...+

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

ฝึก "สมาธิบำบัดแบบ SKT" รักษาโรคได้ด้วยตนเอง! โดย sunanta

สารพัดโรคร้ายที่คนในสังคมต้องเผชิญอยู่ทุกวันนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้นทั้งในด้านการป้องกัน ดูแล และการรักษาเยียวยาเพื่อให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวที่สุด



โปรแกรมของคุณอาจไม่สนับสนุนการแสดงรูปภาพนี้





ดังสุภาษิตที่ว่า "อโรคยา ปรมาลาภา การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ"!



ผู้เขียน ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการฝึก "สมาธิบำบัดแบบ SKT" ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ เพียง 5 ชั่วโมง ก็สัมผัสได้ว่าวิธีการดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่งกับทุกๆ ท่าน ทั้งผู้ที่กำลังเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ และผู้ที่ไม่ป่วย แต่ต้องการรักษาสุขภาพ รวมไปถึงผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยก็ตาม



เพราะ "สมาธิบำบัดแบบ SKT" เป็นการฝึกปฏิบัติเพื่อสร้างสมดุลในร่างกาย ซึ่งหากร่างกายเสียสมดุลก็จะสื่อให้เราเห็นจากอาการปวดต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ และถ้าเราปฏิบัติทุกๆ วันก็จะทำให้เราห่างไกลโรคร้าย แถมมีสุขภาพจิต สุขภาพกายที่แข็งแรงด้วย



"สมาธิบำบัดแบบ SKT" คิดค้นโดย รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งผ่านการศึกษา วิจัยและทดลอง เกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกายด้วยประสาทสัมผัส ทั้ง 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส และการเคลื่อนไหว ตามหลักวิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับหลักพุทธศาสนาใน เรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา โดยเฉพาะการทำสมาธิด้วยการหายใจเข้า "พุทธ" หายใจออก "โธ" นั้น สามารถช่วยในด้านของจิตใจให้คลายเครียด และมีความสุขได้อย่างดี



ด้วยกลไกการทำงานของร่างกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กันโดยระบบประสาท! จึงเป็นที่มาของการเกิด "โรค"หลายๆ ชนิด เห็นได้จาก ถ้าเราอารมณ์แจ่มใส หรือมีความสุข ก็จะทำให้ร่างกายผ่อนคลายระบบการไหลเวียนของโลหิตทำงานดีก็จะทำให้สมองและความจำมีประสิทธิภาพ



ในทางตรงข้ามถ้าอารมณ์เราขุ่นมัว กระวนกระวายใจ ฉุนเฉียว ก็จะทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนแอเจ็บป่วยได้ง่าย และอาการเหล่านี้เป็นที่มาของโรคความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะไมเกรน โรคกระเพาะอาหาร ท้องผูก โรคระบบประสาท ซึมเศร้า ความจำเสื่อม รวมทั้ง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เป็นต้น



สรุปได้ว่า การฝึก "สมาธิบำบัดแบบ SKT" ก็คือหลักการกำหนดจิต รับรู้ และการเคลื่อนไหว ด้วยลมหายใจ เข้าและออก เป็นตัวขับเคลื่อน



นั่นคือ กาย และใจ ประสานเป็นหนึ่งเดียว!



เมื่อเรารู้ที่มาที่ไป และหลักพื้นฐานของการฝึก "สมาธิบำบัดแบบ SKT" ซึ่งเป็นศาสตร์ในการป้องกันและรักษาโรค (ยอดฮิต) แบบองค์รวม ซี่งมีทั้งหมด 7 ท่า ตั้งแต่ SKT1-7 ปัจจุบันเป็นที่นิยมฝึกเพื่อใช้ในการป้องกันและรักษาโรคบางชนิดในโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่ง



ที่สำคัญในการฝึกในแต่ละครั้ง หรือแต่ละท่า จะให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการป้องกันหรือรักษาโรคนั้น จะต้องหลับตา พร้อมฝึกท่าละ 30 ครั้งขั้นไป จึงจะทำให้ร่างกายได้รับสารเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และรักษาความสมดุลให้กับร่างกาย



พูดง่ายๆ คือเป็นสารสำคัญในการกำจัดของเสียภายในร่างกายและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้อย่างดี แถมยังช่วยให้นอนหลับดี หลับลึกด้วย



นอกจากนี้ยังมีสารอีกหลายชนิดที่เกิดจากการปฏิบัติหรือฝึกสมาธิบำบัดแบบ SKT โดยเฉพาะการหลั่งสารโดปามีน (dopamine) ซึ่งจะช่วยในการรักษาโรคพาร์กินสัน ได้



ส่วนท่าที่ควรปฏิบัติในทุกๆ วันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งคือท่าที่ 1 (SKT 1) ซึ่งเป็นท่าพื้นฐาน แต่ถ้าผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยมากควรฝึกท่าที่ 7 (SKT 7) ประกอบ ซึ่งเป็นท่าสำหรับเยียวยา รักษาโรคได้ และท่าที่ 3 (SKT 3) ก็เป็นอีกท่าที่ขาดไม่ได้เช่นกัน



เรามาเริ่มฝึก "สมาธิบำบัดแบบ SKT" กันดีกว่า!



ท่าที่ 1 (SKT 1) "นั่งผ่อนคลาย ประสานกายประสานจิต" เป็นการนั่งหรือนอนปฏิบัติสมาธิด้วยการหายใจ



1.ถ้าหากนั่งให้หงายฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนหัวเข่า หากนอน ให้วางแขนหงายมือไว้ข้างตัว หรือคว่ำฝ่ามือไว้ที่หน้าท้อง



2.ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้ง ถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 30-40 รอบ แล้วค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ



3.ให้ปฏิบัติวันละ 3 รอบ ก่อนหรือหลังอาหาร 30 นาที



ท่านี้จะช่วยลดความดันโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี



ท่าที่ 2 (SKT 2) "ยืนผ่อนคลาย ประสานกาย ประสานจิต"



1.ยืนตรงในท่าที่สบาย วางฝ่ามือทาบที่หน้าอก โดยวางมือซ้ายทาบบนมือขวา ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ



2.สูดลมหายใจเข้าทางจมูก ลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้ง ถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 120-150 รอบ แล้วค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ



3.ปฏิบัติวันละ 3 รอบ วิธีนี้เป็นการเพิ่มระยะเวลาการทำสมาธิให้นาน ขึ้นกว่าท่าที่ 1



ท่านี้จะช่วยลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี และควบคุมการทำงานของไขสันหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ



ท่าที่ 3 (SKT 3) "นั่งยืด -เหยียดผ่อนคลาย ประสานกาย ประสานจิต"



1.นั่งบนพื้นราบในท่าที่สบาย เหยียดขา เข่าตึง หลังตรง เท้าชิด คว่ำฝ่ามือบนต้นขาทั้ง 2 ข้าง ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 3 รอบ



2.หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้า แขนตึง ผลักฝ่ามือทั้งสองข้างไปด้านหน้าจนปลายมือจรดนิ้วเท้า หยุดหายใจชั่วครู่



3.หายใจออกช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ ดึงตัวและแขน เอนไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด ค้างไว้สักครู่ นับเป็น 1 รอบ ทำซ้ำกัน 30 รอบ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น



ท่านี้จะช่วยลดไขมันหน้าท้อง ลดพุงและลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี



ท่าที่ 4 (SKT 4) "ก้าวย่างอย่างไทย เยียวยากาย ประสานจิต"



1.ยืนตรงในท่าที่สบาย ลืมตา แบมือทั้งสองข้างวางไขว้หลัง หรือวางทาบที่หน้าท้อง สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลม หายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้งถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 5 รอบ



2.ยืนตัวตรง มองต่ำไปข้างหน้า หายใจเข้าช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ ยกเท้าขวาสูงจากพื้นเล็กน้อย หายใจออกช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ ก้าวเท้า ขวาไปข้างหน้า จรดปลายเท้าแตะพื้น ตามด้วยส้นเท้าวางลงบนพื้น นับเป็น 1 รอบ เดินไปข้างหน้า 20 รอบ หยุดเดินรอบที่ 20



3.วางเท้าซ้ายชิดเท้าขวาในช่วงที่หายใจออก ยืนตรง ตามองพื้น หมุนขวา โดยหายใจเข้า วางปลายเท้าขวาลง หายใจเข้าพร้อมกับยกเท้า ซ้ายลอยจากพื้นเล็กน้อย หายใจออกพร้อมวางเท้าซ้ายชิดเท้าขวา แล้วค่อยๆ หมุนขวา โดยขยับเท้าให้เอียง 60 องศา และ 90 องศา ในท่ายืนตรง ทำซ้ำเดิมโดยเดินไปกลับ 2 เที่ยว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง



ท่านี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคเรื้อรังทุกประเภท









ท่าที่ 5 (SKT 5) "ยืดเหยียดอย่างไทย เยียวยากาย ประสานจิต"



1.เริ่มจากยืนตรงในท่าที่สบาย เข่าตึง ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 5 รอบ



2.ค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะฝ่ามือประกบกัน แขนตึงแนบใบหู หายใจเข้าออก 1 ครั้ง แล้ว ค่อยๆ ก้มตัวลง โดยศีรษะ ตัว และแขนก้มลงพร้อมๆ กัน ช้าๆ นับเป็นจังหวะ ที่ 2 ค่อยๆ หายใจ และก้มตัวลงเป็นจังหวะช้าๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงจังหวะที่ 30 ปลายนิ้วกลางจรดพื้นพอดี



3.จากนั้นหายใจเข้าและ ออก 1 ครั้ง แล้วค่อยๆ ยกตัวขึ้น ศีรษะตั้งตรง นับจังหวะเหมือนตอนก้มลง โดยในจังหวะ ที่ 30 ให้เข่าตึง แขนตึง กลับมาอยู่ในท่าเดิม



* เทคนิคสำคัญของท่านี้คือต้องเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ หายใจช้าจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด โดยเริ่มจากวันละ 30 จังหวะและค่อยๆ เพิ่มขึ้นในวันต่อๆ ไปจะช่วยในด้านการป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพ



ท่าที่ 6 (SKT 6) "เทคนิคการฝึกสมาธิการเยียวยาไทยจินตภาพ"



1.นอนบนพื้นเรียบ แขนสองข้างวางแนบลำตัว ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทาง จมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 3 รอบ



2.แล้วให้ท่องในใจว่า "ศีรษะเราเริ่ม ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลายลงไปเรื่อยๆ" พร้อมกับกำหนดความรู้สึกไปที่อวัยวะที่เราจดจ่อ ไล่จากศีรษะ หน้าผาก ขมับ หนังตา แก้ม คาง ริมฝีปาก คอ ไหล่ ต้นแขน แขน มือ หน้าอก หลัง หน้าท้อง ก้น ต้นขา เข่า น่อง เท้า และตัวเราทั้งตัว



3.โดยเมื่อครบทั้งตัวแล้ว ให้ท่องว่า "มือเราเริ่มหนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้นไปเรื่อยๆ" ไล่ลงไปจนถึงเท้า เมื่อทำครบแล้วให้หายใจเข้า กลั้นใจ และหายใจออกเหมือนตอนเริ่มต้นอีก 3 รอบ



สำหรับท่านี้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี อัมพาต และผู้ที่มีปัญหาระบบการไหลเวียนโลหิต





























ท่าที่ 7 (SKT 7) "เทคนิคสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กง"



1.ยืนตัวตรง แยกเท้าทั้งสองข้างพอประมาณ ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 5 รอบ



2.ค่อยๆ ยกมือ แขน ข้อศอกทั้งสองข้างอยู่ระดับเอว หันฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน ขยับฝ่ามือเข้าหากันช้าๆ นับ 1-3 และขยับมือออกช้าๆ นับ 1-3 ทำทั้งหมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม



3.หายใจเข้าลึกๆ นับ 1-5 ค่อยๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะคล้ายกับกำลังประคองหรืออุ้มแจกันใบใหญ่ แล้วค่อยๆ ยกมือลงในท่าประคองแจกันเช่นกัน นับเป็น 1 รอบ ทำทั้งหมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม



ท่านี้จะช่วยลดอาการท้องผูก นอนไม่หลับ อาการปวดเรื้อรัง/เฉียบพลัน และภูมิแพ้



โครงการฝึก "สมาธิบำบัดแบบ SKT" เกิดขึ้นได้ก็ด้วยจิตอาสาของ รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี และคณาจารย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทุกท่าน ที่ต้องการเห็นคนไทย มีสุขภาพดี และลด ละเลิก การพึ่งยาเพียงอย่างเดียว ด้วยการหันมาใช้ศาสตร์ทางเลือกแบบ "สมาธิบำบัดแบบ SKT" ซึ่งมีการพิสูจน์ให้เห็นถึงผลการรักษากับคนไข้หลายๆ ท่านหลายๆ โรค และหลากหลายโรงพยาบาล มาแล้ว





ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์



ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต



การประยุกต์เทคนิคสมาธิ SKT 1-7 โดย รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี



http://www.sappasit.go.th/sappasit/index.php/spsvideo/viewvideo/1256/-skt-1-7.html



การนำเทคนิคสมาธิ SKT 1 - 7 ไปประยุกต์ใช้เยียวยาผู้ป่วย

โดยหน่วยงานนำร่องเเละผู้ป่วย บรรยายโดย รศ. ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี

http://www.sappasit.go.th/sappasit/index.php/spsvideo/viewvideo/1259/-skt-1-7-.html



ประสบการณ์ การส่งเสริการรักษาด้านจิตใจสำหรับผู้ป่วย

http://www.sappasit.go.th/sappasit/index.php/spsvideo/viewvideo/1252/-.html



การประยุกต์เทคนิคสมาธิ SKT 8 – 9 ตอนที่ 1

บรรยายโดย รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี

http://www.sappasit.go.th/sappasit/index.php/spsvideo/viewvideo/1257/-skt-8-9.html



การประยุกต์เทคนิคสมาธิ SKT 8 - 9 ตอนที่ 2

บรรยายโดย รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี



http://www.sappasit.go.th/sappasit/index.php/spsvideo/viewvideo/1258/-skt-8-9--2-.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น