...+

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เคาะข่าวริมโขง : “สุวิทย์” จาก “ฮีโร่” กลายเป็น “คนโง่”

“สุวิทย์” ลงนามรับรองมติคณะกรรมการมรดกโลก 5 ข้อ แล้วทำตัวเป็นฮีโร่ ให้เห็นว่าทำให้เกิดการเลื่อนถกแผนบริหารจัดการไปปีหน้า ทั้งๆที่เสียค่าโง่เต็มๆเข้าทางกัมพูชาจน “ซก อาน” ประกาศชัยชนะ แนะเลิกแถ ออกมาชี้แจงให้ชัดทุกข้อว่าหมายความว่าอย่างไร

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 3 ส.ค.โดยมี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้เชิญนายเทิดภูมิ ใจดี รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายพิเชฏฐ พัฒนโชติ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข.พรรคการเมืองใหม่ ร่วมพูดคุยในรายการ

น.ส.วรรษมนกล่าวเปิดประเด็นที่นายสุวิทย์เซ็นเอกสารยอมรับมติคณะ กรรมการมรดกโลก 5 ข้อที่ประเทศบราซิล นายประพันธ์กล่าวว่า รัฐบาลให้ไป 10 ล้าน นายสุวิทย์กลับมาก็ทำเป็นเหมือนฮีโร่ ทำให้นึกว่าการประชุมเลื่อนไปปีหน้า แต่ภาคประชาชนก็ไปเจอว่าการเซ็น 5 ข้อ เป็นการไปยอมรับข้อผูกมัด ดูจากการแถลงนายซูซาน วิลเลียมส์ หัวหน้าฝ่าย Media หน่วยงานข้อมูลข่าว ยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพฯ ได้แถลงว่ามีการยอมรับการสนุบสนุนขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการคุ้มครองพระวิหาร ทั้งจากไทยและกัมพูชา

“ทั้ง 5 ข้อไม่เห็นมีอะไรที่ไทยค้านเลยสักข้อ เมื่อกลับมาแล้วทำไมรัฐบาลไม่เปิดเผยให้ประชาชนทราบข้อมูลทั้งหมด พูดความจริงแค่ข้อเดียวว่าให้เลื่อนไปปีหน้า นี่ยังมีการไปยอมรับจะช่วยให้กัมพูชาอนุรักษ์ปราสาทพระวิหารอย่างยั่งยืน อีก” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า พฤติกรรมนายกฯและรัฐบาลอันตรายมาก แล้วยังจะมาดื้อตาใสว่าไทยไม่เสียดินแดน เกรงว่าถ้าดื้ออย่างนี้ต่อไป วันที่ 7 สิงหาคม ภาคประชาชนคงไม่ไปถามอย่างเดียว แต่คงไปตั้งเวทีขับไล่รัฐบาลด้วยโทษฐานเสียค่าโง่ให้กัมพูชา ทะลึ่งไปให้ประเทศอื่นมาบริหารพื้นที่ประเทศตัวเอง

นายเทิดภูมิกล่าวว่า นายสุวิทย์เซ็นคราวนี้มันแหกตาคนไทย เห็นอยู่ทนโท่แล้วว่าพระวิหารไม่ใช่เขตทับซ้อนรัฐบาลไม่เคยแก้ปัญหาอะไร อย่างแท้จริงเลย เหมือนแค่ต่ออายุไปเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่ อ.ศรีศักร วัลลิโภดมกล่าวไว้ว่าต้องเลิก MOU 43 รัฐบาลโง่มาตลอดขนาดสู้จนเป็นต่อแล้วก็ยังไม่ยอมเลิก พันธมิตรก็ออกมาตั้งแต่ปี 48 แล้วว่าระวังจะเสียดินแดน แต่ก็ไม่เคยเชื่อ

นายพิเชฏฐกล่าวว่า โดยส่วนตัวยังไม่ได้ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษ แต่เท่าที่ดูผ่านๆจากเอกสารแปล ปัญหามีอยู่อันเดียว คือ ข้อ 4 ระบุว่า สิ่งดำเนินการต่อไปนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนโดยรัฐภาคีเพื่อนำไปสู่การจัด ตั้งคณะกรรมการประสานงานนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนของปราสาทพระ วิหาร ถ้าเป็นแบบนี้เป็นการเปิดทางให้รัฐภาคีจัดตั้งกรรมการ ทางความเห็นของเรานั่นเป็นการที่ไม่ปฏิเสธหรือคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาท พระวิหาร แต่นายศิริโชค บอกว่าไม่ได้แปลว่าอย่างนั้น ตนยังไม่เห็นเอกสารเพราะฉะนั้นยังไม่อยากให้ความเห็นเพราะมันละเอียดอ่อน ปัญหาการแปลภาษาอังกฤษต่างคนแปล ออกมาไม่เหมือนมันไม่จบ ต้องออกมาถกเถียงกันให้ชัดเจนไปเลย

น.ส.วรรษมนกล่าวอีกว่า นายสุวิทย์ได้ออกมาบอกว่าการลงนามไม่มีผลผูกพันใดๆ ไม่ได้เป็นการยอมรับให้ตั้ง ICC และการประชุมครั้งก่อนๆไทยก็ค้านมาตลอดการยอมรับครั้งนี้เลยไม่ต่างจากครั้ง ก่อน และที่นายซก อาน ออกมาประกาศชัยชนะเป็นเพียงแค่การหวังผลทางการเมืองเท่านั้น

นายประพันธ์กล่าวว่า การที่นายสุวิทย์แถลงมันผิดกับความเป็นจริง ที่แรกทำไมพูดแต่ว่าให้เลื่อน แล้วทำไมมีออกมา 5 ข้อ แถมบอกว่าไม่มีผลผูกพันใดๆ แสดงว่าหลับหูหลับตาเซ็น อย่ามาโกหกประชาชน ชี้แจงมาให้หมดว่าไม่มีผลอย่างใดทั้ง 5 ข้อ เรียงออกมาเป็นข้อๆ เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น