...+

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

4 clip video บรรยากาศการซ้อมใหญ่ พิธีบวงสรวงพระยาชัยสุนทร จ.กาฬสินธุ์ ปี ๒๕๕๘

บรรยากาศการ ซ้อมใหญ่ พิธีบวงสรวงพระยาชัยสุนทร ปี ๒๕๕๘
ที่ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘
ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร





https://www.youtube.com/watch?v=RGRxEV1NJx4


https://www.youtube.com/watch?v=8fVILPeqqJc


https://www.youtube.com/watch?v=LSH1PWNCPhE

https://www.youtube.com/watch?v=P7_ItWqvnIg


วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แนะนำเวบใหม่ Theขี้ฝุ่นข้างทาง

มีหลายสิ่ง หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป..
..คนที่เคยร่วมทำงาน เมื่อวันเวลาผ่านเลย เงื่อนไขหลายอย่างของชีวิต ก็เปลี่ยนไป. มาทำแบบเดิม ไม่ได้อีกแล้ว...

เช่นเดียวกับทีมงาน "กลุ่มจุดตะเกียง" หลายคนมีภาระหน้าที่มากขึ้น ไม่มีเวลามาดูแล เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในกลุ่มจุดตะเกียง อีกแล้ว.. แต่ก็มีบางคน อยากทำต่อ แต่ทำในแนวทางของตัวเอง.. เขาถือว่า ที่นี่ เหมือนครู เป็นเหมือนโรงเรียนเล็กๆที่บ่มเพาะประสบการณ์ให้พวกเขา...

มีหลายบล็อก หลายเวบ เกิดขึ้นใหม่ จากคนที่เคยร่วมทำ "กลุ่มจุดตะเกียง" วันนี้ ขอแนะนำ บล็อกแรก

Theขี้ฝุ่นริมทาง
Http://soilontheway.blogspot.com

ข้อมูลที่อยากจะบอก.. บอกในแนวทางของเค้า ถือว่าเป็นหนึ่งบล็อก ที่ต่อยอด จาก "กลุ่มจุดตะเกียง" ที่ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้อัพเดทอะไรบ่อยๆ เช่นวันวาน...

ฝากติดตาม Theขี้ฝุ่นริมทาง
http://soilontheway.blogspot.com
ไว้เป็นอีกแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

40 ภาพบรรยากาศ ปั่นเพื่อแม่ Bike For MoM จ.กาฬสินธุ์ 16 ส.ค.2558

40 ภาพบรรยากาศ ปั่นเพื่อแม่ Bike For MoM จ.กาฬสินธุ์ 16 ส.ค.2558

ถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่พี่น้องประชาชน ชาว จ.กาฬสินธุ์ ก็ออกมาร่วมปั่นเพื่อแม่ กันอย่างคับคั่ง ดังภาพที่นำมาฝากกันนี้

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

Bike for Mom kalasin, ปั่นเพื่อแม่ กาฬสินธุ์

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ฟัง 220 สุดยอดข้อคิดคำคมเตือนหัวใจ พร้อมสียงอ่านจาก 2 เด็กชาย

กับความตั้งใจพิเศษ จากด่านใน

รวม 220 สุดยอดข้อคิด คำคมแปลจากสำนวนอังกฤษ เสียงอ่านโดย ด.ช.ปาณัสม์ ซื่อฐากร + ด.ช.ศิวโรจน์ โล้เจริญรัตน์ ร.ร.บ้านดอนด่านใน ต.ด่านใน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

https://www.youtube.com/watch?v=ZPdw4RYAndE


2clip เสียงอ่าน ด.ช.ปาณัสม์ ซื่อฐากร อ่าน คำคมเตือนใจ

ปาณัสม์ ซื่อฐากร อ่าน 45 สุดยอดคำคม
Thai quote read by panus ข้อคิด สอนใจ สุภาษิต คำคม กำลังใจ แรงยันดาลใจ เสียงอ่านโดย ดช. ปาณัสม์ ซื่อฐากร ( มิ.ย.2558) ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านดอนด่านใน ต.ด่านใน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา Proverb



20 คำคมบุคคลสำคัญ แปลจากภาษาอังกฤษ (1) คำคมบุคคลสำคัญ เสียงอ่านโดย ดช. ปาณัสม์ ซื่อฐากร (8 มิ.ย.2558) ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านดอนด่านใน ต.ด่านใน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา


2 Clipเสียงอ่านของ ด.ช.ศิวโรจน์ โล้เจริญรัตน์ อ่านคำคม ข้อคิดเตือนใจ


ศิวโรจน์ โล้เจริญรัตน์ อ่าน 45สุดยอดคำคม
Thai quote read by siwaroj ข้อคิด สอนใจ คำคม กำลังใจ แรงบันดาลใจ เสียงอ่านโดย ดช. ศิวโรจน์ โล้เจริญรัตน์ (มิ.ย.2558) ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านดอนด่านใน ต.ด่านใน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา




20 คำคมบุคคลสำคัญ (2) แปลจากภาษาอังกฤษ คำคมบุคคลสำคัญ เสียงอ่านโดย ดช.ศิวโรจน์ โล้เจริญรัตน์ (8 มิ.ย.2558) ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านดอนด่านใน ต.ด่านใน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

+++++++++++++

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บัญญัคิการค้า 16 ประการของเถาจูกง

บัญญัติการค้า 16 ประการของ เถาจูกง นักเศรษฐกิจของจีน

ในหนังสือของสมชาติ กิจยรรยง เล่มหนึ่ง ที่บอกหลักการทำการค้า ที่น่าสนใจหลายข้อ หลักการสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างธุรกิจหลายอย่าง น่าสนใจตลอดทั้งเล่ม เนื้อหาเข้มข้นจริงๆ มีบทกวี บัญญัติการค้า 16 ประกาส ที่เขียนเป้นร้อยกรอง ซึ่งน่าจะท่องจำไว้ จะได้เป็นประโยชน์ในการทำการค้าให้ประสบความสำเร็จ และได้กำไรตามที่ต้องการ

เรื่องการค้าขายนั้น ชาวจีนมีฝีมือ และประสบการณ์ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี หลายประเทศหลายเมืองที่มีคนจีนอาศัยอยู่ เราจะพบว่า กิจการค้าขาย เจริญรุ่งเรืองมากๆ คนจีนค้าขายเก่ง จึงมีหลักคิด หลักการปฏิบัติที่น่าสนใจและนำมาปฏิบัติมากมายหลายข้อ หนึ่งในนั้นคือ บัญญัติการค้า 16 ประการ ซึ่งกลุ่มจุดตะเกียงขอหยิบยกส่วนหนึ่งนำมาถ่ายทอด ณ ที่แห่งนี้

หนึ่งจักทำ การค้า อุตส่าห์เกิด
วิริยะ จะประเสริฐ สมใจหวัง
แม้นเกียจคร้าน บอกตรงตรง ว่าคงฟัง
จะต้องนั่ง ตรอมใจ ให้ลำเค็ญ

หนึ่งวางของ ที่จะขาย รายเรียงเรียบ
เป็นระเบียบ หายก็รู้ อยู่ก็เห็น
วางกระจาย หายไม่รู้ ดูยากเย็น
มักต้องเต้น ตรวจสอบ รอบด้านไป

หนึ่งรายจ่าย ทั้งผอง ต้องประหยัด
มัธยัสถ์ เงินงอก ออกไสว
ทำนักเลง เบ่งวุ่นวาย จ่ายเป็นไฟ
เงินจะไม่ ติดเก๊ะ เละเทะแฮ

หนึ่งลูกจ้าง เก่งไพร่ เราใช้ชิด
จะสนิท หรือห่าง ต่างกระแส
ความเที่ยงธรรม ต่อเขา เฝ้าดูแล
ใจแน่วแน่ เลืองลือ นับถือเรา

หนึ่งนั้นหรือ คือสภาพ ไม่หยาบหยาม
พยายาม ดับโมโห อย่างโง่เขลา
อารมณ์ร้าย ขายลำบาก ยากไม่เบา
คนไม่เข้า เหยียบร้าน อานจริงจริง

หนึ่งรับจ่าย รอบคอบ ประกอบไว้
เผลอไม่ได้ เป็นอันขาด อาจยุ่งยิ่ง
ความมักง่าย ร้ายนัก มักประวิง
ความเจริญ หยุดนิ่ง ไม่ใกล้กราย

หนึ่งตื่นตัว อยู่เสมอ เจอโอกาส
กระวีกระวาด ขมีขมัน ทันซื้อขาย
แม้นร่ำไร พลาดโอกาส ตลาดวาย
จะซื้อขาย ไวว่อง จ้องให้ดี

หนึ่งสินค้า เขา เราตระหนัก
ซึ้อมากนัก ขายไม่หมด ลดราศี
ซื้อพอขาย มีของใหม่ ไร้ราคี
จึงควรที่ จดจำ เป็นตำรา

หนึ่งซื้อของ ต้องดู ให้รู้แจ้ง
ความโต้แย้ง กันก่อน ตอนซื้อหา
ครบจำนวน ตรงประเภท ตามเจตนา
คลุมเครือหา โต้เถียงบ่อย พลอยเสียการ

หนึ่งการเปิด บัญชี มีกำหนด
ต้องวางกฎ จ่ายเมื่อไร ให้ไขขาน
ปล่อยให้เชื่อ ยืดเยื้อ เรื้อรังนาน
จะแน่นร้าน แต่คนเก เก๊เต็มทน

หนึ่งรู้ใจ ลูกค้า ที่มาซื้อ
อย่าพร่ำเพื่อ ตามใจ ไปทุกหน
เขาชักดาบ ฟันยับ เราอับจน
กำไรป่น ต้นทุนขาด อนาถนัก

หนึ่งการเงิน การทอง ต้องจะแจ้ง
ขืนเคลือบแคลง รั่วไหล ไม่ประจักษ์
เหมือนตักน้ำ เติมตุ่มรั่ว กลัวจะชัก
ท่านผู้รัก การค้า น่าคะนึง

หนึ่งบัญชี มีเท่าไหร่ ให้หมั่นตรวจ
อย่ายิ่งยวด ตรวจให้รู้ ดูให้ถึง
แม้นเกียจคร้าน การหมุนเวียน หันเหียนตึง
เหมือนถูกดึง อยู่กับที่ ไม่ดีพอ

หนึ่งงานใน ในความ รับผิดชอบ
ควรรอบคอบ ประกอบกิจ ประสิทธิ์หนอ
ยอมทำงาน คร่ำเครียด ละเอียดลออ
ไม่นน่อท้อ แชเชือน เหมือนถูกน็อก

หนึ่งสินค้า เลว หรือดี นี้ต้องชัด
ตัวเองตัด สินใจ ต้องขายออก
อย่าลังเล รีบมุ รุสต๊อค
จึงไม่งอก ดอกเบี้ย เสียเชิงครู

หนึ่งดวงจิต อุเบกขา อย่าหวั่นไหว
ความเสียหาย เกิดเพราะเรา ถูกเป่าหู
ทำการค้า หูเบา เศร้าน่าดู
หมดประตู จะจำเริญ เดินไส้กลวง

จะทำยังไงกับคนสมาธิสั้นในยุคนี้

จะทำยังไงกับคนสมาธิสั้นในยุคนี้

อาจจะเป็นเพราะระบบการศึกษา (เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคน กล่าวโทษ) ที่ทำให้ คนยุคสมัยนี้ สมาธิสั้น ทั้งๆที่มีเทคโนโลยี เครื่องมือมากมาย ที่จะทำให้คนเรา เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น และเลือกสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตมากขึ้น แต่กลับพบว่า ท่ามกลางสิ่งที่มีให้เลือกใช้ เทคโนโลยีมากมาย แต่สมาธิของคนไทย กลับสั้นลง

หรือ เทคโนโลยี มากมาย มันกระชากสมาธิไปจากคนเรา

นาย - " แปลกนะ ยิ่งเจริญก้าวหน้า อะไรๆก็ลดลง คุณธรรม ก็ลดลง น้ำใจก็น้อยลง เทคโนโลยี ความเจริญมากมาย กลับทำให้ คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น"
นาง - " ไม่รู้มันจะรีบอะไรนักหนา ทำอะไรก็ต้องให้เร็ว จะอดทนรออีกนิดก็ไม่ได้"
นาย - "รออะไรเหรอ"
นาง - " ไปเข้าคิว ซื้อส้มตำเจ้าอร่อย แม่ค้าก็สับมะละกอ ใส่เครื่อง และตำให้ตามคิว แต่ไอ้เด็กเวร พยายามเร่ง จะแซงคิว มันจะรีบแดกอะไรนักหนา"
นาย - "มันคงรีบไปทำงาน หรือ มีนัดมั้ง"
นาง - "ถ้ารีบขนาดนั้น มันน่าจะไปสั่งข้าวมันไก่ หรือ ซื้อมาม่ามาต้มกินจะดีกว่า จะได้ทันใจมัน"
นาย - "มันจะรอนิดหน่อยไม่ได้เรอะงัย ทำยังกะเวลาในชีวิตมันเหลือน้อย จะตายวันตายพรุ่งซะงั้นล่ะ"

นาง - "เรื่องอื่นๆ รอไม่ได้ แต่แม่ง มีเวลาอยู่ที่หน้าจอทั้งวัน ทีงี้ ไม่เห็นรีบเล่น แล้วรีบไปทำอย่างอื่นมั่ง อยู่หน้าจอ ไม่เห็นเสียดายเวลาเลย แค่มารอซื้อส้มตำ รอคิวแค่นี้ ทำเป็นจะตาย รอไม่ได้ซะงั้น"
นาย - "ชีวิตมันมีแค่ หน้าจอ อยู่หน้าจอ และหน้าจอ"

นาง - "ถ้าวันนึง เกิดภัยพิบัติ ไฟฟ้าถูกตัดขาด ระบบการสื่อสารล่ม ชีวิตพวกนี้ จะอยู่กันยังไงนะ จะหายใจต่อไปได้รึเปล่า"

นาย - "พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็เซ็งนะ ลูกหลาน แม่งโคตรสมาธิสั้นกันจริงๆ แค่พูด หรือ สอน มันยังไม่ใส่ใจจำเลย เหมือนพูดเข้าหูซ้าย แล้วทะลุออกหูขวาไปเลย ไม่รู้จะทำยังไงดี"
นาง - "สงสัยจะต้องไปพูด ไปสอนใน facebook เพราะมันอยู่หน้าจอตลอด"
นาย - " ไปสอนมันแบบนั้น มันไม่กดไลท์แหงๆ อาจจะบล็อกอีกด้วย"
นาง - "เด็กวันนี้ สมาธิสั้น ชอบอะไรที่สั้นๆง่ายๆ อะไรที่ซับซ้อนมากเกินไป แม่งไม่รู้เรื่อง"
นาย - "พวกนักการเมือง พวกโจรปล้น มิจฉาชีพ คงชอบล่ะ วางแผนปลดทรัพย์ ขโมย โกงเงิน ไอ้พวกสมาธิสั้นคงตามไม่ทัน ถ้าคิดอะไรสั้นๆอย่างงี้"
นาง - " เวลาจะพูดกับมัน ต้องพูดสั้นๆ อย่าซับซ้อนมาก เดี๋ยวมันไม่รู้เรื่อง บางที พูดสั้นๆ คิดว่าจะเข้าใจก็แล้ว แต่มันยังไม่เข้าใจ ไม่ใส่ใจ สงสัยจะต้องแปลงให้เป็นภาษาวัยรุ่น เปลี่ยนคำพูดให้เหมือนที่โพส ใน facebook หรือ twitter"
นาย - " นี่จะต้องจำกัดความยาว 140 ตัวอักษร จะพูด จะบอกอะไรต้องย่อความให้สั้นก่อนงั้นเหรอ"
นาง - "หลายเรื่อง ก็ต้องพูด อธิบายให้เข้าใจที่มาที่ไป รายละเอียด นี่จะให้ย่อเหลือ 140 ตัวอักษร ทำเป็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์งั้นสิ"
นาย - "พาดหัวหนังสือพิมพ์นี่ละตัวดีเลย หลายข่าวพาดหัวแรงๆ คนอ่านก็คิดว่า มันรุนแรง มันแย่มากๆขนาดนั้น หลายพาดหัว เป็นแค่คำพูด หรือ สิงที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ทำให้คนคิดว่า มันเป็นจริง มันรุนแรงและมันยังเกิดเหตุการณ์นั้นอยู่ ... ถ้าเปิดอ่านรายละเอีนด เนื้อหาข่าว คนอ่านจะเข้าใจที่มาที่ไปของข่าวนี่น แต่หลายคนเห็นหัวข้อ ก็รีบมโนไปเองว่า มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คิดเอาเอง ยังกะเป็นคนเขียนบท หรือ ผู้กำกับการแสดง"
นาง - " คนยุคนี้ มันไม่ยอมเสียเวลาที่จะอ่านอะไรยาวๆ ถ้าไม่สนใจเรื่องนั้นจริงๆ ชอบมโนเอาเอง"
นาย - " เหนื่อยเลยนะ ลูกหลาน ยิ่งคิดน้อยๆ ใช้สมองน้อยๆ ไม่อดทน แบบนี้ ยิ่งจะเป็นคนไม่รอบคอบ คิดไม่เป็น เพราะมีข้อมูล ความรอบรู้ในสมอง มีน้อย ใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ถ้ามีใครมาหลอกลวง กว่าจะรู้ตัว ก็เสียอะไรไปเยอะแล้ว"
นาง - " สอนเด็กยุคนี้ ที่สมาธิสั้น คงต้องเหนื่อยหน่อยล่ะ พูด บอก เตือน สอน กว่าจะเข้าหู กว่าจะสำนึก คงต้องย้ำๆๆๆ หลายสิบหลายร้อยครั้ง เด็กสมาธิสั้น ก็จะเสียเปรียบเด็กที่สมาธิยาว สมาธิสูง เพราะพวกนั้น สามารถที่จะควบคุมคนสมาธิสั้นไว้ใต้อำนาจได้เลย"
นาย - "เราสอนเด็กๆตอนที่อยู่ในบ้าน อยู่กับเราได้ แต่พอเค้าเติบโต ออกไปสู่โลกภายนอก เราไม่สามารถที่จะตามไปดูแล ปกป้องพวกเขาได้ตลอดเวลานะ ที่เหลือจากนั้น ก็อยู่ที่ตัวของพวกเขาเองล่ะ"

วิธีลืมเรื่องเลวร้ายที่ได้ผล

วิธีลืมเรื่องเลวร้ายที่ได้ผล

1.จดจ่อกับปัญหาและความเจ็บปวดให้ได้
2.หาวิธีแก้ไขที่ไม่ซับซ้อน เพื่อให้สมองไม่ต้องค้นหา สมองจะได้ผ่อนคลาย
3.กำหนดเวลาและสั่งสมองว่า เราจะแก้ปัญหาเมื่อไร เมื่อถึงเวลานั้นสมองก็จะหยุดค้นหา และเลิกคิดถึงปัญหานั้นๆ
4.ไม่ต้องใส่ใจสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่นำไปสู่ความทรงจำเลวร้ายอีก
5.ให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในปัญหา ด้วยการเขียนหรือเล่าให้รู้
6.ลดอารมณ์ที่ควบคู่กับความทรงจำ ต่อสู้ จดจ่อ และสั่งความคิด เราได้ลบมันทิ้งไป

ธรรมะไม่ฝังลงไปในใจ ใกล้พระแต่ใจมีกิเลส

ธรรมะไม่ฝังลงไปในใจ ใกล้พระแต่ใจมีกิเลส

หลวงพ่อคูณ เป็นพระที่หลายคนนึกถึงในแง่มุมต่างๆ ส่วนนึง คือ ท่านมีหลักธรรมะคำสอนที่ใช้คำพูด และภาษาง่ายๆ เข้าใจง่าย ประชาชนทั่วไป นำไปยึดถือ ปฏิบัติ หรือทำสติกเกอร์ติดรถ เห็นข้อความแล้ว จำได้ขึ้นใจ

หลวงพ่อคุณ อยู่ที่วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา แต่มีคนรู้จัก เคารพศรัทธา และนับถือท่าน ทั่วประเทศ เมื่อท่านมรณภาพ และมีการนำสรีระร่างของท่านไปที่ จ.ขอนแก่นตามพินัยกรรมของท่าน พุทธศาสนิกชน จากทั่วสารทิศ ต่างมุ่งหน้าเดินทางไปกราบสรีระร่างกายของหลวงพ่อคุณ ที่ขอนแก่นกันมากมาย ถึงแม้หลวงพ่อคูณจะพูดภาษาไทยแท้ "กู มึง" ที่ฟังดูไม่สุภาพสำหรับคนยุคปัจจุบัน แต่คำสอนกลับเข้าไปอยู่ในใจคนมากมาย .. มากกว่า พระหลายรูป ที่มีเทศนาธรรม ได้ออกสื่อ มีตารางเดินสายไปบรรยายธรรมะในสถานที่ต่างๆ

แต่พระหลายรูป ที่เดินสายไปเทศนา บรรยายธรรมะ ยังไม่ค่อยมีใครทำสติกเกอร์ คำพูด คำสอนออกมาเผยแพร่ เหมือนสติกเกอร์ของหลวงพ่อคุณ

พระหลายรูป มีชื่อเสียง และผู้คนศรัทธา นับถือ เพราะการบรรยายธรรมะ พูดธรรมะ จนผู้คนยกย่อง ศรัทธา นับถือ แต่สำหรับหลวงพ่อคุณ ท่านปฏิบัติยิ่งกว่านั้น จนอยู่ในใจผู้คนเป็นระยะเวลายาวนาน

แม้ธรรมะ คำสอนของหลวงพ่อคูณ อยู่ในใจของหลายคน แต่มนุษย์ มีหลายระดับ เปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า แต่ละระดับ ก็จะรับรู้ เข้าใจ สิ่งต่างๆ ได้ไม่เท่าเทียมกัน

มีคนสงสัย และถามว่า ทำไม กลุ่มคนที่อยู่ใกล้หลวงพ่อคูณ อยู่ใกล้วัดบ้านไร่ ทำไมถึงไม่ซึมซับ เอาคำสอนของหลวงพ่อคูณเข้าไปในจิตใจของตนเองบ้าง อยู่ใกล้น่าจะรับคำสอน ได้อย่างเข้มข้น เข้าใจได้มากกว่าคนที่อยู่ไกลๆ.. ทำไม ถึงเกิดเรื่องราวความขัดแย้ง เร่องทรัพย์สิน ทรัพย์สมบัติภายในวัดบ้านไร่ หลังจากที่หลวงพ่อคูณมรณภาพไปแล้ว ทั้งๆที่หลวงพ่อคูณ ท่านเขียนพินัยกรรมไว้อย่างชัดเจน มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจน แต่ทำไม คนที่อยู่ใกล้ๆหลวงพ่อคูณ ไม่ซึมซับ ไม่คิดอย่างที่หลวงพ่อคูณ ปฏิบัติ และสอนไว้บ้าง

ขึ้นชื่อว่า มนุษย์ไซร้ จิตใจยากแท้หยั่งถึง เห็นเข้ามาอยู่ในวัด อยู่ใกล้พระ รับใช้ใกล้ชิด ก็ใช่ว่า ทุกคนจะปฏิบัติตามคำสอนได้ทั้งหมด...

เรื่องแบบนี้ต่างจิตต่างใจกันจริงๆ

ชีวิตเดิมๆของช่างซ่อมรถที่ด่านขุนทด ในวันที่หลวงพ่อคูณจากไป

ชีวิตเดิมๆของช่างซ่อมรถคนด่านขุนทด ในวันที่หลวงพ่อคุณจากไป

เขาเป็นคนด่านขุนทดตั้งแต่เกิด รู้จัก และเคยไปกราบหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่วัดบ้านไร่ตั้งแต่เรียนชั้น ม.5 ถือได้ว่า เป็นลูกหลานของหลวงพ่อคูณ ลูกหลานชาวด่านขุนทดขนานแท้ แต่ในวันที่หลวงพ่อคูณมรณภาพ และสรีระสังขาร เคลื่อนไปที่ขอนแก่น ไปเป็น อาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไม่ได้กลับมาที่วัดบ้านไร่ ให้ได้กราบ อีกต่อไป เขาก็อยากจะมีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่อคุณ ที่ขอนแก่นเช่นกัน

ตั้งใจไว้ว่า ในวันหยุด เสาร์ที่ 24 พ.ค.2558 จะเดินทางไปขอนแก่น ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ประชาชนทุกคนจะมีโอกาสได้กราบสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ก่อนที่จะมีพิธีเคลื่อนย้ายไปยังคณะแพทย์ศาสตร์เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดอง หลังจากนี้ไปอีก 3 ปี จึงจะได้กราบหลวงพ่อคูณอีกครั้งในพิธีศพของท่านในเดือนมิถุนายน 2561

"แกไปกราบท่านรึยัง"
"จะไปพรุ่งนี้ล่ะ ขึ้นรถหน้าที่ว่าการอำเภอด่าน รถฟรี ออกตอน 8.30 น. วันสุดท้ายแล้ว"
"คนคงจะแย่งกันไป ต้องรีบไปแต่เช้า ไม่งั้น รถจะเต็มซะก่อน"
"ฉันว่าจะไปรถไฟ ดูข่าวบอกว่า จัดรถไฟฟรี จากโคราช ไปขอนแก่น แล้วจะมีรถมารับไปยังบริเวณงาน ให้ไปกราบหลวงพ่อคูณด้วย"
"แล้วแกจะไปรึเปล่า" เพื่อนคนหนึ่งหันมาถามเขา เขาพยักหน้า ด้วยความตั้งใจแน่นแน่ว่าจะไปกราบท่านในวันสุดท้าย



หลังทานข้าวมื้อเที่ยงวันนั้นผ่านไป เขากลับเข้าไปทำงานในร้านอู่ซ่อมรถ ริมถนนมิตรภาพในตัวเมืองโคราช มีลูกค้านำรถมาเข้าอู่สองคัน ต้องการให้ซ่อมรถให้เสร็จในวันที่ 25 พ.ค.2558 เพราะจะรีบเอาไปขนสินค้า ส่งให้ลูกค้าถึง กทม เขาและทีมช่างซ่อมรถ อีก 2 คน จึงต้องรับงานชิ้นนี้

"โห ให้ซ่อมสองคันนี่ให้เสร็จ ภายใน 3 วันนี่ จะทันมั้ยน้อ"
"เช็คสภาพแล้ว ทันแน่นอน ถ้ามึงไม่อู้งานน่ะ ยังไงก็ทัน"
"มึงบอกว่า อยากไปกราบหลวงพ่อคูณที่ขอนแก่น ในวันที่ 24 งั้นมึงต้องรีบซ่อมรถให้เสร็จภายใน 2 วัน ไม่งั้นอดแน่"
"เอาว่ะ ลุย.."

เขาและเพื่อนร่วมงาน ต่างลงมือทำงานทันที จนถึงช่วงเย็น แต่ละคน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า

"ขอพักซักครึ่งชั่วโมงนะ"
"กูจะไปซื้อน้ำ กะขนมที่ เซเว่น มึงจะเอาอะไรรึเปล่า"
"ฝากซื้อเอ็ม 150 ขวดนึง"
"กูเอากาแฟ กระป๋องนึง น้ำเปล่าขวดนึงนะ"
"เออ เดี๋ยวกูมา เดี๋ยวกูออกตังค์ให้ก่อน เดี๋ยวพวกมึงค่อยจ่าย ตอนปิดร้านละกัน"

เขาเดินไปที่ร้านเซเว่นที่ปากทาง เห็นมีคนหลายคน มายืนแถวนั้น ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ ที่ริมฝั่งถนนทั้งสองฝั่ง มีสองกลุ่ม กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ แบบนี้ คงจะมีเรื่องกันล่ะมั้ง... เขาพยายามหาทางเดินเลี่ยงบริเวณนั้น จะได้เข้าร้านเซเว่น ซื้อของให้เร็วที่สุด แต่ถนนเส้นนั้น เป็นซอยแคบๆ เขาจึงต้องเดินไปด้านหลังคนกลุ่มหนึ่ง ด้านที่ติดกับเซเว่น เดินอ้อมคนที่ยืนแถวหลังอย่างตัวลีบ

"เฮ๊ย!! ลุย"
กลุ่มคนที่อยู่อีกฝั่งถนน โยนก้อนหินมา ก้อนหนึ่งโดนหัวของเขา ฝ่ายคนที่ยืนอยู่ฝั่งที่เขาเดินอยู่ ถือไม้แล้วรีบวิ่งเข้าหาอีกฝั่ง สองฝ่ายวิ่งเข้าหา ปะทะกัน ชุลมุน มีใครคนหนึ่งจากฝั่งถนนตรงข้าม เหวี่ยวไม้มาเกือบโดนเขา เขารีบวิ่งเข้าไปในร้านเซเว่น

ข้างนอก ชุลมุนอยู่พักหนึ่ง เมื่อมีใครคนหนึ่งขับรถกระบะ แล่นเข้ามาบริเวณนั้น เขาได้ยินนักเลงฝ่ายหนึ่ง ตะโกนขึ้นมาว่า เอ๊ย ไอ้นั่นมาแล้ว ถอยก่อนๆๆๆ แล้วสถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลาย....

เขารีบซื้อของตามที่เพื่อนฝากซื้อ รีบจ่ายเงินแล้ว รีบหิ้วถุงออกจากร้านทันที จู่ๆ มีคนขี่มอเซอร์ไซต์มาที่บริเวณนั้น ลงจากรถแล้ว ชี้หน้าด่าฝ่ายตรงกันข้าม เขาเดินเข้าไปในซอยไม่ได้ เพราะคนสองกลุ่ม ยืนประจันหน้ากัน ปิดทางเข้าซอย และแล้ว ทั้งสองฝ่าย ก็เริ่มตะลุมบอนกันอีกครั้ง

"โอ๊ย.."
เขาโดนลูกหลงอีกแล้ว คนฝ่ายที่ยืนอยู่ฝั่งถนนเดียวกันเขา หันมามอง แล้วถามว่า ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย แล้วหยิบไม้ให้เขา แล้วดึงมือเขาออกไปสู้กับฝ่ายตรงกับข้าม เขาเซตามแรงผลัก เขาไปอยู่ในวงที่เกิดเรื่องตีกัน เขาโดนไม้หน้าสามตีเข้าที่แขน เขารีบหลบออกมาจากบริเวณนั้น คนสองกลุ่มตีกันอยู่พักหนึ่ง ตำรวจก็มาถึง เขารีบเดินเข้าซอย ไปยังร้านซ่อมรถทันที

"เฮ๊ย อะไรวะ ฝากซื้อกาแฟกระป๋อง กะน้ำ นี่มึงได้เลือดเลยเหรอ"
"โคตรซวยจริงๆว่ะ ดันไปเจอคนตีกันพอดี กูเลยโดนลูกหลง"
"ถือซะว่า ฟาดเคราะห์ละกันนะ"
"โดนฟาดแบบนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะโว้ย ดีไม่โดนหัวแตก"
"ทำงานไหวรึเปล่าวะ"
"พักสักชั่วโมงก่อนก็ได้นะมึง ไปหาทายาแก้ฟกช้ำก่อน เดี๋ยวสักครึ่งชั่วโมง มึงค่อยมาทำงานต่อ"
"เออ ก็ได้ว่ะ"

เมื่อได้พัก เขาจึงเดินไปที่ร้านอินเตอร์เนตคาเฟ่ พักสักชั่วโมง เล่น facebook ทักทายเพื่อนฝูงซะหน่อย นี่เป็นอีกหนึ่งความสุขเล็กๆในชีวิตของเขา

เดินเข้ามาในร้าน ก็เจอหนุ่มคนหนึ่ง มายืนมองๆ แปลกๆ เขาเดินไปถามเจ้าของร้าน ว่า ไอ้หนุ่มนั่น มารอใครเหรอ เจ้าของร้านตอบว่า เห็นบอกว่า รอเพื่อน ตะกี้เข้าไปถามว่า จะเล่นเนตมั้ย มันบอกว่า รอเพื่อนแป๊บนึงก่อน ถึงจะเล่น

"แปลกนะ แทนที่จะนั่งเล่นรอเพื่อน นี่มันจะยืมเงินเพื่อนมาเล่นเนตรึยังไง"
เขานั่งเล่นเนต ที่เครื่องเบอร์ 9 ในร้านส่วนใหญ่ มีแต่เด็กๆ มานั่งเล่นเกม กันเต็มเกือบทุกโต๊ะ เขาสังเกตเห็น หนุ่มคนนั้น เข้าไปถามเด็กคนนั้น คนนี้ ว่า ว่างมั้ย จะให้ไปช่วยยกของ มีค่าขนมให้ คนละ 100 บาท เลยนะ ไปแป๊บเดียว เขาได้ยินเด็กหลายคน ปฏิเสธ ไม่อยากไปไหน อยากจะเล่นเกมส์มากกว่า

ไอ้หนุ่มคนนี้ พยายามเข้าไปถามเด็กคนนั้น คนนี้ ..

แปลก.. มันจะมาเอาเด็กตัวเล็กๆ ไปช่วยยกของทำไมกัน ทำไมไม่จ้างผู้ใหญ่ ที่มีกำลังวังชามากกว่าเด็กๆล่ะ
"พี่ เดี๋ยวผมไปช่วยยกของให้ก็ได้ ที่ไหนล่ะ"

ไอ้หนุ่มคนนั้น หันมามองหน้า แล้วบอกว่า ไม่เป็นไร แต่เขาบอกว่า เขาช่วยยกให้ก็ได้ ไอ้หนุ่มคนนั้น รีบเดินออกมาจากร้านเนตทันที

จนกระทั่งเขาเล่นเนต ครบเวลา จึงเดินออกมา เห็นผู้ชายคนที่เจอในร้านเนต เดินอยู่ข้างหน้าเขา มีเด็กคนหนึ่งเดินตามเขาไปด้วย

"อะไรวะ หาเด็กไปยกของจนได้ ทำไมมันต้องให้เด็กไปช่วยยกวะ"
เขาเดินต่อไป จะกลับไปทำงานที่ร้าน

"เอ๊ะ นั่น จะพาลูกชั้นไปไหนน่ะ" เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา เมื่อมองไป เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา
เขาหันกลับไปมองที่หนุ่มคนนั้น เห็นก้มลงอุ้มเด็ก แล้วรีบวิ่งทันที...

"แก๊งขโมยเด็ก !!!"

พอได้ยินเสียงตะโกน เขาก็รีบวิ่งตามชายคนนั้นทันที เสียงตะโกนเรียก ทำให้คนในซอยนั้น โผล่ออกมามุงดู ชายคนนั้น รีบปล่อยเด็กลง แล้วรีบวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้น เขารีบวิ่งไปดักอีกทาง โผล่มาตรงทางแยก หนุ่มคนนั้น วิ่งเข้ามาชนเขาพอดี จนเขาล้มโครม กระเด็นไปชนเข้ากับถังขยะ หัวเขาไปชนโดนอะไรสักอย่าง หนุ่มคนนั้น ก็ลุกขึ้นวิ่งหนีต่อไป

เขาเดินลูบหัว กลับเข้าไปที่ร้าน เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนร่วมงานฟัง

"เฮ๊ย ให้ไปพัก ดันซวยไปเจอเรื่องใหม่อีก เจ็บหัวมาอีกแล้ว แบบนี้ ดวงไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ต้องไปทำบุญซะแล้ว"
"วันนี้ พอแค่นี้ดีกว่า จะปิดร้านแล้ว กลับบ้านกันดีกว่า พรุ่งนี้ ค่อยมาทำงานต่อ"

ระหว่างนั่งรถโดยสารกับด่านขุนทด เขารู้สึกปวดเนื้อปวดตัว พอสมควร คงเกิดจากสิ่งที่เขาได้เจอในวันนี้ เขาอยากจะกลับให้ถึงบ้าน จะได้กินยาแก้ปวดและเข้านอน.. "รถติดขบวนอะไรเหรอ เห็นจอดแช่ตั้งนานแล้ว"
"ปิดถนน มีขบวนแห่งานอะไรรึเปล่า"
"รถข้างหน้า ต่อแถวยาวเลย รถติดเหมือน กทม อีกแล้ว"
รถค่อยๆ ขยับๆ ไปเรื่อยๆ จนผ่าน จุดที่เกิดอุบัติเหตุ รถชนกัน มีเจ้าหน้าที่กู้ภัย เอารถยก ลากรถที่เกิดอุบัติเหตุออกจากช่องทางจราจรแล้ว รถบนถนนจึงค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาจากบริเวณนั้นได้

กว่าจะนั่งรถมาถึงหมู่บ้าน เกือบสองชั่วโมง...

"โอย ไม่ไหวแล้วพ่อ งานที่ร้านก็ยังไม่เสร็จ แบบนี้จะได้ไปงานหลวงพ่อคุณ มั้ยน้อ"
"ถึงไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไรหรอก ความนับถือมาจากใจ เคารพนับถือท่าน เอาคำสอนของท่านมาปฏิบัติเป็นทางนำชีวิต นี่ก็ตรงตามเจตนาของหลวงพ่อคุณ เช่นกันนะ ท่านสอนให้พวกเราเป็นคนดีนี่"
"ดูข่าวในทีวี แล้วน้อมส่งจิต ระลึกถึงท่านก็ได้ ปลายเดือนนี้ ในตัวเมืองโคราช ก็จัดสวดมนต์บำเพ็ญกุศล ครบ 15 วันที่หลวงพ่อคุณจากไป เราไปร่วมงานที่วัดก็ได้นะ"


เขาพนมมือขึ้นท่วมหัว ระลึกถึงหลวงพ่อคุณ ยังมีคนอีกหลายล้านคน ที่ไม่ได้ไปกราบสรีระร่างของหลวงพ่อคูณที่ขอนแก่น เหมือนกับคนด่านขุนทดอีกหลายคน ที่ไม่มีโอกาสได้ไปขอนแก่น เช่นกัน

ชีวิตของคนธรรมดาๆของเขา ไม่ใช่คนเด่นคนดัง เรื่องราวไม่ดราม่า น่าสนใจสำหรับใครๆ ชีวิตรายวันที่เจอเรื่องราวริมถนน จนไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อคูณตามที่ตั้งใจไว้ แต่ท่านยังอยู่ใกล้ๆ อยู่ในใจ ไม่ใช่ใกล้แค่เหรียญหลวงพ่อคุณรุ่นเก่า ที่มีคนถามซื้อจากเขาหลายๆครั้ง...

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สูตรยารัชกาลที่ ๕ รักษาโรค

สูตรยา รัชกาลที่ ๕
รักษาโรค (เผยแผ่ เป็นธรรมทาน)

ถ้าหายแล้ว ให้ทำบุญ
ถวายสังฆทาน อุทิศให้
เสด็จพ่อ ร.๕

สูตรยา มีดังนี้
๑. น้ำส้มสายชูกลั่น อ.ส.ร. ๒ ช้อนชา
๒. น้ำผึ้งแท้ ๒ ช้อนชา
๓. เกลือป่น ครึ่ง ช้อนชา

รับประทานโดย ชงกับน้ำอุ่น 1 แก้วกาแฟ
วันละ ๒ ครั้ง ก่อนอาหารเช้า 15 นาที
และก่อนนอน จะหายจากโรคเบาหวาน
โดยสิ้นเชิง
ผมเป็นมา ๕ ปี ตอนนี้หายหมดทั้ง ๕ โรค
ทั้ง ความดัน เบาหวาน ภูมิแพ้
โรคหัวใจ และไขมันอุดตันในสมอง
หายหมดแล้วครับ
สูตรยานี้ เสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕
ทรงประทานให้ ถ้าท่านหายจากโรค
เบาหวานแล้ว ให้ท่านทำบุญถวาย
สังฆทาน ๑ ชุด อุทิศบุญกุศลให้
เสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕
ชึ่งท่านเป็นผู้บอกสูตรยานี้มา

ดูคลิปนี้แล้วมีความสุข การดำเนินชีวิตอย่างมีสติ

ดูแล้วชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น
..ไม่ใช่เพราะเห็นว่าคนมีทุกข์กว่า แต่เห็นคนที่ทุกข์แสนสาหัสทั้งกายใจ สามารถก้าวผ่านเอาชนะอารมณ์ ความรู้สึกปรุงแต่ง แล้วพบความสุขทางใจโดยไม่ต้องวิ่งหนีสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...

ข้อคิดดีๆคือ..
"การปฏิบัติธรรม คือ การดำเนินชีวิตอย่างมีสติ"

คนจำนวนมากกลัวความเจ็บป่วยและความตาย ทั้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วมันก็นำมาซึ่งความทุกข์ ทั้งที่เรายังไม่ได้ป่วยด้วยซ้ำ..

กายท่านป่วย แต่ใจท่านสว่างไสวด้วยธรรมะ..

อ.กำพล
http://www.youtube.com/watch?v=4EXI4ynRR_c

ขอคืนพื้นที่ : ขำขัน

ขำขันมั่ง ของทหาร


::: ขอคืนพื้นที่ :::

สามี : สะกิดภรรยาแล้วบอกว่า “เรามาปรองดองกันดีกว่านะ…อิอิ”

ภรรยา : วันนี้ฉันเหนื่อยไม่มีอารมณ์ปรองดองด้วย

สามี : พูดด้วยอารมณ์ไม่สมหวัง “ฉันให้เวลาเธอ 30 นาที ถ้าเธอไม่พร้อม ฉันพร้อมอาวุธประจำกาย จะขอบุกเพื่อขอคืนพื้นที่

ภรรยา : ถ้าเธอจะบุกเพื่อขอคืนพื้นที่ในคืนนี้ ก็จะมีแต่ความเสียหายทั้งสองฝ่าย เพราะว่าคืนนี้พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่สีแดงมา 2 วัน แล้วยังไม่ถูกยกเลิกเลย.

สามี : งั้นดีแล้ว คืนนี้ ฉันจะออกไปข้างนอก ไปขอกระชับพื้นที่กับ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย…อิอิ

ภรรยา: ถ้ามึงไปกระชับพื้นที่ข้างนอกกูจะไปซุ่มโจมตีและไม่รับรองความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของมึงขอเตือนครั้งที่ 1... โปรดฟังอีกครั้ง...


555

กินก๋วยเตี๋ยวให้หลีกเลี่ยงเส้นเล็ก

เพิ่งอ่านเจอเดี๋ยวนี้เอง กินก๋วยเตี๋ยวให้หลีกเลี่ยงเส้นเล็ก เพราะใส่สารกันบูดเยอะมากกว่าเส้นอื่น ประมาณ 17 เท่า บะหมี่กับวุ้นเส้นไม่ใส่เพราะทำมาจากข้าวสาลีและถั่วเขียว ส่วนเส้นขาว ทำมาจากแป้งข้าวจ้าวซึ่งมีความชื้นสูง จึงต้องใส่สารกันบูดและสารอีก 2 ตัวที่เป็นอันตรายต่อตับและไต เส้นขาวจากแป้งข้าวจ้าว เพียงวันเดียวก็บูดเสียแล้ว เขาจึงใส่สาร ให้สังเกตุเวลาลวกน้ำจะขุ่น เวลากินเส้นจะเหนียวนุ่มกัดไม่ค่อยขาด แป้งข้าวจ้าวปกติจะไม่เหนียว ทางภาคอิสานจะพบมากในปริมาณสูง กินก๋วยเตี๋ยวกันเกือบทุกวันระวังนะ มันสะสมครับ

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ลูกคุณก็น่ารักสำหรับคุณเท่านั้น

ลูกคุณก็น่ารักสำหรับคุณเท่านั้น...

ทุกคนล่ะ ย่อมที่จะเข้าข้างตัวเอง มองด้วยมุมของตัวเอง นึกถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก

หลายครั้งเลย กับคนที่เราคิดว่า ดีเลิศ เหมาะสม น่ารัก น่าเอ็นดู แต่กับคนอื่นๆแล้ว ไม่รู้สึกดี น่ารำคาญ น่าเบื่อ ไม่อยากอยู่ใกล้

หลายต่อหลายครั้ง ที่ความรัก ความสุขในสายตาของคุณ กับลูกของคุณ เป็นความทุกข์ของคนอื่น เวลาที่ลูกคุณซน เล่นกับเด็กอื่นๆ เมื่อเกิดเรื่องราว ทะเลาะเบาะแว้งกัน พ่อแม่หลายคน รีบตัดสินทันทีว่า ลูกของตน ถูกเสมอ ทั้งๆที่ยังไม่ได้สอบถาม เรื่องราว ต้นสายปลายเหตุใดๆเลย

เรียกว่า ลำเอียง เข้าข้างกันตั้งแต่แรก....

พ่อแม่หลายคน ลูกทำสิ่งที่น่ารำคาญ ก็ยังบอกว่ามันน่ารัก
ลูกพูดโกหก ตอแหล ก็บอกว่า ไม่เป็นไร เด็กยังไร้เดียงสา ทำอะไรก็น่ารัก
เวลาลูกไปทำบางอย่าง ที่ไม่เหมาะสม ไปกะเพื่อน แล้วมีคนเห็น เอามาบอกพ่อแม่ อยากให้ตักเตือนลูก ไม่ให้ทำผิดอย่างนั้น พอลูกมาแก้ตัวว่า คนที่มาฟ้องน่ะ เกลียดหนู พยายามหาเรื่อง ใส่ความหนู .. คนที่มาฟ้อง ก็โดนด่า อีกล่ะ .. ลูกตัวเอง ดีตลอด ถูกเสมอ

"เกลียดนัก กับคนที่เลี้ยงลูก ตามใจลูกแบบนี้"
"นี่ละตัวปัญหาสังคมในอนาคต"

พ่อแม่ยุคก่อน ยังรู้ว่า อะไรควรไม่ควร แต่..ยุคนี้ ยุคที่คนเห็นแก่ตัวมากเหลือเกิน ทำอะไรไม่ค่อยแคร์ใคร อาจเป็นเพราะว่า ถูกตามใจมาก่อน พอมาถึงรุ่นลูก ก็ตามใจลูกแบบที่ตัวเองเคยถูกตามใจ จึงไม่รู้ว่า อะไรควรไม่ควร อะไรผิดหรือถูก... ความผิดถูก คือ ความรู้สึกของตัวเองที่จะตัดสินว่า อะไรดีไม่ดี...

"ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็จะมีแต่คนหน้าด่านน่ะสิ"
"สังคมคงจะวุ่นวายมากกว่านี้"
"นี่ ทุกวันนี้ ยังไม่วุนวายมากพอเหรอ"
"โอย แค่จิ๊บๆ เดี๋ยวยิ่งจะวุ่นวายหนักกว่านี้ ยังกะโลกจะระเบิด"

ยิ่งคนมีมากขึ้น ความโลภมากขึ้น ความเห็นแก่ตัวมากขึ้น โลกเบี้ยวๆใบนี้ ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น แต่ยังดี ที่ในสังคม ยังมีคนที่รู้จักผิดชอบ ชั่วดี ความเหมาะสม ไม่เหมาะสมอยู่มากเช่นกัน เลยเกิดความขัดแย้ง ระหว่างคนสองแบบ สองความคิด .. ความน่ารักสำหรับคนนึง จึงเป็นความน่าเกลียดสำหรับคนอีกคน

"เรามีความรู้ มีข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็ก มากมาย หลายวิธี แต่คนยุคนี้ ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เพียงปลายนิ้ว กลับโง่ที่จะสนใจเลือกสิ่งที่ดีๆ วิธีการเลี้ยงลูกที่ดีๆ เอาแต่มัวสนใจสิ่งจอมปลอม มัวแต่ยุ่งกับตัวเอง ยุ่งกับหน้าจอ เห็นแก่ตัวมากขึ้น สังคมและผู้คนยุคใหม่ จึงเป็ยแบบนี้ล่ะ"

เป็นคนที่ทำตัวน่ารัก สำหรับพ่อแม่ คนในครอบครัวเท่านั้น
แต่ในสายตาคนอื่นๆ โคตรน่าเกลียดจริงๆ

เราจะทำตามสัญญา

เราจะทำตามสัญญา

เห็นประโยคนี้ หลายคนคงคิดว่า นี่ จะพูดเรื่องการเมืองของไทยอีกแล้วล่ะสิ...

"เป็นสาวกของ คสช.แล้วเหรอ"
"ศรัทธา ชื่นชอบ ยกย่องทหารแล้วล่ะสิ"
"ฟังเพลงนี้ทุกวัน จนชอบร้อง กลายเป็นเพลงฮิตเพลงโปรดไปแล้วเหรอ"

แหม เพียงแค่เห็นข้อความ ทำให้หลายคน คิดไปไกลถึงโน่นเลย ทั้งๆที่ หยิบข้อความนี้มา เพื่อจะพูดในอีกแง่มุมหนึ่งต่างหาก

พูดในแง่มุม ที่แตกต่างออกไป

ไม่ว่าจะมี คสช หรือ ไม่ แต่ประเด็นนี้ ก็เป็นสากล ที่ทุกคนนึกถึง

นั่นคือ คำว่า "สัญญา"

ถ้านึกถึงเรื่องการเมือง เราได้ยินนักการเมือง พูดถึงสิ่งที่จะทำหลายอย่าง เหมือนกับให้สัญญาไว้ว่า จะได้อย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าคนของพรรคฉันได้รับเลือกตั้งเยอะๆ

ถ้านึกถึงเรื่องการสอบเข้าเรียนต่อ หรือ สอบปลายภาค ถ้าลูกสอบได้ที่ 1 หรือ สอบเข้าคณะวิชานั้นได้ พ่อกับแม่สัญญาว่าจะให้......."

ไม่ว่าเร่องอะไรก็ตาม มนุษย์จะต้องมีสัญญากับใครสักคนเสมอ

เมื่อหวังสิ่งใดก็ตาม การจูงใจที่จะให้ลงมือทำสิ่งนั้น หรือเพื่อให้ได้สิ่งนั้น มักจะมีคำสัญญา ว่าจะให้บางสิ่ง เป็นการตอบแทนความพยายามนั้น

ถ้าไม่มีสัญญา ก็เหมือนไม่มีแรงจูงใจที่จะกระทำสำเร็จตามสิ่งที่หวัง

"สัญญา" ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ เราไม่เคยเห็นว่า มด หมา แมว นก หนู ช้าง ม้า วัว ควาย เคยให้สัญญาอะไรกับพวกเดียวกัน ก็ใแต่มนุษย๋เรานี่ล่ะ ที่สัญญิงสัญญา อะไรไว้มากมาย..

ไม่รู้สินะ ทำไมต้องเอาอะไรมาล่อ ต้องมาให้สัญญาว่าจะ... อย่างนั้นอย่างนี้ หลายคนลงมือทำสิ่งต่างๆตามเป้าหมาย โดยไม่ต้องมีใครมาสัญญาว่าจะให้ ว่าจะ... อะไรต่อมิอะไร

สิ่งนี้ ก็แสดงว่า มนุษย์เรา ขี้เกียจ หรือ มีความมั่นใจในตัวเองน้อยเกินไป ไม่ยอมทำสิ่งที่ควรจะทำ แต่ไปทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ

เมื่อสัญญา เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันความเป็นมนุษย์

เราจึงต้องทำตามสิ่งที่ลั่นวาจาไว้

10วิธีสร้างความสำเร็จในวิชาชีพ

10วิธีสร้างความสำเร็จในวิชาชีพ วิธีช่วยการทำงานให้ประสบความสำเร็จ 10 ข้อ (จากหนังสือของสมชาติ กิจยรรยง)



1.กัลยาณมิตร
2.ความถนัดส่วนตัว
3.อิทธิบาท 4 ได้แก่
- ฉันทะ - ความพอใจ รักชอบ
- วิริยะ - ขยัน - พากเพียร
- จิตตะ - เอาใจจดจ่อ
-วิมังสา - ทบทวน วิจัย ประเมิน

4.การวางแผน - การวางแผนล่วงหน้า ก็ได้ประโยชน์
5.ติดเป้าหมาย -- มุ่งมั่นสู่เป้าหมาย + มีความรัก , พอใ, เข้าใจในงาน
6.รู้จักบริหารกาย - ช่วยให้ทำงานสำเร็จ
ร่างกายที่มีกำลัง เป็นบ่อเกิดของความสุข ความสำเร็จ

7.บริหารชีวิต
- พยายามอยู่ในที่สงบ สะอาด ไม่อึกทึก
- หลีกเลี่ยงการโต้เถียง ขัดแย้ง จู้จี้ขี้บ่น
- ใจกว้าง รับฟังทัศนะผู้อื่น ไม่กดดันผู้อื่น
- มีเมตตา ปิยวาจา และให้อภัย
- สนใจธรรมะ
- ฝึกให้
- ฝึกทำงานให้เป็นสุข สนุกกับงาน
- เจริญสติ สมาธิ
- เจริญปัญญา,ฟัง, คิด, เฝ้าดูสังเกต
- เปลี่ยนความสำเร็จ เป็นความสมบูรณ์

8.ทำงานทุกชนิดให้เป็นสุข
9.อ่าน พูด เขียน เรียนเรื่องจัดการ
10.ความดีและความจริงใจ

อนาคตของเด็กคนหนึ่ง ที่อยากให้ชีวิตเติบโต ก้าวหน้า

อนาคตของเด็กคนหนึ่ง ที่อยากให้เติบโตอย่างก้าวหน้าในชีวิต

ผู้ใหญ่หลายคน อยากกลับไปเป็นเด็ก ช่วงชีวิตที่มีแต่ความสุข ไม่ต้องแบกรับภาระ ความรับผิดชอบ ความปวดหัวมากมาย มีชีวิตอยู่ที่การไปโรงเรียน ดูทีวี เล่น กิน นอน ..แค่นั้น

มองแววตา สีหน้าของเด็ก มีแต่ความสดใสน่ารัก แต่ผู้ใหญ่ กลับตรงกันข้าม มีเรื่องที่จะต้องเอามาคิดมากมาย มีแต่ปัญหามารุมเร้า

โลกของเด็ก เป็นโลกที่มีแต่ความสดใส บริสุทธิ์ อยากให้ผู้ใหญ่ รัก อยากเล่น อยากสนุก เวลาที่ผู้ใหญ่ สั่งสอนแนะนำ ให้ทำอะไร ก็ทำๆไป บางทีก็ไม่รู้หรอกว่า ที่ให้ทำนะ ทำไปทำไม แต่ผู้ใหญ่บอกว่า ทำแบบนี้ เป็นสิ่งที่ดี ก็ทำตาม ไม่งั้นจะโดนดุ

ส่วนผู้ใหญ่ จะมองอนาคต คิดถึงความอยู่รอด คิดถึงเรื่องปากท้อง เด็กน้อยเรียนจบชั้นประถมแล้ว จะไปเข้าเรียนมัธยมที่ไหน จะเรียนต่ออะไร จะมีปัญญาหาเงินมาส่งเสียให้เรียนต่อได้มากแค่ไหน

มีเด็กคู่หนึ่ง ติดตามผู้ปกครองมาพักที่บ้านพี่สาว น้องสาวมีลูกชายมาด้วย 1 คน และอีกคนเป็นหลาน ที่เธอเอาลูกชายของลูฏสาว ที่ตอนนี้โตแล้ว มีสามี และมีลูกแล้ว เอามาเลี้ยง ..แต่ความจริงคือ เอามาคอยรับใช้ เป็นลูกไล่ ลูกน้องของลูกชายตัวเองตะหาก เอามาให้ลูกชายข่ม สิ่งของที่ดีกว่า จะให้ลูกชายได้สิ่งนั้นก่อน ที่เหลือจะเป็นของหลานชาย

เมทื่อผู้เป็นพี่สาว มองไกลถึงอนาคต หลานชายของน้องสาว กลายเป็นผู้ที่ไม่มีอนาคตซะแล้ว เพราน้องสาว ไม่มีเงิน แต่ที่ผ่นามา ได้พบรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง หลังจากใช้เวลาคบหากันพอสมควร ก็ตัดสินใจที่จะคบกันแบบแฟน และวางแผนที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่งงานกัน ฝ่ายชายหนุ่มบอกว่า ก็คงเอาลูกชายของเธอมาเลี้ยงดูด้วย แต่ถ้าจะให้เอาหลานขายไปด้วย ยอมรับว่า คงไม่ไหว เพราะปัจจุบัน ก็ทำงานรับจ้างหาเงิน มีรายได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถแบกรับภาระไปได้มากกว่านี้

ดังนั้น หลานชายคนนั้น .. ก็คงไม่ได้ไปอยู่กับลูกชายของเธอ เธอคงจะต้องฝากให้พี่สาวของเธอ ช่วยเลี้ยง !!

"แล้วในเรื่องอะไรของคนเป็นพี่สาวล่ะ ที่จะต้องมารับเลี้ยงดูแลหลานชาย แล้วไปพากมาจากอกแม่ของเค้าทำไม พอเอามาก็เลี้ยงดูแลได้ระดับนึง พอจะไปมีครอบครัวใหม่ ก็จะสลัด ผลักภาระไปให้พี่สาว"

เมือดูไม่มีอนาคต เพราะไม่มีใครจะส่งเสียให้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ ผู้เป็นแม่ของหลานชาย ก็มีลูกสาวตัวน้อยอีกคน วัยก่อนเข้าเรียนอนุบาลน่นก็ต้องกินต้องใช้ คนเป็นแม่ก็ทำงานหาเงินได้แค่พอประทังชีวิต รอดไปในแต่ละเดือน แล้วทีนี้ แค่เงินที่ส่งมาให้เพื่อเป็นค่าดูแล ลูกชายของตัวเอง ก็ได้เดือนละไม่กี่พัน

ดูติดขัด มีปัญหาไปหมด ตอนจะมี จะท้อง จะทำอะไรกัน ทำไมไม่คิดไว้บ้างว่า ถ้ามีลูกแล้ว สามารถที่จะดูแลเค้าได้ดีแค่ไหน แล้วนับจากนี้ ยังจะมีลูกอีกมั้ย

มีลูกแบบไม่พร้อมทั้งการเงิน ความมั่นคงในครอบครัว และเวลาในการดูแล ญาติพี่น้องจึงต้องรับภาระช่วยเลี้ยงดูกันไป แต่ละคนก็ขยันออกลูก กันเหลือเกิน

เมื่ออยากให้เด็กที่ไม่มีอนาคต ..ได้มีชีวิตที่ก้าวหน้า เติบโตไปตามเส้นทางที่ถนัดของเค้า ก็คงต้องมองหาโอกาส ที่เค้าจะได้เรียน ได้ทำงานที่ถนัด และเหมาะกับตัวของเค้า แล้วมันคืออะไรล่ะ

- บวชเรียน
- หาทุนการศึกษา สอบชิงทุน
- มองหาสถานศึกษาทางเลือก ที่มีค่าใช้จ่ายที่พอจะจ่ายไหว

หลากหลายแนวทางที่ต้องคิดเตรียมไว้แล้ว เพราะการนั่ง นอน กิน เล่น อยู่ที่บ้าน อยู่ไปวันๆ จนโต แต่ไม่มีอนาคต ไม่มีเส้นทางที่จะก้าวเดินต่อไป อนาคตมืดมน ต้องอยู่อย่างนี้ ตลอดไป ก็ไม่ดีแน่

เมื่อเก็บกระเป๋าเงินริมถนนย่านใจกลางเมืองได้ คุณจะทำอย่างไรดี ?

เมื่อเก็บกระเป๋าเงิน ริมถนนในย่านใจกลางเมืองได้ คุณจะทำอย่างไรดี ?

เมื่อเห็นกระเป๋าเงิน หล่นบนทางเท้า ในย่านใจกลางเมือง เป็นบริเวณที่มีคนขึ้น ลง รถโดยสารสองแถวในย่านนั้น คุณจะทำอย่างไร

1. ถ้าไม่มีใครเห็น กูก็เก็บสิ ลาภลอยแล้ว ได้เงินใช้ฟรีว่ะ

2.ธุระไม่ใช่ ไม่ใช่ของเรา รีบไปทำธุระของตัวเองดีกว่า เสียเวลา

3. บอกคนที่อยู่บริเวณนั้น ว่า กระเป๋าเงินตก ใครรู้ใครเห็นว่า เจ้าของเป็นใครบ้างนะ

4. เก็บกระเป๋า เอาไปแจ้งตำรวจ ให้ประกาศหาเจ้าของ

เคยมีคนทำการสำรวจ , มีการตั้งกล้องแอบถ่าย ดูพฤติกรรมของคนไทยว่ามีน้ำใจสักแค่ไหน ก็มีทั้ง ไม่สนใจ, เก็บเอากระเป๋า และจะเอาเงินในนั้น และมีที่เป็นพลเมืองดี เอากระเป๋าไปแจ้งตำรวจประกาศหาเจ้าของ

มีเยอะเหมือนกัน ที่เก็บกระเป๋า รื้อเอาเงิน แล้วทิ้งกระเป๋าไว้ เดี๋ยวนี้เงินทองหายาก คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ถ้าได้ของฟรี ได้เงินมาฟรีๆ ใครจะไม่เอา

มีบางคน ที่มีจิตใจที่ดี อยากจะเก็บกระเป๋าไปประกาศหาเจ้าของ แต่เพื่อนที่มาด้วยกันบอกว่า เสียเวลาว่ะ เดี๋ยวก็มีคนเอาไปช่วยประกาศหาเจ้าของเอง แล้วก็จูงมือพาเพื่อนรีบไปทำสิ่งที่ตั้งใจจะไปทำ

เวลาที่ดูข่าว พลเมืองดี เก็บกระเป๋าเงินคืนเจ้าของ มีภาพข่าว ยกย่องคนทำความดี ได้ชื่อเสียง คำชื่นชม ยกย่องมากมาย .. นักเรียนโรงเรียนนั้น เก็บกระเป็นเงิน มีเงินสด หลานพัน หลายหมื่น อยู่ในกระเป๋า เป็นข่าวให้สื่อมาทำข่าว แล้วเจ้าของกระเป๋าและพลเมืองดี มายืนถ่ายรูปร่วมกัน บางสื่อ ได้ไปสัมภาษณ์ครูผู้สอน หรือ ผอ.โรงเรียนแห่งนั้น ได้หน้ากันทั้งโรงเรียน ได้ทั้งชื่อเสียงเลยทีเดียว

ยิ่งในกระเป๋านั้น มีจำนวนเงินสด มากเท่าไหร่ ยิ่งถูกยกย่อง เชิดชูมากขึ้นเท่านั้น

ถ้ามีคนเก็บกระเป๋าที่มีเงินสดในนั้น แสนกว่าบาท กับ คนที่เก็บกระเป๋าที่มีเงิน หลักร้อย หลักพันกว่าบาท สื่อจะพุ่งความสนใจไปที่คนที่เก็บกระเป๋าที่มีเงินแสนกว่าบาท มากกว่า ...

การทำดี คนทำ ไม่ได้คิดหวัง ผลประโยชน์อยู่แล้ว แต่คนที่เกี่ยวข้อง บางครั้ง ก็หวังผลประโยชน์ จากชื่อเสียงและหน้าตาจากผลของการทำความดีนั้น

ทุกคน ไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์ ไม่อยากสูญเสียอะไรทั้งนั้น เจ้าของกระเป๋าเงิน ที่เผลอทำกระเป๋าตกหล่น ก็เช่นกัน เค้าไม่อยากจะทำกระเป๋าตกหรอก แต่เพราะความเร่งรีบ การเก็บกระเป๋าไว้ในที่ที่มันหล่นง่ายๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็หากระเป๋าไม่เจอซะแล้ว คราวนี้ ก็วัดดวง ว่า จะได้กระเป๋าคืนรึเปล่า

จะโชคดี เจอพลเมืองดี เก็บกระเป๋าของตัวเองไปแจ้งตำรวจรึเปล่า

ถ้าคิดแบบใจเขาใจเรา เงินที่มีในกระเป๋า ก็คงเตรียมไว้เพื่อใช้จ่าย กับอะไรสักอย่าง

กระเป๋าที่หล่นบนริมถนน คนที่จะมาเดินถนน ย่อมเป็นคนที่มีฐานะปานกลาง จนถึงยากจนข้นแค้น ... ส่วนพวกเศรษฐี คุณหนูไฮโซ ร่ำๆรวยๆ มีเงินใช้เป็นฟ่อน ไม่ขาดมือ ไม่ค่อยจะมาเดินบนนริมถนนแบบสามัญชนคนทั่วไปหรอกนะ เมื่อเค้าร่ำรวยขนาดนั้น ชีวิตเลือกความสะดวกสบายได้ นั่งรถที่สะดวกสบาน แพงๆ จะต้องมาเดินริมถนนทำไมให้ยุ่งยากลำบากกายาล่ะ

คนที่ทำกระเป๋าเงินตก ก็มีแต่ คนธรรมดา ดินเดินกินข้าวแกงนี่ล่ะ

เอาล่ะ ไม่ว่า คุณจะเก็บกระเป๋าเงินที่หล่นบนถนนรึเปล่า แต่นั่น เป็นโอกาสที่ทำให้ คุณได้เป็น "พลเมืองดี" มีโอกาสที่จะได้รับการยกย่อง ได้รับการขอบคุณ และมีโอกาสได้ออกสื่อ เพิ่มชื่อเสียง การยอมรับในสังคมของคุณได้ด้วยนะ และยังเป็นการทำบุญ สร้างความสุข ความโล่งใจให้กับคนที่ทำกระเป๋าเงินหายอีกด้วย

แต่ถ้าคุณเก็บกระเป๋าเงินแล้ว เอาเงินทั้งหมดไป แล้วทิ้งกระเป๋าไว้ คุณกำลังทำให้เจ้าของกระเป๋าเดือดร้อน เป็นทุกข์ อย่างมาก ถ้าเงินในกระเป๋านั่น เขากำลังจะเอาไปจ่ายค่ากับข้าว ไปจ่ายหนี้ หรือเอาไปใช้อะไรสักอย่าง กว่าจะหาเงินมาได้ ก็ลำบากมากพอแรงแล้ว แล้วยังซวย เผลอทำกระเป๋าหาย แล้วยังโดนคุณขโมยเงินเอาไปอีก... แม้คุณจะสบายใจ ที่ได้เงินมาฟรีๆ ส่วนกระเป๋าเงิน คุณก็โยนมันทิ้งไป ไม่แยแส

แต่กฎแห่งกรรม มีจริง คุณเคยทำอะไรกับใครไว้ วันนึง ผลนั้น จะย้อนกลับมาเกิดกับคุณ

หากวันนึงข้างหน้า คุณทำกระเป๋าเงินของตัวเอง หล่นโดยไม่รู้ตัว หรือ รีบ..จนลืมกระเป๋าเงินวางไว้ที่ไหนซักแห่ง กว่าจะนึกได้ กระเป๋าก็หายไปจากที่นั่นแล้ว ..

วันนั้นล่ะ คุณจะรู้ซึ้งถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ถึงตอนนั้น คุณคงจะรู้ซึ้งว่า เจ้าของกระเป๋า ก็ไม่อยากให้กระเป๋าเงินหาย อยากจะใช้เงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่หามาได้ เอาไปจ่ายสิ่งต่างๆ ตามที่ตั้งใจ หรือ ครบกำหนดเวลาที่จะต้องจ่ายเงินนั้น..

แต่สมัยนี้ พูด หรือเขียนไปก็เท่านั้น คนส่วนใหญ๋ ไม่ได้รู้สึก รู้ซึ้งอะไรนักหนาหรอก ความเห็นแก่ตัว ความโลภ มันนบดบังคุณธรรม เมตตาธรรมในใจไปหมดแล้ว

ทุกคนคงต้องพึ่งตัวเอง คอยดูแล ตรวจสอบว่า กระเป๋าตังยังอยู่มั้ย อย่าเผลอเรอ ทำให้ตัวเองเดือดร้อน จากการขี้ลืม จากความพลั้งเผลอของตัวเองเลยนะครับ

บรรยากาศ ถ่ายทอดสด สวดพระอภิธรรม หลวงพ่อคูณ 21 พค 2558

บรรยากาศ ถ่ายทอดสด สวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศล หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 21 พ.ค.2558

เดี๋ยวนี้เทคโนโลนีทันสมัย สามารถทำการถ่ายทอดสด กิจกรรม หรือ พิธีการต่างๆ อย่างเช่น การสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศล หลวงพ่อคุณ ปริสุทโธ ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 21 พ.ค.2558 ซึ่งสามารถติดตามการถ่ายทอดสด ทางช่องทาง Youtube ชองมหาวิทยาลัยขอนแก่น

ไม่มีโอกาสได้ไป ก็ฟัง ดูบรรยากาศเหมือนไปอยู่ที่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก มข.ได้

19.54น. ช่วงที่ผู้คน เข้าแถวไปวางดอกบัว และถ่ายภาพสรีระร่างของหลวงพ่อคุณ ช่วงนี้ พระมหาสมปอง ซึ่งมาที่งานนี้ด้วย กำลังถูกพิธีกร พระ สัมภาษณ์คุยให้ฟัง การถ่ายทอดสด มีถึง 4 ทุ่ม

วันนี้ ประธานมาเร็ว สวดพระอภิธรรมจึงเสร็จเร็ว วันนี้ จะอยู่ที่นั่นกันถึงสี่ทุ่ม พระมหาสมปอง พูดถึงช่วงเวลาที่ได้ไปกราบหลวงพ่อคุณ ที่วัดบ้านไร่ ถึงสองครั้งในช่วงที่ท่านกำลังป่วย ได้เข้าไปล้างเท้าของหลวงพ่อคุณด้วย ... พระมหาสมปอง พูดเป็นภาษาอีสาน

19.57น. เห็นคนมามากขนาดนี้ พระมหาสมปอง ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้กี่คครั้งแล้ว พระมหาสมปองบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ได้มางานแบบนี้ เห็นคลื่นมหาชนมากมายอย่างนี้ พระมหาสมปอง เกิดที่ชุมพวง จ.นครราชสีมา เป็นคนโคราชนี่เอง

19.58น. ประกาศ รถโรงพยาบาลบัวใหญ่ จอดตันรถอยู่ ขออนุญาติเลื่อนรถด้วย.. แหม ประกาศยังเป็นภาษาอีสาน

มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทุกคณะ ทุกสาขามาช่วยกัน

ขอร้องไปยังมิจฉาชีพ ที่มาแฝงตัว ถ้าหลวงพ่อคุณอยู่จะบอกว่า อย่าไปทำสิ่งไม่ดีนะ ลูกหลานเอ๊ย มีแต่คนมาทำสิ่งที่ดีๆ อย่าทำอย่างนั้นเลย

หลวงพ่อคุณบอกว่า ความไม่ประมาท , ชาวพุทธต้องรักษาศีล 5 , คลื่นมหาชนมาจากทั่วทุกสารทิศ โฆษก พยายามพูดทุกภาษาถิ่นทั้ง เหนือ กลาง ใต้ ระยอง ชลบุรี ไม่ใช่เฉพาะภาคอีสาน ...
, พระยืนถ่ายรูปไม่เหมาะสมนะครับ.. พระอาจารย์สมปอง นั่งลงเลย

พระมหาสมปอง มาช่วยทอล์คโชว์ธรรมะ ฟังเพลินเลย

" มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีดีอย่างไร, ความจริงใจ ความเอาใจใส่ ความพร้อม .. ความเรียบร้อย

ที่นี่ จะเปิดคลิป 15 นาทีที่หลวงพ่อคูณพูดไว้ ซึ่งที่นี่ จะนำมาเปิดทุกๆวัน....

ดูบรรยากาศงานสดๆดูใกล้ชิด เหมือนๆกับได้อยู่ในสถานที่นั้น

20.05น. สมรักษ์ คำสิงห์ ขึ้นไปช่วยพูดเป็นโฆษกร่วมบนเวที

"โยมที่เดินทางมาไหว้แล้ว เดินออกทางซ้ายเลยนะครับ"
"คิดว่า ญาติโยมทุกท่านตั้งใจมาจริงๆนะ งานอื่นอาจจะไม่ได้ใกล้ขนาดนี้นะ"
" มาถึงแล้ว ก็รีบวางรีบถ่ายรุป แล้วออกไปรอข้างนอกเด้อครับ"
"วันนี้ พึ่งไปเทศน์ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ให้น้องๆทหาร ที่อาจจะไปติดยาเสพติด ไปให้ข้อคิด" พระมหาสมปอง พูด
"โทรศัพท์ใครครับนี่ เดินไประวังกระเป๋าเงินด้วยนะครับ "
"ใครเก็บไอโฟน 4 ของพระ ช่วยส่งคืนที่หน้าเวทีด้วย"
"เจ้าหน้าที่ตรงกลาง กั้นตรงนี้ไว้ก่อนนะ ให้ช่องนี้เข้ามาให้หมดก่อนนะครับ ทางนั้นออกซ้ายครับ"
"ง่ายแต่งามครับ อย่าอารมณ์เสียกันนะ มางานอย่างนี้ อยากให้ได้ธรรมะกลับไป ขอให้โกรธน้อยลง หลงน้อยลง ไม่โลภ โกรธ หลงได้ก็ยิ่งดี"
"ตรงนี้ว่างแล้ว ยืนกราบ ยืนไหว้ได้เลย"
"ตอนคุณสิทธิชัย หยุ่น หลวงพ่อ ก็ตอมชัดเจน คุณสุทธิชัย ถามว่า หลวงพ่อ มีญานมั้ย..ท่านตอบว่า กูไม่มีญาณอะไรหรอก มีแต่ยานโตงเตง"

คนเลี้ยงเทวดา

คนเลี้ยงเทวดา

"เครียดมากๆเลย ออกไปทำงานรับจ้างตังแต่เช้า กลับมาตอนเย็น ลูกสาวก็จะเอาเงินไปใช้ พ่อก็ต้องให้ไป ต้องหาเก็บผัก ไปตกปลามาทำกินกัน หาเงินมา ว่าจะเอาไปซื้อของเข้าบ้านซะหน่อย ไม่เหลือแล้วนี่"

คนทำงานหาเช้ากินค่ำ มีชีวิตที่ทุกข์ยากลำบากอยู่แล้ว แม้จะมีความขยันทำมาหากิน แต่ดูเหมือนชีวิตจะมีความทุกข์มากขึ้น เม่อคนในบ้านหลังนี้ มีคนอาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันนี้ ถึง 10 คน มีคนที่ทำงานหาเงินอยู่ 2 คน เพื่อเอามาเลี้ยงดูคนทั้งหมดในบ้าน

คนในบ้าน แต่ละคน ก็อยากจะได้นั่น อยากได้นี่ 2 คน พ่อแม่ ที่ทำงานหาเงิน ก็ต้องตามใจ หยิบเงินให้ตลอดมา

"เลี้ยงลูกยังกะเทวดา ไม่เคยสอนให้ทำงานอะไรเลย เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์ อยากได้เงิน ก็ขอจากพ่อ จากแม่ พอแต่งงานมีผัว ผัวมีเงินก็ไปเที่ยวกิน กะผัว สนุกสนาน พอหมดเงิน ก็มาขอจากพ่อแม่ แล้วแบบนี้จะไหวเหรอ"

"ปกตินะ คนเรา มักจะบนบาน ขอพรจากเทวดา แต่นี่ คนเลี้ยงดูเทวดา ลำบากแทบตาย เพื่อให้เทวดาสบาย"

"กูอยากเห็นเทวดาตกสวรรค์จริงๆ"

มันเป็นความผิดของเทวดาเหรอ ที่ทำแบบนี้
ตั้งแต่เกิดมา เทวดาเคยสุขสบายมาตลอด พ่อแม่ ดูแลเลี้ยงดู ไม่ยอมให้ทำงาน เพราะกลัวลูกเหนื่อย ลูกลำบาก แล้วมันก็ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็น ไม่เคยลำบาก เป็นเทวดาอยู่ที่บ้าน

"ก็เลี้ยงลูกให้เป็นเทวดาเองนี่นา"

เมื่อชีวิต มีแต่ความทุกข์ แต่ละวัน มีเรื่องปวดหัว เดือดร้อนใจอยู่ตลอด เวลาที่มองเห็นคนที่รู้จัก มีความสุข หรือ ชีวิตดูไม่มีปัญหา ไม่ทุกข์ยากเลย .. บางช่วงก็อิจฉา ริษยาในโชคชะตาของคนๆนั้น จนเผลอบ่น นินทาถึง ด้วยความน้อยใจ พูดไม่ดีกับคนๆนั้น ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกันเลย แต่ละคน มีวิถีการดำเนินขีวิตที่ต่างกันอยู่แล้ว

"แม่เลี้ยงลูกมาอย่างดี พอลูกแต่งงาน ก็เอาใจแต่ครอบครัวของผัว มาเอาเงินที่พึ่งหามาได้ ไปซื้อของให้ครอบครัวแม่ผัว ข้าวของที่บ้าน ก็ยกเอาไปให้ครอบครัวแม่ผัวใช้ ข้าวที่หุงไว้กินในบ้าน มันก็ยกข้าวไปที่บ้านของแม่ผัว.. โอ๊ย คนในบ้านจะเอาอะไรกินล่ะ"

"เลี้ยงลูกยังไงหว่า รักลูก แต่ลูกกลับไปรักผัว รักครอบครัวของผัวมากกว่า"

"มันคงอยากจะหนีจากสภาพครอบครัว ที่เคยอยู่มาตั้งแต่เล็ก อยากไปอยู่กับครอบครัวผัว ตลอดไป"

"นั่นแม่แท้ๆของมึงนะ ทำกะแม่แบบนั้นได้ยังไง เบียดเบียนแม่"

"ความจริง มันควรจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนนะ ไม่ใช่เลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา"

"เทวดาต้องกินของดีๆ ได้แต่ของดีๆ แต่คนที่หาเลี้ยง กว่าจะหาเงินมาได้ เลือดตาแทบกระเด็น เหน็ดเหนื่อยมาก ร่างกายทรุดโทรมลงทุกๆวัน แต่เทวดา ยังสุขสบาย อยากได้อะไร ก็ต้องได้ นอนเล่นโทรศัพท์มือถือ เล่น facebook ไปวันๆ นอนจิ้มๆ แล้วก็คิด สร้างปัญหาให้ตัวเองจากความว่างงาน ไปเรื่อยๆ ทำให้พ่อแม่ต้องมาปวดหัวกับการสร้างปัญหาของมันอีก"

"มันคงเลี้ยงดูเทวดาไปได้ไม่นาน คนในบ้านจะอดตายกันซะก่อน แล้วเทวดา จะได้ตกสวรรค์กันละคราวนี้"

ถ้าหากวันนึง เทวดา ไม่มีคนเอาเงินให้ใช้ ไม่มีใครให้ขูดรีด เบียดเบียน วันนั้น เทวดาคงจะรู้สึกล่ะ วันนั้น คงมีคนรอซ้ำเติม สมน้ำหน้า แต่ก็เป็นความจริงของชีวิต ที่ คนเป็นพ่อแม่ เลี้ยงลูกไม่เป็น ปล่อยลูกให้เป็นเทวดา ไม่เลี้ยงดูให้ทำงานเป็น ให้ลูกเป็นคนปกติ ที่สู้ชีวิจ จิตใจเข้มแข็ง ไม่ใจเสาะ อ่อนแอ ฟุ้งซ่าน อยู่กับสิ่งจอมปลอม มายาภาพ หลอกลวงไปวันๆ จนสร้างปัญหา เป็นลูกเทวดา เบียดเบียนบั่นทอนคนอื่นๆ

"ถ้าเป็นกู รีบถีบมันทิ้ง ไล่มันหนีไป เพราะคนอื่นในบ้าน จะอดตายกันแล้ว แทนที่จะแบ่งปัน อยู่กันช่วยเหลือกัน แต่มาทำตัวเป็นเทวดา แบบนี้จะได้ล่มจมกันหมด"

แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครจะทำแบบนั้น เพราะความรัก ความผูกพัน ความเป็นลูกหลาน เชื้อสาย ตระกูลเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ต้อมตามใจ ปล่อยเลยตามเลย คนก็ยังต้องเลี้ยงดูเทวดาต่อไป จนกว่าจะหมดลมหายใจกันไปข้างนึง

รับมือกับเด็กซน : ท่องสูตรคูณ

รับมือกับเด็กซน : ท่องสูตรคูณ
ยากเหมือนกันนะ กับการอบรมสั่งสอนเด็กซน เด็กวัยประถม ที่พ่อ แม่เลี้ยงดู ดูแลไม่เป็น ลูกเลย ซุกซน ชอบเล่น ไม่ตั้งใจเรียน เมื่อจะเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ต้องทน และพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรมของเด็กกันก่อน


การท่องสูตรคูณ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ถ้าจดจำได้ ก็สามารถคิดเลข คิดคำนวณตัวเลขทางคณิตศาสตร์ได้ เป็นพื้นฐานที่เด็กๆต้องมี ความพยายามให้เด็กๆท่องสูตรคูณได้ จึงบังเกิดขึ้น

เด็กแต่ละคน ต่างกันน คนหนึ่ง สมองดี ตั้งใจเรียน อีกคนไม่เก่งเท่า แต่ถนัดทางด้านกีฬาและศิลปะมากกว่า การให้ท่องสูตรคูณ ก็ต้องพยายามหาวิธีการให้เด็กไม่เก่ง เท่าทันเด็กที่เก่ง

การมีรางวัลจูงใจ เป็นอีกหนึ่งวิธี ให้ได้ลองใช้ความพยายาม ถ้าท่องสูตรคูณได้ทั้ง 12 แม่ ท่องได้คล่องก็จะให้กินพิซซา หรือขนมที่อยากกิน งั้น ไปพยายามท่องให้ได้

การมีแรงจู.ใจ ก็เป็นสิ่งที่ดี เช่นกัน

เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่ง

#เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่ง

แฮชแท็ก ประโยคหนึง่ที่เห็นในโซเชียลมีเดีย "เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่ง" ฟังดูเป็นคำพูดของวัยโจ๋ วัยรุ่น แต่ถ้าเอามาคิดดีๆ มันก็มีความหมาย สาระดีๆที่เติมเต็มชีวิตเราได้เช่นกัน

เมื่อใคร โพสต์ บ่น เรื่องอะไรลงในโซเชียลมีเดีย บรรดาเพื่อนๆ จะเข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตตัวเองเลย แต่เข้ามาเม้น เพราะเพื่อน โพสต์ ขอให้ได้พูดได้เม้นบ้างสิ

หลายครังที่เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องที่ขยายใหญ่โต ออกไปเรื่อยๆ เพราะมีคนมายุ่ง มาแสดงความคิดเห็น วิจารณ์กันไปตามอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว ถ้าคอมเม้นต์นั้น ขัดกับอารมณ์ ความรู้สึกส่วนตัวของใครคนไหนเข้า ก็จะเกิดการทะเลาะ เถียงกันผ่านหน้าเพจนั้น เถียงกันไปเถียงกันมา คอมเม้น ยาวเป็นหางว่าว คนที่คิดเห็นไปในทางเดียวกัน ก็จะเข้ามาช่วยเม้น ด่าคนที่คิดต่างออกไป เม้นกันไป เม้นกันมา จนเกิดอาการดราม่า จากประเด็นเดียว แตกเป็นหลายประเด็น ทะเลาะทุ่มเถียงกัน วุ่นวายไปหมด....

เมื่อมีแฮชแท็ก #เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่ง
ประโยคนี้ อาจจะขัดหูขัดตาหลายคน ที่อยากได้แนวร่วม คนสนับสนุน แต่มีคนๆนึง มาแฮชแทกแบบนี้ อ้าว แบบนี้ ถือว่า ไม่เห็นด้วยกับเรา เป็นคนละฝ่ายกับเราแล้วสิ.. แล้วก็เริ่มเม้นด่าคนนั้นซะเลย ถ้าคนที่ใส่แฮชแทก ไม่สนใจ ไม่เล่นด้วย เร่องก็จะค่อยๆเงียบไป เพราะคนที่เม้าด่า ก็จะไปด่าคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ แต่ถ้าหันไปสนใจ หรือตอบโต ก็จะมีคู่ทะเลาะกันเพิ่มขึ้นอีกคู่ล่ะ

เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่ง ถ้ามองในมุมของธรรมะ มันก็คือ หลักธรรมอุเบกขา คือ การวางเฉยนั่นเอง

บางที การทำความดี ก็คือ การไม่สร้างกรรมเพิ่มนั่นเอง ทุกวันนี้ มีสิ่งที่ยั่วยุอารมณ์ ความรู้สึก ให้ออกมาวิจารณ์ ทะเลาะเบาะแว้งกันมากมาย การวางเฉย ก็ต้องตั้งสติ และมีปัญญาในการวางอุเบกขาเช่นกัน ถ้าหากไปยุ่งกับทุกๆเรื่อง เราก็จะต้องปวดหัว แบกปัญหาไปทุกๆเรื่อง ยุ่งไปทุกๆเรื่อง แล้วแบบนี้ จะหาความสงบได้จากที่ไหนกันล่ะ

อุเบกขา ในวันนี้ คุณสามารถที่จะวางเฉยกับเรื่องบางเรื่องได้มั้ย ไม่งั้ย จะเป็นการเข้าไปยุ่งกับทุกๆเรื่อง

หลวงพ่อคูณ : ที่ปรึกษาเจ้าคณะปกครองภาค ๑๑

หลวงพ่อคูณ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะปกครองภาค ๑๑

ฟังการถ่ายทอดสด สวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศล หลวงพ่อคูณปริสุทโธ 22 พ.ค.2558 ช่วงเวลา 16.30น. ช่วงที่มีพระธรรมเทศนา ก่อนการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล มีการกล่าวว่า

"พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคุณ หลายท่านรู้จักในฐานะที่เป็นพระเกติมหาเถระผู้ทรงคุณ แต่ทราบหรือไม่ว่า หลวงพ่อคูณ ก็มีบทบาทในการปกครองคณะสงฆ์เหมือนกันนะ"

"หลวงพ่อคูณ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะปกครองภาค ๑๑ ซึ่งประกอบด้วย
- จังหวัดชัยภูมิ
- จังหวัดนครราชสีมา
- จังหวัดสุรินทร์
- จังหวัดบุรีรัมย์"

วันนี้ เป็นคณะสงฆ์ภาค ๙ มาร่วมในพิธีสวดพระอภิธรรมในวันนี้ด้วย

คณะสงฆ์ภาค ๙ ได้แก่ พระสงฆ์ที่มาจากจังหวัด
- ขอนแก่น
- กาฬสินธุ์
- ร้อยเอ็ด
- มหาสารคาม

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง มีเพียงฉันที่ไม่ได้กินฟรี

:-) เรื่อง มีเพียงฉันที่ไม่ได้กินฟรี
ผู้แต่ง ภรรยาคุณเลี่ยว
(ผู้แต่งใช้อักษรจีนเพียง ๘๐๐ ตัว สามารถบรรยายถึงสภาพสังคมจีนยุคใหม่ได้อย่างสุดยอดจริงๆ)



วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ พวกเพื่อนๆ สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม
ได้นัดชุมนุมพบปะสังสรรค์กันที่ภัตตาคารเทียนอัน
นับตั้งแต่สำเร็จการศึกษา
พวกเพื่อนเก่าได้นัดพบปะกันสม่ำเสมอ
มีแต่ฉันเท่านั้นที่ขาดการติดต่อกับพวกเพื่อน



ฉันทำงานวาดภาพผลิตภัณฑ์ในโรงงานแห่งหนึ่ง
ฉันและสามีต่างก็ช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัว
ด้วยรายได้ที่ไม่มากนัก ความจริงฉันตั้งใจจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยง
แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธเพื่อนๆได้ ก็เลยต้องรับปาก



สามีของฉันยุ่งอยู่กับการทบทวนบทเรียนให้ลูกชาย
ซึ่งลูกชายของเรากำลังเตรียมตัวเข้าเรียนชั้นมัธยม
เพื่ออยากให้ลูกชายได้เรียนในโรงเรียนมัธยมที่ดีมีชื่อเสียง
พักนี้สามีต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้บริหารโรงเรียน
ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบผลว่าสำเร็จหรือไม่
ก่อนออกจากบ้านฉันเหลือบมองดูลูกชายแล้วจึงเดินออกไป



ภัตตาคาร เทียนอัน เป็นภัตตาคารหรูชั้นหนึ่ง
เมื่อฉันเดินเข้าไปห้องที่จองไว้ พวกเพื่อนๆ มากันครบแล้ว
ทักทายฉันเกรียวกราวยังไม่ทันได้นั่งต่างก็แย่งกันยื่นนามบัตรให้ฉัน
พลิกดูนามบัตรแต่ละคนต่างก็มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นผู้จัดการ ผู้บริหาร ต่างๆ
แม้กระทั่งอาฮุยซึ่งเรียนไม่เอาใหนที่สุด
สอบได้ที่โหล่ ก็ยังได้เป็นตำรวจ เป็นผู้กำกับสถานีตำรวจ



มองดูอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ
ฉันหูตาลายไปหมด นั่งนึกสงสารตัวเองที่ผ่านๆ มาไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารพวกนี้เลย
คำนวนในใจค่าอาหารโต๊ะนี้มีมูลค่าเท่ากับรายได้ของฉันถึง ๓ เดือนทีเดียว



อาฮุยตำรวจทำตัวเหมือนเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้
ชักชวนเพื่อนๆให้กินกันไม่หยุด และรินเหล้าแจกทุกคน
คีบอาหารให้คนโน้นคนนี้ ปากก็พูดไม่หยุดว่า "กิน พวกเรากิน มื้อนี้ผมจัดการเอง ไม่ต้องห่วง"
พรรคพวกทุกคนไม่มีไครขัดศรัทธา
ทั้งกินทั้งดื่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน



เมื่อสมควรแก่เวลา หลังจากที่กินกันอย่าง อิ่มหนำสำราญแล้ว
ก็เป็นเวลาที่ต้องแยกย้ายกลับกัน
ฉันสังเกตุดูไม่มีไครแสดงความใจกว้างที่จะเป็นผู้เคลียร์จ่ายค่าอาหาร
ในที่สุดอาฮุยควักโทรศัพท์ออกมา
กดหมายเลขแล้วพูดว่า " เสี่ยวหลี่ คืนนี้ออกไปจับกุมกวาดล้างได้อะไรไหม
.. ..เออ ดี ดี "
ส่งมาพบผมที่ภัตตาคาร เทียนอัน สักคน ให้มาช่วยจ่ายค่าอาหารหน่อย"



พูดจบเขาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าด้วยความภาคภูมิใจ
พวกเพื่อนก็เฮด้วยความสนุกสนาน
ต่อมาไม่ถึง ๑๕ นาที ก็มีชายวัยกลางคนผลักประตูเข้ามา
พอเห็นยอดเงินในใบเสร็จก็หน้านิ่วคิ้วขมวด
ดูเหมือนว่าเงินสดเขามีไม่พอจ่าย



เขาควักโทรศัพท์ออกมาพร้อมทั้งกดโทรพูดว่า
"คุณเลี่ยวหรือครับ ผมครูใหญ่หม่านะครับ
เรื่องลูกชายของคุณที่ฝากมาเข้าโรงเรียนมัธยมของผมนั้น
เป็นอันว่าผมตกลงรับไว้แล้วนะครับ แต่พอดีวันนี้ผมเชิญเพื่อนๆ มาเลี้ยงอาหาร
อยากขอให้คุณมาช่วยจ่ายค่าอาหารได้ใหมครับ
ผมอยู่ที่ภัตตาคารเทียนอัน ห้อง ๒๐๓ ...."



หลังจากนั้นประมาณ ๒๐ นาที มีคนมาเคาะประตู
พอประตูเปิดออกมา
ทันทีที่เห็นสามีที่ใส่แว่นสายตาหนาเตอะของฉัน คือผู้เดินเข้ามา
ฉันเป็นลมล้มฟุบลงทันที



(เรื่องสั้นนี้ได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่น มากมาย ประจำปี ๒๐๐๖)
จัดเทียบเท่ากับ นักเขียนปฏิวัติ หลู่ซิ่น ทีเดียว

10สุดยอดข้อคิดเตือนใจจาก จิม โรห์น

10 สุดยอดข้อคิดเตือนใจจากจิม โรห์น นักสร้างแรงบันดาลใจผู้ยิ่งใหญ่ที่ล่วงลับ

1. “Don’t wish it was easier,
wish you were better.
Don’t wish for less problems,
wish for more skills.
Don’t wish for less challenge,
wish for more wisdom.”

อย่าหวังว่ามันน่าจะง่ายกว่านี้
แต่จงหวังว่าคุณน่าจะเก่งกว่านี้
อย่าหวังว่าปัญหาจะน้อยลง
แต่จงหวังให้คุณมีทักษะเพิ่มขึ้น
อย่าหวังว่าจะมีอุปสรรคน้อยลง
แต่จงหวังให้มีปัญญาเพิ่มขึ้น

2. “The challenge of leadership is
to be strong, but not rude;
be kind, but not weak;
be bold, but not a bully;
be thoughtful, but not lazy;
be humble, but not timid;
be proud, but not arrogant;
have humor, but without folly.”

ความท้าทายของการเป็นผู้นำคือ
คุณต้องแข็งแกร่งแต่ไม่ใช่หยาบคาย
มีเมตตาแต่ไม่ใช่อ่อนแอ
กล้าหาญแต่ไม่ใช่อันธพาล
ช่างครุ่นคิดแต่ไม่ใช่ขี้เกียจ
อ่อนน้อมถ่อมตนแต่ไม่ใช่ขี้ขลาด
มีความภาคภูมิใจแต่ไม่ใช่หยิ่งยโส
มีอารมณ์ขันแต่ไม่ใช่ขันอย่างโง่เขลา

3. “We must all suffer one of two things:
the pain of discipline or
the pain of regret.”

เราทุกคนต้องทนต่อสองสิ่ง ถ้าไม่ใช่ต่อความเจ็บปวดต่อจากการมีวินัย
ก็เป็นความเจ็บปวดจากความเศร้าเสียใจ

4. “Days are expensive.
When you spend a day you have one less day to spend.
So make sure you spend each one wisely.”

วันเวลาเป็นของแพง
ถ้าคุณใช้วันเวลาหมดไปวันหนึ่ง
คุณก็จะมีวันเวลาให้ใช้ลดลงไปวันหนึ่ง
ดังนั้นจงแน่ใจว่าคุณใช้แต่ละวันอย่างฉลาด

5. “Discipline is the bridge
between goals and accomplishment.”

วินัยเป็นสะพานที่เชื่อมเป้าหมายเข้ากับความสำเร็จ

6. “If you are not willing to risk the unusual,
you will have to settle for the ordinary.”

ถ้าคุณไม่ยอมเสี่ยงให้กับสิ่งที่ไม่ธรรมดา
คุณก็จะต้องใช้ชีวิตไปอย่างธรรมดา

7. “Motivation is what gets you started.
Habit is what keeps you going.”

แรงกระตุ้นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเริ่มต้น แต่นิสัยคือสิ่งที่ทำให้คุณเดินต่อไป

8. “Success is nothing more than a
few simple disciplines, practiced every day.”

ความสำเร็จไม่ใช่อะไรเลยนอกไปจาก
การมีวินัยอย่างง่ายๆ แค่สองสามอย่าง แต่ทำมันทุกๆ วัน

9. “Don’t join an easy crowd; you won’t grow.
Go where the expectations and
the demands to perform are high.”

อย่าขลุกอยู่กับกลุ่มคนที่เรียบง่ายพื้นๆ เพราะคุณจะไม่เติบโต
จงไปอยู่ในที่ที่สูงทั้งความคาดหวัง
และความต้องการประสิทธิภาพ

10. “Learn how to be happy
with what you have while
you pursue all that you want.”

จงอย่าหลงลืม เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่คุณมี
ไปพร้อมๆ กับการมุ่งมั่น สร้างทุกสิ่งที่คุณต้องการ

Credit : Jim Rohn Team

คติจีนกับคุณค่าชีวิต กับความล้มเหลวของคนยุคนี้

คติจีนกับคุณค่าชีวิต กับความล้มเหลวของคนยุคนี้

มีหลักคำสอน คติเตือนใจในการใช้ชีวิตมากมาย ที่น่ารู้ น่าจดจำ และน่าที่จะนำไปใช้ ซึ่งหลักการ และคติต่างๆเหล่านี้ ก็มาจาก คำพูดของคนรุ่นก่อน รุ่นปู่ ย่า รุ่นพ่อ คุณแม่ ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว และผ่านความสำเร็จ ความล้มเหลวมาทั้งนั้น แล้วพูด เพื่อสอนลูกหลานของตนด้วยความเป็นห่วง

อยากให้ลูกหลาน ต่อยอดความสำเร็จ ก้าวข้ามความล้มเหลว ไม่ต้องลองผิดลองถูก เพราะ หลักการ คำสอนต่างๆ ก็ผ่านการทดสอบ ด้วยชีวิตของหลายๆคนมาแล้ว

คนจีน มีคติที่น่าคิด และน่านำไปใช้หลายอย่าง คนจีน มักจะจดบันทึกไว้มาก มีนักคิดนักเขียนมากมาย มีคติการใช้ชีวิตที่น่านำมาจดจำให้ขึ้นใจและปฏิบัติตาม

บางคนอ่านแล้ว ก็เข้าใจ แต่กลับหลงลืมที่จะทำ เลยทำให้ชีวิตล้มเหลว มีปัญหาอุปสรรคมากมาย

เปิดหนังสื้อที่รวบรวมคติจีน กับการใช้ชีวิต มีหลายข้อความที่สะกิดเตือนใจ ลองอ่านกันดูนะครับ

"ชีวิตจะมีคุณค่า ก็ต่อเมือวัยชรา สุขภาพแข็งแรง
มีเงินเหลือใช้ มีชวิตคู่ยืนยาว มีเพื่อนเก่าที่ยืนยง"

ชอบคตินี้มากๆ และอยากให้เป็นอย่างนั้น เพราะสุขภาพ สำคัญที่สุด คนเราต้องหมั่นรักษาสุขภาพ เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะทำอะไรตามที่คิดที่ฝัน อยากจะทำได้ทั้งนั้น สุขภาพ ก็ต้องดูแลตั้งแต่วันนี้ มีคำแนะนำในการออกกำลังกายและรักษษสุขภาพจากหน่วยงานสาธารณสุข มากมาย แต่คนเราสนใจกันรึเปล่าล่ะ มัวแต่สนใจบริโภค กิน ของที่เห็นในโฆษณาทีวี หลายอย่าง เป็นสิ่งที่บ่อนทำลายสุขภาพทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องหามากิน มาบริโภคเลย แต่เป็นค่านิยมที่สื่อพยายามสร้างเพื่อให้ขายสินค้าได้ เมื่อใช้ชีวิตแบบนั้น สุขภาพจะแข็งแรงจนถึงวัยชราได้อย่างไรกัน"

มีคนเคยถามว่า คนยุคก่อน สมัยก่อน ทำไมสุขภาพแข็งแรงจัง ยิ่งอายุมาก ก็ยังแข็งแรงอยู่ .. ก็แน่สิครับ เค้าไม่ได้กินเหมือนคนสมัยนี้ คนยุคก่อน เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ทำลายสุขภาพ ไม่ฟุมเฟื่อย แบบนี้ จึงมีเงินเก็บ มีเงินเหลือใช้ ไม่ทำอะไรที่มากเกินไป .. "

ความพอเพียง พอเหมาะ พอดี ทำให้คนยุคก่อน มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว และมีเพื่อนเก่าที่ยืนยง.. ซึ่งความจริงแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก แต่ทว่า คนยุคนี้ สมัยนี้ ที่มีเครื่องมือสื่อสารมากมาย สะดวกสบายกว่าคนยุคก่อน กลับไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ .. ชีวิตคู่ของคนยุคนี้ สั้นจัง เปลี่ยนคู่ก็บ่อย แค่เบื่อเท่านั้น.. ความอดทนต่ำมากๆ

.. อีกคติจีนที่สำคัญ และเป็นความจริง

"สืบทอดมรดกให้ลูกหลาน ด้วยคำสองคำ "การศึกษา และ "การทำงาน" สังเกตว่า คนยุคก่อน สอนลูกหลานให้ทำาน ให้ตั้งใจเล่าเรียน แม้จะยากลำบากแค่ไหน ก็ต้องฝ่าความยากลำบากนั้นให้ได้ แต่ยุคสมัยนี้ ทำไมมันช่างตรงกันข้ามนะ เรื่องการศึกษา หลายคนไม่อดทน ไม่ตั้งใจเรียน รักสบาย แล้วแบบนี้ จะมีความฉลาดรอบรู้มากแค่ไหนกันหนอ เมีอเทียบกับเด็กนักเรียนของประเทศเพื่อนบ้าน ที่ขยันและตั้งใจเรียน อนาคตของเด็กไทย น่าเป็นห่วงจริงๆ

มีหนังสือที่รวบรวม คติคำคม ข้อคิด มากมายหลายเล่ม แม้แต่ในอินเตอร์เนต ก็มีหลายคน หยิบเอาคติ ข้อคิดดีๆ มาโพสต์ มาแชร์กันมากมาย อ่านแล้ว ฟังดูดี แต่ก็น่าเสียดาย ที่หลายคน โยเฉพาะคนที่แชร์ และกดไลท์ ไม่ได้เอาคติ ข้อคิดเหล่านั้น มาใช้ในชีวิตของตนเองจริงๆ

แต่ในความย่ำแย่ ความน่าเป็นห่วงกับความคิด และพฤติกรรมของเด็กยุคนี้ ก็ยังมีเด็กไทย ที่มีความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจจริง และทำตัว ใช้ชีวิต แบบที่คติจีนเขียนไว้ บางคน ผ่านประสบการณ์ชีวิตที่ผิดพลาด และตั้งใจกลับตัวกลับใจใหม่แก้ไขสิ่งที่ผิด ทำตัวทำตนให้ถูกต้อง ปรับแนวคิด ทำชีวิตของตนเองให้ดีขึ้น ตรงกับคติชีวิตของคนจีนที่หยิบยกมา โดยที่เขาเหล่านั้น ไม่เคยได้อ่านคติจีนที่หยิบยกมาพูดที่นี่เลย ....

แต่เป็นสิ่งที่พวกเขา ค้นพบด้วยตัวของพวกเขาเอง ค้นพบสัจธรรมชีวิต ที่ตรงตามคติจีนที่หยิบยกมานั้น....

เรื่องของกู : ภาพยนต์ชีวประวัติของหลวงพ่อคูณ

ภาพยนตร์ชีวประวัติหลวงพ่อคูณ "เรื่องของกู"
เป็นบุญของเรามีโอกาสได้ดู เพราะผ่านการเล่าเรื่องโดยหลวงพ่อคูณ และน้องสาวของท่าน
ภาพยนตร์ชุดนี้สร้างจากสถานที่จริงและจำลองสถานที่ผ่านการขมของหลวงพ่อคูณมาแล้ว
ขออนุญาต เผยแพร่ต่อเพื่อเชิดชูชีวประวัติให้ลูกหลานได้รับทราบ
TT: PEA
ขอกราบขอบพระคุณผู้สร้างภาพยนตร์ยิ่งใหญ่เรื่องนี้
ขออนุโมทนาบุญ
ร่วมกัน... สาธุ
https://youtu.be/nHd-O4rA4AA

อาหารปลากินพืชอายุ 4-6 สัปดาห์

สัตว์)อาหารปลากินพืชอายุ4-6สัปดาห์ ปลายข้าวต้มสุก2ส่วน+รำละเอียด1ส่วน+ผักสับ1ส่วน+อีเอ็มและกากน้ำตาลอย่างละ1ช้อนโต๊ะ หมัก6ชม.ให้กินเช้า-เย็น

from sms farmerInfo

บทกวี ประชาชน-พลเมือง จาก สุขุม ศรีนวล

๐ประชาชน-พลเมือง๐
(People-Citizen)

หรือหวาดกลัวคำว่า “ประชาชน”
จึงบัญญัติให้เป็นพล ละเมืองใหม่
“ประชาชน”เขาล้าหลัง หรืออย่างไร?
ต้องแก้ไขเป็น“พลเมือง” ให้เฟื่องฟู

นิติช่างบริกร สอนไว้เสร็จ
กลเม็ดเป้าหมาย วาดไว้หรู
ธรรมนูญทูนมานำ คำกูรู
ช่างน่ารักน่าเอ็นดู หนอผู้ดี

ยกแล้วร่างร่างแล้วยก หมกความหมาย
กี่ฉบับนับเรียงราย ตั้งหลายหวี
กินไม่ได้ใช้ไม่ผ่าน นานหลายปี
ช่างทาสีขี่ระบอบ ล้อมรอบรัฐ

คราวนี้ร่างคราวหน้าร่าง เป็นอย่างเก่า
เรื่องตั้งฐานยกเสา เขาถนัด
แต่เนื้อหาไม่เคยเปลี่ยน เวียนรอบวัด
บริษัทผู้รับจ้าง...ร่างรัฐธรรมนูญ!

สุคม ศรีนวล
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘

จงให้อภัย เมื่อเพื่อนส่งไลน์ที่เราไม่ชอบ

Copy อันนี้มา ดีมาก
"จงให้อภัย เมื่อรำคาญเพื่อน.. ที่ส่งไลน์ ที่เราไม่ชอบ"

อย่าถือสา หาความกันนะ เพราะในที่สุดเเล้ว เราก็ต้องจากกันไป

(heart) ..วัฒนธรรมไลน์กลุ่ม..(heart)

วัฒนธรรมไลน์กลุ่ม แต่ละห้อง แต่ละที่จะแตกต่างกัน

󾔹󾔹󾔹 บางห้อง เป็นเรื่องงานล้วนๆ ห้ามเล่น ห้ามแซว ห้ามส่งข้อมูลใดๆที่ไม่ผ่านการตรวจสอบเข้ากลุ่ม

󾔹󾔹󾔹 บางห้องใช้เล่นๆ ไม่มีสาระ ขำขันปนมันฮา แก้เครียด ใครแหยมส่งข้อมูลเป็นทางการ ซีเรียสเข้ากลุ่ม เป็นถูกด่า

󾔹󾔹󾔹 บางห้อง ใช้เป็นที่พบปะเพื่อนฝูง แวะเวียนทักทายกันและกัน ยามคิดถึง หรือว่างงาน
ไว้แซวขำขัน แชทข้อมูลที่ผ่านสายตาเข้ามา ทั้งที่กลั่นกรอง และไม่กลั่นกรอง จากคนส่ง

.... ผู้รับข้อมูลบางคน อาจได้ประโยชน์
บางคน อาจมองไม่เห็นประโยน์
ในการส่งไลน์ ข้อมูลที่เป็นความจริง มีเพียง 10 % เท่านั้น
... เพื่อนๆ ก็ต้องทำใจ ยอมรับกติกาสังคมอันนี้

□ผู้ส่ง เมื่อถูกตำหนิจากผู้รับ ก็ต้องทำใจ อ๋อ...เขาไม่เห็นประโยชน์ หรือ..ไม่ทันได้พิจารณาให้ละเอียด เราอาจทำให้เขาเสียเวลา

□ผู้รับ เมื่อรับข้อมูล ก็ขอให้ทำใจ
อ๋อ...เราไม่เห็นประโยชน์
..แต่อย่างน้อย ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ..มีเรื่องนี้เกิดขึ้นในสังคม
ให้ระวัง หรือเมื่อใครคุยกัน เราก็คุยกับเขาได้ ไม่ตกข่าว
□□□□□□
...
จึงอยากจะขอร้อง ให้เพื่อนๆทุกคน ในไลน์ห้องนี้ รักกัน (heart) ให้อภัยกันและกัน หนักแน่น อย่าถือสากันเลย หนักนิด เบาหน่อย อภัยให้กัน วันนี้แชทหากัน วันพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ ใครคนใดคนหนึ่ง จะได้อยู่แชทกันครบมั๊ย อนาคตมันไม่แน่นอนนะเพื่อน..
󾠩󾠩󾆟󾆟󾆠󾆠👬👬👭👭

ระวังโรคผลแตกยางไหล

พืช)โรคผลแตกยางไหลจะเกิดกับมังคุดที่มีการจัดการน้ำไม่ดีพอหรือในช่วงที่ฝนตกชุกสลับกับแล้ง มักพบอาการของโรคในระยะ 1-2 เดือนก่อนเก็บเกี่ยว

from sms farmerInfo

ค้นพบดินแดนใหม่ รับชาวโรฮิงญา : เสธน้ำเงิน

ค้นพบดินแดนใหม่รับ ชาวโรฮินจาอพยพ ไม่อั้นจำนวนแล้ว
ชาวโรฮินจา คือ ชาวเบงกาลี ของอินเดีย ยุคล่าอาณานิคม อังกฤษนำเข้ามา พร้อมกับชาวกุรข่า ต่อสู้กับพม่า เพื่อยึดดินแดน และโค่นล้มราชวงศ์พม่า จับกษัตริย์สีป่อ กษัตริย์องค์สุดท้ายพม่า ไปกักบริเวณไว้ที่อินเดีย
จนวาระสุดท้าย แต่ชาวโรฮีนจา ไม่ได้กลับถิ่นฐาน ตั้งรกรากแถวรัฐยะไข่ของพม่า จนแยกแผ่นดินจากอินเดียเป็นประเทศบังคลาเทศ ด้วยความที่นับถือฮินดู และอิสลาม ชาวโรฮินจา จึงขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งกับชาวพุทธพม่าอยู่เนืองๆ
ทุบทำลายพระพุทธรูป และเผาวัดชาวพม่า ก่อจราจลเผาบ้านเผาเมือง ไปจำนวนมาก ชาวโรฮินจา เป็นเผ่านักรบ แต่ไร้ความรู้ จึงถูกกลุ่มอัลกออีดะห์นำไปฝึกเป็นกลุ่มก่อการร้าย จนมีนักรบมูจาฮิดีน โรฮินจา
ชาวโรฮินจา เมื่อผ่านจากไทยเข้าไปในมาเลเซีย ก็ถูกกลุ่มก่อการร้ายชายแดนใต้ศัตรูคนมุสลิม วาดะห์ BRN แดง นปช.จ้างมาฝึกอาวุธ แล้วย้อนกลับมาก่อวินาศกรรม ในจังหวัดชายแดนของไทย
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมไทย เคยตรวจ DNA กลุ่มก่อการร้ายชายแดนใต้ ปรากฎหลักฐานว่าเป็นชาวโรฮีนจา จำนวนมาก การที่อเมริกา และสื่อมวลชิน เรียกร้องให้ไทยรับ ชาวโรฮีนจา เข้ามาตั้งศูนย์พักพิงนั้น
เกมส์นี้คือการรวมกลุ่มก่อการร้ายขนานใหญ่ที่จะแฝงตัวมากับผู้อพยพเหล่านี้ และอเมริกาจะหนุนอาวุธ สร้างให้เป็นกลุ่ม IS สายเอเซียใต้ และจะทำให้ไทย ตกอยู่ในสภาพเดียวกับยูเครน อิรัก และซีเรีย
รู้ทันอเมริกา และสื่อแดงขายชาติ เท่ากับพาชาติพ้นภัย มีสถานที่ว่างสำหรับสร้างศูนย์พักพิงชาวโรฮินจา ที่เหมาะสมมาก คือ ดินแดนอเมริกานั่นเอง โดย UNHCR แค่กินหัวคิว ชาวโรฮีนจา แล้วใช้เรือลากจูง จากรัฐยะไข่ของพม่า
มุ่งตรงไปยังดินแดนอเมริกาเท่านั้น ก็ไม่ต้องโวยวายใดๆ อีกต่อไป ที่อเมริกา แผ่นดินว่างเปล่ามากมาย จะหวง และงก ไว้ทำไม ??
@ เสธ น้ำเงิน4

เคล็ดลับ กินทุเรียน ไม่เป็นร้อนใน

พืช)เอาใจสาวกราชาผลไม้ไทย ด้วยเคล็ดลับจากชาวสวนที่แนะนำให้ใส่น้ำในเปลือกทุเรียน แล้วดื่มก่อนกินเนื้อทุเรียน ช่วยให้กินได้เยอะ ไม่เป็นร้อนใน

from sms farmerInfo

ฝนตกเพิ่ม อย่าปลูกพืชหนาแน่น

พืช)ฝนเพื่มขึ้น โดยเฉพาะอีสานตอนบน เกษตรกรที่ปลูกพืชรุ่นใหม่ควรจัดการระบายน้ำที่ดี ไม่ปลูกพืชหนาแน่นจนเกินไป โรคพืชที่เกิดจากเชื้อราอาจระบาด

จาก sms farmerInfo

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ลูกรัก... การต่อสู้

สูงสุดคืน สู่สาม้ญ พี่น้องเอ๋ย
มีเฉลย มานาน ทุกเสียงขาน
ทุกทุกกาล ทุกทุกวัน ทุกลมปราณ
ทุกกล่าวขาน ทุกสืบสาน งานศพไง
งานวันเกิด วันแก่เจ็บ แล้ววันตาย
มาแล้ววาย ไม่มีสาย หรือไฉน
หนีไม่พ้น หลบไม่ทัน ผันอย่างไร
จะหัวใส ฉลาดล้ำ ไม่พ้นเลย
มัวเมาสุข จมทุกข์ อยู่กันพร่ำ
เมากันฉ่ำ ข่มกลั้น หลงกันเฉย
ไม่รู้ว่า มีทางออก จากหลงเลย
ใครไม่เคย ได้ยินแล้ว อย่ามัวเพลิน
เร่งภาวนา เกิดแก่เจ็บ นั้นทุกข์หนอ
ไม่เคยพอ กับทุกสิ่ง มัวสรรเสริญ
จนยึดมั่น ถือมั่น เหนียวแน่นเกิน
ไม่รู้เพลิน เพราะหลงนั้น บังบอดใจ
หลงกันมา แสนนานนัก ถลำปลัก
อีกสำลัก กิเลส เพลินยากใส
จุดเพลิงเผา ใจเมามัน พร่ำพรอดไป
ไม่สนใจ กอดรัด อย่างงมงาย
หากตาใส จากใจบอด มอดกิเลส
เพราะเห็นเปรต นรก อสุร งกาย
ทั้งนรก อบายสี่ อย่าได้หมาย
ไม่ลงปลาย ถ้าคิดเป็น เห็นแสงธรรม
คัดลอกจากพอเพียง มาร์ค

                                               ลูกรัก.............การต่อสู้


                           นานอยู่เหมือนกันนะลูกที่เราไม่ได้คุยกันผ่านโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คเลย ก็ด้วยปัญหาเดิมๆของพ่อคือการเจ็บป่วยที่เริ่มจะเรื้อรังตามอายุและการใช้งานร่างกายที่มากเกินไปในช่วงที่ผ่านๆมา
                          แม้กระทั่งจะเขียนจดหมายออนไลน์ให้ลูกสักฉบับยังค่อนข้างยากลำบากต้องแบ่งเป็นทีละย่อหน้า นี่แหละสังขารหรือร่างกายที่มีแต่วันทรุดลงไปเรื่อยๆ และต้องให้เราต้องเผชิญโจทย์หรืออุปสรรคของชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา
                          แต่....ความรักที่พ่อมีต่อลูกๆและแม่ก็ไม่มีวันที่จะลดลงไปได้เลยจนกว่าพ่อจะตาปิดสนิท
                          ครอบครัวของเรากืได้ผ่านอะไรๆมามากมายหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเงิน ปัญหาสุขภาพที่เล่นงานจนเอาตัวแทบไม่รอด
                          แต่ด้วยบุญกุศลที่เราได้ทำร่วมกันทำมา ดังที่คุณหมอหลายคนท่านว่า พวกเราจึงผ่านนาทีวิกฤตมาได้ทุกครั้ง รวมทั้งเรื่องราวของปู่และย่าของลูกจนท่านจากไปอย่างมีความสุขและสมศักดิ์ศรี กล้าหาญ อดทนและทนทาน ย่าของลูกท่านสู้จนร่างกายหมดสภาพจากไปอย่างงดงามอย่างรู้ตัวและมีสติเต็มร้อย
                          ตอนย่าจากไปด้วยวัยแปดสิบหกปี ที่สภาพข้างนอกยังดูแข็งแรงอย่างสงบ แต่ระบบของร่างกายของย่าล่มลงล้มเหลวไปหมดทุกระบบ มันเป็นการจากไปอย่างสวยงามที่สุดที่พ่อเคยเห็นมาในชีวิตจนลับสายตาของพ่อ พวกเรามีบุญนะที่มีย่าและแม่ที่เป็นบุคคลเช่นนี้
                          การจากไปของย่าทิ้งความรักให้พวกเราเต็มเปี่ยม แม้กระทั่งเงินเก็บที่พ่อให้ย่าท่านก็เหลือเก็บให้ตอนย่าจากไป พ่อและแม่เองก็นึกไม่ถึงว่าย่าจะทำเช่นนี้ ความรักแท้ที่ท่วมท้นไงลูกทั้งๆที่เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้เลย พ่อถึงบอกว่าย่ารักพวกเราสุดหัวใจ ท่านจึงอยู่ในใจของพวกเราตลอดเวลา พ่อเชื่อว่าทุกวันนี้ลูกเองก็ยังจำวันที่ย่าจากไปได้อย่างไม่มีวันลืมรวมทั้งหัวใจของย่าด้วยนะลูก
                          ย่าที่แสนอบอุ่น อ่อนโยน ใจดี กล้าหาญ สู้ไม่ถอย มีหลักการในการดำเนินชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีหลักจัดการที่ดี
ทั้งๆย่าไม่ได้จบการศีกษาหรือเรียนหนังสือที่ไหนๆเลยแต่บริหารครอบครัวและงานในครอบครัวอย่างรอบรู้ แต่พ่อรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าย่าได้เรียนรู้จากโรงเรียนชีวิตได้ถึงแก่นอย่างแท้จริง แม้กระทั่งการอาราธนาศีลที่ย่าเรียนรู้จากหลวงตาช้วนที่วัดแค นางเลิ้งของเรา
                         รางวัลสูงสุดที่ย่ามอบให้พวกเราก็คือคำพูดของย่าที่ว่า"อยู่กับพวกเราแล้วมีความสุขทึ่สุด" พ่อจำอยู่ในใจมาชั่วชีวิตจนนาทีนี้เลยนะลูก
                         จากที่พ่อไม่เคยคิดเลยว่าจะดูแลย่าท่านได้เหมือนที่ลุงดนูที่มีกำลังมากกว่าดูแล แต่ลุงดนูได้จากไปก่อนเวลาอันควร จนพวกเราได้รางวัลจากย่าด้วยคำพูดเช่นนั้น
                         ย่าของลูกเป็นผู้งามพร้อมในทุกบทบาท เช่นแม่ผู้รักลูกสุดหัวใจ ย่าที่รักหลานสุดอ้อมกอด ที่พ่อไม่เคยลืมในทุกฉากที่ผ่านมาเลย
                        แม้เหตุการณ์จะผ่านมากว่าสิบสามปีแล้วก็ตาม พ่อยังจำท่านั่ง ท่ากินข้าว หน้าตายิ้มแย้มของย่า และกลิ่นไอของท่านยังติดจมูกของพ่อมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
                        ผู้หญิงที่เกิดมาสู้ให้ลูก สู้กับโลกอย่างไม่ย่อท้อ สง่างามและยอมรับความจริงในธาตุขันธ์อย่างมิเกรงกลัวอะไรเลย
                        จำไว้นะลูก................การต่อสู้ของย่าที่มาจากเมืองจีนเสื่อผืนหมอนใบ ที่ยังเป็นตันแบบให้พ่อจนถึงนาทีนี้
                        และสิ่งที่พ่ออดที่จะพูดไม่ได้เลยว่า ย่าของลูกไม่เคยบ่นเรื่องของตัวเองให้พ่อฟังสักเรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งความเจ็บปวดจนวินาทีสุดท้ายที่ย่าจากไป ท่านเป็นพระอรหันต์ของพ่อจริงๆ ย่าคิดถึงแต่เรื่องของลูกๆจนแทบไม่เคยคิดถึงเรื่องตัวเองเลย
                       เช้าวันนี้พวกเรามีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลังจากที่ลูกออกไปทำงานแล้ว แม่ตามหาพ่อทางโทรศัพท์และมือถือและมาเจอหน้าพ่อที่ห้องนอน ทั้งๆแม่ควรจะออกไปทำงาน แต่แม่บอกว่าเป็นลมล้มลงห้วฟาดพื้น
                       พ่อคิดถึงทุกคนที่จะนำไปสู่หมอที่จะร้กษาแม่ได้ในขณะนั้น จนลูกโทรมาเมื่อได้ข่าวจากแม่  และแนะนำให้พ่อพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลที่ลูกทำงานอยู่ ซี่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐ
                        แต่พ่อใคร่ครวญอีกครั้งว่า น่าเป็นห่วง น่าจะหาหมอชำนาญการที่ใกล้และเร็วที่สุด แม้จะดูอาการของแม่จะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะแม่ก็แก่แล้วและมีจุดอ่อนในหลายๆด้านรวมทั้งกระดูกบาง ควรจะหมอตรวจให้ละเอียดกับหมอที่ไว้ใจได้
                       พ่อจึงเลือกโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ที่พ่อเคยรอดตายมาได้เพราะคุณหมอสุวรรณี จิตภ้กดีบดินทร์ พ่อนึกถึงท่านเป็นคนแรก จึงพาแม่ตรงดิ่งออกไป และระหว่างทางก็ประสานงานกับทางพยาบาลทำนัดหมอให้ด้วย เพราะเห็นอาการของแม่ยังไม่ต้องเข้าฉุกเฉิน  และโชคดีที่ไดัพบคุณหมอ
                        ไม่ได้เจอคุณหมอมานานหลายปีด้วยเหตุผลนานาประการทั้งที่ไปหาท่านยามพ่อและแม่เจ็บป่วยหลายๆครั้ง คุณหมอยังคงสมาร์ทเฉียบแหลมอยู่เสมอ แม้จะดุเหมือนเดิมก็ตาม
                         แต่พ่อก็ยังศรัทธาท่านอย่างสุดห้วใจ เพราะท่านเป็นหมอที่แท้จริง ห่วงใยคนไข้จนรู้สึกได้ตลอดเวลา ภายหล้งที่คุณหมอได้ตรวจแม่อย่างละเอียดแล้ว และเห็นว่าอาการวูบของแม่ต้องให้หมอที่เชี่ยวชาญด้านห้วใจตรวจอีกครั้งหนี่งก่อน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และท่านก็กำชับว่าจะหาหมอที่เก่งที่สุดดูแลแม่ต่อไป
                         อีกทั้งคุณหมอยังตรวจพ่อและให้คำแนะนำดีๆที่พ่อติดค้างในใจมานานหลายเดือนในหลายประเด็นทั้งหมดกับปัญหาสุขภาพ แม้จะใช้คำถามที่ไม่ได้ชัดเจนนัก เพื่อที่จะดูแลตนเองอย่างไรต่อไป ทุกคำถามที่ค้างคาใจของพ่อ คุณหมอตอบมาทั้งหมดแล้ว
                         แต่สิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้ที่พ่อรู้สีกก็คือพ่อได้เจอลูกในเวลาที่ควรจะเจอ เพราะลูกลางานมารับพ่อและแม่ไปโรงพยาบาล เพื่อร่วมต่อสู้กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและเกิดขึ้นร่วมก้น แล้วลูกเองก็จะไม่ว้นลืมสิ่งดีๆที่ลูกได้ทำไปในว้นนี้ไปชั่วชีวิตของลูกเลย พ่อเชื่อเช่นนี้
             เหมือนพ่อที่เคยพาย่าไปโรงพยาบาลก่อนที่ห้วใจของย่าจะวาย จนย่าผ่านพ้นเวลานั้นมาและอยู่อย่างมีความสุขร่วมกับพวกเรามานานกว่าสิบสามปี
                         ลูกยังคงเป็นบุคคลที่พึ่งได้ กตัญญูเป็นกัลยาณมิตรของพ่อและแม่ พ่อขอขอบใจมาณ.ตรงนี้อีกครั้ง ซึ่งวันนี้พ่อยังคงต้องพาแม่ไปเช็คหัวใจตามหมอนัด และลูกก็ไปทำงานสำคัญของลูกไปช่วยดูแลสุขภาพของคนป่วยอื่นที่โรงพยาบาล แต่สิ่งที่พ่อชื่นใจในคำพูดของลูกที่สุดอีกครั้งก็คือ"เจอกันที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธตอนแม่เจอหมอเพื่อสรุปอาการของแม่" ลูกช่างเป็นสิ่งสวยงามของพ่อและแม่จริงๆนะลูก แม้ลูกจะไม่ได้มาในวันนี้เพราะติดงานสำคัญก็ตาม

                                                                      รักลูกตลอดเวลา

                                                                              พ่อ

                          การต่อสู้ของชีวิตนั้นเป็นเรื่องทุกคนต้องทำเพ่อเอาชีวิตรอดในโลก เพียงแต่ว่าจะมีใครรู้ตัวทั่วพร้อมกับวิชา ตัณหา อุปทานและกรรมหรือเปล่า ต้องตั้งสติแน่น ขอบคุณและขออนุโมทนากับคุณพ่อ ขอให้แข็งแรงได้ใช้ขันธ์เจริญธรรมจนถึงที่สุดทั้งครอบครัวนะครับ สาธุ
                                                                               แทนสะ

จงรับผิดชอบ จงปฏิเสธ จงถนอมคน ประเภทต่อไปนี้

จงรับผิดชอบคน 2 ประเภทนี้
1.คนที่ให้กำเนิดคุณ
2.คนที่คุณให้กำเนิด
จงคิดถึงคน 2 ประเภทนี้
1.คนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน
2.มิตรสหายที่เกื้อกูลไม่ทอดทิ้งกัน
จงปฏิเสธคน 2 ประเภทนี้
1.คนที่ทำงานโดยปราศจากคุณธรรม
2.คนจัดการที่ปราศจากมโนธรรม
จงถนอมคน 2 ประเภทนี้
1.คนที่กล้าให้คุณยืมเงิน
2.คนที่ห่วงใยคุณอย่างแท้จริง
จงอยู่ไกลจากคน 2 ประเภทนี้
1.คนที่ยามพบกับเรื่องดีๆ ก็รีบยื่นมือเข้ามาขอมีส่วนร่วม
2.คนที่ยามพบกับความยากลำบาก แต่กลับหลบลี้หนี้หายไม่ยอมโผล่หน้า
จงเคารพและยกย่องคน 2 ประเภทนี้
1.หญิงสาวที่ยอมกัดก้อนเกลือกินกับชายหนุ่มเมื่อเขาลำบาก
2.ชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์ต่อหญิงสาวเมื่อวันที่เขารุ่งเรือง
โลกนี้เป็นของคู่ที่เรียกกันว่าทวิภาวะ ในชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มีคนที่คอยเกื้อกูลและอุ้มชูเรา และมีคนที่เราเคยเกื้อกูลและอุ้มชูเขา จงจดจำคนที่เคยเกื้อกูลคุณ และลบลืมว่าคุณเคยเกื้อกูลใคร ชีวิตเช่นนี้ จะเป็นสุขมากยิ่งขึ้น
นุสนธิ์บุคส์

ถ้าคุณมีชีวิตเหลือเพียง.2-3 เดือน

ถ้าคุณมีชีวิตเหลือเพียง 2-3 เดือน

หากโชคชะตาของคุณ เดินทางมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เช่น เป็นโรคมะเร็ง ที่คุณจะมีชีวิตเหลือเพียง 2-3 เดือนช่วงเวลาที่เหลือ คุณจะทำอะไร

บางคนได้ยินคำถามนี้ ก็คงขำ หัวเราะ เพราะคิดว่า มันเป็นแค่คำถามสมมติ คำถามลองเชาว์ปัญญา เมื่อขำแล้ว อาจจะตอบคำถาม หรือไม่ยอมตอบอะไรเลย เพราะคิดว่า มันไร้สาระ

แต่ชีวิตนี้ ไม่มีอะไรที่แน่นอนหรอกโยม อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

มีคนที่ประมาทเท่านั้นที่ จะใช้ชีวิตแบบไม่มีคุณค่าใดๆ ไม่ว่าจะมีเวลาเหลืออีกซักเท่าไหร่ ก็ไม่มีความหมายใดๆทั้งนั้น ใช้ชีวิตเพื่อหาความสุขสำราญให้ตัวเอง เพื่อหายใจทิ้งไปวันๆ

สำหรับคนที่เห็นคุณค่าของชีวิต ถ้าหากจะมีชีวิตอีกเพียง 2-3 เดือน เขาจะเริ่มต้นทำความฝันตามวัยเยาว์
ทำความฝันให้เป็นจริง
ทำความฝันที่เขาสามารถทำได้

มีหลายอย่างที่อยากทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เนื่องจากจังหวะเวลา และโอกาสไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้น มีเงื่อนไข ข้ออ้าง และความจำเป็นมากมายหลายอย่างที่จะต้องทำ แต่ถ้าคุณจะมีชีวิตเพียง 2-3 เดือน เวลาที่เหลือนี้ ไอ้เงื่อนไข ข้ออ้างความจำเป็น ที่เอามาพูดพ่นบ่อยๆ มันก็ไม่สำมะคัญแล้วล่ะ

ความฝันในวัยเยาว์ มีหลายอย่างที่อยากทำ เมื่อเป็นโอกาสสุดท้าย อะไรที่อยากทำ ก็รีบลงมือทำเสีย

- เคยโกรธเกลียดใคร ก็ยกโทษ ไปคืนดีกันซะ
- ยังไม่เคยทำความดีให้ พ่อแม่ พี่น้อง ก็ถือโอกาสทำซะ
- ยังไม่เคยทำบุญ ก็ทำซะ
- ไม่เคยโอบกอด ดูแลสัตว์เลี้ยง ก็ทำซะ

ฯลฯ
มีอะไรให้ทำอีกมากมายหลายอย่าง อย่ารอช้า ลงมือทำทันที

เสริมวิตามินซีให้ปลาด้วยมะขามเปียก

สัตว์)ใช้มะขามเปียก200กรัม ขยำละลายน้ำ1ลิตร เอาเฉพาะน้ำที่ได้สาดในบ่อเลี้ยงปลาให้ทั่ว ช่วงเช้า 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ช่วยเสริมวิตามินซีให้ปลา

จาก sms farmerInfo

เคล็ดลับการย่างเนื้อสัตว์

สัตว์)เคล็ดลับการย่างเนื้อสัตว์ หั่นก้านกล้วยเป็นชิ้นๆ 3-4 ท่อน ใส่ในเตาไฟ แล้วนำเนื้อไปย่างตามปกติ เพียงเท่านี้เนื้อสัตว์ที่ย่างก็จะไม่ไหม

from sms farmerInfo ้

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้แบ่งเงินเป็น 4 ส่วน

☆พระพุทธเจ้าทรงสอนให้แบ่งเงินเป็น 4 ส่วน.คือ☆

1. ใช้หนี้เก่า

2. ใช้หนี้ใหม่

3. ฝังไว้

4. ทิ้งเหว


☆ใช้หนี้เก่า คือ ให้พ่อแม่ ท่านให้กำเนิดและเลี้ยงเรามา เราเป็นหนี้บุญคุณท่าน ต้องตอบแทนพระคุณ

☆ใช้หนี้ใหม่ คือ ให้ลูก ลูกเป็นเจ้าหนี้ที่เราสร้างขึ้นมาทีหลัง เป็นเจ้าหนี้ใหม่ ที่เราต้องชดใช้

☆ฝังไว้ คือ ทำบุญ สร้างกุศล เพื่อฝังไว้เป็นอริยะทรัพย์ สำหรับใช้ในการเดินทางไปใน สังสารวัฏ

☆ทิ้งเหว คือ เที่ยว..กิน..ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พระพุทธองค์ทรงเปรียบท้องคนเราเป็นเหวลึก กินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม.... อ่านแล้ว ส่งต่อได้ บุญเยอะนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ Dr.Thanrawee

ตึกกรอสส์ ของ อ.อุดากร

ตึกกรอสส์ ของอ.อุดากร
eBook: http://statictab.com/3s9vd5k
อ.อุดากร เป็นนามปากกาของ อุดม อุดาการ เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2467 ที่อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม การศึกษา เรียนหนังสือชั้นประถมและมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ หลังจบม.6จึงเรียนต่อในกรุงเทพฯ ที่ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา แล้วสอบเข้าเตรียมแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาวิชาแพทย์ที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช

พ.ศ.2478 ในปลายปีการศึกษาแรกของการเรียนวิชาแพทย์ ล้มป่วยด้วยโรคปอด ต้องพักการเรียน 2 ปี เพื่อรักษาตัว เมื่อครบกำหนดอาการยังไม่ปกติ จึงต้องลาออก อ.อุดากรจึงหันมาเรียนวิชากฎหมายคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง แม้จะยังเจ็บป่วยอยู่ก็อดทนเพียรพยายามจนสำเร็จอนุปริญญา

มีแววเป็นนักเขียนตั้งแต่เด็ก วิชาเรียงความของเขามักได้รับคำชมจากครู นอกจากนั้นก็มักจะเขียนเรื่องสั้นให้เพื่อนๆอ่านและเขียนบทละครให้โรงเรียนใช้แสดงในงานรื่นเริงเป็นประจำ

หลังล้มป่วยจนเรียนแพทย์ไม่ได้ อ.อุดากรเสียใจมากเพราะเคยมุ่งหวังใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือชาวบ้านในชนบท จึงหันมาสนใจการเขียนอย่างจริงจัง พอดีจังหวะช่วง พ.ศ.2491 นิตยสารสยามสมัย จัดประกวดเรื่องสั้นโบว์สีฟ้า อ.อุดากร เขียนส่งมา 3 เรื่อง ได้แก่ ตึกกรอสส์ เกสราลิขิต และชำหนึ่ง ทุกเรื่องได้รับพิจารณาลงพิมพ์ และเรื่อง "ตึกกรอสส์" ได้รับรางวัลชนะเลิศ
อ.อุดากรบรรยายความรู้สึกที่ได้รับรางวัลในจดหมายที่เขียนถึงมาลัย ชูพินิจ บรรณาธิการนิตยสารสยามสมัยขณะนั้นว่า "ความปรารถนาของผมก็เท่านั้น ต้องการระบายความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ และบุคคลผู้เป็นเส้นชีวิตของมันออกไป เขียนแล้วอ่านดูเองก็รู้สึกพอใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สุขเท่ากับได้รับการเผยแพร่"

เมื่อได้รับความสำเร็จจากงานเขียนทำให้เขามีพลังใจมุมานะเขียนหนังสือแม้ยังเจ็บป่วย พ.ศ.2493 งานเรื่องสั้น "สัญชาตญาณมืด" ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารสยามสมัย เป็นผลงานเขย่าวงการที่ผู้อ่านพูดถึงอย่างกว้างขวาง

เมื่อทำงานเสมียน แผนกมหาดไทยของจ.อุตรดิตถ์ นายอุดมรับหน้าที่จัดทำนิตยสารธรรมสภา และหนังสือเชิญชวนท่องเที่ยวจังหวัด เรื่อง "ลับแลเมืองธรรมชาติ" งานหนังสือเล่มนี้เขาทุ่มเทอย่างหนักกระทั่งโรคที่ป่วยอยู่ทวีความรุนแรงขึ้นจนต้องหยุดงานเขียนเมื่อลุกขึ้นไม่ไหว

ตัวอย่างงานเขียนของอ.อุดากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้น นอกเหนือจากที่เอ่ยแล้วข้างต้น ได้แก่ สยุมพรเหนือ หลุมฝังศพ ริมกระแสธาร ชั่วนิรันดร แสงระวีดับ โบ๊ตอะฮอย? ชีวิตที่จบลงด้วยน้ำตา ทาสอารมณ์ บนผืนแผ่นดินไทย คาลมาร์กซ์-กลิ่นดินปืน บนเส้นทางชีวิตสายหนึ่ง รักนั้นจีรัง วิญญาณลอย เพ็ญพิลาป และสิ้นพยาบาท ซึ่งเป็นงานเขียนเรื่องสุดท้ายในปี 2493 อ.อุดากร เสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2494 ด้วยวัยเพียง 27 ปี

อารมณ์ของคนรักกับความเข้าใจที่มีให้กัน

อารมณ์ของคนรัก กับความเข้าใจที่มีให้กัน

มีหลายครั้ง หลายจังหวะเวลาของความสัมพันธ์ที่ดี ก็ย่อมที่จะมีอารมณ์หงุดหงิด ไม่พอใจ โกรธ โมโห น้อยใจ รวมอยู่ด้วย

..ใครจะดี ได้ตลอดเวลาล่ะ ก็ต้องมีอารมณ์ไม่ดีบ้าง

ในยามที่ใครคนหนึ่งหงุดหงิด อะไรต่อมิอะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด บางที มีคนเข้าไปพูด แค่คำถามง่ายๆ แต่เค้ากลับโมโห โกรธ เป็นฟืนเป็นไฟ โวยวายมากมาย จนบ้านแทบจะแตก ถ้าอีกฝ่ายไม่เข้าใจ และเกิดอารมณ์หงุดหงิดตามไปด้วย เรื่องเล็กๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที เมื่อคนที่เริ่มโกรธ อารมณ์เย็นลง ก็ได้แต่ก้มหน้าเสียใจ กับสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น

เวลาที่ต่างฝ่าย ต่างหงุดหงิด มีอารมณ์รุนแรง ทั้งคำพูดและการกระทำ ก็จะแสดงออกมาอย่างรุนแรง ทำให้อีกฝ่าย เจ็บปวดได้ ทั้งทางกายและทางใจ เรื่องอารมณ์ขึ้นลงนี่ คงจะต้องคอยเตือนสติตัวเองให้ดีๆ

โดยเฉพาะ ถ้าคนที่มีอารมณ์หงุดหงิด เป้นคนที่เรารัก หากเราไม่เข้าใจสภาพอารมณ์ และสภาพร่างกาย ในเวลานั้น ก็คงจะโกรธ เพราะคิดว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็คงจะมีอารมณ์ตอบสนอง สร้างความรุนแรง ตามความรู้สึกในขณะนั้น

ในยามที่แต่ละฝ่าย อารมณ์ดี อารมณ์เย็น ทุกคนตั้งใจว่า จะอยู่ดูแลกันไปให้นานแสนนาน ดูแลกันอย่างดี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันทุกสถานการณ์ แต่พอหงุดหงิด สิ่งที่พูดไว้ ลืมทั้งหมด

สิ่งที่เกิดขึ้น ก็เหมือนกับสิ่งที่เป็นตัวทดสอบชีวิตว่า คนทั้งสองง่ายสมควรที่จะรักใคร่ สามัคคี หรือ คบกันต่อไปดีมั้ย หรือ สมควรที่จะหยุด ความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดี ได้แล้ว สิ่งเหล่านี้จะเป็นคำตอบ .. แต่ก็ขึ้นอยู่กับทั้งสแงฝ่าย มีความเข้าใจต่อกันมากแค่ไหน ให้อภัย ใจเย็น และคืนดีกันได้หรือเปล่า หรือ เอาแต่ตัวเองเป็นหลัก ยึดมั่น ถือมั่นอยู่อย่างนั้น...

ความเข้าใจที่มีให้กัน คำง่ายๆ แต่บางที ก็เป็นสิ่งที่ทำยากเช่นกัน

ขอให้ทุกคน มีความรัก ความเข้าใจมอบให้กันนะ.. โลกนี้ คงมีความสงบสุข มากกว่านี้แน่นอน

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คลิป แมวปฏิบัติธรรมที่ เกาหลี

ที่เกาหลีมีแมวปฏิบัติธรรมและปฏิบัติมาได้สี่ปีแล้วนับจากที่เจ้าอาวาสได้ช่วยชีวิตไว้โดยปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเจ้าอาวาส ๓ ข้ออย่างเคร่งครัดคือ
๑.ไม่ส่งเสียงรบกวนในห้องพระ
๒.ไม่ล่าสัตว์
๓.ไม่กินเนื้อสัตว์
คำสั่งสอนเหล่านี้ล้วนฝืนสัญชาตแมว แต่แมวตัวนี้ก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ยิ่งกว่านั้นยังหมอบทำสมาธิเพ่งพระพุทธรูปนานประมาณ ๔ ชั่วโมงทุกวัน เวลากินอาหารในมือเจ้าวาสน้ำตามักจะไหลเหมือนสำนึกในบุญคุณ

https://youtu.be/lAaOeL8b7PM

ความจริงเกี่ยวกับซีพี จากคน BOI

CP อีกเรื่องๆนี้ จนท.BOI เขียนค่ะ

ความจริงเกี่ยวกับ CP จากน้องที่ทำงานอยู่ BOI

ยอมรับว่าผู้บริหาร CP เป็นคนดี แต่ก็รู้จักวิธีทำธุรกิจของ CP ดี ทำงานร่วมด้วยมาตลอด
CP อยากผูกขาดเกินไป อย่างที่หลายคนพูดไปแล้ว

ปัญหาหนึ่งที่พบคือ CP ใช้ความใหญ่ของตัวเองเอาเปรียบในบางครั้ง ขนาดเป็นหน่วยราชการ ตอน BOI fair เขายื่นจอง พท. ใหญ่มาก
ขอใช้ไฟเยอะมาก เราก็ต้องลากไฟเข้ามา ปรับที่ให้เขา แล้วกลางคันมาบอกลด พท. เหลือ 1/3 เราก็แจ้ง ขอ charge cost พวกนี้ เขาไม่ยอม ผู้บริหารของเขามาเจอเลย เลขาเริ่มลังเล แต่จิ๊ไม่ยอม มันเป็นcost ที่ลงทุนไปแล้วจริง ยืนยันต้องเก็บ
แล้วเขาก็ใช้บริษัทหนึ่ง เป็น contractor ทำงานกันหลายเดือนจนแบบเสร็จหมด เราก็ตามว่าให้ส่งแบบได้แล้ว และมาเซ็นทำเรื่องก่อสร้าง ปรากฏวินาทีสุดท้าย CP บอกไม่จ้างบริษัทนี้ จะใช้บริษัทในเครือทำเอง เลยไปถามเจ้านั้นว่าแล้วที่ทำไปแล้วหลายเดือน CPจ่ายเงินให้ไหม เขาบอกไม่ได้ แต่ยังต้องทำงานกันอีก เลยยอมไป
ล่าสุดเขาจะขอรับสิทธิเพิ่ม โดยจะบริจาคเงินเข้ากองทุน STI 150 ล้าน ก็ไปตกลงกับ สวทช. ทำเรื่องเรียบร้อย มาเปลี่ยนใจหลังจาก process หมดแล้ว เพราะเอาเงินเข้ากองทุนเดี๋ยวบริษัทอื่นเอาไปใช้ได้
(กองทุนนี้ตั้งมาให้ SME มาเอาไปใช้ทำ R&D แบบ matching fund) เปลี่ยนเป็นจะทำ R&D เอง150ล้าน จะทำร่วมกับ สวทช. ซึ่งส่งทีมมาช่วยศึกษาดูความต้องการ เขียนเป็นโครงการวิจัย 4-5โครงการ มีรายละเอียดครบ วงเงินที่ใช้ ทีมงานใช้เวลามากกว่า 6 เดือน กว่าเราจะอนุมัติให้ แล้วพอได้อนุมัติไป เขาบอกยกเลิกโครงการไม่ทำกับ สวทช.แล้ว จะทำเองในบริษัท
ถามว่าแล้วรายละเอียด องค์ความรู้ที่ได้ไป เวลาที่ทีมงานนักวิจัยเขาเข้ามาศึกษาให้ล่ะฟรี ถ้ารัฐทุ่มความช่วยเหลือแบบนี้ให้ SME จะไม่ว่าเลย แต่บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ไม่ควรทำ

ความรู้สึกหนึ่ง เมื่อเราเปิดอัลบั้มภาพถ่ายเก่าๆของคนรักของเรา

ความรู้สึกหนึ่ง เมื่อเปิดอัลบั้มภาพถ่ายเก่าๆของคนรักของเรา

ทุกคนมีอดีต มีวันวานที่มีประสบการณ์ชีวิตทั้งดีและไม่ดี ซึ่งไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขเรื่องราว เหตุการณ์เหล่านั้นได้อีกแล้ว แต่ ณ เวลานั้น สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่อยากบันทึกไว้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่า ในเวลาต่อมา บุคคลที่อยู่ในภาพ จะเปลี่ยนแปลงไป หรือ เดินออกจากชีวิตไปแล้ว

แต่นั่น ก็เป็น อดีตที่ผ่านไปแล้ว

เมื่อคู่รักคู่หนึ่ง ได้แต่งงานกัน ฝ่ายหนึ่ง ได้ย้ายเข้าไปอาศัยในบ้านของอีกคน ใช้ชีวิตร่วมกัน ในบ้านทื่ย้ายเข้าไป ย่อมมีสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตกาลที่ผ่านมา เช่น อัลบั้มภาพถ่าย

คนเรา มีโอกาสที่จะมีความรัก มีคนรักได้หลายคน ไม่มีใครรู้หรอกว่า คนที่เราพบเจอ ได้ลองคบกันดู จะเป็นเนื้อคู่ เป็นคู่ชีวิตที่แท้จริงของเราหรือไม่ ต่อเมื่อได้ลองคบหา ใช้ชีวิตร่วมกัน ศึกษาดูใจ ดูนิสัย และปรับตัวเข้าหากัน เวลาที่ผ่านไปจะรู้ว่า เหมาะสม หรือ ไปกันได้หรือไม่

หลายคนที่ตัดสินใจแต่งงานด้วยกัน แต่เมื่อใช้ชีวิตด้วยกันไปไม่นาน จึงพบว่า มีหลายอย่างที่ "ไปกันไม่ได้เลย" ไม่ใช่คู่ชีวิตที่แท้จริง เมื่อไม่ใช่ วันหนึ่งก็จะแยกย้าย จากลากันไปเอง แม้จะพยายามิดทน หรือ ฝืนอยู่ด้วยกันนานสักแค่ไหนก็ตาม

เมื่อคนๆนั้น เลิกรากับคู่สมรส เพราะไปกันไม่ได้ ใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปไม่ได้เลย วันเวลาผ่านไปหลายปี จนมีโอกาสได้มาพบคนใหม่ ที่นิสัย ใจคอ ความคิด แนวทางการใช้ชีวิต ไปกันได้ เวลาผ่านไป หลังจากคบหาดูใจพอสมควร ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน และใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของอีกฝ่ายด้วยความสุข สงบ

วันหนึ่ง หลังจากที่ได้จัดสิ่งของภายในบ้าน พบอัลบั้มภาพเก่าๆ ของอีกฝ่าย จึงเปิดดู มีภาพถ่าย สมัยหลายปีก่อน ภาพบรรยากาศในบริเวณบ้าน ที่แปลกตา ต่างจากในปัจจุบัน และภาพสีหน้า แววตา ความรู้สึกของ คู่ชีวิตในเวลานั้น

ภาพเมื่อ 4 ปีก่อน ทำให้สงสัย ใคร่รู้เหมือนกัน ว่า ตอนนั้น กำลังทำอะไร คิดอะไรอยู่

สมัยก่อน ในบริเวณบ้าน ปลูกต้นไม้อะไรบ้าง แสดงว่า แต่ก่อน มีแนวคิดที่ดีๆ เป็นคนชอบปลูกต้นไม้

ภาพเก่าๆ กับการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า ไปเที่ยวกับใคร คนไหน กับคนเก่าหรือเปล่าหนอ

หลายคน ถ้าคิดถึงประเด็นนี้ คงจะเกิดอาราณ์หึง ย้อนหลังขึ้นมาได้ ทั้งๆที่ เหตุการณ์ผ่านไปหลายปีแล้ว และตอนนี้ ก็เลิกราจากกันไปแล้ว ไม่งั้น ไม่ได้มาแต่งงานอยู่กินกับคุณหรอก

วันเวลาที่ผ่านมา ก็ได้หล่อหลอม ให้คู่ชีวิตของเรา เป็นคนแบบนี้ล่ะ เติบโต เติบใหญ่ ทั้งทางความคิด ประสบการณ์ ความชำนาญ

คนที่ชีวิตประสบความผิดพลาด ถ้าเจ็บแล้วจำ จะไม่ทำซ้ำ

แต่บางคน ก็ทำซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

เมื่อเปิดอัลบั้มภาพเก่าๆ เราอาจจะหึง คิดน้อยใจ ไปถึงวันเวลาในอดีตของคนรักของเรา แต่ คุณก็ควรที่จะอยู่กับความเป็นจริงว่า นั่น มันอดีต ปัจจุบัน เขาอยู่กับคุณ เค้าเลือกคุณ เค้ารักคุณ

ถ้าอดีต เค้ารู้ว่า มันจะเกิดอย่างนี้ เค้าก็คงไม่ตัดสินใจทำอย่างนั้น เลือกคนนั้น แต่.. มันคงจะเป็นดวงชะตาที่ ทำให้คนเราต้องชดใช้กรรมก็ได้

ถ้ามองด้วยความใจเย็น มองด้วยปัญญา วันวาน กับวันนี้ ก็คงทำให้เรามองเห็นอะไรหลายๆอย่างจากภาพถ่ายในอัลบั้มเก่าๆ

- ทำให้มองเห็น ความคิด ของคู่ชีวิตเรา
- มองเห็น การตัดสินใจ ลงมือทำอะไรหลายอย่างในวันนั้น เช่น ปลูกต้นไม้ ตกแต่งบ้านยังไง
- มองวันวาน มาสู่วันนี้ ทำให้มองเห็นว่า คู่ชีวิตของเรา เติบโตทางความคิดมากขึ้นแค่ไหน

มีข้อคิด และบทเรียนหลายอย่าง ที่ได้จากการมองภาพเก่าๆ ในอัลบั้ม เพราะทุกภาพ คือ เรื่องราวชีวิตที่เกิดขึ้น

พูดถึงภาพถ่ายของคนในยุคปัจจุบัน ที่ถ่ายรูปลงใน facebook , line หลายคน ที่ถ่ายรูปไม่ได้เรื่องเลย เอาแต่ถ่ายหน้าตาตัวเอง เซลฟี่ตัวเอง เห็นแต่หนังหน้า ไขมัน รอยตีนกาของตัวเอง...

ต่างจาก คนยุคก่อน ถ่ายรูป จะถ่ายกับวิวทิวทัศน์ ถ่ายกับสถานที่ ไม่ได้ซูมแค่ใบหน้า และสัดส่วนของร่างกาย เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น

คนเรายุคนี้ โคตรหลงตัวเองจริงๆ

ถ้าเวลาผ่านไป 5-10 ปี ภาพที่ถ่ายในวันนี้ ก็จะเป็นภาพเก่า ถ้าเอามานั่งเปิดดู ... หากไม่ใช่เพื่อนหรือ คนรู้จัก เปิดเจอแต่รูปถ่ายเซลฟี่ หน้าตาตัวเอง เห็น 100-1000 รูป คงอาเจียนแหงๆ

สันดานที่แก้ไม่หาย...

สันดานที่แก้ไม่หาย

ขึ้นชื่อว่า สันดาน มันเป็นสิ่งที่ฝังลึกลงไปในตัวตน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้ามีอุปนิสัยบางอย่างที่ฝังลึกลงไปในระดับสันดาน มันก็คงยากที่จะแก้สันดานให้หายได้ ...

นอกจากจะพบเจอการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ช็อก ตกอยู่ในสภาพที่จะใช้สันดานแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้

หากเกิดมาเป็นคนเกียจคร้าน ไม่ชอบทำการทำงานอะไร แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่จนตรอก ขยับไปทางไหนลำบาก ต้องมาพึ่งพา พึ่งพิง ญาติพี่น้อง แรกๆ อาจจะทำตัวดีขึ้นมาบ้าง คนที่ให้โอกาส เห็นแล้ว ก็รู้สึกดี ที่เขากำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลับตัวกลับใจมาทำอะไรที่ดีๆ เข้าท่าเข้าทางได้บ้าง แต่ ถ้าสิ่งนั้น ฝังลึกในระดับ สันดานแล้ว มันย่อมแก้ยาก

เวลาผ่านไปสักพัก สันดาน เดิม ก็ออกมาอีก ต้องใช้ความอดทนในการตักเตือน ในการแนะนำสั่งสอน พูดแล้วพูดอีก จนเหนื่อย

ในที่สุด ก็คงจะต้องยอมรับ เพราะสันดานมันแก้ยากจริงๆ

นี่ละชีวิต...

บทวิเคราะห์ ปัญหาชาวโรฮิงยา ปัญหาที่ไม่มีทางออก

ปัญหาผู้ย้ายถิ่นฐานชาวโรฮิงยา ปัญหาที่อังกฤษทิ้งไว้ให้ภูมิภาคนี้
และกลายเป็นปัญหาที่ไม่มีทางออก

ทำไม ทุกประเทศในแถบนี้ ไม่ยอมรับโรฮิงยาให้ขึ้นฝั่งและให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะโรฮิงยาที่มาจากรัฐยะไข่ในพม่า

เพราะพม่าประกาศมาตั้งแต่ได้รับเอกราชมาจากอังกฤษเมื่อ 70 ปีมาแล้ว โรฮิงยาไม่ใช่คนพม่า แม้พม่าจะประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆ เกือบ 140 ชนเผ่า ที่รัฐบาลพม่ายอมรับว่าเป็นคนสัญชาติพม่า แต่พม่ไม่เคยยอมรับว่าชนเผ่าโรฮิงยาเป็นหนึ่งในนั้น และไม่ให้สิทธิต่างๆ ในฐานะพลเมือง ยังถือว่าเป็นผู้อาศัยเท่านั้น และกดดันต้วยวิธีต่างๆ เพราะความแค้น

ความแค้นของพม่ามีมาตั้งแต่สงครามกับอังกฤษ รวมสามครั้ง สองครั้งแรก อังกฤษยึดพม่าตอนล่างรวมทั้งกรุงย่างกุ้งและเมืองต่างๆ บริเวณทางใต้ ครั้งที่สามอังกฤษตีเมืองมัณฑะเลย์จับกษัตริย์พม่าและครอบครัวไปกักตัวไว้ที่มุมไบจนตาย พร้อมทั้งขโมยทับทิม เพชรพลอยและส่ิงของมีค่าไปจากพม่าเกือบหมด และยึดพม่าไว้เป็นเมืองขึ้นทั้งประเทศ

ในการรบกับพม่า นอกจากทหารอังกฤษแล้ว อังกฤษยังเอาทหารกูรข่า และพวกโรฮิงยาจากอินเดีย (ปัจจุบันเป็นบังคลาเทศ) มาช่วยอังกฤษรบกับพม่า และเมื่ออังกฤษยึดครองพม่า ก็เปิดให้คนอินเดียอพยพเข้ามาในพม่าได้อย่างเสรี พวกโรฮิงยาที่มาช่วยรบก็ลงหลักปักฐานในพม่าและส่วนหนึ่งก็อพยพเข้ามาเพิ่มเติม จนปัจจุบันมีคนโรฮิงยาจำนวน 1.6 ถึง 2 ล้านคนในพม่า ซึ่งพม่ายังถื่อว่าพวกโรฮิงยากไม่ใช่พม่าเดิมและเป็นพวกศัตรู แม้โรฮิงยารุ่นแรกๆ จะล้มหายตายจากไปตามอายุขัยและลูกหลานรุ่นหลังๆ จะเกิดในพม่า แต่พม่าก็ยังถือว่าไม่มีทางที่จะเป็นคนพม่าได้ เป็นเพียงผู้อาศัยชั่วคราว ถ้าออกจากพม่าไปแล้วจะไม่ให้กลับเข้ามาอีกเด็ดขาด

แม้จะถูกกดดันจากพม่า แต่สถานการณ์ในบังคลาเทศก็ยิ่งยากจนกว่า และเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่น พวกโรฮิงยาที่เกิดในพม่า เมื่อหลบหนีไปประเทศบังคลาเทศ ก็ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นพลเมือง แม้จะเป็นคนเชื้อชาติเดียวกันและถือศาสนาอิสลามเหมือนกันก็ตาม มีโรฮิงยาจำนวนมากที่หนีไปบังคลาเทศ บังคลาเทศก็ไม่ให้เข้าประเทศ แต่จัดให้อยู่ในแค้มป์ผู้ลี้ภัยตามชายแดนซึ่งยากลำบากมาก และจะกลับเข้าพม่า พม่าก็ไม่ยอมให้กลับเช้ามา และทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดคนพวกนี้ออกไปจากพม่า

ปัญหาจึงอยู่ตรงนี้ว่า คนโรฮิงยาจึงไม่เหมือนผู้ลี้ภัยกลุ่มอื่น และมีจำนวนมากเกือบสองล้านคน ที่อยู่ในความกดดันของพม่าอยู่ตลอดเวลา คนลี้ภัยหรือหนีภัยสงครามจากประเทศลาว เขมร เวียตนาม หรือพวกกะเหรียง หรือชนกลุ่มนัอยอื่น เป็นผู้ลี้ภัยชั่วคราว เมื่อภัยนั้นพ้นไป ก็สามารถส่งกลับประเทศได้ เป็นการให้ที่พักพิงลี้ภัยชั่วคราว (แต่ก็เป็นภาระหนักมาก และอย่าไปหวังว่าประเทศอื่นจะเข้ามาช่วย แม้การรับพวกผู้อพยพไปประเทศที่สาม ก็ใช้เวลานานประมาณ 20 ปี โดยคัดเอาแต่คนหนุ่มสาวที่ไปเป้นกลังแรงงานได้และมีความรู้ไป ทิ้งประชากรที่ด้อยคุณภาพไว้ให้ประเทศไทยรับเป็นภาระต่อมาจนทุกวันนี้) แต่ผู้ลี้ภัยโรฮิงยาเป็นผู้ลี้ภัยถาวร ไม่ว่าประเทศใดที่รับไว้ หมายความว่าต้องรับไว้ตลอดชีวิตตลอดจนลูกหลานที่จะเกิดตามมาในอนาคต ไม่มีทางที่จะส่งกลับไปได้ และ UNHCR ก็ไม่กล้าออกมาสนับสนุนเงินทุนเหมือนกรณีอื่น เพราะกรณีนี้หากมีการตั้งค่าย จะต้องเป็นค่ายถาวรไปไม่รู้ว่าจะจัดการส่งกลับต้นทางได้หรือไม่ (ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางทำได้) และจะตั้งค่ายไปตลอดชีวิตจนถึงชั้นลูกหลานได้อย่างไร ใครจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย ในที่สุดก็ต้องกดดันประเทศที่รับไว้ให้หาทางเลี้ยงคนพวกนี้ไปจนตาย

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย จึงไม่กล้าที่จะรับชาวโรฮิงยามาไว้ในประเทศ ที่เข้ามาแล้วก็ผลักดันกันไปด้วยวิธีการนอกระบบ ด้วยการส่งออกไปทางชายแดนพม่า แต่ทั้งสามประเทศไม่ยอมให้เข้ามาในน่านน้ำตัวเอง ได้แต่ส่งน้ำ ส่งอาหารและซ่อมเรือให้ แล้วผลักดันออกไปในเขตทะเลสากล หรือในน่านน้ำของต่างประเทศ เพราะไม่มีใตรที่กล้ารับภาระที่ไม่รู้จบในขณะที่ประเทศเหล่านี้ยังมีปัญหาประชาชนที่ยากจนและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่

ทางตะวันตกที่เคยเสียงแข็งเรื่่องสิทธิมนุษยชน ก็ไม่กล้าแอะปาก เพราะในยุโรปเอง อิตาลีก็ใช้วิธีกันเรื่อผู้อพยพไม่ให้เข้ามาในน่านน้ำ เพราะอิตาลีเองก็เจอปัญหาผู้อพยพจากอาฟริกาเข้ามาในอิตาลีจำนวนมาก และได้ร้องขอให้ชาติในยูโรช่วย แต่ก็ถูกทอดทิ้งให้รับภาระตามลำพัง

ออสเตรเลียที่ทำตัวเป็นชาติที่มีมนุษยธรรมสูง และชอบโจมตีผู้อื่น ก็เจอปัญหาผู้อพยพทางเรือเข้าออสเตรเลียมากมาย จนออสเตรเลียต้องใช้ทหารเรื่อกันไม่ให้เรือผู้อพยพเข้ามาในน่านน้ำ และใช้วิธีลากเรือผู้อพยพออกนอกเขตน่านน้ำของตนเช่นเดียวกัน หากผู้อพยพจมเรือ ก็จะเอาไปทิ้งไว่้ในเกาะคริสต์มาส ซึ่งออสเตรเลียถือว่าไม่ได้อยุ่ในดินแดนของตน (แต่ออสเตรเลียครอบครองอยู่) และสร้างค่ายกักกันคนเหล่านี้ไว้ และเมื่อไม่ถือว่าอยู่ในดินแดนของตน คนเหล่านี้จึงไม่ได้สิทธิในฐานะผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย (ที่ทั้งออสเตรเลียและอิตาลี เป็นภาคีอนุสัญญานี้ แต่ประเทศในอาเซียนทั้งหมดไม่มีใครกล้าเป็นภาคี เพราะอนุสัญญานี้ให้สิทธิผู้ลี้ภัยมากมาย และกำหนดให้รัฐบาลที่รับผู้ลี้ภัยไว้ต้องดูแลผู้ลี้ภัยดีกว่าที่ดูแลประชาชนของตัวเองเสียอีก)

ประเทศที่เคยทำตัวเป็นผู้ที่มีมนุษยธรรมสูงและชอบตำหนิประเทศอื่นว่าไม่ยอมรับผู้ลี้ภัยในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ ก็ไม่กล้ามีปากเสียง เพราะหากออกหน้ามาจะถูกสวนทันทีว่า ประเทศนั้นจะรับผิดชอบด้านการเงินไหม และจะรับคนพวกนี้ไปประเทศตัวเองไหม จะได้ส่งให้ทันที

UN ก็เหมือนคนง่อยเปลี้ยเสียขา เพราะมองเห็นแล้วว่าหากเข้าไปรับภาระเต็มๆ ด้วยตัว UN เอง ก็ต้องรับภาระทั้งหมด โดยเฉพาะด้านการเงิน ทั้งๆ ที UN ก็ใกล้ล้มละลายเต็มที จะหาเงินมาใช้แต่ละปีต้องไปง้อประเทศผู้บริจาคให้วุ่นไปหมด ถ้ามารับงานนี้เต็มตัว UN จะไม่มีเงินมาจ่าย ต้องตัดเนื่อตัวเอง และอาจจะล้มละลายในที่สุด

นอกจากนั้น UN เองก็ไม่มีปัญญาที่จะไปจัดการกับประเทศพม่าให้ลดการกดดันชาวโรฮิงยา และให้รับพวกโรฮิงยากลับ หากพม่ายอมรับกลับ และอยู่ร่วมกันโดยไม่กดดันชาวโรฮิงยา ปัญหาคงจะน้อยไปกว่านี้เยอะมาก

อีกประเด็นหนึ่งที่ประะเทศในแถบนี้ไม่กล้ารับโรฮิงยาไว้และดูแลตามมาตรฐานที่ UN กำหนด เพราะยังมีชาวโรฮิงยาอีกล้านกว่าคนที่รอดูอยู่ หากเห็นว่าได้รับการดูแลดี อีกล้านกว่าคน หรืออย่างน้อยหลายแสนคนพร้อมที่จะเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมฺของพม่าที่ต้องการไล่ชาวโรฮิงยาออกนอกประเทศอยู่แล้ว

ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาที่ไม่มีทางออก แต่ประเทศในแถบน้ (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ บรูไน) ไม่มีใครกล้ารับพวกนี้ไว่้และปกป้องน่านน้ำของตนเองอย่างหนาแน่น

ปัญหาต่อไปคือคนกลุ่มนี้ คือพวกเหยื่อจ่ากการค้ามนุษย์หรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ หลักๆ คือผู้ที่หลบหนีเข้าเมือง ที่ไปจ้างพวกขบวนการลักลอบพาคนเช้าเมืองให้พาเข้ามายังประเทศที่สาม ซึ่งชาวโรฮิงยาอยากไปมาเลเซียและอินโดนีเซียมากกว่าเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมด้วยกัน การจ้างพวกนี้พาเข้าเมืองโดยมีค่าจ้าง กรณีจึงไม่เป็นการค้ามนุษย์ แต่เป็นการลักลอบพาคนเข้าเมือง ตามข้อสัญญาและพิธีสารว่าด้วยการลักลอบพาคนเช้าเมืองของสหประชาชาติ เว้นแต่บางคนที่ถูกนำไปค้าประเวณีหรือไปบังคับใช้แรงงาน จึงจะเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ซึ่งมีจำนวนน้อย แม้แต่การที่ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ก็ไม่เข้าข่ายการเป็นเหยื่อในการค้ามนุษย์ แต่เป็นเหยื่ออาชญากรรมข้ามชาติ

กรณ๊นี้จึงอยู่ที่ความร่วมมือของทั้งสามชาติหลัก คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ที่จะต้องร่วมมือกันกำจัดกลุ่มที่ร่วมเป็นเครือข่ายการลักลอบพาคนเข้าเมือง ซึ่งมีทั้ง คนพม่า คนโรฮิงยา คนไทย คนมาเลเซีย และคนอินโดนีเซียอย่างเด็ดขาด โดยใช้กฎหมายใหม่ของไทย คือ พรบ ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างเด็ดขาด เพราะคนพวกนี้เป็นต้นตอในการนำคนเหล้านี้ให้ลงทะเลข้ามมา และมาตกระกำลำบากอยู่ในเวลานี้ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องไม่เห็นแก่ได้ ต้องไม่รัับเงิน และต้องจัดการปราบปรามอย่างจริงจัง ต้องกวาดล้างให้สิ้น เงินเล็กน้อยที่พวกนี้ได้ แต่จะสร้างภาระให้ประเทศไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน

กรณ๊นี้จึงเป็นการขัดกับความรู้สึกอย่างมาก เพราะมีชาวโรฮิงยาลอยคออยู่ แต่ไม่ประเทศไหนกล้าที่จะรับไว้ เว้นแต่ UN จะสามารถุเจรจากั้บพม่าให้รับกลับคนเหล่านี้กลับไปอยู่ยังแผ่นดินเกิดของตนได้

วิเคราะห์แล้วก็เหนื่่อยแทนครับ กับคนที่ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ เป็นปัญหาที่ไม่มีทางออก และเป้นปัญหาที่อังกฤษมาก่อไว้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว จริงๆ แล้วอังกฤษสร้างปัญหาไว้ให้พม่าอีกหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งคือเรื่องสนธิสัญญาปางหลวง ที่อังกฤษเป็นเจ้ากี้เจ้าการ จนทำให้พม่าต้องรบกับชนกลุ่มน้อยมา 70 กว่าปีแล้ว

บทวิเคราะห์ของ อธิบดีอัยการ ต่างประเทศ นายวันชัย รุจนวงศ์