ทุก ๆ คนจะมีเทวดาประจำตัวด้วยกันทุกคน ( ไม่ใช่องค์หรือองค์ใน )โดยปกติแล้วเมื่อเราเป็นมนุษย์ เป็นคนที่มีทาน มีศีล มีสมาธิ
และ มีธรรม เมื่อตายจากการเป็นมนุษย์ในชาตินี้ไปแล้ว ก็จะไปเกิดบนสวรรค์ จะไปอยู่ชั้นไหนนั้นก็อยู่ที่ว่าบุญบารมีที่สร้างตอนเป็นมนุษย์มีมากเท่าไร และไปสมพงศ์กับพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์คู่ไหนด้วยเทวดาก็มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลง มีกิเลส มีตัญหา มีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกับมนุษย์เหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่มีรูปร่าง มีกายเนื้อหรือมีตัวตนเหมือนกับเราเท่านั้นเอง เขามีแต่กายทิพย์ และ ทุกอย่างก็เป็นทิพย์ไปทั้งหมด อยากได้อะไรก็นึกคิดเอา ก็จะได้อย่างที่คิดสมปรารถนา
ทุกประการ ไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าจะมีแต่ความสุข ความเกษมสำราญแต่เพียงอย่างเดียว เทวดาจะทุกข์ก็ตอนที่บุญจะหมดและ
พอ บุญหมดแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ พอรู้ว่าไปเกิดใหม่แล้วจะไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็จะทุกข์หนัก การมาเกิดเป็นมนุษย์ของเทวดานั้นมีหลายสาเหตุ เช่น ทำผิดกฎของสวรรค์ หมดบุญ สุดท้ายนี้พิเศษหน่อย
ไม่หมดบุญและก็ไม่ได้ทำผิดกฎสวรรค์ แต่มาเกิดเพราะมาทำหน้าที่ๆ
ได้รับจากเบื้องบน แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน คนเหล่านี้ จะมีอะไรพิเศษกว่ามนุษย์โดยทั่วไป พวกนี้พอเกิดมาแล้วจะหลงตัวเอง ว่า
ตัว เองเก่ง ตัวเองเลิศ ไม่ฟังความคิดเห็นของใคร มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีสัมผัสที่หก เข้าถึงสิ่งเร้นลับได้ ทีนี้ไม่ว่าเราจะหมดบุญ
ทำผิดกฎ สวรรค์ หรือถูกส่งมาทำหน้าที่ก็ตาม เราจะมาเกิดกับพ่อแม่คู่ใหม่ยังโลกมนุษย์พ่อ แม่ พี่ น้อง ของเราบนสวรรค์องค์ใดองค์หนึ่ง ก็จะลงมาพร้อมกับดวงจิตของเรา เพื่อที่จะคอยดูแลช่วยเหลือเราและ
ป้องกันมิให้มารพาเราไปทำชั่ว เดี๋ยวจะกลับสวรรค์ไม่ได้ ถ้าหากเราเกิดมาแล้วทำแต่ความไม่ดี จิตที่เป็นอกุศลของเราส่งผล ทำให้มาร
มี พลังมากกว่าเทวดาประจำตัวของเรา ท่านก็จะเข้าใกล้และช่วยเหลืออะไรเราได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าจิตที่เป็นกุศลของเราส่งผลเทวดาประจำตัวของเราก็จะมีพลังมากมารก็เข้า ใกล้ตัวเราไม่ได้เมื่อเข้าใกล้ตัวของเราไม่ได้ มารก็จะขวางและทำอะไรเราไม่ได้เช่นกัน ที่นี้เราทำอะไรก็สำเร็จไปทุกอย่าง เรารู้แล้วหรือยังว่าเทวดาประจำตัวของเราคือใคร? มีพระนามว่าอะไร? เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร? ภูมิชั้นต่างๆ ของเทพเทวดานับจากมนุษย์ขึ้นไปจะเป็นเทพเทวดา๖ ชั้น มีชั้นที่๑ เรียกชั้นจาตุมหาราชิกา ชั้นที่๒ เรียกชั้นตาวะติงสา(ดาวดึงส์) ชั้นที่๓ เรียกชั้นยามา ชั้นที่๔ เรียกชั้นดุสิต ชั้นที่๕ เรียกชั้นนิมมานรดี ชั้นที่๖ เรียกชั้ปรนิมมิตวสวัตตี สวรรค์ชั้นเทวดาจะมีแค่๖ ชั้นเท่านั้น สูงจากชั้นของเทวดาขึ้นไปอีก ๑๖ ชั้น จะเป็นชั้นของรูปพรหม สูงจากชั้นของรูปพรหมขึ้นไปอีก๔ ชั้น จะเป็นชั้นของอรูปพรหม สูงจากชั้น ของอรูปพรหมขึ้นไปอีก๑ ชั้นก็จะเป็นชั้นของพระโสดาบัน สูงจากชั้นของพระโสดาบันขึ้นไปอีก ๑ชั้น ก็จะเป็นชั้นของพระสกทาคามี สูงจากชั้นของพระสกทาคามีขึ้นไปอีก๑ ชั้นก็จะเป็นชั้นของพระอนาคามี สูงจากชั้นของพระอนาคามีขึ้นไปอีก๑ ชั้น ก็จะเป็นชั้นของพระอรหันต์ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดก็เข้าสู่แดนนิพพานไปเลยเลยคือ ไม่ต้องวนเวียนว่ายตายเกิดใน ๓๑ ภูมินี้อีกต่อไป ก็คือหลุดพ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา ส่วนชั้นที่ต่ำกว่ามนุษย์ลงไปนั้น ก็มีชั้นของสัตว์ดิรัจฉาน (อยู่รวมกับมนุษย์) ชั้นที่ต่ำกว่าสัตว์ดิรัจฉานลงไปอีกก็จะเป็นของสัตว์นรก ต่ำกว่าชั้นของสัตว์นรกลงไปอีก
ก็เป็นชั้นของเปรตและต่ำกว่าชั้นของเปรตชั้นสุดท้ายก็เป็นชั้นของอสูรกาย ส่วนมารก็จะมีที่อยู่ของเขาอีกต่างหาก เขาจะมีหน้าที่ในทาง
ตรงกันข้ามคือทำอกุศลหรือความไม่ดีเพียงอย่างเดียว ถ้าหากตัวของเรามีปัญหาอะไร ให้จุดธูป ๑๖ ดอกบอกกล่าวให้เทวดาประจำตัว
และเทวดาที่มาสร้างบารมีให้ท่านช่วยเหลือและเวลาเราไปทำบุญทำกุศลอะไร ก็บอกให้ท่านได้อนุโมทนาบุญกับเราด้วยทุกครั้ง แต่ถ้า
หาก เทวดาถูกอาจารย์ขมังเวทย์สะกด ท่านก็ช่วยอะไรเราไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นเวลาไปที่ไหนก็ให้ระวังตัวบ้าง ทั้งเทวดาและก็ตัวเราด้วย ......
อ้างอิง:
นำมาจากเวบคนตาทิพย์เห็นน่าสนใจดีเลยนำมาให้อ่านกัน ^_^
Posted by ting ,
เทวดามาสร้างบารมี
จะ คล้ายกับเทวดาประจำตัวของเรา จะแตกต่างตรงที่ว่า เทพเทวดาเหล่านี้ จะมีความเกี่ยวข้องกับเราสมัยยังเป็นมนุษย์มาแล้ว เช่น เราเคยเกิดเป็นข้าทาสหรือบริวารของกษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง พอเรามาเกิดในชาตินี้ ท่านก็จะตามมาช่วยเหลือและดูแลเรา ส่วนมากจะเรียกว่า “ มีองค์ หรือ องค์ใน ” บางคนมีความเกี่ยวข้องกันก่อนสมัยพระพุทธองค์เสียอีก ถ้าหากมีมารขวาง ท่านก็ช่วยเราไม่ได้อีกเช่นกันเผลอ ๆ มารก็จะปลอมเป็นองค์ใน หรือ ตัวของท่านเสียเลย ตาเนื้อของมนุษย์มองไม่เห็น จึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง ทำให้เกิดความไม่เชื่อ พอไม่เชื่อบางคนก็ลบหลู่ ผลกรรมก็จะเกิดกับตัวของเขาเอง จะส่งผลก็ต่อเมื่อกรรมที่เป็นอกุศลในตัวของเขาส่งผลหรือว่าบุญของเขาหมดก่อน นั่นแหละ ทุก ๆ วันนี้ต้องพูดด้วยเหตุผลและหลักฐานจึงจะ
ยอมรับกัน แต่บางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ ก็หาหลักฐานและเหตุผลมาพิสูจน์ไม่ได้เหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องของนาม เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ การที่จะสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้ จิตจะต้องได้รับการฝึกจิตมาดีพอสมควร
ทั้ง ในเรื่องของทาน ศีล สมาธิและธรรม ฝึกจนจิตได้ญาณ อย่าลืมนะว่าคนที่คอยช่วยเหลือเราก็คือ เทวดาประจำตัวของเราและเทพเทวดาที่มาสร้างบารมีร่วมกับเรา แต่ในที่นี้ต้องไม่มีมารแทรกอยู่ เขาถึงจะช่วยเราได้เต็มที่ ทำไมเราจึงเห็นคนบางคนมีองค์หรือมีอะไรแฝงอยู่ซึ่งไม่เหมือนกับคนธรรมดามี ที่มาพอจะเล่าให้ทราบย่อ ๆ คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งพระอานนท์ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า อีกนานเท่าไรคำสอนของพระพุทธองค์จะหมดไปจากโลกนี้ พระพุทธองค์ตอบ พระอานนท์ว่าอีก ๕,๐๐๐ ปี เมื่อทราบว่าเป็นเช่นนี้พระภิกษุ พระภิกษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ขอทำนุบำรุงดูแลรักษาคำสอนทาง
พระพุทธศาสนา ๒๕๐๐ ปี ส่วน ๒,๕๐๐ ปีหลังเหล่าองค์เทพเทวดาทั้ง
หลาย ขอลง มาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อจากมนุษย์ทั้งหลาย
เป็นเวลา ๑,๒๕๐ ปีและส่วนที่เหลืออีก ๑,๒๕๐ ปี สุดท้าย พวก ยักษ์
พวกมาร ขอลงมาทำนุบำรุงดูแลพระพุทธศาสนาในช่วงสุดท้ายแทนต่อจากเหล่าเทพเทวดา จึงต้องทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าพระ
องค์นี้ต้องหมดไปเพราะพวกยักษ์ พวกมารย่อมไม่ทำให้เจริญแน่นอนซึ่งในช่วงนี้ก็เป็นช่วงของเหล่าเทพเทวดาลงมาทำนุบำรุงพระพุทธ
ศาสนา เวลาก็ได้ผ่านไปแล้วในปัจจุบันนี้ผ่านได้ ๔๘ ปี ที่เข้าสู่ช่วงเหล่าเทพเทวดา เราจะเห็นว่าในปัจจุบันจะมีการค้าพระพุทธ
ขุด พระธรรมและก็ยำพระสงฆ์ให้เห็นกันอยู่ประจำ ค้าพระพุทธหมายความว่า มีการหล่อ กดพิมพ์พระพุทธรูปขายกันเป็นสินค้ากันและก็วางขายกันอย่างกับ ไม่ใช่ของสูงที่เคารพบูชาอย่างนั้น ส่วนขุดพระธรรมก็หมายถึง การพิมพ์ ตำรับตำราขายกันจริงบ้างหลอกบ้าง ส่วนยำพระสงฆ์ทุกท่านก็คงเห็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ทำลายภาพพจน์ของพระสงฆ์ทำลายความศรัทราของชาวพุทธที่มีต่อพระศาสนาลงไป เรื่อย ๆ ส่วนเหล่าเทพเทวดาก็ยังทำ อะไรได้ไม่เต็มที่ เพราะเทวดาเป็นแค่ดวงจิต ดวงวิญญาณ ไม่มีร่างกาย ฉะนั้นการที่จะมาทำงานตรงนี้ได้ ให้สำฤทธิ์ผลก็จะต้องมีร่างกายที่สามารถจับต้องและเคลื่อนไหวได้ ท่านก็เลยต้องหาร่าง
และร่างที่ดีที่สุดก็คือร่างของมนุษย์นี่แหละ จู่ๆท่านจะไปเอาหรือยึด ใครมาเป็นร่าง
ของท่านเลยทันทีไม่ได้ ผู้ที่จะเป็นร่างของท่านได้นั้น ในอดีตจะต้อง
เป็นสายเลือดมี ความผูกพันกันมาก่อนเช่น ลูกศิษย์กับอาจารย์เป็นต้น
บางทีเราไม่ยอมรับท่าน ท่านก็จะทำให้เรา ต้องยอมรับท่านให้ได้ ถ้า
หากเราไม่รู้ท่านก็จะทำให้เรารู้จนได้ ก็ทำให้เราเดือดร้อน เป็นทุกข์
มีปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งการเงิน การงาน สุขภาพ ทำให้เราเจ็บป่วย
หมอก็หาสาเหตุของโรคไม่เจอ คนที่มีและเคยผ่านประสบการณ์ตรง
นี้ก็มีมากเหมือนกันและก็ไม่สามารถที่จะพูดและอธิบายให้ใครๆฟังได้
คน ที่เจอกับตัวเองจริงๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร พอมนุษย์บางคนมี
ตรงนี้แล้ว ก็ต้องพากันสร้างบุญบารมีทั้งตัวมนุษย์และเทวดา ไม่ใช่ว่ามา
ข่มและอวดบารมีกันว่า ข้าองค์ใหญ่ ท่านองค์เล็ก ของข้าบารมีเยอะของท่านบารมีน้อย ข้ามาก่อนส่วนแกมาทีหลัง พอมนุษย์เป็น
อย่างนี้ มารก็ได้โอกาสชิงเป็นตัวของท่านไปเสียเลย ทำให้เสียทั้งคนและเสียทั้งเทวดาไปเลย เทวดาก็เลยหมดโอกาสที่จะได้สร้าง
บุญบารมีและมารก็จะพามนุษย์คนนั้นให้ตกต่ำไป ยิ่งตัวมนุษย์ไม่มี ศีล มีธรรมแล้ว มารยิ่งมีพลังมาก พอตัวของเรามีปัญหาเขาจะทักเรา
ว่า “ มีองค์ ” จะต้อง ทำการรับขันธ์และเสริมบารมี อาจารย์ขอบอกตรงๆ ว่าอย่าทำและอย่ารับเด็ดขาดคุณ จะถูกสะกดเป็นบริวารและก็
เทวดาของคุณด้วย ถ้าใครรับแล้วให้ทำการถอนขันธ์เสีย เขาจะเอาบริวารของเขาใส่ไว้ในขันธ์ คอยสืบข่าวดูเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเรา ว่า
เป็น อะไรอย่างไร พอเราเข้าไปหาเขาเขาก็จะถามบริวารของเขาที่อยู่กับเรา มันจะรายงานเขาหมดเลย เราก็เลยเห็นว่าเขาเก่ง ดูแม่น รู้ไปหมดทุกอย่างเลยเกี่ยวกับตัวเรา สังเกตดูคุณจะดีในช่วงแรก ๆ เท่านั้น
หลังจากที่เข้าไปหาเขาแล้ว ต่อจากนั้นคุณก็จะต้องเข้าไปหาเขาอีก ส่วนเวลาที่เหลืออีกหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบปีหลังที่เหลือ พวกลูก
ยักษ์หลานมาร ขอมาเป็นผู้ทำนุบำรุงดูแลพระพุทธศาสนาในช่วงสุดท้าย ที่นี้ไม่ต้องพูดและคิดแล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้น กับคำสั่งสอน
ของพระพุทธองค์ ว่าจะเป็นอย่างไร ขณะที่พระพุทธองค์ ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พวกมารยังขัดขวางและจะทำลายเลย พระพุทธองค์ใคร
ขอใคร นิมนต์อะไรท่านก็ทรงให้หมด หลังจากช่วงที่พวกลูกยักษ์หลานมารเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แล้ว สังคมมนุษย์ก็จะเข้าสู่กลียุค
ไปเรื่อยทุก ๆ วัน มนุษย์จะห่างไกลจากคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ไม่มีศีล เข่นฆ่ากัน ขาดการปฏิบัติธรรม ไม่มีความเชื่อความ
ศรัทธาในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ว่าปฏิบัติแล้วจะมีความสุขความเจริญได้ จริงความเชื่อความศรัทธาก็ลดน้อยลง พอพลัง
ศรัทธาหมดลดน้อยลง ผู้ที่เป็นพระ ที่มีหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็ต้องออกทำมาหา กิน ปลูกผักปลูกหญ้าและหุงหาอาหารกิน
กันเอง เวลาที่จะ ไปศึกษาธรรม และปฏิบัติธรรมก็ไม่มี สุดท้ายที่สุดก็เหลือผ้าเหลืองน้อยห้อยหู ห้อยคอ หรือผูกข้อมือเอาไว้เป็นเครื่อง
แสดงว่านี่แหละคือพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา มีไว้เป็นผู้ประกอบหรือทำพิธีกรรมต่างๆเท่านั้น หลังจากครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้วคำสอนก็
หมด ไป มนุษย์ก็เข้าสู่กาลของกลียุค มนุษย์จะไม่มีศีลไม่มีธรรม อยู่กันอย่าง สัตว์ดิรัจฉานไม่รู้จักพ่อ ไม่รู้จักแม่ไม่รู้จักลูก พอแต่งงาน
กันได้ลูกหญิงหรือลูกชาย พอลูกโตขึ้น พ่อก็เอาลูกหญิงเป็นภรรยา
แม่ก็เอาลูกชายเป็นสามี พี่เอาน้อง น้องเอาพี่ สังคมของมนุษย์จะเห็น
แก่ตัวกันมากขึ้น เริ่มจากคนรอบข้างก่อนหลังจากนั้นก็คนที่ไกลตัว
ออกไป ท้ายสุดก็ตัวใครตัวมัน ความผูกพันในสายเลือดก็หมดไป
ใน ปัจจุบันก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้จะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จนกว่ามนุษย์จะมีอายุขัยเพียง ๑๐ ปีแล้วก็จะตาย พออายุได้ปีสองปี
ก็ต้องมีครอบครัวกันแล้ว ตอนนั้นมนุษย์จะตัวเตี้ย จะต้องสอยพริกสอยมะเขือกิน จะเข่นฆ่ากันเอง หลังจากนั้นมนุษย์ก็เริ่มรู้ว่าอะไรชั่ว
และ อะไรดีแล้ว ก็หันกลับมารักษาศีล มาปฏิบัติธรรม กันชีวิตของมนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากสิบปี เป็นยี่สิบ สามสิบ เป็นร้อย เป็นพัน
เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นโกฏิ จนถึงหนึ่งอสงไขย พออายุยืนนานมาก มนุษย์ก็ไม่รู้จักความตายจึงเกิดความประมาท อายุก็ลดลงมาๆ
จนถึงแปดหมื่นปีถึงจะตาย กาลนั้นแหละก็จะเป็นยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย จะเป็นยุคเริ่มต้นของมนุษย์ที่มี ศีลธรรมเจริญรุ่ง
เรืองมากที่สุด ส่วนผู้ที่ปรารถนาจะไปเกิดในยุคของพระศรีอาริเมตไตรก็ให้ทำดังนี้คือ ๑. รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์
๒.ฟังเทศน์พระเวสสันดรสิบสามกัณฑ์ให้จบภายในหนึ่งวันและหนึ่งคืน
๓. ให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ได้ไปเกิดร่วมพระชาติเดียวกันกับพระ
องค์ท่าน ตอนนี้ท่านเป็นเทพ อยู่สวรรค์ชั้นดุสิต ( ชั้น ๔ ) พอหมดบุญ
จากสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว จะมาจุติยังโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อจะมา สร้าง
บำเพ็ญทานบารมี มีเช่นเดียวกับพระเวสสันดร พอดับจาก
ชาติที่ บำเพ็ญทานบารมีนี้แล้ว ก็จะไปจุติยังสวรรค์ชั้นดุสิตอีก หลัง
จากนั้นจึงจะมาจุติยังโลกมนุษย์อีกครั้ง มาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระอร
หันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายในจักรวาลนี้ มีพระนามว่า “สม
เด็จพระศรีอาริเมตไตร” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จะหมดและมีเพียงเท่านี้ยังมีอีกอย่างน้อยก็อีก ๘ ถึง ๙ พระองค์ เรา
ยังจะต้องเวียนตายเวียนเกิดกันอีกนาน...........เทวดาที่จะมา
สร้างบารมี ของเราเป็นใคร? มีพระนามว่าอะไร ? น้อมจิตน้อมใจรับรู้
และตั้งรับองค์ท่านเสีย พากันให้ทาน พากันรักษาศีล พากันเจริญ
สมาธิและศึกษาธรรม ทำให้ถูกต้อง ความสุข ความสบาย ความ
เจริญ ทรัพย์สินเงินทอง ความร่ำรวย สุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
ทุกสิ่งทั้งหมดทั้งหลายจะได้ตกอยู่ที่ตัวของเรา โดยการสร้างบารมี
ของเราไปพร้อมกับพระองค์ท่าน ……
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น