...+

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อยู่กับทุกข์ให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์ (พระไพศาล วิสาโล)

อยู่กับทุกข์ให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์ (พระไพศาล วิสาโล)
ทุกวันนี้ผู้คนมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ความรู้และเทคโนโลยีนานาชนิด ทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงความทุกข์ได้มากมาย ร้อนก็เปิดแอร์ อาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวหนาวเพราะมีเครื่องทำน้ำอุ่น ไปไหนมาไหนก็ไม่เหนื่อยเพราะมีรถยนต์ และเครื่องบิน ฯลฯ

แต่ถึงแม้จะมีความสามารถในการพาตัวให้ไกลจากความทุกข์ได้มากมายเพียงใด ความจริงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ มีความทุกข์หลายอย่างที่เราไม่อาจหนีพ้นได้ ร่ำรวยเพียงใดก็ยังต้องเจอกับความพลัดพรากสูญเสีย ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องพบกับความไม่สมหวัง เก่งเพียงใดก็ต้องประสบกับความล้มเหลว ที่แน่ ๆ ก็คือ ไม่มีใครหนีพ้นความแก่ชรา ความเจ็บป่วย และความตายไปได้

คนเป็นอันมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ ตีโพยตีพาย หรือวิตกกังวล จนเครียดหนัก หรือถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ กลายเป็นการเอาความทุกข์มาซ้ำเติมตนเองให้หนักกว่าเดิม แทนที่จะเสียแต่เงิน ใจก็พลอยเสียไปด้วย แทนที่จะป่วยกายอย่างเดียว ใจก็ป่วยด้วย พูดอีกอย่าง แทนที่จะเจอธนูดอกเดียว กลับเจอถึงสองดอก ธนูดอกแรกนั้นอาจ มาจากคนอื่นหรือสิ่งนอกตัว แต่ธนูดอกที่สองนั้นเกิดจากน้ำมือของเราเอง ร้ายกว่านั้นก็คือธนูดอกที่สองนั้น มักก่อความทุกข์ที่รุนแรงหนักหนากว่าธนูดอกแรกเสียอีก

หญิงสูงวัยผู้หนึ่ง ไปหาหมอครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคอะไร แล้ววันหนึ่งหมอก็เรียกเธอไปพบ แล้วบอกว่า “ ป้าเป็นมะเร็งตับนะ อยู่ได้ไม่เกินสามเดือน” เธอตกใจมาก นับแต่นั้นมาก็เศร้าซึม หมดอาลัยตายอยาก ไม่พูดไม่คุยกับใคร ผ่านไปได้แค่ ๑๒ วัน เธอก็เสียชีวิต

ก้อนมะเร็งนั้นแม้จะบั่นทอนร่างกายของเธอ แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับใจที่ตื่นตระหนกและวิตกกังวล นั่นเป็นเพราะเธอไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แต่พยายามปฏิเสธต่อต้านตลอดเวลา ใจที่ดิ้นรนขัดขืนนั้นสามารถตัดรอนชีวิตของเธอได้เร็วยิ่งกว่าก้อนมะเร็งเสียอีก

จะว่าไปแล้วความทุกข์ของคนสมัยนี้ ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากใจที่ปฏิเสธต่อต้านความจริงที่เกิดขึ้นยิ่งกว่าอะไรอื่น ดังนั้นแม้แต่เหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น รถติด ก็ทำให้ผู้คนขึ้งเครียดหงุดหงิดอย่างหนัก ทั้ง ๆ ที่เครียดหรือกังวลเท่าใด ก็ไม่ช่วยให้รถเคลื่อนได้เร็วขึ้น มีแต่จะทำให้เป็นทุกข์มากขึ้น

อะไรเกิดขึ้นกับเรา ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร มีสิ่งร้ายเกิดขึ้นกับเราก็ไม่ทำให้เราทุกข์มากเท่ากับใจที่ปฏิเสธต่อต้านสิ่งนั้น พูดอีกอย่าง ยิ่งเราปฏิเสธต่อต้านสิ่งใด ความทุกข์ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อเจอสิ่งนั้น การวิจัยพบว่า คนที่กลัวเข็มฉีดยานั้น เมื่อถูกเข็มแทงจะรู้สึกปวดมากกว่าคนที่วางเฉยต่อเข็มนั้นถึงสามเท่า คงไม่ผิดหากจะกล่าวว่าใจที่ปฏิเสธต่อต้านความทุกข์ย่อมทำให้ความทุกข์นั้นทบทวีหรือตรีคูณ

ในทางตรงข้าม ทันทีที่เราหยุดต่อต้านขัดขืน ยอมรับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น ความทุกข์จะลดลงไปมาก คนที่ยอมรับความจริงได้ว่าตนเองเป็นมะเร็ง ไม่ต่อต้านขัดขืน หรือคร่ำครวญตีโพยตีพายอีกต่อไป จะพบว่ามีแต่กายเท่านั้นที่ทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ด้วย

เป็นธรรมดาของคนเรา เมื่อเจอภัยคุกคามหรือสิ่งที่ไม่ชอบ ย่อมมีปฏิกิริยาในทางใดทางหนึ่งเสมอคือ ถ้าไม่หนี ก็ต่อสู้ แม้ตัวจะหนีไม่พ้น แต่ใจก็ยังดิ้นรนขัดขืน หรือต่อสู้ ซึ่งก็ยิ่งทำให้เป็นทุกข์มากขึ้น แต่หากเรามีสติรู้ทันใจที่ดิ้นรนขัดขืน มันก็จะค่อย ๆ สงบลง ไม่ว่าการดิ้นรนขัดขืนนั้นจะแสดงออกมาในรูปของความกลัว ความวิตกกังวล ความโกรธแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ ก็สามารถสงบลงได้เมื่อมีสติหรือรู้ตัว

ในทางตรงข้ามการกดข่ม หรือพยายามกำจัดมัน กลับทำให้มันดำรงคงอยู่ต่อไป แม้ดูเหมือนจะหายไป แต่แท้จริงมันกลับหลบซ่อน และพร้อมจะปรากฏตัวอีกด้วยอาการที่รุนแรงกว่าเดิม หากมีอะไรมากระทบ หรือสะกิดใจเรา จะว่าไปก็คงไม่ต่างจากการเกาให้หายคันเวลาถูกยุงกัดหรือเป็นลมพิษ แทนที่ความคันจะหายไป มันกลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกาหนักขึ้น กลายเป็นว่ายิ่งเกาก็ยิ่งคัน การอยู่เฉย ๆ รับรู้ความคันที่เกิดขึ้นกับกาย และรู้ทันใจที่ดิ้นรนกระสับกระส่าย กลับช่วยให้ความทุกข์ทุเลาเบาบางลง

การยอมรับความจริง มิได้หมายถึงการยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ที่จริงแล้วมันกลับช่วยให้เราสามารถรับมือกับเหตุร้ายได้ดีขึ้น คนที่ยอมรับความเจ็บป่วยได้ นอกจากใจจะทุกข์น้อยลงแล้ว ยังมีเวลาใคร่ครวญหาทางเยียวยารักษา สามารถใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่ ไม่ถูกรบกวนด้วยอารมณ์ต่าง ๆ ผิดกับคนที่ไม่ยอมรับความจริง จะมัวแต่ตีโพยตีพาย คร่ำครวญวิตกกังวล จนไม่เป็นอันทำอะไร สิ่งที่ควรทำจึงไม่ได้ทำ ปัญหาที่ควรแก้จึงไม่ได้แก้

ลองถามตัวเองว่า แต่ละวันเราเสียเวลาและพลังงานไปกับการคร่ำครวญ หรือวิตกกังวลมากมายเพียงใด บางเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ป่วยการที่จะนึกถึง ขณะที่บางเรื่องก็ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่เรากลับตีโพยตีพายไปล่วงหน้าแล้ว แม้แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ก็เถอะ ลองตั้งสติและมองให้รอบด้านอาจพบว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหนักหนาเลย เป็นแต่ไม่ตรงกับความคาดหวังของเราเท่านั้น ลองปล่อยวางความคาดหวังนั้น ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เหลือบ่ากว่าแรง อีกทั้งอาจมีแง่ดีบางอย่างที่ไม่เคยนึกมาก่อนก็ได้ ที่สำคัญก็คือ อย่ามัวจดจ่อปักใจอยู่กับสิ่งแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น จนลืมว่าชีวิตนี้ยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่รอการชื่นชมจากเรา

ความทุกข์บางอย่างเราหนีไม่พ้นก็จริง แต่หากเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้เป็น ใจก็ไม่เป็นทุกข์อีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น