...+

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จดหมายถึงคนเสื้อเหลือง โดย วิทยา วชิระอังกูร

คนเสื้อเหลือง ที่รัก

หลายวันก่อนการเลือกตั้ง ฉันได้เขียนจดหมายถึงคนเสื้อแดง และพลังเงียบ เพื่อชักชวนให้มาร่วมขบวนการปฏิเสธระบบการเมืองล้มเหลวของประเทศนี้ ร่วมกับขบวนการคนเสื้อเหลืองที่รักประเทศชาติและประชาชน ด้วยการเข้าคูหากาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน

บัดนี้ผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ก็ปรากฏผลอย่างที่เธอและคนไทยทุกคนรับทราบแล้ว คือพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จนผู้พ่ายแพ้ยับเยินอย่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โดยดุษฎี และประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเป็นโคลนนิ่งของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะแม้แต่นโยบายที่ใช้หาเสียงครั้งนี้ก็ประกาศอย่างไม่กระดากอายว่า ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ

กกต.ได้ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการว่า การลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46,921,682 คน การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ มีผู้มาใช้สิทธิ 35,203,107 คน คิดเป็นร้อยละ 75.03 มีบัตรเสีย 1,726,051 ใบ คิดเป็นร้อยละ 4.9 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 958,052 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.72 สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้งแบบแบ่งเขต มีผู้มาใช้สิทธิ 35,119,885 คน คิดเป็นร้อยละ 74.85 มีบัตรเสีย 2,039,694 ใบ คิดเป็นร้อยละ 5.79 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,419,088 คิดเป็นร้อยละ 4.03

เกี่ยวกับรายละเอียดจำนวนตัวเลข ส.ส.จำนวนบัตรเสีย และจำนวนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ผู้รู้และผู้ช่ำชองทางการเมืองต่างก็วิเคราะห์วิจารณ์แจกแจงเหตุและผลกันไปนานัปการแล้ว ซึ่งก็ย่อมเป็นไปตามทัศนะและความเชื่อของแต่ละฝ่ายแต่ละคน แตกต่างกันไปตามข้อมูลและจุดยืนทางความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน

ในส่วนของเธอและฉัน และแนวร่วมทั้งมวลที่ร่วมกันไปกาโหวตโน จำนวน 1.4 ล้าน กับ 9.5 แสนคน ซึ่งรวมกันกับบัตรเสียส่วนหนึ่งกับบัตรที่กาให้พรรครักประเทศไทยส่วนหนึ่ง อนุมานได้ว่าประมาณ 2 ล้านกว่าคน แม้จำนวนจะน้อยนิด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ไปกาบัตรเลือก ส.ส.ซ้ำยังมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเรา พยายามจะวิเคราะห์ในเชิงเยาะเย้ยถากถางอย่างไรก็ตาม ฉันเองกลับมีความรู้สึกว่าคนเสื้อเหลืองอย่างเธอน่าจะอบอุ่นใจ ที่ท่ามกลางการโหมกระหน่ำโจมตีขัดขวางการโหวตโนจากนักวิชาการมากหน้าหลายตา และการบิดเบือนจากสื่อที่ไม่ซื่อต่อมวลชนทั้งทางวิทยุ ทีวี และสิ่งพิมพ์ ก่อนการเลือกตั้งอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉันอยากชี้ให้เธอมองตัวเลขจำนวนคนที่ไปกาโหวตโน ว่าทุกเสียงทุกมือคือมิตรแท้ร่วมขบวนการที่เธอน่าจะเชื่อถือได้โดยสนิทใจว่า คนเหล่านั้นคือขบวนการคนเสื้อเหลืองที่แท้จริง

ฉันกล่าวเช่นนี้ เพราะฉันเชื่อว่า จำนวนคนที่ไปกาโหวตโนครั้งนี้ น่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใช่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำหลายสายที่เคยไหลมารวมตัวกับ พธม.และแตกกระสานซ่านเซ็นไป หลังการชุมนุม 193 วัน ที่ฉันเคยปรารภเสียดายว่า พธม.ปล่อยให้การเฮโลสาระพาตั้งพรรคการเมืองใหม่ ทำให้เกิดการกระเพื่อมอย่างรุนแรงของสายน้ำ และแตกกอแยกสายไปจำนวนมากมาย

เราต้องยอมรับว่า หลักการสำคัญของการเมืองภาคประชาชนคือการรวบรวมผู้คนที่มีอุดมการณ์รักความเป็นธรรม เพื่อต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในสังคม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่การเมืองไทยกำลังเติบใหญ่กลายเป็นธุรกิจการเมือง ที่มีเครือข่ายมั่นคงแข็งแรงครอบคลุมแทบทุกบริบทของสังคมไทย การเมืองภาคประชาชนยิ่งจำเป็นจะต้องมียุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่รอบคอบแหลมคม เพื่อสร้างพลังมวลชนให้มากพอที่จะสามารถต้านทานและทลายปราการอันหนาทึบมหึมาลงไปได้

การเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ยังคงไม่ซื่อไม่ตรง และใช้เงินทุนกันอย่างมหาศาล แต่ในฐานะฝ่ายเสียงข้างน้อย เธอและฉันก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการสงบนิ่งรอดูการจัดตั้งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ซึ่งฉันไม่เคยหวังว่า ด้วยโครงสร้างระบบการเมืองและองคาพยพเดิมๆ ที่เป็นอยู่ จะทำให้การเมืองไทยพลิกฟื้นดีขึ้นในชั่วข้ามคืน ตามที่แนวร่วมคนเสื้อแดงโหมโฆษณาให้ความหวังอย่างเกินจริง

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศนี้กว่า 35 ล้านคน ยังยืนยันที่จะให้ประเทศชาตินำพาโดยนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งที่ไม่ซื่อตรง เราก็คงต้องปล่อยให้มันดำเนินไป โดยเร่งการสัญจรให้ความรู้และแสงสว่างทางปัญญาแก่มวลชนให้มากยิ่งขึ้น และหากถึงจุดที่มันปู้ยี่ปู้ยำชาติจนรับไม่ไหวจริงๆ ถึงตอนนั้นฉันเชื่อว่า เธอจะมีแนวร่วมคนรักความเป็นธรรมออกมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอ อย่างน้อยที่สุดก็ 2 ล้านกว่าคนที่ร่วมขบวนการโหวตโนในครั้งนี้

หลังทราบผลการเลือกตั้ง ที่คนไทยส่วนหนึ่งถึงกับช็อกและออกมาตีโพยตีพายกันมากมาย ทำให้ฉันต้องปลงสังเวช ระบายเป็นบทกวี ซึ่งขอฝากมาให้เธออ่าน ในท้ายจดหมายนี้ด้วย

เมื่อต่างเต้นไปตามเสียงปี่กลอง เดินไปตามครรลองเขาขีดเส้น
เลือกกันตามตรรกะเขากะเกณฑ์ ผลลัพธ์ก็ต้องเป็นไปตามนั้น
มาตีโพยตีพายทำไมหรือ? เมื่อต่างคนต่างซื้อต่างแข่งขัน
ต่างโรมรันพันตู รู้เท่าทัน มันก็พอพอกัน ทุกท่วงที
เมื่อยอมรับยอมตามบทกำหนด บทที่คดที่โกงได้เต็มที่
ต่างแห่ตามกันไป อย่างเปรมปรีดิ์ เลือกได้ดีไม่ดีจะโทษใคร?
เขาส่งใครมาให้เลือกก็ไปเลือก เดินไปตามเส้นเชือกเขาขึงให้
ผลลัพธ์อย่างที่เห็นที่เป็นไป จะเลือกข้างทางใดก็เหมือนกัน
มันล้มเหลวทั้งระบบครบถ้วนแล้ว ตั้งสติให้แน่แน่วให้คงมั่น
ให้รู้เรารู้เขารู้เท่าทัน แล้วรอวัน ปฏิรูปประเทศไทย
การเมืองไร้ระบบเริ่มผุกร่อน เหมือนขุยไผ่ที่ลิดรอนลำไม้ไผ่
การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป คือความจริงที่ยิ่งใหญ่ และยุติธรรม

คนเสื้อเหลือง ที่รัก ฉันรู้และเข้าใจถึงความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าของเธอ ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ในวังวนมายาคติของสังคมไทย ที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างสยบยอมอยู่ในภาวะยอมจำนนต่อความไม่ชอบธรรมทั้งปวง ที่นำพาโดยระบบการเมืองที่ล้มเหลว

ภารกิจของเธอและคนเสื้อเหลืองทั้งมวล จึงไม่ต่างอะไรกับการว่ายทวนน้ำทวนกระแสกิเลสสังคม ซึ่งต้องเสียสละและอดทนอย่างแสนสาหัส โดยไม่ยอมย่อท้อต่อจุดหมายปลายทางที่ไกลแสนไกล

คนเสื้อเหลืองที่รัก เธอและฉัน จะพบกันเสมอ ในวันเวลาที่ประชาชนคนไทยผู้รักความเป็นธรรม จำเป็นต้องลุกขึ้นมาปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า จากผู้ครองอำนาจรัฐที่ทุจริตคิดไม่ซื่อต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อันเป็นที่รักและหวงแหนของเรา

ด้วยความรักละศรัทธา

คนสีชมพู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น