...+

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

มุสาแบบไหนทำให้จิตเพี้ยนกว่ากัน?

มุสาแบบไหนทำให้จิตเพี้ยนกว่ากัน?

ระหว่างนานๆโกหกทีแบบจังๆ
กับบิดเบือนโน่นนิดนี่หน่อยทุกวัน
อันไหนมีผลให้ความจำผิดเพี้ยนมากกว่ากัน?
การเปลี่ยนดำเป็นขาว ซ้ายเป็นขวา
ผิดเป็นถูก ทำเป็นไม่ทำ
ซึ่งใจรู้อยู่ว่าไม่ตรงกับความจริงอย่างสิ้นเชิง

การสแกนสมองพบว่า
ทำให้สมองทำงานหนักขึ้นสามส่วน
ส่วนแรก คือส่วนของการดึงความจำเก่าขึ้นมา
แล้วสร้างมโนภาพลวงขึ้นแทรกซ้อน
ส่วนที่สอง คือส่วนการคิดลวง
เพื่อกดทับการคิดจะพูดความจริงเอาไว้
ส่วนที่สาม คือส่วนอารมณ์กระวนกระวาย
อันเป็นธรรมชาติของอารมณ์หลอกลวง

ถ้านานๆโกหกที
คุณจึงรู้สึกแย่ รู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ
เพราะสมองทำงานหนักผิดปกติ
แถมมีการสับภาพความจริงกับภาพหลอก
แบบที่ต้องเข้าช่องความทรงจำถาวร
คือเล็งให้แม่นว่าภาพหลอกต้องเกิดกับใคร
เมื่อพูดคุยกับเขาอีกเกี่ยวกับเรื่องที่หลอกไว้
นี่เอง เป็นเหตุให้คนเราไม่ชอบโกหก
ถ้าคนฟังไม่ได้มีความหมายมากพอ
ก็ไม่อยาก ‘ออกแรงมุสา’ ให้เปลืองพลังงานเปล่า

แต่การสอดแทรก ‘ความเห็นส่วนตัว’
เข้าไปในความจริงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ชนิดจงใจตีไข่ใส่สี หรือจับแพะชนแกะ
ด้วยความมุ่งหวังให้ผู้ฟังเข้าใจคลาดเคลื่อน
หรือกระทั่งเอาคำพูดของเจ้าตัวมาทั้งหมด
แต่ดัดแปลงน้ำเสียงเสียใหม่
จากมีหางเสียงเป็นห้วนกระชาก
เพื่อให้คนฟังนึกว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์เดือด
ทั้งที่เจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ดี
อย่างนี้เรียกว่าตั้งธงไว้
จะให้เกิดความเข้าใจผิดกัน
เพื่อผลที่ตัวเองต้องการ

พอพูดบิดเบือนทำนองนี้ทุกวัน
จนกระทั่งสมองทำงานแบบ ‘สับขาหลอก’ เป็นปกติ
สมองของคุณจะทำงานซับซ้อน
กระทั่งแยกไม่ออกว่าความทรงจำไหนกันแน่
ที่ตรงกับความจริงบริสุทธิ์
เหมือนทุกความจริงมีสิ่งแปดเปื้อนปลอมปนไปหมด
เนื่องจากคิดลวงซ้อนคิดจริง
ถักทอสอดแทรกไปด้วยกันจนไม่ต้องออกแรงกดทับ
แล้วก็ไม่มีความกระวนกระวาย
เนื่องจากมีข้ออ้างกับตัวเองว่า ‘ก็ตูพูดจริงอ้ะ!’

สรุปคือบิดเบือนนิดผิดเพี้ยนหน่อยทุกวัน
มันกลายเป็นความทรงจำเบี้ยวๆขนาดมหึมาได้
ถ้ามีคนใกล้ตัวที่คุณรู้ว่าเป็น ‘จอมบิด’ อยู่
ก็จะพบได้หลายครั้งว่าเขา ‘จำสับสน’
แยกไม่ออกว่าอันไหนเกิดขึ้นจริงๆข้างนอก
อันไหน ‘เหมือนเกิดขึ้นจริง’
ในมโนของเขาล้วนๆกันแน่

ก็ขนาดยังไม่ตาย
ความจำยังเพี้ยนได้ตามวิธีคิด
ตายแล้วจะมีชะตาใหม่
ถูกใส่ไคล้ให้ชีวิตเบี้ยวบิดแค่ไหน
ก็คงไม่น่าแปลกใจเลย
สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
โทษสถานเบาของนักมุสา
คือถูกใส่ไคล้ให้ชีวิตผิดปกติได้ไม่เลิก

ดังตฤณ
กุมภาพันธ์ ๕๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น