...+

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จดหมายรักถึงคนเสื้อแดง โดย วิทยา วชิระอังกูร

ถึง คนเสื้อแดง ที่รัก

ในท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของเครื่องกระจายเสียง ทั้งจากรถแห่ป้ายหาเสียงและเวทีหาเสียงของผู้สมัครเพื่อรับเลือกเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ทำไมฉันกลับรู้สึกเงียบเหงาวังเวงอย่างบอกไม่ถูก และในนาทีที่เหมือนท้อแท้สิ้นหวังนี้ ฉันกลับนึกถึงเธอ จนต้องกดแป้นพิมพ์ดีดเขียนถึง

ในสามสี่ปีมานี้ ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ในแง่ที่เราต่างเป็นมดปลวกหรือเศษผงธุลีของสังคมอันเลวทรามต่ำช้านี้ ความจริงเราต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คืออยากเห็นประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่เอื้อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ เป็นสังคมที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูง และไม่เอารัดเอาเปรียบกันจนเกินไป เคารพในสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ฉันเห็นด้วยและชื่นชมกับการต่อสู้ต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร ซึ่งที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นการฉกฉวย เอาอำนาจรัฐไปครอบครองด้วยกำลังทางทหาร แต่ไม่เคยมีสติปัญญาแก้ไขปัญหา หรืออำนวยประโยชน์สุขและความเป็นธรรมแก่ประเทศชาติและประชาชนได้เลย

แต่ฉันเสียดาย ที่พลังอันมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างสังคมเป็นธรรมของคนเสื้อแดง ที่ควรจะรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกันได้กับคนเสื้อเหลือง หรือเสื้อหลากสีอื่นๆ ที่ต่างก็เสียสละต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้เกิดพลังมวลชนอันแข็งแกร่งสามารถต่อสู้พลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงสังคมอันพิกลพิการนี้ให้ดีขึ้นได้อย่างมีศักยภาพ

น่าเสียดายที่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่กลับยินยอมมอบพลังการต่อสู้อันดีงามนั้น ให้แก่บุคคลเพียงคนเดียว โดยถูกปลุกปั่นจากแกนนำที่ไม่ซื่อตรงว่า เขาเป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตย ที่ถูกรังแกโค่นล้มอย่างไม่เป็นธรรม คนเสื้อแดงต้องเทิดทูนบูชา และต่อสู้นำพาเขากลับคืนมาสู่อำนาจรัฐดังเดิมให้ได้ จนกลายเป็นเป้าหมายหลัก ที่บดบังพลังบริสุทธิ์ของคนเสื้อแดงไป

ภาพการแบ่งแยกแบ่งฝ่ายของคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อหลากสีอื่นๆ จึงเป็นภาพความอ่อนแอและสิ้นไร้พลังของการเมืองภาคประชาชน ที่ทำให้ฝ่ายนักการเมืองขี้ฉ้อขี้โกงทั้งหลาย ได้ทีขี่แพะไล่ นำไปเป็นกลยุทธ์ในการวางแผนครอบครองอำนาจรัฐเพื่อปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติอย่างเมามันสืบต่อไป

ฉันเสียดายที่เธอและคนเสื้อแดง กลายเป็นเหยื่อสังเวยความโลภหลงของแกนนำประเภทซ้ายหลงยุคกับนายทุนสามานย์ส่วนหนึ่ง ที่หลอมรวมกันด้วยผลประโยชน์ต่างตอบแทน ฉันไม่รู้ว่าเธอและคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ จะตระหนักรับรู้หรือไม่ว่า เป้าหมายสำคัญของการสร้างรัฐไทยใหม่ ของคนที่คนเสื้อแดงเทิดทูนบูชา หมายถึงการทำลายล้างสิ่งสำคัญสูงสุดของประเทศนี้ และทำลายวิถีชีวิตวัฒนธรรมของความเป็นไทยอย่างสิ้นเชิง

ถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดง ที่สะพานผ่านฟ้า และศูนย์การค้าราชประสงค์ ฉันอยากให้เธอทำใจให้เที่ยง แล้วเพ่งย้อนกลับไปดูเหตุการณ์คนชุดดำและกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธสงครามทำร้ายและเข่นฆ่า ทหารไทย ดูภาพการสร้างค่ายคูประตูรบที่นำโดยเสธ.แดง ดูภาพการปลุกระดมของแกนนำบนเวทีที่สั่งฆ่า สั่งเผา สั่งให้วิ่งชนของแพงๆ ในห้าง

และภาพแสดงความรุนแรงอีกมากมาย ที่ล้วนแล้วแต่ทำลายภาพพลังบริสุทธิ์ของมวลชนคนเสื้อแดงอย่างแท้จริง

และถ้ายิ่งย้อนกลับไปดูภาพการบุกโรงแรมที่พัทยา ทำลายการประชุมระดับนานาชาติ ภาพการรุมทำร้ายทุบตีรถยนต์และคนในรถที่กระทรวงมหาดไทย การเผารถเมล์ และการเผาบ้านเผาเมืองอื่นๆ อีกมากมาย

เธอและคนเสื้อแดงยังกล้ายืนยันอีกหรือว่า ขบวนการคนเสื้อแดงเป็นการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และเป็นการต่อสู้แบบนักนิยมประชาธิปไตยอย่างที่พร่ำพรรณนากัน

ฉันไม่อยากจะเปรียบเทียบกับการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง ให้เธอแสลงใจ แต่ก็เห็นความแตกต่างที่จำเป็นจะต้องเปรียบเทียบให้เธอเห็น อย่างน้อยที่สุด ฉันก็เห็นว่า คนเสื้อเหลืองเขาสงบ อหิงสา จริงกว่าคนเสื้อแดง เพราะตัวอย่างการชุมนุม 193 วันในทำเนียบฯ ที่ถูกยิงด้วยระเบิด บาดเจ็บ และเสียชีวิตไปหลายราย ถ้าเขาไม่สงบ อหิงสา ตึกไทยคู่ฟ้าคงเป็นเถ้าถ่านแลกเปลี่ยนกับความเจ็บปวดสูญเสียของพวกเขาไปแล้ว หรือกรณี 7 ตุลาคม 2551 ที่คนเสื้อเหลืองถูกล้อมปราบ ยิงแก๊สน้ำตาใส่จนแขนขาด ขาขาด บาดเจ็บ ล้มตาย ก็ไม่ปรากฏการคลั่งแค้นเผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลางอย่างที่คนเสื้อแดงทำ

อีกไม่กี่วัน ก็จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนครั้งใหม่ ซึ่งคนเสื้อเหลือง เขากำลังรณรงค์ให้คนไทย Vote No เพื่อปฏิเสธนักการเมืองขี้ฉ้อตอแหล และระบบการเมืองอันล้มเหลว ที่ทำร้ายประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ขณะที่ฉันกลับเห็นเธอและคนเสื้อแดงกำลังกระดี๊กระด๊ามั่นใจในชัยชนะ ที่จะนำพาคนที่เธอเทิดทูนบูชากลับประเทศ โดยเชื่ออย่างสนิทใจว่า เขาจะกลับมาทำให้เธอและคนเสื้อแดงมีความสุขอย่างที่เขาหว่านล้อมด้วยวิมานบนอากาศที่ยากจะเป็นจริง

ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงเธอ เพียงเพื่อจะบอกเธอว่า ยังไม่สายเกินไป ที่เธอและคนเสื้อแดงจะได้หูตาสว่าง ทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อบ้านเมือง โดยขอเพียงแต่ให้ดำรงสติให้มั่นคง ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์บ้านเมือง นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จนถึงปัจจุบัน บ้านนี้เมืองนี้เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริงไหม นอกจากเผด็จการทหารสลับกับเผด็จการรัฐสภา และการเล่นการเมืองที่นักการเมืองร่ำรวยขึ้นถึงร่ำรวยมหาศาล แต่คนไทยที่หย่อนบัตรเลือกผู้แทนกลับยากจนตามปกติถึงยากจนลง

คนเสื้อแดงที่รัก ฉันยังหวังที่จะได้เห็นการเมืองภาคประชาชน ไม่ว่าจะคนเสื้อเหลือง คนเสื้อแดง หรือคนหลากสีอื่นๆ ตลอดจนพลังเงียบที่เคยธุระไม่ใช่ ได้ร่วมกันลุกตื่นขึ้นมา ปรับเปลี่ยนแก้ไขระบบการเมืองอันเลวร้ายของประเทศนี้ ด้วยการเข้าคูหากาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ อย่างพร้อมเพรียงกัน

เพราะการทำเช่นนี้ จะเป็นการสนองพระบรมราโชวาทที่เคยตรัสเตือนไว้ว่า ต้องช่วยกันควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

ด้วยความรักจากใจจริง

คนสีชมพู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น