...+

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2547

คำถามจิตวิทยา มุมมองความรัก

คำถามจิตวิทยา : มุมมองแห่งความรัก"
คำถามข้อที่ 1 ถามว่า
คุณสามารถช่วยชีวิตสัตว์ได้หนึ่งชนิด หากโลกจะแตกคุณจะเลือกช่วยอะไร ?
1.กระต่าย
2.แกะ
3.กวาง
4.ม้า
คำถามข้อที่ 2 ถามว่า
หากคุณได้เดินทางเพื่อไปเยี่ยมชมเผ่าพื้นเมืองแห่งหนึ่งในแอฟริกา
ขากลับเขาจะให้สัตว์อย่างหนึ่ง เพื่อเป็นที่ระลึก คุณจะเลือกตัวอะไร ?
1.ลิง
2.สิงโต
3.งู
4.ยีราฟ
คำถามข้อที่ 3 ถามว่า
ถ้าคุณได้ทำผิดแล้วถูกพระเจ้าลงโทษสาบให้เป็นสัตว์คุณจะเลือกเป็นตัวอะไร
1.สุนัข
2.แมว
3.ม้า
4.งู
คำถามข้อที่ 4 ถามว่า
ถ้าคุณมีอำนาจ คุณอยากจะเสกให้สัตว์ชนิดใดหายสาบสูญไปจากโลกตลอดกาล ?
1.สิงโต
2.งู
3.จระเข้
4.ฉลาม
คำถามข้อที่ 5 ถามว่า
คุณอยากจะให้สัตว์ชนิดใดพูดภาษาคนได้มากที่สุด ?
1.แกะ
2.ม้า
3.กระต่าย
4.นก
คำถามข้อที่ 6 ถามว่า
หากต้องติดอยู่บนเกาะร้างกลางมหาสมุทร คุณอยากจะให้ใครไปอยู่เป็นเพื่อน ?
1.มนุษย์
2.หมู
3.วัว
4.นก
คำถามข้อที่ 7 ถามว่า
ถ้ามีเวทมนต์ คุณอยากจะเสกให้สัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์เลี้ยง ?
1.ไดโนเสาร์
2.เสือขาว
3.หมีขั้วโลก
4.เสือดาว
คำถามข้อที่ 8 ถามว่า
คุณจะเลือกเป็นตัวอะไร ถ้าหากสามารถแปลงเป็นสัตว์ได้ 5 นาที
1.สิงโต
2.แมว
3.ม้า
4.นกพิราบ

เฉลย
คำถามข้อที่ 1 คุณสามารถช่วยชีวิตสัตว์ได้หนึ่งชนิด
หากโลกจะแตกคุณจะเลือกช่วยอะไร?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ
คนที่มีบุคลิกแบบใดที่ดึงดูดใจคุณมากที่สุด?
1. กระต่าย เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบคนที่รักสันโดษ
มองภายนอกเป็นคนสงบนิ่ง ซึ่งต่างจากภายในที่ร้อนเหมือนไฟ
2. แกะ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
คุณชอบคนที่ดูอบอุ่นและเชื่อฟังคุณ
3. กวาง เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบคนบุคลิกดี
สง่างามและดูภูมิฐาน
4. ม้า เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบคนที่รักอิสระเสรี
ไม่ชอบทำอะไรตามกฏเกณฑ์และเป็นตัวของตัวเอง
คำถามข้อที่ 2
หากคุณได้เดินทางเพื่อไปเยี่ยมชมเผ่าพื้นเมืองแห่งหนึ่งในแอฟริกา
ขากลับเขาจะให้สัตว์อย่างหนึ่ง เพื่อเป็นที่ระลึก คุณจะเลือกตัวอะไร?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ การจีบแบบใดที่โดนใจคุณมากที่สุด?
1. ลิง เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบการจีบแบบสร้างสรรค์
มีอะไรแปลกใหม่มาให้คุณประหลาดใจอยู่เสมอเพราะนั่นจะทำให้คุณไม่รู้สึกเบื่อ
2. สิงโต เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณชอบการจีบแบบตรงไปตรงมา
หากรักก็บอกว่ารักกันไปเลย
3. งู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
คุณชอบการจีบแบบที่ดูโลเลไม่แน่นอน
บางครั้งเขาทำเหมือน รักคุณมากมาย
แต่บางครั้งก็แกล้งทำเหมือนไม่ใส่ใจคุณเลย
เพราะนั่นจะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายตลอดเวลา
4. ยีราฟ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
คุณชอบการจีบแบบที่แสดงถึงความอดทน จริงใจ
และพร้อมที่จะให้อภัยคุณได้ทุกอย่าง คำถามข้อที่ 3
ถ้าคุณได้ทำผิดแล้วถูกพระเจ้าลงโทษสาบให้เป็นสัตว์คุณจะเลือกเป็นตัวอะไร?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ
สิ่งใดที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจในตัวเขา?
1. สุนัข เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความซื่อสัตย์ ความมั่นคง
และจริงใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
2. แมว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความโก้เก๋
ความมีรสนิยมในตัวเขา
3. ม้า เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ การมองโลกในแง่ดีของเขา
4. งู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความเป็นคนง่ายๆ สบายๆ
และไม่เรื่องมากของเขา
คำถามข้อที่ 4 ถ้าคุณมีอำนาจ
คุณอยากจะเสกให้สัตว์ชนิดใดหายสาบสูญไปจากโลกตลอดกาล?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ
สิ่งใดที่คุณทนไม่ได้เลยหากคนรักของคุณทำนิสัย แบบนี้?
1. สิงโต เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ การถือตัว ยิ่งยโส
และชอบดูถูกคนของเขา
2. งู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขา
3. จระเข้ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ ความก้าวร้าว
หยาบกระด้างของเขา
4. ฉลาม เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
อาการ ขี้ตกกังวลและความไม่มั่นใจในตัวเองของเขา
คำถามข้อที่ 5 คุณอยากจะให้สัตว์ชนิดใดพูดภาษาคนได้มากที่สุด?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ
คุณอยากให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรักดำเนินไปแบบไหน?
1. แกะ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ สามารถเข้าอกเข้าใจกันได้
และสื่อสารกันด้วยสายตาโดยจำเป็นต้องพูดออกมาและดำเนินความสัมพันธ์ไปเหมือนที
่คนรุ่นพ่อแม่เคยปฏิบัติ
2. ม้า เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
สามารถเปิดอกพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง
โดยไม่มีความลับต่อกัน
3. กระต่าย เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
มีสัมพันธภาพที่อบอุ่นและรักกันหวานชื่นตลอดเวลา
4. นก เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ มีความสัมพันธ์ที่มั่นคง ยาวนาน
เพราะ คุณมองไปถึงการสร้างอนาคตร่วมกันด้วย
คำถามข้อที่ 6 หากต้องติดอยู่บนเกาะร้างกลางมหาสมุทร
คุณอยากจะให้ใครไปอยู่เป็นเพื่อน?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ คุณมีแนวโน้มแค่ไหน เรื่อง
"การนอกใจ"?
1. มนุษย์ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
คุณเป็นคนแคร์สังคมและศีลธรรม
คุณจะไม่คิดนอกใจ หลังจากแต่งงานแล้วเด็ดขาด
2. หมู เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณทนต่อการยั่วยุไม่ค่อยได้
ดังนั้นมีแนวโน้มที่คุณจะคิดนอกใจ
3. วัว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณมีความอดทนอดกลั้นดีเยี่ยม
คุณพยายามที่จะไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
4. นก เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณไม่มีความอดทน
ดัง นั้นมีโอกาสที่จะกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม หากมีแรงยั่วยุ
คำถามข้อที่ 7 ถ้ามีเวทมนต์ คุณอยากจะเสกให้สัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์เลี้ยง?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับ
เรื่อง"การแต่งงาน"?
1. ไดโนเสาร์ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณเป็นคนมองโลกแง่ร้าย
ไม่อยากแต่งงาน
2. เสือขาว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
คุณคิดว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่มีค่า
ถ้าได้แต่งงานคุณ จะประคับประคองชีวิตคู่ให้คงไว้ตลอดไป
3. หมีขั้วโลก เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณกลัวการแต่งงาน
เพราะคิดว่ามันอาจทำให้คุณหมดอิสระ
4. เสือดาว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณอยากแต่งงาน ทั้งๆ
ที่ ความจริงแล้วคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตคู่เลย
คำถามข้อที่ 8 คุณจะเลือกเป็นตัวอะไร ถ้าหากสามารถแปลงเป็นสัตว์ได้ 5
นาที?
ความหมายแฝงเป็นนัยๆ ของคำถามข้อนี้คือ คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับ ความรัก"?
1. สิงโต เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
คุณมักจะเหนื่อยเสมอในเรื่องของความรัก
เพราะคุณยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่รัก แต่ก็ใช่ว่าคุณจะตกหลุมรักใครง่ายๆ
2. แมว เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ
คุณรักตัวเองมากกว่าและคุณก็คิดว่าความรักเป็นแค่อารมณ์
อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น
3. ม้า
เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือคุณไม่ต้องการจะทุ่มเทอะไรมากมายเพื่อความรัก
แต่สิ่งที่คุณทำไปทุกอย่างก็เพราะไม่อยากจะอยู่คนเดียวเพียงลำพังในโลกใบนี้เท่า
นั้น
4. นกพิราบ เหตุผลทางจิตวิทยาของคำตอบข้อนี้คือ คุณคิดว่าความรักนั้น
คือการเปิดใจยอมรับที่จะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน

เก็บมาฝาก : กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย-คู่ชีวิต

"เก็บมาฝาก" วันนี้จะนำเรื่องกุ๊กกิ๊กน่ารัก จากเว็บไซด์ http://www.nonthavej.co.th ซึ่งนำเรื่องกรุ๊ปเลือดมาอธิบายเรื่องของนิสัย และการเลือกคู่ครอง โดยในเว็บไซด์ดังกล่าวได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า หมู่โลหิตถูกกำหนดโดย
พันธุกรรมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดได้เองตามความพอใจ
การที่นำกรุ๊ปเลือดมาทำนายลักษณะนิสัยของตนเองและบุคคลทั่วไปนั้น
เป็นเพียงผลสรุปของการรวบรวมข้อมูลสถิติที่ว่าด้วยลักษณะนิสัยของบุคคล
ที่มีหมู่โลหิตต่าง ๆ แล้วนำมาวิเคราะห์โดยอาศัยจิตวิทยา
สิ่งที่นำเสนอนี้จะมีประโยชน์ต่อท่านในเรื่องของการศึกษาอุปนิสัยทั้งตัว
ท่านเองและคนรอบข้าง มาดูกันว่าคนในแต่ละกรุ๊ปเลือดมีนิสัยอย่างไร

กรุ๊ป A เป็นคนจริงใจ อ่อนน้อม แต่ชอบคัดค้าน ความรับผิดชอบสูง
อ่อนไหว ทำงานมีหลักเกณฑ์ เป็นคนมีจริงใจเมตตาและเสียสละ เป็นนัก
บริหาร รัก ความแปลกใหม่ข้อบกพร่องคือ ลังเลใจ วิตกกังวัล ทำให้เกิด
การตัดสินใจล่าช้า

กรุ๊ป B เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน เกลียดการผูกมัด รักอิสระ ไม่ชอบ
ประเพณีคร่ำครึโบราณ มีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดีมั่นใจในตนเองจิตใจ
กว้างขวาง แต่ขาดความอดทน

กรุ๊ป O เป็นคนช่างสังเกต เฉลียวฉลาด มั่นใจในตนเอง รักการ
ต่อสู้ ตรงไปตรงมา เปิดเผย ดื้อดึง มีทิฐิ จิตใจเข้มแข็ง ไม่ยอมอ่อนน้อม
ให้ใครง่ายๆ

กรุ๊ป AB อ่อนไหว สุขุม เยือกเย็น ชอบค้นคว้าหาเหตุผล ตัดสินใจ
แม่นยำ อ่อนโยนเป็นกันเอง จิตใจเสียสละ รักการเปลี่ยนแปลง

เลือกคู่ดูจากหมู่เลือดชาย + หญิง

A+A = คู่ครองตัวอย่างมีความสุขใจคนอื่นอิจฉา หญิงเอาใจเก่ง
ชายนำหน้าเสมอ

A+B = ได้แฟนจอมหยิ่งและเป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มกรุ๊ปเอ เพราะ
ปราบสาวจอมหยิ่งได้

A+O = ได้แม่ศรีเรือนแล้ว ชีวิตแต่งงานมีความสุขยิ่ง

A+AB =ถ้าทั้งสองได้รักกันด้วยน้ำใสใจจริง จะช่วยแก้ไขข้อบกพร่อง
กันและกันได้อย่างน่าเอ็นดู

B+A = จะสุขจะทุกข์อยู่ที่ใจของตน พูดง่ายๆ ต้องทำใจ หากรักกัน
เล่นๆ แต่ต้องแต่งงานจริง ก็คงมองเห็นแต่ความทุกข์นะจะบอกให้

B+B = ในใจทั้งสองจะมีแต่เราเพียงเราคิดถึงซึ่งกันและกัน มีความรัก
ดูดดื่ม จะมีความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้

B+O = จะมีความสุขซาบซึ้งเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกันเป็นคู่ที่แลเห็น
ความงามความดีของกันและกัน ความรักสดชื่น มั่นคง และพร้อมจะฝ่าฟัน
อุปสรรคทุกอย่าง

B+AB = หนุ่มต้องตามจีบสาวในระยะแรก แต่เมื่อตรงลงปลงใจกัน
แล้ว สาวจะคล้อยตามทุกอย่าง เพราะฉะนั้นหนุ่มอย่างเอาเปรียบสาวนะจะ
บอกให้ ไม่ดี

O+A = ถ้ารักกันต้องมีความจริงใจ ไม่ปิดบังซ่อนเร้นกัน มีอะไรต้อง
พูดกัน เป็นคู่รักที่มีความสุขจริง ๆ

O+B = คู่นี้ท่าทางจะดี เพราะมองโลกในแง่ดี หญิงจะมีความรู้สึกอบ
อุ่นปลอดภัย เมื่ออยู่กับหนุ่มกรุ๊ปโอ

O+O = ทั้งคู่มักจะขัดแย้งกัน ชายควรทำใจให้กว้าง หญิงควรลด
ความเจ้าแง่แสนงอน ถ้าตกร่องปล่องชิ้นกัน หญิงจะคอยสนับสนุน ส่งเสริม
ชายให้ ประสบความสำเร็จ

O+AB = ถ้าต้องการให้มีความสุขในชีวิตรัก ควรปรับอารมณ์ให้เย็นลง
อย่าเอาแต่ใจตนเอง

AB+A = เป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด เพราะชายจะเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล
ในขณะที่หญิงเป็นแม่บ้าน ที่ดี

AB+B = เมื่ออยู่ในความรักหอมหวานยิ่ง เมื่อแต่งงานแล้วมักจะ
มีปัญหาตามมา โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าครอบครัวมีอันจะกินก็รอดตัวไป
แต่ถ้าหาเช้ากินค่ำควรระวัง

AB+O = ชีวิตสมรสประสบความสำเร็จแน่ แต่สาวต้องเข้มแข็ง
และพร้อมเป็นผู้นำครอบครัว เพราะหนุ่มนิสัยขี้เล่น ชอบเย้าแหย่จนสาวใจ
อ่อนรับรักนั้นเอง

AB+AB =มีกรณีพิพาทเกิดขึ้นได้ทุกเวลาควรระงับจิตใจบ้างเก็บปาก
เก็บคำอย่าพูดให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจ มิฉะนั้นรักจะกลายเป็นพิษนะจะบอกให้

ความรักทำให้คุณตาบอด แต่สมองสว่าง

AP - เมื่อคุณมีความรัก ดวงตาคุณจะเปล่งประกาย หน้าตาเปล่งปลั่ง ต่อมเล็ก ๆ 4 ต่อมบนสมองคุณก็เหมือนกัน

แอนเดรียส บาร์เทลส์ นักศึกษาปริญญาเอกที่ยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน เสนอการวิจัยของเขาเกี่ยวกับประสาทวิทยาเมื่อวันอังคาร เขาศึกษานักศึกษา 17 คนที่บอกว่าพวกเขากำลังมีความรัก ซึ่งสนับสนุนโดยการทดสอบทางจิตมาแล้ว เมื่อมีการโชว์รูปหวานใจให้บุคคลเหล่านั้นดู พวกเขามีเลือดไหลเวียนเร็วขึ้นกว่าเมื่อเห็นรูปเพื่อน หรือคนที่รู้จักกันมาเป็นเวลานาน

ทุกส่วนในสมอง ตั้งแต่ 6-20 ส่วนแสดงให้เห็นว่ามีกิจกรรมมากขึ้น โดยต่างกันไปในแต่ละคน แต่มีเพียง 4 ส่วนเท่านั้นที่ตรงกันในผู้หญิง 11 คน และผู้ชาย 6 คน นอกจากนี้การดูรูปหวานใจยังลดกิจกรรมในสามส่วนใหญ่ ๆ ของสมองที่รู้กันว่าจะทำงานเมื่อคนอารมณ์เสีย หรือกดดัน

ดร. มาร์คัส เรชเล่ จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันผู้เข้าร่วมชมการเสนอด้วยกล่าวว่า "ภาพอาจจะชัด แต่อารมณ์ไม่" ภาพการสแกนสมองแสดงปฏิกริยาจริง แต่คำถามคือว่าเขากำลังดึงอารมณ์ไหนออกมา ในขณะที่มีการประเมินระดับความโกรธหรือหวาดกลัวมากมาย เรชเล่กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการศึกษาเรื่องความรักอย่างลึกซึ้ง ความรักก็ต้องมีการประเมินระดับอย่างความรู้สึกด้านลบเหมือนกัน

STRANGENESS (ความแปลกประหลาด)

นายหน้าในวงการธุรกิจบันเทิงคนหนึ่งเข้าแนะนำการแสดงอย่างใหม่แก่เจ้าของไน ท์คลับ และบอกว่าดาราของเขาผมสลวยสวยยิ่งนัก ทั้งมีสัดส่วนบันลือโลก 74-22-36 เจ้าของไนท์คลับทึ่งในสรีระของหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง และอยากรู้ว่าเธอจะแสดงการเต้นแบบไหน

"โอ..เธอไม่ต้องเต้นต้องรำอะไรทั้งนั้นแหละครับ" นายหน้าตอบ "แค่คลานขึ้นเวทีแล้วพยายามลุกขึ้นยืนให้ได้ก็แปลกประหลาดน่าดูสุด-สุด แล้ว


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

STORY (นิทาน)

กาลครั้งหนึ่ง หญิงสาวสวยเดินแล่นเข้าไปในป่าพบกบน้อยตัวหนึ่ง และเธอก็ต้องประหลาดใจที่กบตัวนั้นพูดกับเธอ

"คุณผู้หญิง ครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นเจ้าชายรูปงาม แต่แม่มดหน้าตาน่าเกลียดสาปฉันเป็นกบ"

"โอ...ตายจริง" หญิงสาวร้องออกมา "ฉันจะช่วยอะไรคุณได้บ้างคะ?"

"ช่วยได้มากทีเดียว" กบตอบ "ถ้าคุณเอาฉันกลับไปบ้านและวางไว้ข้างหมอนในคืนนี้ ฉันก็จะปลอดภัย"

ดังนั้น หญิงสาวจึงเอากบผู้น่าสงสารกลับมาบ้านด้วย เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อตื่นนอน เธอก็พบเจ้าชายหนุ่มรูปงามอยู่บนเตียงเคียงข้างกับเธอ!

แต่ทว่า...คุณแม่สมัยนี้เลิกเชื่อนิทานพรรค์นั้นเสียแล้ว!


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ข่าวลือ

ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทอิเล็คทรอนิคส์แห่งหนึ่ง เรียกหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เข้ามาพบและว่า "ฟังนะ วิลสัน มีบางคนพยายามจะกวาดซื้อหุ้นบริษัทของเรา เป็นหน้าที่ของคุณที่จะทำให้หุ้นของเรามีราคาสูงขึ้นเกินกว่าที่พวกเขาจะ ซื้อได้ ผมไม่ห่วงหรอกว่าคุณจะทำยังไง ลงมือเข้าก็แล้วกันเถอะ!"

วันรุ่งขึ้น หุ้นของบริษัทขึ้นไป 5 จุด และวันต่อมาก็ขึ้นไปอีก 8 จุด ผู้จัดการใหญ่ดีใจมาก "คุณทำได้ไงน่ะวิลสัน?" เขาถาม

"ผมเริ่มปล่อยข่าวลือที่รู้แน่ๆว่าตลาดหุ้นชอบใจครับผม"

"ข่าวลือว่าไง?"

"ผมบอกว่า ท่านจะลาออก ครับผม!"


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

STINGINESS (ความขี้เหนียว)

"นี่นายอ่านพบในหนังสือพิมพ์ไหมล่ะว่าตาแก่ แอนดี้ แม็คแอนดรูว์ตายแล้ว และทิ้งเงินไว้ตั้งสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์?"

"ตาเฒ่าขี้เหนียวนั่นไม่ได้ ทิ้งเงิน ไว้สักเพนนีเดียว ! เขาจำต้อง พลัดพรากจากมันไปตะหากล่ะ"


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ผ้าร่มชูชีพ

สจ๊วตเดส : "ฉันเคยบอกให้คุณทราบหรือยังคะ ว่าชุดนอนชุดนี้ของฉันน่ะตัดด้วยผ้าร่มชูชีพนะ"

นักบิน : "อ๋อ..เหรอ สายกระตุกให้ร่มกางอยู่ไหนล่ะ "


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

STEWARDDESS (เจ้าหน้าที่บริการซึ่งเป็นหญิงในเครื่องบินโดยสาร)

เมื่อเครื่องบินโดยสารลำหนึ่งเข้าเทียบท่าอากาศยานเคนเนดี้ นักบินก็กล่าวขอบคุณและอำลาผู้โดยสาร แล้วเขาก็วางไมโครโฟนลงแต่ลืมปิดสวิตซ์ เขาหันไปทางนักบินผู้ช่วย แล้วว่า "รู้ไหม คืนนี้ผมจะทำอะไรบ้าง"

"ไม่รู้ซี" นักบินผู้ช่วยตอบ

"ผมก็จะกลับไปโรงแรม อาบน้ำโกนหนวดให้สบายเชียว อาหารค่ำวันนี้ผมจะล่อสเต็กชิ้นเบ้อเร่อ แล้วผมก็จะนอนกับสจ๊วตเดสผมสีบลอนด์คนนั้นแหละ"

แน่นอน เสียงของเขาดังไปทั่วเครื่อง จ๊วตเดสคนที่อยู่ส่วนหลังของเครื่องรีบวิ่งมายังห้องนักบิน เพื่อจะบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้ปิดสวิตซ์ไมโครโฟร แต่พอวิ่งมาได้ครึ่งทางก็สะดุดอะไรบางอย่างล้มลง หญิงสูงอายุที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รีบลุกมาช่วยประคองลูบหลังลูบไหล่แล้วว่า " ไม่ต้องรีบร้อนหรอกหนูเอ๋ย เขาว่าเขาจะกินอาหารค่ำก่อนไม่ใช่เรอะ!"


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

STATUS QUO (ฐานะเดิมที่เป็นอยู่)

หนุ่มนักผจญภัยผู้เต็มไปด้วยความระทม ทุกข์คนหนึ่ง เดินทางมาถึงฝั่งแม่น้ำ และเข้าไปหาชาวเรือสูงอายุผู้รับจ้างพาคนข้ามฟาก "ลุงครับ" เขาพูดปนสะอื้น "ผมถังแตก ลุงจะช่วยพาผมข้ามฟากฟรีๆได้ไหมครับ?"

"ค่าโดยสารข้ามฟากมันแค่ยี่สิบห้าเซ็นต์เท่านั้นนะ" เจ้าของเรือข้ามฟากว่า

"ผมทราบครับ แต่ผมไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่เหรียญห้าเซ็นต์ซักอันเดียว" หนุ่มตกยากสารภาพ

ชายชราเจ้าของเรือดูดกล้องยาสูบแดงวาบ " ถ้างั้นล่ะก้อ เจ้าหนุ่มเอ๋ย" แกว่า " เจ้าอยู่ฝั่งขะนี้ดีกว่าข้ามไปฝั่งขะโน้นว่ะ!"


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

statistic (สถิติ)

ขณะอยู่บนรถโดยสารประจำทาง สตรีผู้หนึ่งซึ่งเดินทางไปมาเป็นประจำ ก็อ่านบทความในหนังสือพิมพ์เรื่องสถิติแห่งระยะเวลาของการมีชีวิตอยู่ไปด้วย หล่อนหันมาทางผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ "คุณรู้ไหมคะ...." หล่อนเอ่ยขึ้น "ทุกครั้งที่ฉันหายใจออกจะมีคนตายไปหนึ่งคน?"

"งั้นเรอะครับ ทำไมคุณไม่ลองใช้น้ำยาบ้วนปากเสียบ้างล่ะ!" เขาว่า


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

starvation ( ความอดอยาก)

คำคม... "เมื่อความอดอยากมาเยือน..เกียรติยศ..ชาติตระกูลอันสูงส่ง...การศึกษา... ความรู้...การบริจาคเพื่อการกุศล...การกระทำอันมีวินัยจัด...ตำแหน่ง หน้าที่ระดับสูง....ความขยันและความปรารถนาในเพศตรงข้าม.... เหล่านี้ก็มลายหายไป"


จาก พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ทีใครทีมัน

ในวันที่ฝนตกหนักวันหนึ่ง นายหลีได้ยืมร่มของนายเส็งไป พอตกเย็น เขากางร่มออกผึ่ลมให้แห้ง เผอิญนายเส็งกลับมาเห็นร่มของตนกางอ้าซ่าอยู่ ถึงถามด้วยความไม่พอใจว่า "ทำไมแกใช้ร่มเสร็จแล้วไม่รู้จักหุบวะ ยังงี้ผ้าร่มก็เปื่อยเร็วขึ้นน่ะซี้"

หลายวันต่อมาฝนตกหนักอีกครั้งหนึ่ง นายเส็งจึงเอ่ยปากขอยืมรองเท้าบู๊ตของนายหลีบ้าง เขาใส่มันตลอดทั้งวันโดยไม่ยอมถอดแม้จะกลับเข้าบ้านกินข้าวมื้อเย็นแล้วก็ ตาม

ครั้นถึงเวลานอน เขาเหยียดเท้าที่ยังใส่บู๊ตครบถ้วนเข้าไปในผ้าห่มพลางพูดด้วยอารมณ์แค้น เคืองว่า "ฮึ่ม... แกใช้ร่มของข้าอย่างไม่บันยะบันยัง กางตากลมตากน้ำค้างไว้ทั้งคืน ข้าก็จะใส่รองเท้าของแกไว้ทั้งคืนเหมือนกัน มีอะไรอ๊ะป่าว....


จาก ต่วยตูน
ธันวาคม พ.ศ. 2540

เฮฮาประสาโฆษณาทีวี

1.เป็นห่วงลูกหนี้

"ลูกพี่ๆ ไอ้ลิดมันกินแบล็ค"

"แล้วมันมีกับแกล้มหรือเปล่าวะ"


2.ไอ้แห้วกินรีฯ

"คุณพ่อครับ เดี๋ยวนี้เจ้าแห้วมันเป็นยังไงบ้างครับ"

"มันก็ดีกว่าเมื่อก่อนนั่นแหละ กินเพียวๆได้โดยไม่ต้องผสมน้ำชาอีกแล้ว"


3. ไม่เหมาะสำหรับทุค

"บอยไม่ดื่มค่ะ"

"ทำไมล่ะฮะ"

"บอยเมาแล้วค่ะ"


4. สิงคะนองงา

"เอามานี่ เดี๋ยวผมจะลองกล่อมมันดู"

"โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ..." ปังๆ

"สงสัยท่านรองจะหลับไปแล้ว"


5. หัวเทียนนะพี่

"....แชะๆๆๆ"

"สงสัยหัวเทียนจะบอด"

"รถจักรยานบ้านเอ็งมีหัวเทียนหรือไง ไอ้ผีบ้า"


6. พลังงานมีจำกัด

"อย่างนี้ต้องหาร อย่างนี้ต้องหารสอง"

"ติดลบขนาดนี้แล้วยังจะเอาอะไรมาหารอีก"


7. ทูมอโร่โก

"ฮ้า ทีจี...ทีจี๋"

"ผมพึ่งจะมั่นใจก็เมื่อเขาเอามาเป็นพรีเซ็นเตอร์นี่แหละ"


8. ขี้เมาเป็นเหตุ

"มำ มำ ผัดขี้เมาๆๆ"

" แปลกแฮะ กินบะหมี่ก็เมาได้"


9. ดังเพราะอาม้า

" ป.ปลานั้นหายาก"

"ใกล้ๆ ผ.ผึ้งนั่นไง"


10.เอากับมันสิ

"รู้มั้ย เวลาลูกหลับไม่ต้องการให้ใครมารบกวน"

"คนอะไร มีลูกเป็นรถมอเตอร์ไซต์ อยากเห็นหน้าแม่มันจัง"


11. ถามทำไม

"เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม"

"คิดว่าชั้นตาบอดหรือไง"


12. แขวะเขาไปเรื่อย

"เบียร์จ้างแจกโชคใหญ่เป็นรถห้าร้อนคัน"

"โชคใหญ่ทำไมไม่เป็นช้างนะ"


โดย บิ๊กแอนด์ลอง
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ครึ่งราคา

ผู้พิพากษานายหนึ่ง สั่งร้านทองให้นำทองแท่งมาส่งที่สำนักงานสองแท่งซึ่งเจ้าของร้านทองรีบปฏิบัติตามคำสั่งโดยมิชักช้า

"ราคาเท่าไหร่" เขาถามเถ้าแก่ร้านทอง

เถ้าแก่แจ้งราคาแล้วไม่วายเสริมตามนิสัยพ่อค้าว่า "ถ้านายท่านต้องการซื้อจริงๆล่ะก้อ จ่ายให้ข้าเพียงครึ่งราคาก็ได้ ข้าขายให้ในราคาพิเศษจริงๆ"

ผู้พิพากษาผู้นิยมของฟรี เหลียวมองลูกน้องก่อนจะสั่งด้วยน้ำเสียงของผูมีอำนาจว่า "พวกเจ้าเก็บทองไว้หนึ่งแท่ง ที่เหลืออีกแท่งนึงให้คืนเถ้าแก่ไป"

เมื่อเถ้าแก่รับทองคืนไปหนึ่งแท่ง เขาทวงถามเสียงแหยงว่า "อ้า..ใต้เท้าจะกรุณาจ่ายค่าทองแท่งที่ซื้อไปได้มั้ย"

"ชิชะ.. เจ้ากล้าดียังไงถึงเรียกร้องเงินจากข้า" ผู้พิพากษากังฉินตะคอกเสียงลั่นอย่างไม่สบอารมณ์ "เจ้าเองไม่ใช่เรอะที่เพิ่งพูดหยกๆว่า ยินดีขายให้ข้าครึ่งราคา ข้าคืนทองให้เจ้าไปแท่งนึง นั่นไม่ใช่ครึ่งราคาของทองสองแท่งดอกหรือวะ"


จาก ต่วยตูน
ธันวาคม พ.ศ. 2540

เสร็จใครกันแน่

ก่อนเข้าห้องหอ ผู้ชายมักจะนึกกระหยิ่มใจเมื่ออยู่กับเจ้าสาวเพียงสองต่อสองว่า "เสร็จกูละมึง"

พอเหตุการณ์ซ้ำๆซากๆ ผ่านไปหลายคืน เขาจึงรู้ว่าตัวเอง "เสร็จมึงละกู"


ธันวาคม พ.ศ. 2540

เสียงสะท้อน

ขณะที่คุณสุรทนต์นั่งอ้าปากใฟ้ทันตแพทย์กรอฟันอยู่นั้น หมอหนุ่มพูดด้วยอาการกลั้นหัวเราะเต็มที่ว่า "ไม่น่าเชื่อเลย... คุณเป็นคนปากกว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น.. ปากกว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น"

"หมอ...ใกล้กันแค่คืบยังงี้ พูดครั้งเดียวผมก็ได้ยินแล้ว" คนไข้ตำหนิอย่างน้อยใจ "ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำได้มั้ย"

"อ๊ะ.. หมอเปล่าพูดซ้ำนะ" หมอรีบตอบ "ไอ้ที่คุณได้ยินซ้ำเป็นเพราะเสียงสะท้อนจากปากกว้างของคุณตังหากเล่า"


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

คำถาม แกะขาว แกะดำ

คำถาม- ทำไมแกะขาวกินมากกว่าแกะดำ

คำตอบ - ในโลกนี้มีแกะขาวจำนวนมากกว่านี่ครับ


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ตายน้ำตื้น

ตระบัน - แกได้ข่าวไอ้แช่มที่เป็นเสือผู้หญิงหรือยัง มันคุยว่าชีวิตมันผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่เมื่อคืนมันดันแต่งงานใหม่ ปรากฏว่าเจ้าสาวเคยเป็นเมียเก่าของมันมาก่อนว่ะ มันเสือกจำไม่ได้เอง

ยันยี - ถ้างั้นมันรู้เรื่องนี้ได้ไง?

ตระบัน - อ๋อ...มันจำแม่ยายปากปลาร้าได้ว่ะ


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ตาไม่ดี

ท่ามกลางแสงสลัวๆ บรรยากาศโรแมนติก หนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งป้อนคำหวานและทานปลาเผาไปด้วย เวลาผ่านไปสักพัก ฝ่ายชายซึ่งใส่แว่นสายตาสั้นก็บ่นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ทำไมปลาเผาร้านนี้เนื้อเหนียวชะมัดยาด"

"แหม... ว่าจะไม่พูดแล้วเชียว" ฝ่ายหญิงตอบอย่างเห็นขัน "ก็คุณเล่นเคี้ยวทั้งกระดาษฟอยล์ไปด้วยนี่คะ"


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

หัวจิ้มบ่อ

"พี่คะ" เมียของคุณกำแหงโทรศัพท์เสียงกระหืดกระหอบบอกเขาที่ทำงาน "รถของน้องน้ำท่วมคาร์บูเรเตอร์หมดเลยจ๊ะ"

"เป็นไปได้ไง" คุณกำแหงย้อนถามงงๆ "หน้าหม้อรถมีน้ำซะเมื่อไหร่"

"แต่หน้าบ้านมีนี่" เมียตอบทันควัน "แบบว่ารถหัวจิ้มบ่อน้ำหน้าบ้านไง"


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ปลอมอยู่แล้ว

กัลย์ - โอ้โห... ใส่แหวนเพชรเม็ดเบ้อเริ่มเชียว เพชรแท้ใช่มั้ย?

คาวี - ใช่สิ..แต่อ๊ะ... ถ้าเผื่อเป็นเพชรปลอมข้าก็ถูกตุ๋นไป 900 บาทฟรีๆสิเนอะ


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ตอบตามตรง

เธอ - พี่คิดว่าจะแต่งงานอยู่กินอย่างมีความสุขกับผู้หญิงแบบน้องได้มั้ยจ๊ะ?

เขา - น่าจะได้...ถ้าหากเจ้าหล่อนจะไม่เหมือนน้องมากนักละก้อ...


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ปิดประตูชนะ

บนเวทีผ้าใบ นักมวยถามโค้ชขณะพักยก 7 "ผมต้องแก้ไขอะไรบ้างมั้ย...พี่"

"ขยันเต้นฟุตเวิร์กให้มากกว่านี้" พี่เลี้ยงตอบ "ลมที่เกิดจากการเต้นฟุตเวิร์กของลื้ออาจจะทำให้คู่ต่อสู้ปอดบวมได้ว่ะ"


จาก - อาร์ม อิศรัช
ธันวาคม พ.ศ. 2540

อาชีพกัลบก

ด.ช.ต๋อม - พ่อเราโกนหนวดวันนึงตั้งยี่สิบสามสิบครั้ง

ด.ช.โซ่ง - พูดโกหกชัดๆ

ด.ช.ต๋อม - ป่าวโกหกนะ... เพราะพ่อเราเป็นช่างตัดผมอยู่ที่ร้านปากซอยนี้เอง


จาก - อาร์ม อิศรัช
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ไม่ต่างกันเลย

สามี - พวกผู้หญิงนี่แปลกเนอะ ชอบช็อปปิ้งทีละหลายๆชั่วโมง แต่บางครั้งก็ไม่ซื้ออะไรแม้แต่ชิ้นเดียว

ภริยา - แล้วมันต่างกับพวกผู้ชายที่ชอบตกปลาตรงไหนล่ะ เพราะบางครั้งไปนั่งตั้งครึ่งค่อนวัน แต่ไม่ได้ปลาติดมือมาแม้แต่ตัวเดียว


จาก - อาร์ม อิศรัช
ธันวาคม พ.ศ. 2540

น้อยจนผิดพลาด

ช่วงปีใหม่ คุณทองล้วนพาครอบครัวไปพักผ่อนตากอากาศที่ชะอำ

เขาพาลูกเมียไปกินข้าวเย็นที่ภัตตาคารในโรงแรมหรูเริ่ด มีนักทัศนาจรนั่งเต็มทุกโต๊ะ สักพักใหญ่ๆ บริกรก็นำอาหารมาเสิร์ฟ คุณทองล้วนเห็นจานทุกใบเปียกน้ำราวกับว่าล้างจานแล้วไม่เช็ดหรืออบให้แห้ง จึงเรียกบ๋อยมาตำหนิว่า "ขอจานใหม่มาเปลี่ยนซิ จานพวกนี้ล้างแล้วเช็ดไม่แห้งนี่หว่า"

"อะไรกัน" บ๋อยมีท่าทางงงๆ เมื่อฟังจบ ก่อนจะตอบเสียงเหนื่อยหน่ายว่า "นั่นก็ซุปหางเต่าที่ท่านสั่งไงครับ"


จาก - อาร์ม อิศรัช
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ย้อนได้ย้อนดี

ลูกค้า - ปูผัดผงกะหรี่ที่คุณคุยว่าเป็นอาหารจานเด็ดของที่นี่ ไม่เห็นจะอร่อยตามที่คุยไว้เลย แพงก็แพง แถมยังเย็นชืดอีกตังหาก

บ๋อย - อะไรกัน...พ่อครัวที่นี่ผัดปูจนขึ้นชื่อก่อนคุณจะเกิดด้วยซ้ำมั้ง

ลูกค้า - ถึงว่าสิ..ปูจานนี้ตะแกคงผัดเตรียมไว้ตั้งแต่สมัยนั้นแหละ


จาก - อาร์ม อิศรัช
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ถูกเบิ้ลกลับจนได้

จินดาหรา - แฟนชั้นเป็นคนแปลกมาก

สาวิตรี - ทำไมหรือ?

จินดาหรา - เขาเที่ยวไปพูดว่ากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกจ๊ะ

สาวิตรี - งั้นหรือ...เราว่าในที่สุดก็คงแห้ว ต้องหันมาแต่งกับเธอจนได้นั่นแหละ


จาก - อาร์ม อิศรัช
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ลูกสอนพ่อ

หนูก๋อยชอบตั้งคำถามให้พ่อตอบ ซึ่งผู้เป็นพ่อมักตอบไม่ได้เสียเป็นส่วนใหญ่

เย็นวันหนึ่ง หนูก๋อยถามคำถามที่พ่อตอบไม่ได้อีกตามเคย พ่อจึงบ่นพึมพำว่า "ลูกเอ๋ย... สมัยที่พ่อยังเด็ก พ่อถามเรื่องจุกจิกกวนใจปู้ไม่ถึงครึ่งที่เจ้าถามพ่ออยู่ทุกวันนี้เลย"

"โธ่...พ่อ" ลูกชายวัย 6 ขวบตอบทันควัน "ถ้าพ่อขยันถามคุณปู่มากกกว่านี้ พ่อคงตอบคำถามของผมได้เพิ่มอีกมากมายหลายข้อเชียวหละ"


จาก - อาร์ม อิศรัช
ธันวาคม พ.ศ. 2540

คิดตื้นไม่คิดลึก

หลังคาบ้านของหยูกงมีรูรั่วเต็มไปหมด เมื่อฝนตกหนักหลายวันติดต่อกัน ทำให้ทั้งบ้านไม่เป็นอันกินอันนอน ตอนกลางคืนต้องย้ายเตียงหนีฝนรั่วหลายครั้ง แต่หาได้หนีพ้นไม่

เมียของเขาโวยวายเหมือนคนเป็นโรคประสาท ลูกของเขาร้องไห้กระจองอแง ตัวเองก็หงุดหงิดแทบบ้า

พอฝนหยุดตอนเช้า เขารีบตามช่างมาซ่อมหลังคา นอกจากจะเสียค่าซ่อมไปแพงอักโขแล้ว เขายังเลี้ยงข้าวปลาอาหารอีกต่างหาก

เมื่อซ่อมหลังคาเสร็จเรียบร้อย ฝนเจ้ากรรมก็หยุดสนิท แดดส่องจ้านานติดต่อกันเป็นเดือนๆ หยูกงมองเห็นหลังคาบ้านทีไรเขาจะต้องถอนหายใจ ตำหนิตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า "เฮ้อ... ทำไมข้าโชคร้ายยังงี้หนอ พอซ่อมหลังคาเสร็จ ฝนดันไม่ตกลงมาสักเม็ด พับผ่าสิ .... ข้าเสียเงินไปอย่างไม่คุ้มค่าจริงๆ"


ต่วยตูน
ธันวาคม พ.ศ. 2540

เห็ดเป็นเหตุ

ลูกค้า - วันนี้ผมไม่กินเห็ดล่ะ เมื่ออาทิตย์ก่อนล่อเห็ดจากที่นี่เข้าไปเล่นเอาท้องเดินทั้งคืน หมอบอกเห็ดเป็นพิษน่ะ

บ๋อย - ฮ้า... ถ้าแบบนั้นผมก็ชนะพนันพ่อครัวสิเนอะ


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

เป็นไปได้ไง

ทิดด้วง - เมื่อคืนแกไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านกำนันหรือเปล่า?

ทิดทุ้ย - ไป.... ข้าเดินไปได้ค่อนทางจนเหลืออีกสัก 100 เมตรก็ถึงแล้ว แต่ข้าเมื่อยขาจนเดินต่อไปไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินกลับบ้านว่ะ


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

เข้าใจไปโน่น

แม่ยายของคุณระนาวไปดูเขาเล่นกอล์ฟ

ขณะที่กำลังจะหวดหลุม 9 เขาตั้งใจจะตีอวดแม่ยาย จึงได้บอกกับเพื่อนร่วมก๊วนว่า "คุณเห็นแม่ยายผมนั่งอยู่ใต้ร่มสีฟ้าโน่น....น.....มั้ย ผมตั้งใจจะตีลูกนี้ให้..."

"โฮ๊ย...." เพื่อนร่วมก๊วนขัดคอ "ไกลปานนั้น...ผมพนันได้เลยว่าคุณหวดลูกไม่ถูกเค้าหรอก"


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ไปคนละเรื่อง

เหตุเกิดในสวนอาหรย่านรัชดา

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย สาวเสิร์ฟถามคุณสัปดลว่าต้องการทานกาแฟมั้ย เมื่อชายหนุ่มพยักหน้า สาวเสิร์ฟถามต่อไปอีกว่า "ใส่ครีมมั้ยคะ"

"ไม่ใส่" ชายหนุ่มตอบสั้นๆ

สักพักหนึ่ง สาวเสิร์ฟเดินกลับมาบอกว่า "ขอโทษค่ะ ครีมหมดพอดี เปลี่ยนเป็นไม่ใส่นมได้มั้ยคะ"


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

หลับยาวข้ามวัน

คุณประโดนเป็นโรคกังวลนอนไม่ไคร่หลับ

หมอจึงให้ยานอนหลับแก่เขา ซึ่งทำให้ชายหนุ่มหลับยาวรวดเดียว เมื่อตื่นขึ้นไปทำงานเขารู้สึกกระปี้กระเปร่าราวกับคนละคน เมื่อพบหน้าเจ้านาย เขาพูดอย่างสดชื่นว่า

"แหม.. หัวหน้า ยาของหมอชะงัดดีจริงๆ เมื่อคืนผมหลับเป็นตายเชียวหละ"

"ก็ดี.." หัวหน้าตอบหน้าบึ้ง "ว่าแต่ว่าเมื่อวานขาดงานหายไปไหนมา"


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

ดีแน่อยู่แล้ว

ภริยา - บุหรี่น่ะ ..ดีนักหรือ เห็นคุณสูบได้สูบเอามวนต่อมวนเชียว

สามี - ดีไม่ดีไม่รู้ล่ะ... แต่คุณไม่สังเกตหรือว่า ทุกครั้งที่ผมจุดสูบแม่ของคุณจะลุกเดินหนีออกจากห้องแทบไม่ทันเชียว


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

เที่ยวจนลืมตาย

คุณสิริดาชอบอ่านหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะคอลัมภ์ลงแจ้งความเกี่ยวกับงานณาปนกิจเผื่อจะเจอข่าวของคนที่รู้จักบ้าง

ช่วงปีใหม่ หล่อนบอกกับสามีว่า "แปลกจังนะ.. พี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีข่าวคนตายชุกเหมือนปกติ น่ากลัวคนจะหนีไปเที่ยวปีใหม่กันหมด... หรือพี่ว่าไงคะ"


จาก ชาด โรดม
ธันวาคม พ.ศ. 2540

รักอมตะ

สาว - พี่รักน้องมั้ย?

หนุ่ม - รักจ๊ะ..รักมากด้วย

สาว - มากถึงขนาดตายแทนน้องได้มั้ย?

หนุ่ม - คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก....น้อง รักของพี่เป็นอมตะไม่มีวันตายจ๊ะ


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

พอกัน

"ที่นี่มีหมึกวิทยาศาสตร์ที่พวกสายลับ ใช้เขียนแล้วมองไม่เห็นบ้างมั้ย" บุรุษในชุดมืดใส่แว่นตาอำพรางใบหน้า ทำท่าลับๆล่อๆ ก่อนจะกระซิบถามพนักงานเครื่องเขียนของศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง

"อ๋อ...มีครับ" พนักงานขายตอบคล่องปรื๋อ "คุณต้องการสีอะไรหรือ"


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

เหล้าพาไป

เหตุเกิดในเมืองลาสเวกัสแดนพนันเสรีของอเมริกา

นักท่องเที่ยวนายหนึ่งท่าทางเฉิ่มเหล้าเข้าไปเต็มดีกรี กำลังสาละวนอยู่กับการวิ่งเอาเหรียญหยอดเข้าเครื่องจอดรถที่ปักเรียงราย อยู่ที่ริมฟุตบาธ

"เฮ้...ยู ทำอะไรน่ะ" ตำรวจร่างใหญ่ตะโกนถามอย่างเห็นขัน

"ผมกำลังติดใจสล็อตแมชชีนกลางแจ้งเหลือเกิน....หมู่ (เอิ๊ก)


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

หาเองใช้เอง

หนุ่ม - น้องเต็มใจจะแต่งงานกับพี่มั้ย?

สาว - เต็มใจจ้ะ

หนุ่ม - ด้วยเงินเดือนเซลล์แมนจนๆอย่างพี่เนี่ย?

สาว - ใช่จ้ะ..ถ้าพี่จะหาเงินเพิ่มอีกสักก้อนเป็นค่าใช้จ่ายของพี่เอง


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

น่าเป็นห่วง

"พ่อต้องการให้ลูกกับบ้านไม่เกินสี่ทุ่ม" คุณประมูลสั่งลูกสาววัยกระเตาะที่กำลังจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนชายหญิงกลุ่มใหญ่

"โธ่.พ่อ หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ " ลูกสาวพยายามต่อรอง

"นั้นแหละคือสาเหตุที่พ่อไม่ต้องการให้ลูกกลับดึกล่ะ" ผู้เป็นพ่อพูดเสียงเฉียบขาด "รู้ไว้ซะด้วย"


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

นักวิชาเกิน

"คุณรู้มั้ยว่าประเทศของเรามีเครื่องรับโทรทัศน์ 30 ล้านเครื่อง " คุณกระชวยถามเพื่อนร่วมงาน "แต่มีฝักบัวอาบน้ำเพียง 10 ล้านอัน"

"แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหน" เพื่อนย้อนถามหน้าตางงงวย

" อ้าว..จากตัวเลขนี้ก็แสดงว่าคนไทยตั้ง 20 ล้านคน" คุณกระชวยตอบด้วยมาดของนักวิชาการเต็มตัว "นั่งดูทีวีโดยไม่ยอมอาบน้ำน่ะซี้ ฮ่า...ฮ่า"


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540
ผู้เป็นพ่อทุกคนย่อมจะต้องผ่านการเป็นเด็กมาก่อน ด้วยเหตุนี้ ผู้เป็นแม่ทุกคนจึงพยายามพิสูจน์ว่าเรื่องนี้ยังคงเป็นความจริง

ฆ่าคนดีกว่าฆ่าสัตว์

ซินแสเฒ่าผู้ธรรมะธรรโมนายหนึ่งเที่ยวเทศนาสั่งสอนชาวบ้านว่า "จงอย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่เช่นนั้นกรรมจะตามสนอง ถ้าฆ่าวัว... ชาติหน้าจะต้องไปเกิดเป็นวัว ถ้าฆ่าหมู...ชาติหน้าจะต้องไปเกิดเป็นหมู ฆ่าอะไรก็จะไปเกิดเป็นไอ้อย่างนั้นเพื่อชดใช้กรรม"

ชาวบ้านเชื่อฟังคำสั่งสอนของเขาเป็นอย่างดี ผงกหัวหงึกหงักอย่างเห็นล่วยโล้ยโปเซ็ง ยกเว้นหนุ่มคนหนึ่งที่ตั้งปุจฉาขึ้นว่า "ถ้าฟังตามที่ลุงสั่งสอนแล้วล่ะก้อ การฆ่าคนย่อมดีกว่าการฆ่าวัวฆ่าหมู...ใช่มั้ย"

"ข้าไม่เคยสอนเช่นนั้น....เจ้าหนุ่ม" ซินแสตำหนิ "เจ้าคิดยังไงของเจ้านะ"

"อ้าว...ถ้าแปลตามที่ลุงสอน " ชายหนุ่มอธิบาย "ฆ่าคนแล้วจะได้ไปเกิดเป็นคนไง ดีกว่าเกิดเป็นหมูหมากาไก่ไม่ใช่หรือ"

ซินแสเฒ่านิ่งเงียบ ไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไรดี


โดย ต่วยตูน
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ดูไม่ได้

ชิงดวง - ทำไมแฟนข้าจะต้องหลับตาทุกครั้งที่ถูกข้าจูบ?

บริชน - ถ้าแกส่องกระจกก็จะรู้คำตอบได้เองแหละ

โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ดูไม่จืด

เหน่ง - ว่าที่แม่ยายของข้ามีริมฝีปากล่างแบะห้อยเชียว

ขาล - คงน่าเกลียดพิลึก

เหน่ง - ไม่หรอก ..... เผอิญโชคดีที่ริฝีปากบนของเค้ายานยวบลงมาคลุมได้หมดเลยว่ะ

โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ไร้เยื่อใย

ทองปลิว - ยัยเลขาฯ คนใหม่เป็นคนไม่น่าคบเลย เอาเปรียบมากๆ

โจทนา - เอาเปรียบยังไง?

ทองปลิว - ผมกะจะจีบเค้าสักหน่อย จึงชวนไปกินข้าวเย็น เค้าดันถามาได้ว่า พาแฟนไปด้วยผมจะรังเกียจมั้ย


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ตรงสเป๊ก

หนุ่ม - แต่งงานกับผมเถอะ ผมรักคุณมากจนไม่เคยมีผู้หญิงอื่นอยู่ในสายตา

สาว - โธ่..อ้อจะพูดยังไงนะคุณถึงจะยอมเข้าใจว่าอ้อไม่ได้รักคุณ คุณน่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยและฉลาด

หนุ่ม - ไม่... ผมไม่ต้องการผู้หญิงที่สวยหรือฉลาด ผมต้องการคุณคนเดียวเท่านั้น


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ชุดเดินทาง

นักมวยจากชนบทคนหนึ่ง มีความจำเป็นต้องรีบกลับภูมิลำเนาเดิมที่ขอนแก่น เขาจึงไปซื้อตั๋วเครื่องบินที่ดอนเมืองโดยไม่ได้สำรองที่นั่งล่วงหน้า

"คุณหนักเท่าไหร่คะ" พนักงานขายตั๋วถามเพราะที่นั่งเต็มหมด และหล่อนเกรงว่าเครื่องบินจะบรรทุกน้ำหนักเกิน

"แก้ผ้าหรือรวมเสื้อผ้าครับ" นักมวยไม่ทราบววัตถุประสงค์ของพนักงานขายตั๋วจึงย้อนถามตามความเคยชินที่ มักจะแก้ผ้าเกือบล่อนจ้อนชั่งน้ำหนักก่อนขึ้นชก

"ก้อคุณต้องการจะเดินทางชุดไหนยะ" พนักงานแว้ดเสียงฉุน


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

หมาสีไม้ดอก




หมาสีไม้ดอก

(15 คำในบทความ)
(26 คนอ่าน) หน้าเอกสารสำหรับเครื่องพิมพ์




ด.ช.โว - หมาบ้านเราขนสีกุหลาบด้วยล่ะ

ด.ช.คุย - อะไรกัน...เราเห็นที่บ้านนายเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ขนของมันสีขาวไม่ใช่หรือ?

ด.ช. โว - นั่นแหละๆ ..นายไม่เคยเห็นดอกกุหลาบสีขาวหรือไง


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

มองให้ไกล

พ่อ - โตขึ้นลูกอยากเป็นอะไร?

ลูก - เป็นหมอฮะ..หมอรักษาตา

พ่อ - ลูกเอ๋ย.. จะอยู่รอดในโลกนี้ได้ต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องมองให้กว้างและไกล ทำไมลูกไม่คิดที่จะเป็นหมอฟันล่ะ...ลูกรู้ไม่ใช่หรือว่าคนเรามีตาแค่ 2 ข้าง แต่มีฟัน 32 ซี่น่ะ


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ช่วยได้มั้ยล่ะ

บาทหลวงเฒ่ากับนักโทษที่ถูกพิพากษาประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า

"ลูกจะขออะไรพิเศษเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตมั้ย" บาทหลวงถามนักโทษอย่างมีเมตตา

"เอ้อ..ผมกลัว...ผมว้าเหว่" นักโทษฟูมฟายตัวสั่นงันงก "หลวงพ่อช่วยจับมือผมไว้ตอนที่เขาประหารผมได้มั้ย"


โดย ชาด โรดม
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ขว้างไม่พ้นมือ

ชาวพื้นเมืองอะบอริจินส์ในออสเตรเลียใช้ บูมเมอแรงเป็นอาวุธล่าสัตว์ นับเป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่ แต่คุณเคยรู้เรื่องของลูกชายหัวหน้าเผ่าเป็นบ้าเพราะบูมเมอแรงบ้างมั้ย.. สาเหตุเพราะเขาได้บูมเมอแรงอันใหม่เป็นของขวัญฉลองวัยเบญจเพสและเขาพยายาม ขว้างบูมเมอแรงอันเก่าทิ้งน่ะซี้.....


โดย ชาด โรดม
ตุลาคม พ.ศ. 2540

เบรกให้อยู่

ในงานเลี้ยงการกุศลที่เต็มไปด้วยบรรดาคุณหญิงคุณนายที่ชื่นชอบจัดงานออกทีวีหารายได้สนองกิเลสตนเอง

คุณนายร่างตุ้ยนุ้ยใส่เครื่องเพชรวูบวาบแพรวพราวพูดชมลูกชายวัยรุ่นของตน เองอย่างไม่อายปากว่า " ตาเบิร์ดของชั้นเป็นเด็กดีจริงๆ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เรียนได้เกรดเอทุกวิชา หายากนะ.. เด็กสมัยนี้ แถมยังมีกิริยาสุภาพเรียบร้อย"

คุณนายคอสั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ แย๊ปด้วยความหมั่นไส้เหลือหลายว่า "ได้ข่าวว่าชอบเข้าครัวทำกับข้าวและถนัดงานเย็บปักถักร้อยด้วยไม่ใช่หรือ คะ...คุณพี่..."


โดย ชาด โรดม
ตุลาคม พ.ศ. 2540

อภัยให้ได้

บังดุลย์ขายเนื้อสดอยู่ในตลาดสะพานควาย

ขณะที่เขากำลังชี้ชวนลูกค้าสาวให้ดูเนื้อสันในชิ้นอวบแดงอยู่นั้น คุณนายหุ่นพะโล้นางหนึ่งก็เดินรี่มาที่แผงพร้อมกับพูดเสียงเหนื่อยหอบว่า "เอาเศษเนื้อสำหรับหมาสัก 30 บาทซิ ขอเร็วๆหน่อยนะ"

บังดุลย์ยังไม่ทันกอบเศษเนื้อขึ้นตาชั่ง คุณนายหันไปบอกลูกค้าสาวที่ยืนมองด้วยสายตาตำหนิอยู่กลายๆว่า "หนู...ชั้นขอแซงคิวหน่อยนะ"

"อ๋อ..เชิญเลย" ลูกค้าสาวตอบยิ้มๆ "ถ้าคุณนายหิวซกขนาดนั้นล่ะก้อ...."


โดย ชาด โรดม
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ตึงสุดขีด

ด.ช.จ้อ - ได้ข่าวว่าพี่ชายนายหูตึงมากไม่ใช่หรือ

ด.ช.ท่อก - มากไม่มากไม่รู้ล่ะ .... เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาเพิ่งนั่งทับหมาที่บ้านตายไปตัวนึง


โดย ชาด โรดม
ตุลาคม พ.ศ. 2540

วนกลับที่เดิม

แม่พูดกับลูกชายวัย 6 ขวบ

แม่ - ลูกต้องพยายามหมั่นกินยอดซุปไก่นี่วันละขวดนะจ๊ะ

ลูก - ไม่เอาฮับ กลิ่นเหม็นคาวจะตายไป

แม่ - กินเถอะ ..ถ้าลูกกินได้วันละขวด แม่จะให้รางวัลโดยหยอดเงินใส่กระปุกออมสินให้ลูกวันละ 5 บาท

ลูก - ถ้ากระปุกเต็ม..ลูกจะเอาไปซื้ออะไรดีหว่า?

แม่ - ซื้อยอดซุปไก่นี่สิ....ลูก


โดย ชาด โรดม
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ต้นหญ้าวิเศษ

ชายผู้หนึ่งหลงกลิ่นเงินตรายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

วันหนึ่ง เขาถูกเพื่อนหลอกโดยให้ใบหญ้าเรียวยาวแก่เขาแล้วกระซิบกระซาบว่า "จุ๊ย์..จุ๊ย์... นี่คือหญ้าวิเศษ ตราบใดที่แกถือไว้ในมือ ไม่ว่าจะทำอะไร รับรองไม่มีใครมองเห็นตัวแกหรอก"

เขาเชื่อเพื่อนทุกคำพูด

เขาถือหญ้าวิเศษไปที่ตลาด และเห็นถุงเงินเหน็บอยู่ที่เอวของชายร่างใหญ่ เขาเดินเฉียวเข้าไปใกล้ เอื้อมมือกระตุกถุงเงินยัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองอย่างหน้าตาเฉย

ชายร่างใหญ่รู้ตัวว่าถูกแย่งเงินไปต่อหน้าต่อตา ความโกรธจัดทำให้เขาซัดขโมยเสียหลายพลั่ก แต่ทั้งๆที่เจ็บแสนเจ็บ ขโมยผู้แสนซื่อยังอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า "ฮิ...ฮิ... ไอ้เบิ้มเอ๊ย แกทุบข้าได้ทุบไป ข้าไม่กลัวแกหรอก เพราะถึงยังไงแกก็มองข้าไม่เห็นว่ะ"


จาก ต่วยตูน
ตุลาคม พ.ศ. 2540

อเมริกันแท้

เจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองของอเมริกา ออกตระเวณจับคนต่างชาติที่ลักลอบทำงานอยู่ในนครลอสแองเจลิส

เมื่อเข้าไปในภัตตาคารแห่งหนึ่ง เขาสุ่มตัวอย่างด้วยการถามบ๋อยหนุ่มผิวขาวซีดว่า "เฮ้...ยูสัญชาติอะไร"

"อเมริกัน" บ๋อยหนุ่มตอบอย่างไม่มีพิรุธ

"อเมริกันแน่เรอะ" เจ้าหน้าที่ถามย้ำ "ร้องเพลงชาติอเมริกาได้มั้ย"

"ไม่ได้" บ๋อยตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน "จำเนื้อร้องไม่ได้หมด"

"โอเค..." เจ้าหน้าที่พูดยิ้มๆ "ไอเชื่อแล้วว่ายูเป็นอเมริกันจริงๆ กลับไปทำงานต่อได้"


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

กำลังเป็นหวัด

คุณขลิบเพชรไปทัศนาจรเกาหลีช่วงที่อุณหภูมิลบ 5 องศาพอดี

อากาศเย็นยะเยือกทำให้เขาไปไหนไม่ได้ ต้องนั่งละเลียดเหล้าอยู่ในคอฟฟี่ช็อปโรงแรมทั้งวันตั้งแต่สายยันค่ำ และในตอนค่ำนั้นเอง เขาก็ปักศรรักเสียบอกสาวเสิร์ฟร่างบึ๊บบั้บได้สำเร็จ

เขาพาสาวอารีดังขึ้นห้องพักชั้น 48 แล้วไม่รอช้ารีบจัดการกับเสื้อผ้าตัวเอง ในขณะที่สาวเจ้าก็รู้หน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดี เพียงชั่วอึดใจเดียว ทั้งสองหนุ่มสาวก็อยู่ในชุด "แม่ให้มา"

ทั้งคู่เดินประคองกอดไปที่เตียง ทันใดนั้น ฝ่ายหญิงก็ถามขึ้นเขินๆว่า "เอ้อ...คุณจะไม่ถอดรองเท้าออกก่อนหรือ"

"ถอดได้ยังไง" หนุ่มไทยตอบเสียงสั่นด้วยความหนาว "อากาศหนาวตายชักยังงี้ ขืนถอดก็หวัดกินตายน่ะซี้"


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ตอบตามที่รู้

ในห้องเรียนชั้นประถม คุณครูสาวกำลังสอนเรื่องเอกพจน์และพหูพจน์

"เด็กหญิงคนหนึ่งยืนข้างเสาไฟฟ้าริมฟุตบาธ" คุณครูถาม "ประโยคนี้เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เด็กชายจ้อน"

"เอกพจน์ฮะ" เด็กชายจ้อนตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด

"ดีมาก" ครูชมยิ้มๆ "ทีนี้ ...ถ้าผู้หญิงสามคนยืนข้างเสาไฟฟ้าริมฟุตบาธล่ะ .... เป็นอะไรเด็กชายโก้"

"เอ้อ...." เด็กชายโก้มีอาการอึกอักก่อนจะพูดพรวดพราดออกมาทั้งประโยคว่า "เป็นผู้หญิงอย่างว่าฮับ"


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

จำเป็นต้องอาย

หมอหนุ่มบอกกับสาววัยกระเตาะที่มีอาชีพเป็น "นวลนางในอ่างน้ำ" และมาให้เขาตรวจหาเชื้อเอดส์ว่า "คุณช่ยถอดเสื้อผ้าออก แล้วไปนอนรอผมที่เตียงตรวจได้เลย"

"เอ้อ...ง่า" สาวเจ้ามีท่าทางเขินอาย

"อะไรกัน...ทำยังกะไม่เคยเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้ชายมาก่อนเลยหรือไง" หมอหนุ่มชักจะอารมณ์เสียเพราะยังมีคนไข้รออยู่อีกตั้งโขยง

"เคน...เคยค่ะ" หมอนวดสาวอายหน้าแเดง "แต่ติ๋มไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าคุณหมอมาก่อนนี่คะ"


โดย อาร์ม อิศรัช
ตุลาคม พ.ศ. 2540

SIZE (ขนาด)

ชายคนหนึ่งเข้าไปในร้านขายสัตว์เลี้ยง เขาชี้ไปที่สุนัขตัวใหญ่ ซึ่งอยู่ในกรงของมันละถาม

"หมาตัวใหญ่นั่นราคาเท่าไหร่?"

"ห้าสิบดอลลาร์ครับ" คนขายตอบ

"แล้วไอ้ตัวเล็กโน่นล่ะ ราคาเท่าไหร่?" ลูกค้าถามอีก

"หนึ่งร้อยดอลลาร์ครับ" เป็นคำตอบ

"ทีนี้ไอ้ตัวกระจิ๋วนั่นล่ะ เท่าไหร่?"

"สองร้อยดอลลาร์ครับ" คนขายบอก

ลูกค้าชักงง "เอ.... " เขาร้องออกมา "นี่ถ้าผมไม่ซื้อหมาซักตัว ผมจะต้องจ่ายเท่าไหร่?"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

เสื้อยกทรง

ชายคนหนึ่งเข้าไปในร้านขายเครื่องชั้นในสตรี และบอกผู้ขายว่า ต้องการจะซื้อเสื้อยกทรงให้แก่ภรรยา

"ขนาดเท่าไหร่คะ?" คนขายถาม

"เจ็ดนิ้วครึ่ง" เขาตอบ

"ขอโทษเถอะค่ะ" เธอพูดอย่างนอบน้อม "เสื้อยกทรงน่ะเขาวัดขนาดกันเป็นสามสิบสี่หรือสามสิบหก และทรงขนาด เอ. หรือ บี หรือ ซี....."

"ไม่ใช่ครับ" เขาว่า "ผมรู้ขนาดของเธอดี ผมต้องการเจ็ดนิ้วครึ่งอย่างที่บอก"

"แต่..." เธอพูด "คุณได้ตัวเลขนี้มายังไงคะ?"

"ผมก็วัดมานะซี"

"ด้วยอะไรคะ"

"ก็ด้วยหมวกของผมไง ทำไมเหรอ?"

โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ถุงใส่มะเขือเทศ

ในซูเปอร์มาเก็ต ผู้หญิงคนหนึ่งวางถุงใส่มะเขือเทศห้าใบลงบนเคาน์เตอร์พนักงานชั่งน้ำหนัก ทีแรกพนักงานผู้นั้นก็ยกขึ้นชั่งทั้งถุง แต่แล้วใครๆที่เห็นก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเธอให้เอามะเขือเทศออกจากถุงมาชั่งทีละใบ

"อ้าว... ทำไมไม่ชั่งรวมกันไปล่ะ?" ลูกค้าอื่นที่รออยู่ถาม

"ทำงั้นได้ไง ก็ขนาดมันไม่เท่ากัน" เธอตอบ


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

SKYWRITING (การเขียนหนังสือกลางอากาศด้วยสรเคมีจากเครื่องบิน)

"พ่อต้องการให้ผมเป็นนักบิน แต่ผมอยากเป็นนักเขียน เราประนีประนอมกัน ผมเลยกลายเป็นนักเขียนหนังสือกลางอากาศด้วยสารเคมีจากเครื่องบิน"


* * "วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ตื่นอยู่ได้ขณะฟังการปราศรัยหลังอาหารมื่อค่ำก็คือ เป็นผู้พูดเสียเอง"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

SLEEP (การหลับ)

เช้าวันอาทิตย์อันอบอุ่นวันหนึ่ง ท่านบาทหลวงสังเกตเห็นว่าในจำนวนผู้มาฟังการแสดงธรรม มีชายคนหนึ่งเริ่มนั่งโงก และอีกสอง-สามนาทีต่อมาเขาก็หลับ

ด้วยความคิดที่จะให้ผู้มาฟังธรรมะอยู่ในระเบียบอันดีงาม ท่านบาทหลวงจึงพูดเบาๆว่า "ใครต้องการสวรรค์ ยืนขึ้น"


ทุกๆคนลุกขึ้นยืนนอกจากสมาชิกที่ม่อยหลับด้วยความสุข หลังจากที่พวกที่ลุกขึ้นยืนได้นั่งลงแล้ว ท่านบาทหลงก็ตะโกนว่า "ใครต้องการไปนรกยืนขึ้น!"


แน่นอน ชายคนที่นั่งหลับตกใจเผ่นขึ้นยืนทันที และเมื่อเห็นว่าเขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ลุกขึ้นยืน เขาก็หันไปทางท่านบาทหลวง

"กระผมไม่ทราบหรอกครับว่าเราลงคะแนนเสียงกันเรื่องอะไร" เขาพูด "แต่ดูเหมือนว่าท่านกับผมอยู่ฝ่ายเสียงข้างน้อยนะครับ!"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

นอนไม่หลับ

เออร์วิง เบอร์ลิน ผู้อ้างว่านอนไม่ค่อยหลับมาเป็นเวลา 32 ปี แล้ว ได้ไปพักผ่อนที่เบอร์มิวดาตามคำเชิญของเออร์วิน ฮอฟแมน

เช้าวันหนึ่ง ฮอฟแมนสังเกตเห็นแขกรับเชิญของเขาหน้าตาสดใสกว่าเคย เขาจึงถามเมอร์ลินว่าเมื่อคืนนอนหลับได้ดีหรือ

"ใช่... ผมหลับได้ แต่ก็ยังดันฝันว่านอนไม่หลับ" เขาตอบอย่างขมขื่น


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ฝนตกฟ้าคะนอง

สองสหายพักอยู่ในห้องชุดร่วมกัน คืนหนึ่งตอนดึกมีฝนตกหนัก เช้าวันรุ่งขึ้น คนหนึ่งจึงถามว่า "เมื่อคืนนายได้ยืนเสียงฝนตกไหม โอ้โฮ....ฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหว พายุก็พัดแรงชะมัด"

เฮ้ย! แล้วทำไมนายไม่ปลุกฉันวะ?" อีกคนหนึ่งว่า "นายก็รู้นี่นาว่าฉันนอนไม่ได้เวลามีฝนตกฟ้าคะนอง"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

SLEEPING PILL (ยานอนหลับ)

ชายคนหนึ่งอายุราว 65 ปี อธิบายอาการของตนกับนายแพทย์ว่า เขาเพิ่งแต่งงานกับสาวสวยอายุ 20 ปีเศษ แต่โชคร้ายจริงๆ พอถึงเวลาเข้านอนแทนที่จะได้ทำอะไรกันให้สุขสม เขากลับผล็อยหลับไปก่อนเสียทุกที

แพทย์จีงเขียนใบสั่งยาให้ ชายสูงอายุหน้าชื่นขึ้นมาทันทีขณะเอ่ยถาม "คุณหมอ หมายความว่าต่อไปนี้ผมจะสามารถ...."


"ไม่ใช่...ไม่ใช่ครับ " หมอขัดขึ้นทันที " เรื่องพรรค์นั้นน่ะผมช่วยไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยที่สุดยานี้จะช่วยให้เธอหลับไปด้วย"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

SMOKE SIGNAL (สัญญาณควัน)

อินเดียนแดงในทะเลทรายเนวาดากำลังส่งสัญญาณควัน ทันใดนั้นในบริเวณใกล้ๆกันก็มีการทดลองระเบิดปรมาณูเกิดเมฆควันรูปดอกเห็ดมหึมา

อันเดียนแดงรีบส่งสัญญาณถามโดยเร็ว

"นั่นแกเจ็บปวดเรื่องอะไรวะ?"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

SMOKING (การสูบบุหรี่)

"นี่คุณ" สตรีท่าทางแกร่งกล้าคนหนึ่งพูดกับผู้ชายแปลกหน้าซึ่งนั่งติดกับเธอในขบวนรถไฟ "กสนสูบบุหรี่ทำให้ฉันไม่สบายรู้ไหม"

"งั้นหรือครับ คุณผู้หญิง" ชายแปลกหน้าพูด "ถ้าผมเป็นคุณผมจะเลิกสูบบุหรี่"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

สัญญากับแม่นะว่าเมื่อลูกเริ่มสูบบุหรี่

เมื่อลูกชายมีอายุครบสิบเจ็ดปี แม่ก็ขอร้อง "สัญญากับแม่นะว่าเมื่อลูกเริ่มสูบบุหรี่ จะต้องบอกให้แม่รู้ อย่าให้แม่รู้จากเพื่อนบ้านเป็นอันขาด"

"อย่าห่วงเลย แม่" ลูกชายตอบ "ผมเลิกสูบบุหรี่มาตั้งปีนึงแล้วฮะ"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

โถที่อยู่บนเตาผิง

ผู้มาเยี่ยมหันมาทางสตรีเจ้าของบ้าน "ต๊าย-ตาย โถที่อยู่บนเตาผิงของคุณนั่นสวยจริงๆนะคะ ข้างในมีอะไรคะ"

"เถ้าของสามีดิฉันค่ะ"

"โอ....เสียใจด้วยค่ะ" ผู้มาเยี่ยมว่า "เขาเสียชีวิตไปนานเท่าไหร่แล้วคะ?"

"อ๋อ...ยังค่ะ เขายังไม่ตาย" ผู้เป็นเจ้าของบ้านบอก "เขาเพียงแต่ขี้เกียจหสที่เขี่ยขี้เถ้าบุหรี่ เลยเขี่ยไว้ในนั้นน่ะค่ะ"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

กลิ่นยาสูบ

นักเทศน์หนุ่มคนหนึ่งเข้าไปยังกลุ่มชนซึ่งตั้งถิ่นฐานบ้านช่องอยู่ในที่ ห่างไกล และเริ่มจะปฏิรูปคนพื้นเมืองเหล่านั้น สิ่งหนึ่งที่เขาจะขัดขวางก็คือ การสูบบุหรี่ของผู้หญิง วันหนึ่งเขาไปยังกระท่อมของป้าแนนซี่และพบคุณป้ากำลังสูบกล้องที่ทำด้วยซัง ข้าวโพดอย่างเพลิดเพลินตอนหลังอาหารมื้อเย็น

"ป้าแนนซี่" เขาพูดขึ้น "เมื่อถึงวันที่ป้าตาย และได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังประตูสวรรค์ ป้าคิดหรือว่าเซนต์ ปีเตอร์ จะยอมให้ป้าเข้าไปข้างใน เมื่อท่านได้กลิ่นยาสูบจากลมหายใจของป้า"

หญิงสูงอายุดึงกล้องยาสูบออกจากปากและว่า "พ่อหนุ่ม เมื่อป้าได้ขึ้นสวรรค์น่ะ ป้าไม่ได้เอาลมหายใจขึ้นไปด้วยหรอกนะ"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

SMOOTH MUSCLE (กล้ามเนื้อเรียบ อยู่นอกอำนาจบังคับของจิตใจ)

หนุ่มอเมริกันคนหนึ่งไม่อยากโดนคัดเลือกเข้าเป็นทหาร ขณะเปลือยกายให้แพทย์ตรวจสุขภาพ เขาอ้างกับแพทย์ว่าสายตาของเขาเลวมาก อ่านตัวหนังสือบนแผ่นตรวจสายตาไม่เห็นเลย แพทย์กระซิบกับพยาบาลสาวสวยผู้ทำท่าอึกอักแล้วก็หายออกไปข้างนอกราวสอง-สาม นาที และกลับเข้ามาโดยร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า

"ตอนนี้เห็นอะไรไหม?" แพทย์ถาม

"ไม่เห็นอะไรเลยครับ" เขาตอบ

แพทย์กระซิบกับพยาบาลอีก คราวนี้เธอกลับเข้ามาในชุดวัเกิดเลยทีเดียว

"ไง...ตอนนี้เห็นอะไรไหม?" แพทย์ถาม

"ไม่เห็นอะไรเลยครับ" ชายหนุ่มตอบ

"เอาล่ะ คุณน่ากลัวจะสายตาสั้นมากแบบมีเรดาร์ในตัวแฮะ" แพทย์สรุป "เพราะอาวุธประจำตัวของคุณมันเล็งตรงไปตะวันออกกลางแล้วนี่ อย่างนี้เป็นทหารได้"


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

ของแถม

คำถาม - "อะไรเอ่ย มีแต่มากขึ้นไม่มีน้อยลง?"

คำตอบ - "อายุ"


* * *

ถ้าพี่ขอน้องแต่งงาน น้องจะตอบยังไงเอ่ย?

น้องคงไม่ตอบหรอกค่ะ เพราะไม่สามารถพูดกับหัวเราะได้ในเวลาเดียวกันค่ะ


* * *

พรุ่งนี้ถ้าต้องการให้คนธรรมะธรรโมหัวเราะ จงเล่าเรื่องเดอร์ตี้โจ๊กให้เขาฟังเสียแต่วันนี้


* * *

"ผู้หญิงชุดแดงที่นั่งโต๊ะข้างๆ เราท่าทางฉลาดน่าดู"

"ข้ารู้แล้ว- เพราะเจ้าหล่อนก็ไม่เคยชม้ายตามองข้าเหมือนกัน"


* * *

สุษาภิต- คนยากไร้ย่อมไร้พักผ่อน


โดย พล.ต. เลิศ กำแหงฤทธิ์รงค์
ตุลาคม พ.ศ. 2540

สีโฆษก

"ในแต่ละสมัย รัฐบาลจะตั้งโฆษกมาเพื่อคอยแถลงหรือประกาศข่าวแทนรัฐบาล เพื่อเป็นการจำโฆษกง่ายๆ ก็ตั้งฉายากันเอาเองเป็นอันว่ารู้จักกันทั่ว" ครูสังคมบรรยายให้นักเรียนเข้าใจ

ครู - "ทำไมเขาเรียกนายไตรรงค์ว่า โฆษก 3 สี ประกอบตอบครูหน่อย"

ประกอบ - " ไตรแปลว่า สามครับ รงค์แปลว่าสีครับ รวมกันก็สามสีครับ"

ครู - "เออเก่ง นั่งลง...เอ้า สุเมธ แล้วนายมีชัยล่ะ ทำไมเขาถึงเรียกกัน 7 สี"

สุเมธ - "มีชัยขายถุงยางอนามัย 7 สีครับ"

ครู - "ถูกต้อง แล้วลดาวัลดิ์ล่ะ ประคองเธอว่ามีกี่สี"

ประคอง - "สองสีครับครู"

ครู - "เธอรู้ได้ไง"

ประคอง - "วงสีวงครับครู"


จากทมิฬ
มกราคม พ.ศ. 2535

สวรรค์ไม่แฟร์

คุณมงคล กับคุณกำแหง สองเกลอผู้มีความแตกต่างราวกับขาว-ดำ คุณมงคลนั้นถือศีล 5 ตลอดชีวิต ในขณะที่คุณกำแหงพัวพันกับอบายมุขทุกรูปแบบ

ทั้งคู่มีอันมาถึงจุดจบพร้อมๆกัน คุณมงคลได้ขึ้นสวรรค์ไปตามวิถี ในขณะที่คุณกำแหงถูกพาไปลงนรก

แต่ที่นรกนั้น คุณกำแหงพบว่ามันสบายกว่าที่คิด ทุกๆวัน คุณกำแหงจะตื่นขึ้นมาทำงานวันละ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เวลาที่เหลือก็นอนเล่นตีพุงได้สบาย

วันหนึ่งขณะว่างงาน เลยนึกถึงคุณมงคลขึ้นมาได้ คุณกำแหงเลยหมุนโทรศัพท์ถึงคุณมงคลบนสวรรค์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

คุณมงคลรำพันมาตามสายโทรศัพท์ว่า

"กันเหนื่อยเหลือเกินแล้วพวก ทุกเช้าต้องส่งพระอาทิตย์ขึ้นฟ้า เย็นก็ต้องคอยดึงลงมา แล้วโยนดาวขึ้นไปแทน ต้องจัดการให้เมฆลอยฟ้า เทน้ำลงไปให้เป็นฝน งานแบบนี้ไม่มีเวลาหยุดพักเลย เหนื่อยจนจะขาดใจอยู่แล้ว

คุณกำแหงได้ฟังเพื่อนบ่นเช่นนั้น เลยถามเพื่อนไปว่า

"งานมากมายขนาดนี้ แกทำอยู่คนเดียวหรือ"

"ก็ไม่เชิงหรอกเพื่อน แต่บนสวรรค์มีคนอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น " คุณมงคลตอบคำถามที่คุณกำแหงได้ยินแล้วดีใจที่ได้อยู่ในนรกที่เนืองแน่นไป ด้วยผู้คน


จาก นรกเจ๋งกว่า
มกราคม พ.ศ. 2535

ปากหอย-ปากปู

"เห็นลูกชายยายศรีหรือยัง หน้าแกเหมือนปู่ไม่มีผิด"

"เห็นไหมล่ะ ฉันเคยบอกแล้วว่ายายนี่น่ะ ไวไฟ ดูซิพ่อผัวแท้ๆยังไม่เว้นเลย"


จาก อนุรักษ์
มกราคม พ.ศ. 2535

หมดทาง

เลขา 1 - "ฉันว่าฉันลาออกจากบริษัทดีกว่า เพราะดูๆแล้ว ฉันไม่มีอนาคตเลย"

เลขา 2 - "อ้าว! ทำไมล่ะ สถานการณ์มันแย่มากเลยรึไง"

เลขา 1- "ยอดแย่เลยล่ะ เพราะเจ้านายฉันเขาแต่งงานแล้ว แถมยังมีอนุภรรยาเรียบร้อยแล้วซะอีก แบบนี้ฉันจะหวังอะไรได้อีกล่ะ"


จาก นอร์ติลุส
มกราคม พ.ศ. 2535

รอบคอบกว่า

สมบัติกับสมภพกำลังจะลงจากรถเมล์เข้าบริษัท ก็ปรากฏว่าฝนเริ่มตกพอดี สมบัติพกร่มมา จึงกางร่มกับตัวเองให้สมภพแล้วลงจากรถเมล์ด้วยกัน เมื่อถึงบริษัทแล้วสมบัติก็คุยว่า

"เมียผมนี่รอบคอบจริงๆ เมื่อเช้านี้เธอมองดูท้องฟ้าแล้วบอกว่าฝนต้องตกแน่ๆ เลยให้ผมพกร่มมาด้วย เราทั้งคู่ถึงไม่เปียกไง"

"สู้เมียผมไม่ได้หรอก" สมภพคุยตอบ "เพราะเมื่อเช้านี้เหล่อนก็เห็นว่าฝนจะตกเหมือนกัน แต่หล่อนบอกผมว่าผมไม่ต้องเตรียมร่มไปหรอก เพราะยังไงๆ คุณสมบัติก็ต้องเอาร่มมาด้วยอยู่แล้ว"


จาก คันทวน

มกราคม พ.ศ. 2535

น้ำผลไม้

นักเรียนชายในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง ขอจัดงานเลี้ยงในหอพัก ครูผู้คุมหอก็อนุญาต โดยห้ามนำเหล้ามาดื่มด้วย ซึ่งนักเรียนก็รับปากเป็นอันดี แต่พอถึงวันงานเข้าจริงๆ ปรากฏว่าเหล่านักเรียนต่างก็เมามายเป็นการใหญ่ ครูจึงถามว่า

"ทำไมพวกเธอผ่าฝืนเอาเหล้าเข้ามากินหา!"

"พวกเราไม่ได้กินเหล้าสักหยดเลยนะครับ" นักเรียนเอ่ยแก้ตัว "ที่เรากินก็แค่น้ำองุ่น น้ำสตรอเบอรี่ และน้ำอ้อย แต่พวกเราคงทิ้งมันไว้นานไปหน่อย น้ำองุ่นก็เลยกลายเป็นแชมเปญ น้ำสตรอเบอรี่กลายเป็นไวน์ และน้ำอ้อยกลายเป็นรัมไปแล้วน่ะครับ"


จาก คันทวน
มกราคม พ.ศ. 2535

หนาวจริงๆ

เซอร์มิสถูกส่งไปเมืองๆหนึ่งของไซบีเรีย พอไปอยู่ได้สามเดือน เขาก็โทรศัพท์กลับไปบ่นให้ไคเชน เพื่อนที่มอสโกฟังว่า

"ที่นี่หนาวจริงๆว่ะ ขนาดว่าทุกบ้านที่มีไฟฟ้าใช้ จะต้องเปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้ แล้วทุกคนในครอบครัวก็ไปนั่งสุมกันหน้าตู้นั่นแหละ"

"อะไรกัน! แกพูดผิดรึเปล่า ทำไมทุกคนต้องไปนั่งสุมกันเพื่อรับไปเย็นจากตู้เย็น ถ้าอากาศหนาวจัดอยู่แล้วน่ะ" ไคเชนถาม

"ก็เพราะว่าอากาศหนาวจัดจริงๆน่ะสิ" เซอร์มิสอธิบาย " ตู้เย็นสำหรับเมืองของข้าก็เลยเหมือนฮีทเตอร์ให้ไออุ่นอย่างดีเลยล่ะ"


หมอราชานุกูล
มกราคม พ.ศ. 2535

ความผิดพลาด

หนุ่มฟอลล์เวย์ยืนกระสับกระส่ายรอรถไฟที่ชานชลา สองแขนโอบอุ้มทารกน้อยสองคนไว้คนละข้าง

หญิงชราผู้หนึ่งเห็นเข้าก็อดกราบเข้ามาชื่นชมความน่ารักของเด็กไม่ได้

"ชื่ออะไรล่ะคะ" หล่อนหยอกล้อกับทารก

ฟอลล์เวย์ได้แต่ยิ้ม

"ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ?" หญิงชราซักต่อ

"ไม่ทราบซิครับ" ฟอลล์เวย์กลั้นใจตอบอย่างสุภาพ

"คุณเป็นพ่อประสาอะไรกันนี่ ถึงไม่รู้ว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย"

หล่อนเหน็บแนม "แถมยังไม่รู้ชื่อซะอีกด้วย"

"คือว่า... เออ ... ผมไม่ใช่พ่อของเด็กหรอกครับ" ฟอลล์เวย์ชี้แจง

"ผมเป็นตัวแทนจำหน่ายถุงยางอนามัย แล้วเด็กนี้....เออ.... เป็นผลจากความผิดพลาดของสินค้า ซึ่งผมต้องเอาไปแสดงเป็นหลักฐานที่โรงงานครับ"


จากสาระ
มกราคม พ.ศ. 2535

ใหม่ก็แล้วกันน่า

ลูกศร 1 - "โอ้โฮ รถใหม่ ใหม่เอี่ยมเลย คงแพงบรรลัยซิเนี่ย แฟนเธอได้งานใหม่เรอะไง"

ลูกศร 2 - "เปล่าน่า อย่าอึงไป ฉันเปลี่ยนผัวใหม่ตะหาก"


จาก เนาวรัตน์
มกราคม พ.ศ. 2535

อนาคตลูกๆ

..พ่อแม่ซึ่งมีลูก 5 คน นั่งปรึกษาหารือกันถึงอนาคตของลูกที่กำลังเรียนหนังสือใกล้จบมัธยม

แม่ - "ไอ้ศักดิ์ลูกคนโตมันมีนิสัย พูดอย่างทำอย่าง หาความจริงไม่ได้ แต่มันหัวดี พูดเก่ง พ่อว่ามันควรจะเอาดีทางไหน"

พ่อ - "อืม! ไอ้นี่ต้องวางแนวให้มันเป็นนักการเมือง สมัคร ส.ส. ไปโลดแน่"

แม่ - "ไอ้สิทธิ์คนที่สองมันมีนิสัยชอบพูดขาวให้เป็นดำ ดำเป็นขาว กะล่อนหสตัวจับยาก แต่ก็หัวดีเหมือนกัน เอาดีทางไหนล่ะ"

พ่อ - "ไอ้นี่ต้องเป็นทนายที่ดีแน่"

แม่ - "ไอ้เสริฐคนที่สาม มีนิสัยชิบพูดข่มขู่คน วางอำนาจ ไถเงินพี่น้องเป็นประจำ เวลาเล่นอะไรก็ชอบใช้กำลังเตะต่อย"

พ่อ - "ไอ้นี่ต้องเป็นตำรวจแน่"

แม่ - นังสมศรี คนที่สี่นี่ นิสัยขี้เกียจ เช้าชามเย็นชาม ชอบปัดความรับผิดชอบให้คนอื่น ขี้นินทา ชอบแต่นั่งแต่งตัวกินจุบกินจิบได้ทั้งวัน ขาดความรับผิดชอบ ชอบขอเงินไปโรงเรียนเพิ่มเป็นประจำ แต่มันดีตรงที่มันประจบพ่อแม่เก่ง"

พ่อ - "นางนี่ชัดเลย รับรับการเจริญแน่"

แม่ - "ไอ้สมบัติคนที่ 5 นี่ซิ มีนิสัยชอบพูดจริงทำจริง เป็นคนตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์ นิสัยดีกว่าเพื่อน"

พ่อ - " อา! คนนี้ซิน่าเป็นห่วงอนาคต ...เพราะหาอาชีพให้มันไม่ได้ ...." พูดจบพ่อก็ถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง


จาก ขาใหญ่
มกราคม พ.ศ. 2535

ได้ดีจนได้

....นายหนุ่มเป็นคนที่ชอบพูดเพ้อเจ้อ ซ้ำๆซากๆ ไร้สาระไปวันๆจนพี่น้องเพื่อนฝูงพากันเบื่อหน่าย ว่านายหนุ่มจะไปทำมาหากินอะไรได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนฝูงได้พบกับนายหนุ่ม ต่างพากันแปลกใจ เพราะฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก จึงพากันไต่ถามว่าไปทำงานที่ไหน จึงทราบว่านายหนุ่มประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ประพันธ์เพลงให้กับวงนัก ร้องวัยรุ่นสมัยใหม่สังกัดบริษัทเทปยี่ห้อดังๆในปัจจุบัน และยังถูกบริษัทต่างๆดึงตัวให้ไปเป็นผู้แต่งเพลงอีกหลายวง เพราะความที่แกเป็นคนแต่งเพลงได้ไร้สาระ ซ้ำซากถูกใจวัยรุ่น


จาก ขาใหญ่
มกราคม พ.ศ. 2535

ยังไม่ได้ใช้

คุณแสวง ซื้อที่ดินสร้างสุสานอย่างสวยงามให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ภรรยาตามธรรมเนียมจีนที่ซื้อสุสานก่อนได้ไม่ถือเป็นการแช่ง

หนึ่งปีผ่านไป คุณแสวงไม่มีของขวัญวันเกิดให้ภรรยาอีกเลย เมื่อเธอโวยวายคุณแสวงตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า

"ทำไมต้องฟุ่มเฟือยด้วยล่ะ ของขวัญที่ฉันให้เธอปีก่อน เธอยังไม่ได้ใช้เลยสักนิด"


จาก เจ๋งเป้ง
มกราคม พ.ศ. 2535

ชื่อไม่เหมาะกับอาชีพ

ประกาศโรงแรมม่านรูด

ต้องการพนักงานต้อนรับแขก ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี สามารถพูดได้หลายภาษา รายได้งาม

หมายเหตุ คนชื่อเต๊กไม่รับ

ฝ่ายธุรการโรงแรม


จาก อนุรักษ์
มกราคม พ.ศ. 2535

สาหัสแน่

คนไข้คนหนึ่งถูกหามมาโรงพยาบาลด้วยอาการเลือดไหลออกจากปากไม่หยุด หมอจึงซักว่าเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นแบบนี้

"ผมกำลังแสดงมายากลอยู่ครับ แล้วก็เผลอจามออกมาทีหนึ่ง" คนไข้เล่าสาเหตุ

"อะไรกัน! แค่จามทีเดียว ไม่น่ามีอาการรุนแรงขนาดนี้นะ" หมอตรวจคนไข้ดู ก็พบว่ามีแผลหลายแห่งในท้อง

"คือตอนที่จามน่ะผมกำลังกลืนดาบยาวเข้าไปสุดเล่มพอดีเลยครับ" คนไข้เล่าเสียงอ่อย


จากนครินทร์
มกราคม พ.ศ. 2535

งานนี้ดีกว่า

สามีภรรยาคู่หนึ่งเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงานในโรงแรมใหญ่ ซึ่งมีห้องที่กำลังจัดงานแต่งงานอยู่หลายห้อง พอฝ่ายภรรยาเห็นหน้าเจ้าสาวก็รีบสะกิดบอกสามีว่า

"คุณๆ เราเข้ามาผิดห้องแล้วล่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ไม่ใช่เพื่อนเราซะหน่อย"

"เงียบเถอะน่า" สามีรีบปรามภรรยา "ของขวัญแต่งงานก็ให้เขาไปแล้ว จะไปทวงคืนได้ยังไง และที่สำคัญ งานแต่งงานของไอ้เชิดเพื่อนเรามันเลี้ยงแค่บุฟเฟ่ต์เท่านั้นเอง สู้งานเลี้ยงโต๊ะจีนแบบที่เรากำลังกินอยู่ตอนนี้ไม่ได้หรอก"


เอ๊ดดี้แบร์

มกราคม พ.ศ. 2535

ไม่ล้อก็เหมือนล้อ

ชายสองคนคุนกันทางโทรศัพท์อย่างมันในอารมณ์ปนเครียดนิดๆ

ชาย 1 - "บรรหารไม่อยู่เหรอ ให้เขาจัดการเองก็แล้วกัน"

ชาย 2 - "บรรหารไม่ไหวมั้ง อีกอย่างคิดว่าไม่อยู่ ติดธุระมาไม่ได้"

ชาย 1- "อย่างนั้น ให้เฉลิมเคลียร์แทนได้"

ชาย 2 - "โอ๊ย! เฉลิมยิ่งแล้วใหญ่ เอาตัวแทบไม่รอดอยู่แล้ว นี่พึ่งจะกลับจากนอก ไม่ไหวหรอก"

ชาย 1 " เอ.....ทำไงดีล่ะ อ้อ....นึกออกแล้ว.. ให้น้าชาติชายไปพูดและทำความเข้าใจกันเอง"

ชาย 2 " ไม่ได้นะ เดี๋ยวนี้น้าชาติเขาวางมือจากงการไปแล้ว"

ชาย 1 "ใครจะเคลียร์เรื่องนี้ได้ดีน้า ติดต่อน้องสุแล้วหรือยัง เห็นหน้าตาและบุคลิกดีนี่ อีกอย่างดวงกำลังขึ้น"

ชาย 2 "ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด น้องสุเดี๋ยวนี้มองตาไม่เห็นตีนกับใครอีกแล้ว"

ชาย 1 "แล้วจิ๋วล่ะ"

ชาย 2 " โธ่เอ๊ย! พี่จิ๋วยิ่งดวงกำลังตกอยู่ นี่ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ไหนต้องแปลไทยเป็นไทยให้คนอื่นอีก เสียเวลาเปล่าไม่ได้เรื่องแน่"

ชาย 1 "เอางี้ ไปหาจ๊อด ฉายากาวใจก็แล้วกัน"

ชาย 2 "ครับ ครับ ผมจะไปขอร้องพี่จ๊อดดู"


หมายเหตุ - บรรหาร หมายถึง บรรหาร ศิษย์หอมหวล (ลิเก)

เฉลิม หมายถึง เฉลิมพล มาลาคำ (นักร้อง)

ชาติชาย หมายถึง ชาติชาย เชี่ยวน้อย (นักมวย)

น้องสุ หมายถึง สุนารี ราชสีมา (นักร้อง)

พี่จิ๋ว หมายถึง นภา เกียรติวันชัย (นักมวย)

ส่วนจ๊อดไม่รู้จะหมายถึงใคร บ.ก. คอยหลบฝ่ามือพิฆาตจากบิ๊กจ๊อดก็แล้วกัน "เพี้ยะ"


จาก กองกีด
มกราคม พ.ศ. 2535

แข็งนอก- อ่อนใน







อะไรเอ่ย ... แข็ง เป็นแท่งตรง แต่พอเข้าปากไม่นานก็จะอ่อนยวบยาบเต็มไปด้วยน้ำลาย

ตอบ หมากฝรั่ง


พฤศจิกายน พ.ศ. 2534

เสน่ห์สาวใช้

เถ้าแก่กิมเจ็ง ได้สาวใช้คนใหม่มาช่วยงานบ้าน ความสวยงามของเธอทำให้กิมทง ลูกโทนคนเดียวของเถ้าแก่หลับไม่เป็นสุข วันๆ กิมทงจะพยายามป้วนเปี้ยนใกล้ชิดกับสาวใช้คนงาม เอาอกเอาใจ ซื้อของกำนัลให้บ้าง พูดจาหยอกล้อแบบหมาหยอกไก่บ้าง กิมทงหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องพิชิสวาทสาวใช้คนสวยให้ได้

หนึ่งเดือนผ่านไป

วันเวลาที่กิมทงรอคอยก็มาถึง เขานัดกับหล่อนว่าจะไปหาที่ห้อง และเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวไม่ปฏิเสธ คืนนั้นกิมทงจึงย่องเข้าไปตามนัด

ที่ห้องเธอ กิมทงเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น สาวใช้คนใหม่ผู้แสนสวยนอนคอยเขาอยู่แล้ว แต่กิมทงตื่นเต้นเสียจนเจ้าตุ๊ดตู่หัวหด ไม่ตื่นตัวอย่างที่เขาต้องการ แม้เขาจะพยายามปลุกให้มันตื่นแต่ก็ไม่เป็นผลทำให้กิมทงอึดอัดขัดใจยิ่งนัก

"ช่างมันเถอะค่ะ" สาวใช้คนสวยปลอบใจ "คุณอย่าเสียใจไปเลย เตี่ยของคุณท่านก็เป็นแบบนี้เหมือนกันแหละ"


พฤศจิกายน พ.ศ. 2534

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2547

เผยเคล็ดลับสอดแทรกความรู้ผ่านกิจกรรม

สืบเนื่องมากจากระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้โรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ จัดการเรียนการสอนโดยเน้นให้นักเรียนทำกิจกรรมมากขึ้นขณะเดียวกันก็ลดการ เรียนการสอนในลักษณะท่องจำตำราเรียนด้วย โดยกิจกรรมนั้นต้องสอดแทรกสาระความรู้ตลอดจจนความบันเทิงให้แก่นักเรียนด้วย ซึ่งตรงนี้นับว่าเป็นโจทย์ให้ผู้บริหารโรงเรียนตลอดจนผู้สอนต้องกลับไปคิด
ดร. จรวยพร ธรณินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน(สช.) กล่าวว่า ปัจจุบันนี้โรงเรียนสังกัดเอกชนหลายแห่งเริ่มนำกิจกรรมแปลกใหม่เข้ามาแทน การเรียนการสอนแบบท่องจำสูงขึ้น หากเป็นสมัยก่อนผู้สอนจะใช้วิธีการเลกเซอร์ประมาณ 90% ส่วนที่เหลือจะเป็นการเรียนการสอนในลักษณะต่างๆ
อย่างไรก็ดี หลังจากผู้สอนสนองนโยบายดังกล่าว จะสังเกตได้ว่านักเรียนรู้สึกสนุกสนานกับการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้สอนหรือโรงเรียนจัดขึ้น เช่น นักเรียนได้ออกไปศึกษานอกสถาน มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ และประการสำคัญนักเรียนยังมีส่วนร่วมวางแผนการเรียนการสอนร่วมกับครูอีกด้วย
“การให้นักเรียนร่วมวางแผน รวมทั้งแสดงความคิดเห็น ถือว่าเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักทำงานร่วมกับเพื่อนๆ เพื่อที่นักเรียนรู้ว่าบางครั้งการทำงานให้ประสบผลสำเร็จต้องอาศัยความ สามัคคีของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตามวิธีทำงานเป็นกลุ่มจะช่วยให้เมื่อเติบโตขึ้นสามารถทำงานร่วม กับคนอื่นได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
ด้าน นางสาวสุปรียา ประสงค์ ครูโรงเรียนมีนประสาทวิทยา กล่าวในฐานะครูสอนชั้นอนุบาล 1ถึง 3 ว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาทางผู้บริหารสถานศึกษาได้วางคอนเซ็ปว่าต้องการให้ นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนมากที่สุด ดังนั้น จึงเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมวางแผนว่าสนใจเรียนเรื่องอะไรบ้าง เพื่อที่จะให้ผู้สอนไปหากิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนและประการสำคัญกิจกรรมเหล่านี้ ได้สอดแทรกความรู้ไว้อีกด้วย
ยกตัวอย่างวิชาคณิตศาสตร์ อาจให้นักเรียนเขียนชื่อผลไม้มาคนละ 1 ชนิด แล้วให้จับกลุ่มผลไม้ชนิดเดียวกัน จากนั้นนับว่ามีจำนวนเท่าไหร่เพื่อให้เขียนเป็นตัวเลข นอกจากนี้ยังสอนให้นักเรียนรู้จักบวกเลขได้อีกด้วย โดยตั้งโจทย์ผล 2 ชนิดว่ารวมกันแล้วจะได้จำนวนเท่าไหร่ หากต้องการสอนวิธีลบอาจใช้วิธีการสอนคล้ายกัน โดยบอกว่าหากกินผลไม้ไปจำนวนหนึ่งแล้วจะเหลือกี่ผล เป็นต้น
สำหรับ กิจกรรมต่างๆ คิดขึ้นมาเพื่อให้ดึงดูดให้นักเรียนรู้สึกตื่นตัวพร้อมกับรับรู้เนื้อหา ตลอดเวลา โดยบางครั้งนักเรียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่า รู้เรื่องอะไรบ้าง แต่ลองสอบถามนักเรียนส่วนใหญ่จะตอบได้ถูกต้อง
จากนั้น ครูสุปรียา เล่าว่า โรงเรียนมีนประสาทวิทยา ได้การเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลแตกต่างจากโรงเรียนแห่งอื่น โดยจัดให้นักเรียนชั้นอนุบาล 1-3 เรียนห้องเดียวกัน ทำกิจกรรมเหมือนกันทุกประการ แต่นักเรียนที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเรียนชั้น ป. 1 ได้นั้นจะดูจากอายุครบตามเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
“การให้เด็ก อนุบาลเรียนร่วมกันมีข้อดีหลายประการ เช่น เด็กโตจะช่วยดูแลเด็กเล็กที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มากนัก อย่างพี่สอนให้น้องติดกระดุมเสื้อ ผูกรองเท้า ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้สอนให้เด็กๆ รู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมเดียวกันอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตามพี่ดูแลน้อง อย่างบางครั้งน้องไม่อยากมาโรงเรียนแต่เมื่อรู้ว่าได้เรียนห้องเดียวกันพี่ ก็อยากมาโรงเรียน ดังนั้นพ่อแม่จึงไม่ต้องกังวลว่าลูกจะร้องไห้งอแงอยากกลับบ้าน เพราะเด็กๆ รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ให้ความอบอุ่นได้ใกล้เคียงกับบ้าน”
หากถามถึง ความรู้ความสามารถของเด็กอนุบาล ครูสุปรียา กล่าวว่า จากการคลุกคลีกับเด็ก ทำให้รู้ว่าการที่รุ่นพี่ช่วยเหลือรุ่นน้องนั้นช่วยให้รุ่นน้องมีพัฒนา เรียนรู้รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเปรียบเทียบความรู้ของเด็กอนุบาล 1-3 ตรงนี้ก็ต้องบอกว่าเด็กโตย่อมมีความรู้มากกว่าน้องอย่างแน่นอน
“ที่ จริงแล้วการพัฒนาความรู้ของเด็กต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง เช่นเด็กคนเดียวกันระหว่างที่อยู่อนุบาล 1-2 ยังผสมคำไม่ได้ แต่เมื่ออยู่อนุบาล 3 สามารถผสมคำง่ายๆ ได้ อย่างไรก็ดี ช่วงอนุบาลทางโรงเรียนจะเน้นเตรียมความพร้อมของเด็กเท่านั้นจะไม่วัดความ รู้ว่าเด็กคนนั้นเก่ง คนนี้อ่อน ซึ่งต้องการให้เด็กแข่งกับตัวเองมากกว่า”ครูสุปรียา กล่าวทิ้งท้าย

เป็นชายแท้จริงแสนลําบาก

จิตแพทย์ผู้มีชื่อเสียง แห่งประเทศออสเตรเลีย เปรียบเปรยว่า ผู้ชายทั่วโลก กำลังตกอยู่ในยุคแห่งความปรวนแปร และไม่เที่ยงแท้ มีหัวอกอันเดียว กับประชากรของชาติยากไร้ ยิ่งกว่านั้น ผู้ชายยังมีอายุขัยสั้นกว่าผู้หญิง ทั้งยังชอบฆ่าตัวตาย มากกว่ากันถึงสามเท่า ซ้ำ ยังชอบประพฤติ อันเป็นเหตุให้ต้องกลายเป็นนักโทษอยู่ตามคุก ที่ต่างๆ ถึง 90 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
จิดร. สตีฟ บิดดัลพ์ จิตแพทย์ผู้นั้น ยังได้ กล่าวว่า ผู้ชายมักเห็น แก่งานเป็นใหญ่ จนลืมครอบครัวเสีย ทำให้ลูกเต้าล้มเหลว ไปด้วย ลูกเต้าต้องเติบโตขึ้นมา เหมือนกับลูกกำพร้า ปล่อยให้แม่ ต้องเลี้ยงลูกโดยลำพังเองอย่างขมขื่น ผู้ชายทั้งโลก กำลังสำนึกว่า ความหมายของการเป็นผู้ชาย กำลังเปลี่ยนไป และอนาคตก็ดูมืดมัวด้วย

เตือนชายชอบของหวาน เสี่ยงเป็น"พิษสุราเรื้อรัง"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนา ในสหรัฐ ได้เผยแพร่รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับหนึ่งซึ่งระบุว่า นักวิจัยได้นำฝาแฝดชาย 19 คู่ มาทำการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานของหวานกับการดื่มสุรา โดยที่ฝาแฝดเหล่านี้ไม่มีใครเคยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังมาก่อน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่บอกว่าดื่มสุราเพิ่มขึ้นในบางครั้ง และมีปัญหาจากการดื่มสุรานั้น มักจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมการรับประทานของหวานและคนที่ชอบรับประทานของ หวานก็มักจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมการดื่มสุราด้วย โดยเฉพาะเมื่อตกอยู่ในภาวะเศร้า หดหู่ หรือเป็นกังวลใจก็จะรับประทานของหวาน เพราะเชื่อว่าทำให้รู้สึกดีขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่าคนที่ชอบรับประทานของหวานอาจไม่ได้กลายเป็นคนติดเหล้าทุก รายไป แต่ผู้ชายที่ชอบรับประทานของหวานก็จะยิ่งมีแนวโน้มจะชอบดื่มสุราด้วย
โดยคุณ : วิทยาการ

ตารางเวลาสุขภาพ

ตารางเวลาสุขภาพ


เวลา 05-07 นาฬิกา เวลาตื่นนอน ในช่วงเวลาที่ร่างกายจะตื่นนอน
ระบบการทำงานของ อวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายจะค่อย ๆ
ขับเคลื่อนการทำงานขึ้นทีละน้อย หลอดเลือดหดตัวแคบลง หัวใจเต้นเร็วขึ้น
ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นฮอร์โมนหลายชนิดทั่วร่างกายจะหลั่งออกมา
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ร่างกายมีอารมณ์ทางเพศรวมอยู่ด้วย
ใครที่ยังมัวแต่นอนขี้เกียจอยู่กับที่นอนในตอนนี้
เท่ากับทำให้ระบบของร่างกายที่ปกติจะดำเนินไปตามเวลา
ทำงานผิดพลาดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวันใหม่
และสูญเสียความตื่นตัวไปตลอดทั้งวัน
เวลา 07 - 10 นาฬิกา เวลาอาหารเช้า
ระบบของอวัยวะทั่วทุกส่วนเริ่มตื่นสู่การทำงาน

ร่างกายต้องการอาหารเช้าที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการโดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ร
่างกายได้รับเข้าไปจะถูกเผาผลาญให้กลายเป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว
หากรับประทานยาแก้ปวดในช่วงหลังอาหารเช้า ยาก็จะออกฤทธิ์ระงับปวดได้ดี

คุณผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งที่มดลูกหากได้รับประทานยารักษาโรคดังกล่าวในช่วง
เวลานี้ โอกาสที่จะช่วยระงับยับยั้งโรคก็จะเพิ่มสูงขึ้น หลอดเลือดหดแคบลง
ดังนั้นเวลาออกกำลังกายตอนเช้า ๆ ก็อย่าหักโหมมากนัก
เพราะอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันจนถึงขั้นหัวใจวายได้
แต่สำหรับบางคนก็อาจไม่เกิดอาการเช่นนั้นก็เป็นได้
ต้องคอยสังเกตตัวเองส่วนคนที่สูบบุหรี่
หากงดสูบมวนแรกของวันนี้เสียได้ก็จะดีมาก
เวลา 10 - 12 นาฬิกา

พละกำลังเต็มเปี่ยมในช่วงเวลานี้ของแต่ละวันประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและ
จิตใจจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลา 11
โมงเช้าจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของระบบการทำงานของหัวใจและไหลเวียนของโลหิต

ความสามาถในการเรียนรู้ทางด้านการคิดและการพูดจะมีความคล่องแคล่วว่องไวอย่างล
้นเหลือ เราจะรู้สึกมีสมาธิและมีความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษ

ส่วนใครที่มีงานสำคัญหรือการสอบที่ต้องทำในช่วงเวลานี้ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออ
กมาดี
เวลา 12 - 14 นาฬิกา

เวลาพักกลางวันหลังจากช่วงเวลาแห่งจุดสูงสุดผ่านพ้นไปก็ได้เวลาที่ประสิทธิภาพ
การทำงานของร่างกายจะค่อย ๆ ลดลง
ซึ่งก็พอดีกับเวลาที่เราจะต้องรับประทานอาหารกลางวัน

เพื่อเติมพลังงานให้แก่ตัวเองอีกครั้งและในช่วงที่ร่างกายกำลังย่อยอาหารให้กล
ายเป็นพลังงานอยู่นี้ หากได้งีบหลับสัก 15 นาที

หรือออกไปเดินเล่นสักพักในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่งก็จะช่วยให้การไหลเวียนของโล
หิตดีขึ้น

หากใครไม่มีโอกาสได้พักหลังอาหารมื้อเที่ยงด้วยกิจกรรมดังกล่าวนั้นเลยช่วงบ่า
ยของเขาก็อาจจะเข้าถึงสมาธิได้ยาก
เวลา 14 - 17 นาฬิกา

ช่วงอึดต่อความเจ็บในช่วงเวลานี้ประสิทธิภาพของร่างกายจะกลับฟื้นคืนขึ้นมาใหม
่ เมื่อเวลาผ่านไปได้สักประมาณตอนบ่ายสามโมง

ผิวพรรณของเราจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นและมีเหงื่อออกง่ายกว่าช่วงเว
ลาอื่น ๆ หากมีนัดกับหมอเพื่อทำฟันในช่วงเวลานี้จะดี
เพราะว่าจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ
เนื่องจากเป็นเวลาที่ฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินหลั่งออกมามาก
จึงสามารถช่วยกดความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ได้ นอกจากนั้น

ช่วงเวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้
อ ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการบำบัดทางกายภาพอีกด้วย
เวลา 17 - 20 นาฬิกา ช่วงเวลาสบายๆ
ความกระตือรือร้นของระบบทำงานภายในร่างกายจะค่อยๆ ถดถอยลง
อีกทั้งอุณหภูมิความร้อนภายในกายก็จะลดลงด้วย ประมาณเวลา 17 นาฬิกา
ประสาทรับรู้กลิ่นและรสชาติของอาหารจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสุงสุด
ปฎิกิริยาต่อความเครียดจะไม่ค่อยมี และ
สำหรับผู้ป่วยด้วยโรคกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป โรคปวดข้อหรือโรคภูมิแพ้
เวลา 19

นาฬิกาจะเป็นเวลาซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการรับประทานยาเพื่อบำบัดรักษาอาการข
องโรคดังกล่าว
เวลา 20 - 22 นาฬิกา

เวลาแห่งความรู้สึกในช่วงเวลานี้ปฏิกิริยาของร่างกายอาจมีความไวต่อสิ่งเร้าอี
กทั้งประสาทสัมผัสยังเปิดรับรสสัมผัสที่อ่อนโยน
เสียงเพลงที่แว่วหวานและกลิ่นหอมอ่อน ๆ
ที่มาปลุกเร้าอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าในช่วงเวลาอื่น ๆ

นอกจากนั้นการได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ก็จะช่วยก่อให้เกิดคว
ามรู้สึกผ่อนคลาย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ควรดื่มเกินกว่า 1
แก้วแค่พอหอมปากหอมคอเพื่อให้คืนนี้สามารถหลับได้อย่างมีความสุข
เวลา 22 - 01 นาฬิกา

ได้เวลาเข้านอนนับเป็นช่วงเวลาที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียกน้ำย่อยในกร
ะเพาะให้หลั่งออกมาอีกด้วยการรับประทานอาหารใด ๆ
ทั้งนี้เพราะการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ

ทั่วร่างกายกำลังจะเข้าสู่ความสงบนิ่งหลังจากที่ได้ทำงานจนอ่อนล้ามาตลอดทั้งว
ันแล้ว ฉะนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาดีที่จะเข้านอน
อย่างไรก็ตามระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะยังไม่เข้านอนตามไปด้วย
แต่จะทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งต่อไป ด้วยเหตุนี้เชื้อโรค
ของเสียและสารพิษจะถูกจัดการลำเลียงไปทำลายทิ้งที่ตับ และทุก ๆ
ค่ำคืนเซลล์เนื้อเยื่อและเซลล์ผิวต่างๆ
ก็จะถูกซ่อมแซมให้กลับฟื้นตัวแข็งแรงขึ้นหรืออาจมีการสร้างเสริมขึ้นใหม่
เวลา 01 - 05 นาฬิกา

ช่วงนิทราสนิทหนึ่งชั่วโมงหลังเที่ยงคืนเป็นช่วงเวลาแห่งการหลับลึกที่แสนสุข


ของผู้ที่สามารถทำตามตารางแห่งสุขภาพที่สาธยายมานี้ได้สำเร็จและในช่วงนี้นี่เ
องเป็นเวลาที่มนุษย์เราจะฝันซึ่งคืนหนึ่ง ๆ อาจฝันได้ถึงสองสามครั้ง
แต่ไม่เสมอไปที่เราจะสามารถจดจำความฝันได้ในทุกครั้งหรือทุกเรื่อง
นอกจากนั้นการทำหน้าที่ของตับในการขจัดสารพิษอย่างเช่น แอลกอฮอล์
ก็จะมาถึงจุดสูงสุด และสำหรับใครบางคนที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด
ช่วงเวลานี้ก็จะมีอันตรายสูงสุดเช่นกันเพราะ 80%
ของผู้ป่วยอาการจะกำเริบในช่วงนี้
ฉะนั้นจะต้องตระเตรียมสเปรย์หรือยาฉีดขยายหลอดลมเอาไว้ใกล้ ๆ ตัว

จะได้หยิบฉวยทันท่วงทีพอใกล้รุ่งเช้าเส้นเลือดใต้ผิวก็เริ่มจะหดตัวลงอีกครั้ง
อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น และแล้วกลไกการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ
ทั่วร่างกายจะค่อย ๆ
ตื่นขึ้นมาทำงานต้อนรับ เช้าวันใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน
โดยคุณ : 4uweb

ชุมชนเข้มแข็ง : คำตอบอยู่ที่ชุมชน

กระแสของการพัฒนาที่ต้องการพัฒนาให้ชุม ชนเข้มแข็ง ดูเหมือนจะเป็นประเด็นที่อยู่ในระดับต้น ๆ นอกเหนือจากการพัฒนาที่ยั่งยืน ประชาสังคม เศรษฐกิจพอเพียง หรือชุมชนแห่งการเรียนรู้ และเมื่อกล่าวถึงชุมชนเข้มแข็ง หลายคนคงนึกถึง กลุ่มฮักเมืองน่าน
กลุ่มสมุนไพรครบวงจร เพื่อเศรษฐกิจชุมชนบางกะพุ่ม ชมรมอุ้มชูไทอีสาน ศูนย์อินแปง กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ (พระสุบิน มณีโต) เครือข่ายวนเกษตร (ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเสริม) ชุมชนสาคลี ประชาคมคนรักแม่กลอง เครือข่ายอาสาสมัครต่อต้านยาเสพย์ติดชุมชนแออัดคลองเตย กลุ่มเกษตรกรทำสวนไม้เลี้ยง กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านอำเภอสิเกา กลุ่มออมทรัพย์ตำบลคลองเปียะ และกลุ่มอื่น ๆ อีกมากมาย

กลุ่ม หรือชุมชนดังกล่าวเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน กลาง กรุงเทพฯ ลงไปถึงภาคใต้ โดยมีผลการสำรวจพบว่าชุมชนหรือองค์กรที่มีกิจกรรมร่วมมือกันพัฒนาชุมชนมี อยู่ถึง 40,186 กลุ่ม ซึ่งในจำนวนนี้มีกลุ่มที่เข้มแข็งอยู่ประมาณ 13% ดังนั้นคำถามจึงมีว่า ทำไมชุมชนเหล่านั้นจึงเกิดขึ้นและมีความเข้มแข็ง
มีการเรียนรู้
และพึ่งตนเองอยู่ได้ ซึ่งหากจะพิจารณาภาพรวมของการเกิดขึ้น และพัฒนาการของชุมชนเหล่านั้นมีประเด็นที่สมควรพิจารณา ได้แก่ 1. ความตระหนักในปัญหาหรือความต้องการของชุมชน ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่เป็นเรื่องวิกฤติของชุมชน
มีผู้นำของชุมชนลุกขึ้นมานำและเริ่มรวมตัวกลุ่มคน
เพื่อหาทางแก้ปัญหาวิกฤตินั้น ด้วยภูมิปัญญาของตนเองก่อน 2. ความเป็นเครือญาติ หรือความเป็นมิตรต่อกัน ทำให้คนในชุมชนที่มีวิถีชีวิตสัมพันธ์กัน มีความใกล้ชิด มีการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ในชุมชนมีการรวมตัวเป็นกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมการพัฒนาร่วมกัน เช่น การออมทรัพย์ การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม การรักษาป่า หรือการประกอบอาชีพ 3. มีผู้นำชุมชนที่สามารถประสานกลุ่มได้ มีความเสียสละ มีประสบการณ์ในการทำงาน รักและห่วงใยชุมชน มองโลกในแง่ดี มีเครือข่ายแกนนำในการดำเนินงาน เปิดโอกาส
และให้ความเสมอภาคแก่คนในชุมชนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน สนทนากัน และมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายภายนอกชุมชน และ 4. มีกระบวนการในการแสวงหาความรู้ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งการสนทนากลุ่มเล็ก ๆ การประชุมร่วมกันในชุมชน การศึกษาดูงานต่างชุมชน การเข้ารับการฝึกอบรม การได้รับการถ่ายทอดความรู้จากผู้รู้ หรือเครือข่ายชุมชนอื่น จนทำให้ความรู้ใหม่ ๆ กลายเป็นพลังในการวางแผน ตัดสินใจ การลงมือปฏิบัติงาน ตลอดจนการทบทวนและติดตามการดำเนินงาน

การเชื่อมโยงความคิด ความรู้
และประสบการณ์ของคนในชุมชนจนเกิดความเข้มแข็ง จะมีลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้มุ่งผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหลัก แต่เป็นผลที่มุ่งให้เกิดขึ้นกับชุมชนและไม่ไปกระทบกระเทือนสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งอมรวิชช์ นาครทรรพ เคยสรุปไว้ว่า "ความพยายามที่จะเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะพัฒนาไปสู่การร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมเรียนรู้ ของคนในชุมชน ซึ่งต้องอาศัยความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลอย่างเข้มแข็ง มีหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจร่วมกัน เป็นพลังจิตวิญญาณในการทำงานร่วมกัน เสริมด้วยผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง ที่จะกระตุ้นชุมชนให้มีพลังในการเรียนรู้ และปรับตัวในยุคโลกาภิวัตน์"

กระบวน การความเข้มแข็งของชุมชนนี้จะก่อตั้งและเกิดขึ้นในกิจกรรมการพัฒนาต่าง ๆ เช่น กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ (พระสุบิน มณีโต จังหวัดตราด) หรือกลุ่มออมทรัพย์ตำบลคลองเปียะ ที่มีลุงอัมพร ด้วงปาน เป็นประธานกลุ่ม ซึ่งเกิดจากเงินออมเพียง 2,850 บาท ในปี 2523 และเป็น 50 กว่าล้านบาทในปัจจุบัน หรือกลุ่มฮักเมืองน่าน ที่มีพระครูพิทักษ์นันทคุณ เป็นผู้นำในการใช้วิถีทางพระพุทธศาสนาเป็นแนวทางในการพัฒนา จนเกิดการพัฒนาในหลายด้าน ทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ป่า อนุรักษ์แหล่งน้ำ ตลอดจนประกอบอาชีพ ส่วนกิจกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด เช่น
เครือข่ายอาสาสมัครต่อต้านยาเสพย์ติด
ชุมชนแออัดคลองเตย ที่มีป้านะ หรือป้าอามีนะ บีดีล
เป็นผู้นำคนในชุมชนคลองเตย
มาร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด จนอยู่ในภาวะที่สามารถควบคุมได้

องค์ ประกอบสำคัญที่เชื่อมั่นว่าความเข้มแข็งของชุมชนที่เกิดขึ้น จะมีกระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กันเสมอเกิดจากการเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ปฏิบัติการ ปรับปรุง แก้ไข และประเมินผล จนสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไปได้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสว่า "การระเบิดจากข้างใน" เพราะผู้นำชุมชนและแกนนำจะร่วมกันคิด และตระหนักในปัญหาของชุมชน และเริ่มกระบวนการเรียนรู้มาจากชุมชนก่อน
อย่างไรก็ตาม
การดำเนินงาน ไม่ใช่จะสำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์โดยง่าย ซึ่งหลายชุมชนก็ดำเนินงานไป ล้มเหลวไป แต่ได้ลุกขึ้นมาร่วมคิด ร่วมแก้ไขปัญหากันต่อไป บางเรื่องก็สำเร็จ บางเรื่องก็ล้มเหลวอีก แต่ก็พยายามต่อสู้จนสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับต่าง ๆ ซึ่งความล้มเหลวแต่ละครั้งนั้น ถือเป็นกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนด้วย ซึ่งตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน ทรงเรียกว่า "ขาดทุนคือกำไร" เพราะความล้มเหลว การขาดทุนนั้น ทำให้ชุมชนได้เรียนรู้ถึงบทเรียนราคาแพง และจะได้พยายามแก้ไขจุดบกพร่อง ไม่เดินไปตามแนวทางเดิมอีก และในที่สุดจะสามารถพลิกฟื้นกลับกลายมาเป็นกำไรได้

ปัจจัยความ สำเร็จของชุมชนที่เข้มแข็ง อาจสรุปได้ด้วยปัจจัย 2 ประการ คือ ปัจจัยภายใน ได้แก่ ความตระหนัก และการทำความเข้าใจในปัญหาของชุมชน
การมีผู้นำในชุมชนทั้งผู้นำที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ขึ้นในชุมชน รวมทั้งความสามารถในการประสาน และเชื่อมโยงกับองค์กรหรือชุมชนภายนอก ส่วนปัจจัยภายนอก ได้แก่ ความร่วมมือ และการสนับสนุนจากองค์กรภายนอก การช่วยเหลือด้านการเงินหากเกิดความจำเป็น การให้ความสำคัญ และความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง จากหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนนี้ งานการศึกษานอกโรงเรียนจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญ
ในการพัฒนาศักยภาพ และเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ซึ่งหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะกรมการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) สามารถมีส่วนส่งเสริม สนับสนุน ในเรื่องการจัดการศึกษานอกโรงเรียนให้กับชุมชนได้อย่างมาก ส่วนหน่วยงาน หรือองค์กรอื่น ๆ ก็มีบทบาทในงานการศึกษานอกโรงเรียนได้เช่นกัน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยภายนอก ที่จะเป็นกลไกผลักดันการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน

อย่างไรก็ตาม กระบวนการเกิดความเข้มแข็งของชุมชนนั้น ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลสำเร็จคงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
ดังนั้นการนำสูตรการปฏิบัติงานจากชุมชนหนึ่ง ไปใช้ในอีกชุมชนหนึ่งจึงอาจได้ผลไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละชุมชนจะมีสถานการณ์ และเงื่อนไขที่หลากหลายแตกต่างกันมาก ดังนั้นแนวทางที่เป็นไปได้ก็คือสิ่งที่ ดร.ทองอยู่ แก้วไทรฮะ อธิบดี กศน. เคยเสนอไว้ว่า "ผู้นำชุมชน และชุมชน ควรเป็นนักวิจัย คือรู้จักนำกระบวนการคิด การวิเคราะห์มาใช้หาทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม" ซึ่งคำกล่าวนี้สามารถใช้เป็นแนวทางของการเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่ชุมชนหรือองค์กรสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาชุมชน ให้เข้มแข็งได้ จะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้วคำตอบในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนก็อยู่ที่ ชุมชนนั่นเอง.

ดร.ปาน กิมปี กรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยคุณ : ดร.ปาน กิมปี

ควานสมองหาจุดหรรษา

นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ โรงเรียนแพทย์ โรเชสเตอร์ของสหรัฐฯ เผยว่า สมองส่วนน้อยทางด้านหน้า เป็นส่วนที่รับรู้ เรื่องตลก และเชื่อว่าอารมณ์ขันของคนเรา เท่ากับเป็นตุ้มถ่วงอารมณ์ อันไม่พึงปรารถนาต่างๆ อย่างเช่น ความกลัว เป็นต้น
เขา และคณะได้ทดสอบกับอาสาสมัคร โดยใช้ เครื่องคลื่นแม่เหล็ก ตรวจค้นหาสมองส่วนที่มีหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์ขัน ที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยมีการศึกษาเกี่ยวกับอารมณ์ขันนัก การเข้าใจพื้นฐานของอารมณ์ดี อาจจะช่วยให้เข้าใจในอารมณ์เสียด้วย ทำให้รู้ว่า เหตุใดอัมพาต ของสมองส่วนหน้า ถึงทำให้บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไปได้ อย่างเช่นการหมดอารมณ์ขัน สมองส่วนเดียวกัน ยังเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทางสังคม และอารมณ์ กับการคิดอ่านล่วงหน้าด้วย