรรค

อีกนัยหนึ่ง พรรคการเมืองมาตรฐานใหม่จะดีแค่ไหน อย่างไร ขึ้นกับสามปัจจัยหลักนี้ (คน ระบบ กลไก) และเมื่อพิจารณาถึงที่สุดแล้ว คนคือปัจจัยชี้ขาด คนการเมืองใหม่ ที่มีความคิดถูกต้อง อุดมการณ์สูงส่ง แสดงออกถึงความ “ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และทำงานเป็น” อยู่เสมอ (ในกรณีของพรรคการเมืองใหม่) จะสามารถพัฒนาระบบและกลไกขับเคลื่อนที่ดีขึ้นมาได้

ระบบขับเคลื่อนเป็นสิ่งนามธรรม ประกอบไปด้วย ระบบความรู้ ระบบความคิด ระบบทฤษฎี เป็นต้น ถ้าแตกย่อยลงไปอีก (ดังกรณีของพรรคการเมืองใหม่) ก็เช่น ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชน หรือระบบประชาธิปไตยกงล้อ ฯลฯ ทั้งหลายแหล่เหล่านี้ เชื่อมโยงกันเข้าเป็นระบบใหญ่ให้ทุกคนยึดถือปฏิบัติ เกิดผลจริงที่เป็นรูปธรรม และนำไปสู่การพัฒนาเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน

กลไกขับเคลื่อนเป็นสิ่งรูปธรรม ที่สำคัญประกอบไปด้วย องค์กร หน่วยงาน คณะกรรมการ สถาบัน ฯลฯ ดำเนินไปในกรอบของระบบและเจตนารมณ์สูงสุดของพรรคฯ ซึ่งจะเกิดผลเป็นเช่นไร ก็ยังต้องขึ้นกับสภาพเป็นจริงของระบบและบุคลากร นั่นคือ ระบบดี คนมีคุณภาพ การทำงานของกลไกก็จะเกิดประสิทธิภาพสูง

ดังนั้น เมื่อเราพูดถึงคน ก็ต้องคิดถึงระบบ และกลไก เมื่อคิดถึงระบบ หรือกลไก ก็จะต้องคิดถึงคนเสมอ ทั้งสามส่วนนี้ ประกอบเข้าเป็นองค์เอกภาพของความเป็นพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ จะ “แหว่ง” ไม่ได้โดยเด็ดขาด

ในบริบทแห่งจินตภาพนี้ พรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ ดังเช่นที่พรรคการเมืองใหม่กำลังจะเป็น มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สุด ในการสร้างระบบและกลไกในท่ามกลางการสร้างคน ให้พรรคเป็นที่รวมตัวกันของกลุ่มก้อนผู้มีความเฉลียวฉลาดที่สุดของสังคม

เกี่ยวกับการสร้างระบบความรู้ เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบ ต้องยึด “แก่น” ให้มั่น

การออกแบบระบบความรู้นี้ “แก่นแท้” หรือ “หัวใจ” อยู่ตรงที่จะต้องเป็นระบบความรู้เฉพาะหรือระบบความรู้ที่จำเป็นที่สุดของ ความเป็นพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ ครอบคลุมไปในทุกๆ ด้านของทุกสาขาวิชาการ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในระดับเพียงพอที่จะรองรับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของพรรคในทุกระดับชั้นได้ อย่างไร้ขีดจำกัดในท่ามกลางการเคลื่อนไหวและปฏิบัติ เพื่อให้ระบบความรู้นี้ เป็นพื้นฐานรองรับการเกิดขึ้น และพัฒนาเติบใหญ่ของความคิด ทฤษฎี ที่ถูกต้อง เป็นวิทยาศาสตร์ (ความคิดทฤษฎีที่สามารถใช้ชี้นำการปฏิบัติ แก้ไขปัญหาที่เป็นจริงได้ในทุกมิติและทุกขั้นตอน) รวมทั้งการนวัตกรรมใหม่ๆ ของระบบกลไก ภายในพรรคอย่างไม่มีสิ้นสุด

มันเป็นส่วนหนึ่งของหลักการสร้างพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ที่ก้าวหน้า ล้ำยุคที่สุดในปัจจุบัน กำลังเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งยวดทั้งในระบอบการปกครองแบบเสรีนิยมและ สังคมนิยม ในบริบทที่ทุกฝ่ายต้องเผชิญหน้าอยู่กับวิกฤตร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น วิกฤตโรคร้อน วิกฤตเศรษฐกิจการเงิน และภัยจากผู้ก่อการร้าย เป็นต้น

และเป็นดัชนีสำคัญตัวหนึ่ง ในการชี้ให้เห็นถึงขีดขั้นพัฒนาการของอารยธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ ประเทศใดสามารถสร้างพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ได้สำเร็จ ย่อมเป็นเครื่องชี้บอกอยู่ในตัวว่า ประเทศนั้นจะสามารถรับมือกับปัญหาวิกฤตต่างๆ ได้เป็นเบื้องต้น อยู่ในฐานะที่จะเดินหน้าพัฒนาตัวเองให้เจริญรุ่งเรืองได้ต่อไป

ทั้งนี้ แนวทางการสร้างระบบความรู้ ต้องสนองตอบทั้งทางด้านการเข้าถึงความจริงและการแก้ไขปัญหาที่เป็นจริง โดย ทั้งสองส่วนนี้สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ประกอบเป็นเหตุปัจจัยหรือเงื่อนไขซึ่งกันและกัน นั่นคือ การเข้าถึงความจริง ก็เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นจริง การแก้ไขปัญหาที่เป็นจริง ก็เพื่อนำไปสู่การเข้าถึงความจริง

ด้วยเหตุนี้ ระบบความรู้นี้ จึงมีที่มาสองทาง คือทางการปฏิบัติที่เป็นความรู้ตรง และทางการศึกษาค้นคว้าที่เป็นความรู้อ้อม

ความรู้ตรง ที่ได้จากการปฏิบัติของเราเอง จะเป็นตัวนำร่องการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอย่างกว้างขวางและเป็นระบบในแวดวง วิชาการที่เกี่ยวข้อง อันเป็นความรู้ทางอ้อมที่สั่งสมกันมาในอดีต ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากนี้ไปสร้างฐานทางวิชาการที่เป็นของตนเองขึ้นมา แล้วพัฒนาเป็นระบบวิชาการเฉพาะทางของพรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมือง มาตรฐานใหม่อื่นๆ

ระบบความรู้เฉพาะนี้ จึงเชื่อมโยงอยู่กับระบบความรู้อันมหึมาของมวลมนุษยชาติ ได้รับสารหล่อเลี้ยงทางปัญญาอย่างไร้ขีดจำกัด และอัดฉีดองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้าไปในระบบใหญ่ทางปัญญาของมวลมนุษยชาตินี้ด้วย

ในบริบทดังกล่าว ความสามารถในการประมวลองค์ความรู้จากการปฏิบัติ จึงเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นต้องมีของบุคลากรพรรคการเมืองใหม่ หรือพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่อื่นๆ ขณะที่ความสามารถหรือทักษะทางด้านภาษาและเทคนิคที่จำเป็นในการศึกษาค้นคว้า ตำรับตำราทั้งของไทยและต่างประเทศก็ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน

จากนี้จะเห็นว่า แนวทางการสร้างระบบความรู้เช่นว่านี้ ในตัวมันเองก็เป็นเหตุปัจจัยหรือเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งของการพัฒนา บุคลากร

ถึงตรงนี้ เราก็พอจะเข้าถึง “จินตภาพ” ของการสร้างพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกขั้นหนึ่งว่า มันมีองค์ประกอบสำคัญในระดับ “แก่นแกน” หรือ “หัวใจ” ที่เชื่อมโยงกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยต่างก็อยู่ในฐานะของความเป็นเหตุปัจจัยและเงื่อนไขในการดำรงอยู่และพัฒนา เติบใหญ่ของกันและกัน เกิดการแปรเปลี่ยนไปสู่กันและกัน และผลักไสซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็คือ “คน-ระบบ-กลไก”

“คนที่มีคุณภาพ” นำไปสู่การเกิดขึ้นของ “ระบบที่ก้าวหน้า”

“ระบบที่ก้าวหน้า” นำไปสู่การทำงานได้ทำงานดี ไม่มีติดขัดของ “กลไกที่ดีมีประสิทธิภาพ”

และ “ระบบที่ก้าวหน้า” และ “กลไกที่ดีมีประสิทธิภาพ” ก็นำไปสู่การเกิดขึ้นของ “คนที่มีคุณภาพ”

ดังนั้น ในภาพรวม “คน- ระบบ- กลไก” ทั้งสามส่วนนี้ จะต้องได้รับการพัฒนาประสานกันไปตั้งแต่ต้นจนปลาย มันเป็นกระบวนการที่จะต้องดำเนินไปอย่างจริงจังตั้งแต่เริ่มต้นของการสร้าง พรรคการเมืองมาตรฐานใหม่

ในทางปฏิบัติ จะต้องถือเอาการสร้างคนเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ของกระบวนการใหญ่นี้เสมอ

จึงพอสรุปได้ว่า การสร้างระบบความรู้ ก็เพื่อทำให้การสร้างคนดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เกิดผลดีเลิศในระยะยาว เปรียบได้กับการวางศิลาฤกษ์ให้แก่การสร้างพรรคการเมืองมาตรฐานใหม่ ให้เป็นสถาบันการบริหารประเทศที่ดีที่สุด นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น