ล้างหนี้ท่วมหัวเอาตัวให้รอด

', '

พูดถึงเรื่องหนี้สิน, รายจ่ายและเงินกู้แล้ว ไม่มีใคร อยากใส่ใจเท่าไหร่
เพราะ ไม่รื่นหู และ (บางที) อาจอยากชักดาบหนีหนี้ด้วยซ้ำ แถมสมัยนี้น่ะ
จะมีสักกี่คน

เชียว ที่ไม่มีหนี้ให้เป็นลาภอันประเสริฐ
หรือไม่ต้องคอยทุกข์ใจหรือร้อนรน กับดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหลายแหล่
ให้จับไข้หัวโกร๋น ว่าจะเจียด รายได้ต่อเดือน ไปใช้

หนี้พอไหม ยังไม่แน่เล้ย

ที่จริงคนธรรมดาสามัญถ้าจะเป็นหนี้ ก็ไม่แปลก ยิ่งถ้าก่อหนี้เพราะต้องการ
"สิ่งจำเป็น" มาใช้เพื่อความสะดวกสบาย ในชีวิตประจำวัน ใครๆ
(ที่ไม่มีเงินถุงเงิน

ถังเป็นก้อน) ก็มักซื้อสินค้าเป็นเงินผ่อนทั้งนั้นแหละ ขอเพียงอย่าไป
"ก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น ให้เกินตัว" ละกัน

สัปดาห์นี้จึงมีวิธีทำอย่างไรถึงจะ
สลายหนี้ท่วมตัวฉบับเล็กพริกขี้หนูมาฝาก (Paying Off Debt Quickly)
บอกว่า ขั้นตอน ของการหลุดพ้นจากหนี้ ซึ่งแน่ล่ะ

ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แบบปอกกล้วยเข้าปาก แต่กระแดะอยากแนะนำดังนี้จ้ะ

1. ควรรู้สถานการณ์ "หนี้สิน" ของตัวเอง เป็นสิ่งแรก

สมมติถ้าคุณเกิดไปหลงทาง และอยากหา ทางออก คุณย่อมต้องการแผนที่ใช่มะ
เพราะอย่าง น้อยก็ควรรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนแล้ว ซึ่งการแก้
ปัญหาหนี้ก็เช่น

กัน ควรรู้ว่ามีหนี้อยู่เท่าไหร่?, เป็นหนี้ใคร?,
มีอัตราดอกเบี้ยต่อปีเท่าไหร่? และ
แต่ละเดือนต้องผ่อนชำระเงินกู้ในวงเงินต่ำสุดกี่ตังค์กันล่ะ?

2. หารวบรวมสถานการณ์ตามข้อแรกได้แล้ว จะทำให้เห็นภาพไงว่า
ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ เลวร้ายหรือยังพอไหว...มากน้อยแค่ไหน

อยากให้เน้นไปที่อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย เป็นหลัก เพราะลูกหนี้น่ะ จะ
"หน้ามืดช้าหรือเร็ว" ก็ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยนี่แหละ

สถาบันปล่อยกู้ บางแห่ง แหม้...ตั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กะ
ขูดเลือดขูดเนื้อลูกค้าซะสูงปรี๊ด หรือแม้แต่การกู้นอกระบบ ก็ได้ยินมาว่า
ฟันดอกฯแพงมหาโหด

อย่างกะปลิงดูดเลือดก็ไม่ปาน ดังนั้น
ถ้าใครหน้าไหนมาเสนอปล่อยเงินกู้แต่ดันคิดดอกฯซะแพงลิบลับก็อย่าไปกู้ให้
เสียฟิลลิ่งเลย กระนั้นชาวประชาหน้าซีด

บอกบางทีต้องกู้ด้วยดอกฯแพงเพราะเจ้าหนี้รายนี้
มักไม่เรื่องมากกับหลักประกันการขอกู้ งั้นตรงนี้ก็แล้วแต่ใครจะคิด
อย่างไรละกัน ถ้าคิดว่ากู้ได้ง่ายกว่าแต่

ยอมเสียดอกฯมากกว่าหน่อยแล้วโอเค ก็รับผิดชอบเอาเองละกันน้อ

3. หลักในการไม่ทำให้หนี้บานไปกว่าที่มีบานเบอะอยู่แล้ว ก็คือ
อย่าสร้างหนี้เพิ่มอีก การไม่สร้างหนี้เพิ่ม
คือกรุณาอย่าไปซื้อหาอะไรด้วยเงินผ่อน หรือไปกู้

ไปยืมตังค์มาอีก ต้องเตือนตัวเองแล้วว่าให้หยุดได้แล้ว อีกประการ
อย่าไปค้างชำระ ค่าดอกเบี้ยซึ่งเคยมีอยู่เดิมด้วยนะ เพราะถ้าค้าง
ดอกเบี้ยก็จะทบดอกฯไป

เรื่อยๆอย่างงี้แหละบางคนแค่ดอกเบี้ยยังไม่มีจ่ายก็เยอะ จำไว้ว่า
การมีหนี้ท่วมตัวจะทำให้การออมเกิดขึ้นไม่ได้เลย
และเมื่อไม่มีการออมก็ไม่มีการลงทุน ซึ่งก็

เท่ากับไม่มีอนาคตนั่นแหละ บ๋าย บาย.

"คนสมถะ"