++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

นั่งรถไฟไปเที่ยวทุ่งทานตะวัน/ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     21 ธันวาคม 2551 14:12 น.
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000149764

      บนชานชาลาน้อย ผมยืนรอคอยด้วยความหวัง เรามีความเชื่อมั่นในการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังไงเสียรถก็มา ทว่า...มาเมื่อไหร่จ๊ะพี่ กำหนดการบอกไว้ รถไฟจะเทียบสถานีบางเขนตอน 07.11 นาฬิกา นี่ล่อเข้าไปเจ็ดโมงค่อนแล้ว ยังไม่ได้ยินเสียงสักปู๊น เมื่อกวาดสายตาไปรอบด้าน ผู้โดยสารหลายสิบกำลังชะเง้อแลหา รถไฟจ๋าอยู่ไหน บ้างก็เตรียมซื้อน้ำซื้อเสบียงให้พร้อม อากาศหนาว ๆ มาม่าส่งกลิ่นควันฉุย ช่างเหมาะกับบรรยากาศเมืองไทยยุคยาจกดีแท้
      
       ความเป็นมาเริ่มจากเด็กน้อยที่บ้านทำหน้าเศร้า เพราะผมสัญญาไว้ พ่อจะพาพวกเจ้าไปเชียงใหม่ไปเขาใหญ่ไปเพชรบูรณ์ แต่ผมหักหลังลูกอย่างเลือดเย็น โดยเลียนแบบมาจากพฤติกรรมนักการเมืองหักหลังประชาชน แต่หักไปหักมา กลัวว่าจะถูกยุบพ่อ (คล้ายกับยุบพรรค) ผมพาเด็กน้อยไปก็ได้ แต่โอ้อนิจจา เงินพ่อล้วนติดดอยอยู่ในตลาดหุ้น ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพไปวัน ๆ เพราะฉะนั้น เราต้องประหยัดทั้งเงินทั้งเวลา แทนที่จะบินไปเที่ยวเชียงใหม่ เสียค่าเครื่องบินค่าเช่ารถค่าที่พัก นับรวมกันแล้วสองสามหมื่น พ่อจะพาไปเที่ยวเช้าไปเย็นกลับ ว่าแต่...พวกเราเคยนั่งรถไฟกันบ้างหรือยังเอ่ย ?
      
       อันว่าเด็กน้อย ใครก็รู้ว่าหลอกง่าย ไม่งั้นเค้าจะมีสำนวนผู้ใหญ่หลอกเด็กทำไมล่ะครับ พอผมเอ่ยเอื้อนไปเช่นนี้ เด็กล้วนปรีดิ์เปรมเกษมสำราญ ร้องเพลงกันเฉิบ ๆ ลั่นบ้าน เราจะไปนั่งรถไฟฉึกฉัก ๆ ปู๊น ๆ เมื่อผมหลอกลูกสำเร็จ ถึงเวลาบังคับภรรยาบ้าง คุณน้องกรุณายุติการนอนกลิ้งไปมางานการไม่ทำ ช่วยโทรไปการรถไฟหน่อยนะ ขอรายละเอียดท่องเที่ยว แล้วก็ไปซื้อตั๋วมาซะ เค้ามีสถานีให้เลือกขึ้นตั้ง 7 แห่ง กรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และรังสิต เราไปขึ้นที่บางเขนก็แล้วกัน แม้บ้านเราจะอยู่เอกมัย แต่บางเขนเป็นสถานีน้อยน่ารัก หาที่จอดรถง่าย ยังอยู่ไม่ไกลเกษตรศาสตร์ (เกี่ยวอะไรกันด้วย เอ้อ...ผมขับรถไปทำงานทุกวัน เชี่ยวชาญเส้นทางแถวนั้นครับ)
      
       เมื่อสั่งงานเสร็จเรียบร้อย ผมก็ไปทำงาน ก่อนกลับมาถึงบ้าน เพื่อพบว่า ภรรยาฆ่าผมแบบเลือดเย็น ผมให้เธอซื้อตั๋วรถไฟชั้นสามชั้นสอง ราคา 255-465 บาทต่อคน เด็กผู้ใหญ่คิดเท่ากัน พระหรือทหารผ่านศึกไม่มีส่วนลด แต่คุณเธอดันไปจองชั้นหนึ่ง คนละ 675 บาท น้องหนูบอกว่า ชั้นหนึ่งเค้าทำเป็นห้อง พี่ธรณ์ลองพิจารณานิสัยของลูกเรา จากนั้นกรุณาไตร่ตรอง พี่ธรณ์คิดว่า หากนั่งชั้นอื่น เจ้าสองคนนี้จะไม่ทำร้ายความสุขของนักเที่ยวรายอื่นหรือคะ ความสุขคนไทยยุคนี้ยิ่งหายาก เราต้องช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยนะคะ (ดีจ้ะ เห็นด้วยจ้ะ แต่เสียดายตังค์จ้ะ)
      
       รถไฟส่งเสียงดังปู๊น ก่อนตรงมาเทียบชานชาลา ผมดูหมายเลขตู้ ก่อนฉุดเด็กทั้งคู่ขึ้นรถ ตู้รถไฟชั้นหนึ่งแบ่งเป็นห้อง แต่ละห้องนั่งได้ 2 คน มีที่เหยียดแข้งขาสบายใจ ทั้งโบกี้มีอยู่ไม่ถึงยี่สิบตู้ จะคุ้มไม่คุ้มอยู่ที่ใจคุณ แต่สำหรับผม ผู้อยากดูแลลูกให้อยู่ในโอวาท นับว่าคุ้มครับ หรือใครเพิ่งแต่งงาน เปิดซองออกมาเจอแต่แบงค์ร้อย (แบงค์พันยุคนี้หายากเนอะ) จะเปลี่ยนจากการไปนั่งรถไฟฮันนีมูนในเทือกเขาแอลป์ของสวิส กลายเป็นการนั่งรถไฟฮันนีมูนในที่ราบลุ่มภาคกลางของไทย เป็นไอเดียที่ไม่เลวครับ ผมยืนยันว่า อย่างน้อยห้องรถไฟชั้นหนึ่งของเราก็หรูหรากว่า นั่งสบายกว่า ค่าใช้จ่ายยังถูกกว่ากันตั้งร้อยเท่า (หกร้อยบาทต่อคน เทียบกับหกหมื่นบาทต่อคน)
      
       ระหว่างการเดินทางช่วงแรก รถไฟร้องปู๊น ๆ วิ่งไปหน่อยก็จอดอีกนิด แวะสถานีรายทางเพื่อรับคน ทิวทัศน์ช่วงนี้คือรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนนพหลโยธิน ดูแล้วปลอดโปร่งโล่งใจดีมาก จนรถไฟแวะรับคนที่รังสิตเป็นสถานีสุดท้าย ก่อนตะบึงตรงไปสระบุรี ช่วงนี้วิ่งกันชั่วโมงเศษ เห็นทุ่งนาสีเขียวอร่าม บ้างก็จมน้ำไปแล้วเอย เหมาะสำหรับการพาลูกมาทัศนศึกษาเรื่องภัยพิบัติจากธรรมชาติและภาวะโลกร้อน จนรถจอดที่สระบุรีและแก่งคอย อีกไม่นาน เราเริ่มเข้าเขตทุ่งทานตะวัน
      
       ทุ่งทานตะวันแห่งจังหวัดลพบุรี เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต แต่ปัจจุบัน เท่าที่ผมทราบ ทุ่งเริ่มมีลดน้อยเป็นลำดับ เคราะห์ดีที่การรถไฟตกลงกับชาวสวน รถไฟสายนี้จึงยังมีทุ่งสีเหลืองอร่ามให้เราชม รถไฟจะจอดให้ดูด้วยครับ การ์ดเค้ามาเคาะแป๊ง ๆ จอด 30 นาทีนะคร้าบ ก่อนไปรถไฟจะเปิดหวูดปู๊นเป็นสัญญาน กรุณาอย่าตกรถ เพราะคุณจะพบตัวเองอยู่กลางทุ่ง ช่วงสิบโมงเศษแดดกำลังดี ลมหนาวโชยมา ขอเชิญท่านลงไปทัศนาดอกทานตะวัน จะอุดหนุนชาวบ้านที่นำของมาขายแถวนั้นก็ดีครับ ช่วยกันกระจายรายได้คนละไม้ละมือ มีทั้งดอกทานตะวันแห้ง และผลหมากรากไม้อีกนานัปการ ลูกชิ้นปิ้งก็มีครับ
      
       เทคนิคในการถ่ายรูปกับดอกทานตะวัน เราต้องตะลุยเข้าไปในทุ่ง หลายคนลงจากรถไฟก็มัวแต่อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด ถ่ายรูปแถวข้างทางรถไฟ กว่าจะเอ้อระเหยลอยชายเข้าไปข้างใน คนท่วมแล้วเอย ถ่ายภาพสาวหนึ่งราย ได้รูปไอ้หนุ่มติดมาอีกห้าราย เอาไปวางไว้ที่หัวนอน ดูไปดูมา พฤติกรรมทางเพศอาจเบี่ยงเบน
      
       เสร็จสิ้นจากทุ่งดอกทานตะวัน รถไฟร้องอีกหนึ่งปู๊น ก่อนตรงไปตามเส้นทางสู่ใจกลางเขื่อน เสียเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถไฟเข้าสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รอบด้านเป็นแผ่นน้ำสีเงินงามจับตา มีทางรถไฟตัดตรงไปข้างหน้า เหมือนรถไฟลอยในน้ำ จากนั้นรถไฟก็จอด ผู้คนทยอยกันลงมายืนดูวิว เค้าจะจอดรถไฟบนทางโค้งนิด ๆ พอให้เราถ่ายภาพติดกับขบวนรถไฟและน้ำในเขื่อน แต่จะไปยืนถ่ายเกาะกลุ่มกับนักเที่ยวรายอื่น ไม่สวยหรอกครับ อยากให้เดินมาท้ายขบวน อ้อมไปอีกทางของขบวนรถไฟ ด้านนี้เค้าไม่เปิดให้นักเที่ยวลง จึงเห็นขบวนรถไฟโล่งโจ้ง หรือจะถ่ายภาพท้ายขบวนกับเขื่อนก็เก๋ดี รถไฟจะหยุดให้คุณถ่ายภาพแถวนี้อีกร่วมครึ่งชั่วโมง
      
       ถึงเวลาออกเดินทางต่อ เป้าหมายคือสถานีเขื่อนป่าสัก คราวนี้รถจะจอดนาน เพราะที่นี่เป็นตลาดใหญ่ เราจะแวะกินข้าวกันครับ ผมอยากให้คุณรีบลงจากรถสักนิด เพราะร้านอาหารแม้มีมาก แต่นักท่องเที่ยวมีเยอะกว่า แป๊บเดียวร้านเต็มหมด ผมก็รีบแล้วนะครับ แต่ลูกชายของข้าพเจ้าไม่ใช่เด็กซนระดับธรรมดา แต่เป็นระดับเทพวานรลงมาจุติ กว่าจะตามจับสองพระหน่อนั่นได้ แทบไม่เหลือที่นั่งในร้าน ผมเลยคิดค้นวิธีการใหม่ ซื้อไก่ย่างปลาย่างข้าวเหนียวกลับขึ้นไปกินบนรถไฟ ห้องของเรามีโต๊ะวางของ เปิดแอร์เย็นฉ่ำตลอดเวลา ตู้ก็ว่างเพราะคนอื่นลงไปข้างล่างหมด ให้อารมณ์เหมือนเหมารถไฟทั้งโบกี้ ข้อเสียมีประการเดียว ทำไมรถไฟเคลื่อนที่ล่ะพี่จ๋า หรือว่ามาขบวนกลับขบวน แล้วข้อยจะกลับบ้านได้ยังไงล่ะเนี่ย
      
       ปรากฏว่า รถไฟมีขบวนเดียวครับ แต่เขาขยับมาจอดที่สถานีใกล้ ๆ จนเวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมง รถไฟถึงกลับไปรับนักท่องเที่ยวที่เดิม ใครไม่อยากติดอยู่บนตู้รถไฟเหมือนผม กรุณาระวังไว้ จะลงไปเดินเล่นข้างล่าง หรือนั่งรถไปดูดอกทานตะวันสีประหลาด เขามีรถให้บริการอยู่แถวนั้น ลองสอบถามเจ้าหน้าที่นะครับ
      
       กล่าวโดยสรุป หนึ่งวันของผมกับเด็กน้อย ผ่านไปด้วยดีเลยล่ะ เด็ก ๆ ล้วนชอบรถไฟ ชอบดอกทานตะวัน ชอบน้ำชอบเขื่อน ค่าใช้จ่ายแม้อาจแพงสักนิดสำหรับชั้นหนึ่ง แต่ถ้าเลือกไปในช่วงอากาศหนาว นั่งชั้นสาม พ่อแม่ลูกสี่คน จ่ายเงินไม่ถึงพัน แลกกับการเที่ยวหนึ่งวัน สูดอากาศชมวิวเต็มเปี่ยม ใครเป็นคู่รักหวานแหวว จะมานั่งจู๋จี๋กันบนรถไฟก็ได้ หรือหากใครชอบเปลี่ยนที่อ่านหนังสือ ผมรับรองว่า นอนอ่านหนังสือบนรถไฟสนุกอย่าบอกใคร จะหิ้วโน้ตบุ๊กมาทำงานเหมือนผมก็ได้ สมองแล่นฉึกฉักเหมือนเสียงรถไฟเลยครับ
      
       ร ถไฟสายนี้เปิดให้บริการเฉพาะหน้าหนาว ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่ www.railway.co.th หรือโทรศัพท์สอบถามที่เบอร์ 1690 ได้ทุกเวลาทั้งกลางวันกลางคืน ไปซื้อตั๋วเลยก็ได้ครับ มีจำหน่ายในทุกสถานีรถไฟในกรุงเทพ แต่ระวังไว้นิด ตั๋วเค้าห้ามคืนห้ามเปลี่ยนวัน จะไปวันธรรมดาหรือวันหยุด ราคาเท่ากัน แต่วันธรรมดาคนน้อยกว่าพอควร เหมาะสำหรับคู่ฮันนีมูนมากกว่า ถ้าเป็นพวกเรามนุษย์เงินเดือน แถมมีลูกเต้าต้องเข้าโรงเรียน ไปวันหยุดดีกว่าครับ


    อ่านแล้วสนุกมากจริงๆ แล้วเคยใช้บริการของรถไฟตั้งแต่เด็กจนเมื่อเดือนก่อนก็ยังไปบ้านกรูด ประจวบ ตีตั๋วรถไฟชั้นหนึ่งขาไป ก็ยังสนุกและประทับใจ ครั้งนี้ไปกับพี่สาวและพี่เขยชาวอังกฤษเขาชมและชอบมากถึงกับว่าอยากซื้อบ้าน ที่บ้นกรูดเพราะเดินทางสะดวกชอบรถไฟไทยมาก นี้พูดตอนขาไปเพราะได้นั่งชั้นหนึ่ง อาหารก็ตลกดีแต่เขาเห็นว่าเป็นแบบไทยๆก็เลยชอบ แต่ขากลับไม่มีตั๋วเจอชั้นความจริงชั้น3 เริ่มเปลี่ยนใจเล็กน้อย พอเข้าห้องสุขาถึงกรุงเทพก็ยังอยากซื้อบ้านที่บ้านกรูดแต่ขอไปรถยนต์แทน ไม่ได้ว่าเรื่องรถไฟเพราะเรารู้ว่าไม่ค่อยมีสะตังค์ ถ้ามีผู้ว่าการรถไฟที่มีเชื้อไฟแรงเกิดขึ้นสักยุค จัดการเรื่องความสะอาดของห้องน้ำเพราะทุกคนต้องใช้ ก็คงจะมีคนใช้รถไฟมากขึ้น และเก็บความร้สึกดีๆเกียวกับรถไฟตลอดไป(รู้ว่าเรื่องเดิมๆ แต่ขอพูดหน่อยเสียดาย)
ขวัญ13 kwan_komutdang@hotmail.co.uk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น