...+

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

ถึงเวลาหรือยังที่จะปฏิวัติประเทศไทย โดย ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์

ประเทศไทยของเรามีจุดแข็งมากมายซึ่งอาจได้แก่ ทำเลที่ตั้งของประเทศที่ได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ และภูมิเศรษฐศาสตร์ของโลกตะวันออกเฉียงใต้และของโลก

เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เข้มแข็งและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติได้เป็นอย่างดียิ่ง แม้เราจะมีความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และลัทธิความเชื่อ แต่ก็ไม่มีความแตกแยกแต่อย่างใด

คนไทยโดยธรรมชาติแล้วมีศักยภาพพร้อมที่จะได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสมอยู่เสมอ เรามีขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมที่เกื้อกูลต่อการสร้างความรักและความสามัคคีกับมวลมนุษยชาติทั่วโลก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็มีจุดอ่อนที่สำคัญและพร้อมจะเป็นสาเหตุที่จะนำไปสู่การทำลายล้างจุดแข็งที่เรามีอยู่ให้ย่อยยับไปในชั่วพริบตาเดียวเช่นกัน

จุดอ่อนหรือปัญหาทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม แรงงาน หรือแม้แต่กิจการสาธารณสุขของประเทศ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชาติ ความยากจนของคนส่วนใหญ่ ความเหลื่อมล้ำทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมโดยทั่วไปของประชาชน ล้วนมีสาเหตุมาจากการทุจริต คอร์รัปชันของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนที่มีอำนาจในการจัดซื้อจัดจ้าง การอนุญาต การอนุมัติ การให้สัมปทานในรูปแบบต่างๆ การร่วมมือกับพ่อค้านักลงทุนเพื่อการกักตุนสินค้า การขนของหนีภาษีเข้าประเทศ และการขายชาติขายแผ่นดินให้กับต่างชาติ เป็นต้น

สาเหตุหรือแรงจูงใจประการสำคัญของการทุจริตและคอร์รัปชันของฝ่ายการเมืองก็คือ การกักตุนทุนสามานย์ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการทางการเมืองทั้งการได้มาซึ่งอำนาจที่จะต้องซื้อสิทธิ์ขายเสียง การโกงการเลือกตั้งและการใช้อิทธิพลซึ่งต้องมีทุนสามานย์เป็นตัวตั้ง การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจที่ต้องใช้เงินเป็นตัวตั้งเช่นเดียวกัน

จึงอาจกล่าวได้ว่าสาเหตุหรือแรงจูงใจที่จะกระทำการมิดีต่อชาติบ้านเมืองดังกล่าวก็คือ กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยในคราบของธนาธิปไตย นั่นเอง

ตราบใดที่กระบวนการจัดการและการควบคุมการเลือกตั้งยังอ่อนแอและสามารถซื้อขายได้ดังที่เป็นมาและที่เป็นอยู่เช่นนี้ ตราบใดที่กระบวนการควบคุมการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองยังย่อหย่อนและแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกับผู้ใช้อำนาจในการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็น ส.ส., ส.ว. หรือแม้แต่องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทั้งหลายดังที่เป็นมา และที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็อย่าหวังว่าความมั่นคงความมั่งคั่งของประเทศชาติและความอิ่มปากอิ่มท้องของประชาชนส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นได้จริง

แม้ว่ารัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะได้กำหนดบทลงโทษไว้อย่างหนักและอย่างกว้างขวางทั้งการได้มาซึ่งอำนาจ การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจ แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ไร้ผลไม่สามารถเอาคนที่ทุจริตคอร์รัปชันมาลงโทษได้อย่างกว้างขวางและมากพอที่จะเป็นเยี่ยงอย่างจนสามารถยับยั้งการทุจริตคอร์รัปชันของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางพวกได้แต่อย่างใด

ไม่มีพรรคการเมืองใดและไม่มีการเลือกตั้งระดับใดที่จะไม่ใช้เงินเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ เมื่อเข้ามามีอำนาจแล้วก็จะต้องรีบตะกรุมตะกรามทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบเพื่อถอนทุนและกักตุนทุนสามานย์ไว้เพื่อการได้มาซึ่งอำนาจในโอกาสต่อไป และเมื่อจะต้องถูกตรวจสอบการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลก็จะต้องใช้ทุนสามานย์ที่ได้มาโดยทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น เพื่อปิดปาก ปิดหู ปิดตาผู้ตรวจสอบอีกเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าต้นตอของปัญหาทั้งหลายทั้งปวงของประเทศนั้นมาจากกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจ การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่น รวมทั้งข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคน

คำถามเชิงการวิจัยของผู้เขียนที่ต้องการแสวงหาคำตอบร่วมกันของสังคมก็คือ

1. การได้มาซึ่งอำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่นที่สุจริตและเที่ยงธรรมควรมีลักษณะอย่างไร

2. มีปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อสภาพการได้มาซึ่งอำนาจของฝ่ายการเมือง ทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่นที่สุจริตและเที่ยงธรรมนั้นๆ

3. การใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนที่ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชันควรมีลักษณะอย่างไร

4. มีปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อสภาพการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนที่ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน

5. ประสิทธิผลการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนควรมีลักษณะอย่างไร

6. มีปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมือง ทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคน

ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งชาติจะต้องเข้ามาช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไรจึงจะสามารถแสวงหาคำตอบคำถามเชิงการวิจัยของผู้เขียนเพื่อตัดวงจรอุบาทว์ในกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจ การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนได้อย่างแท้จริง

ถ้าทำได้เช่นนี้ก็จะได้ชื่อว่าเราสามารถปฏิวัติประเทศไทยได้จริง และเมื่อนั้นแหละพวกเราก็จะได้ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปว่า ประเทศของเราจะล้าหลังกว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเทศใดๆ ในโลก

ทั้งนี้เพราะคนไทยมีศักยภาพไม่แพ้ชนชาติใดๆ ในโลกนั่นเอง เพียงแต่รอเวลาของการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่หรือการปฏิวัติประเทศไทยไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสมเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น