...+

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อคิดจากต่างแดน โดย ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต

การเดินทางแต่ละครั้งทำให้เราได้เห็นมุมมองอะไรที่แปลกใหม่ และช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น ถ้าไม่ใช่เจตนาเพียงเพื่อการท่องเที่ยวเพื่อหาความสุขสำราญใส่ตัว เราจะพบว่าสองข้างทางที่เราผ่านไปนั้น ทำให้เราเห็นโลกในมุมมองที่ไม่เคยเห็น กรวดทรายข้างทาง แม้แต่ดอกหญ้าเล็กๆ ก็ทักทายเรา หากเรารู้จักเก็บรายละเอียดเหล่านั้น โดยเฉพาะการเดินไปตามถนน เราจะได้สัมผัสถึงชีวิตผู้คนมากกว่าการเดินทางไปกับคณะทัวร์ ซึ่งอีกไม่นานคณะทัวร์จากสมาชิกรัฐสภาไทยก็จะพากับไปถลุงงบประมาณ โดยอ้างความชอบธรรมว่าเป็นการไปดูงาน แต่จะมีสักกี่คนที่จะนำประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ ชาติ
      
       ผมได้ข้อมูลจากคนไทยในต่างประเทศว่าเขาเคยพาผู้ทรงเกียรติเหล่านั้น ไปเข้าซ่อง เข้าบ่อน โดยใช้เงินภาษีอากรของเรา อดีตสมาชิกสภาฯ บางท่านก็เคยออกมายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง ดูตัวอย่างได้จากอดีตรัฐมนตรีรักเกียรติ ที่ปัจจุบันเป็นพระรักเกียรติไปแล้วนั้น ก็ได้สารภาพให้ฟังว่าในอดีตท่านเคยหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข จนนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน
      
       การเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งของผม ส่วนใหญ่ได้รับเชิญไปหรือมีผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ บางครั้งได้ทุนไปอยู่นานเป็นปี ถ่ายภาพเอาไว้เป็นหมื่นๆ รูป บางครั้งก็บันทึกเป็น VDO ไว้ เมื่อครั้งอยู่ที่ญี่ปุ่นก็ได้บันทึกสิ่งที่พบเห็นจากการศึกษาดูงานเรื่อง การจัดการน้ำโดยชุมชนตลอด 300 วันในญี่ปุ่น ซึ่งยังไม่มีโอกาสได้พิมพ์ 60 วันที่บาหลี 15 วันที่บาวาเรีย 7 วันที่มาไซมาร่า เคนย่า จีน เวียดนาม ลาว และที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง พยายามบันทึกและจดจำสิ่งต่างๆ ที่ได้ประสบพบเห็นมา และนำมาเปรียบเทียบกับบ้านเมืองของเราเสมอ
      
       สำหรับการเดินทาง 16 วันในอเมริกาที่เพิ่งผ่านมานี้ ต้องขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับพันธมิตรฯ ที่ลอสแองเจลิส ลาสเวกัส และซานฟรานซิสโก ที่ให้การสนับสนุนออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และดูแลรับรองเป็นอย่างดีจนยากที่จะลืมได้
      
       ผมได้เห็นชีวิตของคนไทยในต่างแดนจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จ และอีกหลายชีวิตที่ล้มเหลวจนต้องผิดหวังกลับมา แต่ทั้งหมดล้วนต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายด้วยความสามารถของตนเอง ไม่มีพ่อแม่พี่น้องคอยช่วยเหลือ ยามขัดสนเงินทองก็ต้องใช้สติปัญญาดิ้นรนหาหนทางเอาเอง ด้วยสองมือสองเท้าและความรู้ที่ติดตัวมา ไม่มีระบบเส้นสาย วัดกันด้วยความสามารถมากกว่าใบปริญญา ผู้คนในอเมริกามีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกันมากขึ้น ช่องว่างระหว่างชนชั้นมีน้อยมาก เพราะเขาไม่ได้วัดความเป็นคนที่ความร่ำรวยหรือวัตถุ
      
       คนไทยในต่างแดนกลับโหยหาความเป็นไทยมากกว่าคนในประเทศ วัดไทยในลอสแองเจลิสมีมากกว่า 20 แห่ง ทุกแห่งเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เข้าไปเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมไทย ในขณะที่คนไทยในบ้านเมืองเรากลับละทิ้งรากเหง้าของตนเอง คลั่งนักร้องต่างชาติ อยากเป็นเกาหลี เห่อของนอกและสินค้าแบรนด์เนม ดูอย่างนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ไม่เคยภูมิใจในชาติของตน เรื่องแบรนด์เนมคงไม่ต้องพูดถึง แต่สำหรับชุดแต่งกายประจำชาติมีอยู่มากมายหลายแบบที่มีคุณค่าควรจะนำไปเผย แพร่เวลาไปต่างประเทศ ดันกระแดะไปใส่ชุดประจำชาติของคนอื่นหากเทียบกับสตรีผู้มีอิทธิพลทางการ เมืองของพม่าอย่างอองซานซูจีแล้ว ชุดประจำชาติแบบเรียบง่ายที่เราเห็นเธอใส่อยู่เป็นประจำไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั้น แม้ไม่ได้หรูหราราคาแพง แต่ก็ทำให้เธอดูเป็นสตรีที่สง่างามได้ไม่ต้องพึ่งแบรนด์เนม
      
       ผมมองว่าคนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศและประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่คนธรรมดา ต้องเป็นประเภทหัวเห็ดทั้งนั้น มันสมองดีๆ ของประเทศจึงไปอยู่ที่อื่นกันหมด เพราะเขาเอือมระอาบ้านเมืองที่มีแต่นักการเมืองเห็นแก่ตัว โกงบ้านกินเมือง บ้าอำนาจกันถึงขนาดเผาบ้านตัวเองเพื่อต้องการอำนาจคืน ผมได้พบรุ่นพี่อาวุโสท่านหนึ่งซึ่งแม้จะเลยวัยเกษียณมานานแล้วแต่ยังแข็งแรง และปัจจุบันก็ยังคงทำงานให้กับองค์การนาซ่าของสหรัฐอเมริกาอยู่ มีรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 600 เหรียญสหรัฐ คนดีมีความสามารถนั้นอยู่ที่ไหนก็มีคุณค่า แม้แต่นาซ่าเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป เราจึงเหลือแต่คนชั่วฉลาดน้อยบริหารบ้านเมืองกันอยู่ทุกวันนี้
      
       พี่กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติของไทยท่านหนึ่งที่ไปโด่งดังในต่างแดนและใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐ อเมริกา แต่ด้วยสำนึกรักในแผ่นดินเกิด อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็พยายามทำ โดยได้จัดโครงการแลกเปลี่ยนศิลปินระหว่างประเทศ จัดให้มีค่ายอบรมศิลปะเพื่อเพิ่มทักษะให้กับครู อาจารย์ นักศึกษา และบุคคลทั่วไป แรกๆ ใช้เงินทุนของตัวเอง ต่อมาได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรม แม้จะไม่มากมายนักแต่ก็เกิดประโยชน์มาก ในแต่ละปีผู้ได้รับคัดเลือกจากทั่วประเทศจะต้องเข้าค่ายอบรมร่วมกันทำ กิจกรรมต่างๆ ด้วยกันในประเทศไทย เมื่อไปต่างประเทศก็จะพักรวมกันที่บ้านพี่กมลกว่า 10 ชีวิต ทั้งทำอาหาร กินข้าว ล้างจานกันเอง ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันด้วยความเรียบง่าย ประหยัด และพอเพียง
      
       ในขณะที่นักเรียนทุนของรัฐบาลยุคทักษิณ ส่งเด็กที่คัดเลือกไปศึกษาดูงานต่างประเทศ กินอยู่แบบ VIP นอนโรงแรมหรู มีรถบัสปรับอากาศอย่างดี แต่ละคนแทบไม่ได้สังสรรค์ทำกิจกรรมอะไรร่วมกัน เพาะบ่มความเป็นแก่ตัวเริ่มจากตรงนี้แหละ แต่ละคนสำคัญตัวผิด ไม่นึกถึงคนอื่น ไม่ถูกสอนให้รู้จักร่วมกันทำงาน เริ่มต้นก็มือใครยาวสาวได้สาวเอา ด้วยทัศนคติที่ปลูกฝังแบบผิดๆ เหล่านี้ เราจึงได้ผลผลิตออกมาเป็นข้าราชการและนักการเมืองเห็นแก่ตัว ใช้วัตถุมาเป็นตัวกำหนด หลอกล่อเยาวชน สอนคนยากจนให้รอความช่วยเหลือจากรัฐ
      
       คนเก่งๆ สมองดีๆ หลั่งไหลไปอยู่ต่างประเทศ คนจนยากแค้นด้อยการศึกษาจากพม่า ลาว เขมร หลายล้านคนกำลังทยอยเข้ามาเตรียมเป็นพลเมืองแทนที่คนไทยในอนาคตไม่รู้ว่า สมาชิกรัฐสภาและรัฐมนตรีสุดฉลาดทุกวันนี้มัวแต่เล่นอะไรกันอยู่ เท่านี้ยังไม่สาแก่ใจกันอีกใช่ไหม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น