...+

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

ปัญหาเขมรสำหรับคนทั่วไปที่(เกลียด)พันธมิตร

โดย บัณรส บัวคลี่ 24 มกราคม 2554 10:51 น.
อย่างไรเสียคนไทยทั้งหมดก็เลี่ยงไม่พ้นที่จะเจอกับเรื่องปัญหาพรมแดน ไทย-เขมรอย่างแน่นอน ต่อให้พันธมิตรไม่ชุมนุม ต่อให้เขมรปล่อยตัวคุณวีระกลับแต่ป้ายหินแกะสลักศิลาจารึกสมเด็จฮุนเซนวรมัน ต์ 2011 ด่าทหารไทยรุกล้ำดินแดนก็ยังเป็นประเด็นบ่งชี้แบบไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยง ได้ต่อไปว่าปัญหาขัดแย้งเรื่องเขตแดนมีอยู่จริง ๆ ไม่ใช่การอุปโลกน์สร้างเรื่องขึ้นมาของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

อันที่จริงประเด็นปัญหาพรมแดนเขมรเริ่มกรุ่นมาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณที่ไป เร่งรัดตกลงพื้นที่ทางทะเลแล้วก็หยวน ๆ ข้อตกลงทางบกแลกเปลี่ยนมาเป็นเรื่องราวในยุครัฐบาลสมัครที่นายนพพลไปตกลง เรื่องพระวิหารถึงขั้นมีการนำไปอภิปรายในสภาฯ สังคมไทยน่าจะเรียนรู้และมีฐานความรู้ปัญหาเขมรมาตั้งแต่ยุคนั้นแต่ที่ไหน ได้พอมาเกิดเรื่องเกิดราวอีกหนในรัฐบาลประชาธิปัตย์สังคมไทยกลับแสดงให้เห็น ว่าแทบไม่มีความรู้ความเข้าใจและความสนใจในปัญหาเรื่องนี้อย่างที่ควรจะเป็น

น่าเสียดายที่คนในสังคมส่วนใหญ่นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังปิดหูปิดตาตัวเองว่า นี่เป็นเรื่องการเมือง เรื่องการม็อบที่น่าเบื่อและเป็นเรื่องของพวกพันธมิตรซึ่งไม่อยากไปร่วมด้วย ทำให้เป็นสิ่งที่ปิดหูปิดตาตัวเองไปโดยปริยาย ทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นประชาชนของประเทศนี้ ต่อให้พันธมิตรหายไปในพริบตา รัฐบาลประชาธิปัตย์จะดำรงตำแหน่งอีก 5-10 ปีหรือพวกพรรคแดงจะมาเถลิงอำนาจอีก 7-8 ปีจากนี้ เขาก็ไม่สามารถหนีจากสภาพปัญหาที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ณ พรมแดนตะวันออกได้

สังคมยิ่งปิดหูปิดตา ผู้รับผิดชอบยิ่งออกอ่าวออกทะเล !!

ยิ่งมาเจอกับสภาพสังคมไทยปัจจุบันที่ดูข่าวแบบเรียลไทม์ ฟังสรุปข่าวแบบบรรทัดเดียว บรรดาขาเชียร์-ขาต้านที่พากันผสมโรงยิ่งทำให้สังคมไทยออกจากอ่าวทะเล ไปถึงมหาสมุทรไปแล้วก็มีในบางขณะ

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เมื่อ 20 กว่าวันที่ผ่านมาตอนที่ 7 คนไทยถูกจับใหม่ ๆ .... คนไทยในโซเชี่ยลมีเดียส่วนใหญ่จะเอาแต่คำตอบสุดท้ายที่ว่าไอ้ตรงนั้นมันแดน เขมรหรือไทย ? ฝ่ายหนึ่งก็หยิบโน่นนี่มานำเสนอว่าเป็นเขตไทย อีกฝ่ายซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐทั้งนั้นออกมาให้ข่าวไม่เว้นวันว่าที่ ตรงนั้นเป็นของเขมร วันนึงบอกห่างจากเขตไทยนับละเอียดได้เป็นเมตรก็มี ทหารพูดอย่าง ตำรวจพูดอย่าง ต่างประเทศพูดอย่าง

ซึ่งหากเราย้อนกลับไปทบทวนห้วงเวลานั้นจะพบว่าสังคมไทยของเราเป็น สังคมที่อ่อนแอมาก รัฐมนตรีกษิตพูดไม่ทันขาดคำก็ปรากฏข่าวในเฟซบุ้ค-ทวิตเตอร์กระพือซ้ำ ว่า 7 คนไทยล้ำแดนเขา ต่อจากนั้นก็มีทัศนะแสดงออกมาสมน้ำหน้าบ้าง สะใจบ้าง ด่าว่าเลยไปถึงพวกชอบหาเรื่อง ต่อมาก็มีข่าวจากฝ่ายที่ถือหาง 7 คนไทยนำเสนอข้อมูลออกมายัน ซึ่งเราต้องยอมรับว่าในช่วงชุลมุนมีข่าวที่คลาดเคลื่อนไม่น้อยเช่นบอกว่าถูก จับบนที่นาซึ่งภาพวิดีโอ.ยืนยันว่าไม่ใช่ ... เครือข่ายข่าวในโซเชี่ยลมีเดียของฝ่ายทางนี้ก็โหมทั้งอารมณ์ ความรู้สึกและทัศนะด้านลบออกมามากมายเหมือนกัน แต่หากมองในแง่ของจุดยืนบนการเจรจาเขตแดนแล้วไม่ว่าชาติไหน ๆ ต้องยืนกรานไว้ก่อนว่าที่ตรงนี้เป็นของฉัน จึงค่อยไปสู่การเจรจาต่อไปไม่ใช่ไปยอมรับแต่แรกซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปถึง ขั้นเสียดินแดนในอนาคต

กระแสสังคมส่วนใหญ่ไปทางหนึ่งพวกแดงยิ่งก็อีกทางหนึ่ง เพราะอะไรที่เกี่ยวกับรัฐบาล เกี่ยวกับพันธมิตร เกี่ยวกับอโศกและเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติทำเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมรับ อยู่แล้ว บ้างก็ระบายในเฟซบุ้คว่าพวกนี้สร้างกระแส จุดกระแสฯลฯ และก็มีไม่น้อยที่เลือกจะเชื่อว่า 7 คนไทยข้ามเข้าไปในเขตเขมร

ผมมีความเชื่อว่าคนที่วิจารณ์ นำเสนอ เลือกที่จะถือหางกันอยู่แต่ละฝ่ายไม่น้อยที่มีข้อมูลเรื่องปัญหาพรมแดน ไทย-เขมรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น จึงปรากฏคำถามแบบเรียลไทม์ย้ำอยู่นั่นว่า ตรงนั้นมันไทยหรือเขมร ...ซึ่งมันเป็นคำถามที่แสดงถึงความไม่รู้เพราะมันเป็นพื้นที่ซึ่งยังตกลงกัน ไม่ได้ ผู้รับผิดชอบบางคนใช้คำว่าเขตเขมร บ้างใช้พื้นที่พิพาท ฯลฯ จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีออกทีวี.2ทุ่มครึ่งเมื่อวันอาทิตย์ออกมายืนยันว่าที่ ตรงนั้นไม่ได้เป็นของเขมรและใช้ศัพท์เรียกขานใหม่(อีกแล้วครับท่าน)

ลองย้อนทบทวนสิ่งที่เกิดในประเทศไทยระยะ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาสิครับ..นี่มันเกิดอาเพศอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ?

คนไทยกลุ่มหนึ่งบอกว่าเรามีปัญหาอาจจะเสียเขตแดน เพราะเขมรรุกล้ำเข้ามาจากแนวที่เรายึดถือ...ถูกดุด่าจากคนของรัฐ ถูกประณามจากสังคมว่าเป็นพวกอยู่ไม่สุข หาเรื่องหาราว

พอเกิดปัญหาคนไทยถูกจับในพื้นที่คาดเกี่ยวกันสองประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐออกมาบอกทันทีว่าที่ตรงนั้นมันเขมร คนไทยที่เหลือสมน้ำหน้าอยากซ่าถูกจับซะ แล้วก็ฟังข่าวบรรทัดเดียว เลือกที่จะรับรู้แบบเรียลไทม์มักง่ายว่า ไอ้ตรงนั้นมันที่เขมร

พอมีคนนำเสนอเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นตั้งแต่ยุคปักปันเขตแดน สยาม-ฝรั่งเศส และเหตุการณ์ก่อนปี 2543 คนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่เลือกที่จะฟัง บอกว่ามันยาวไป รอฟังการสรุปจาก RT ในทวิตเตอร์ หรือในเฟซบุ้ค หรือจากนักเล่าข่าวเช้าดีกว่า ..ฟังง่ายดี ...(เพราะเราอยากรู้แค่ว่าที่ตรงนั้นมันไทยหรือเขมรไม่อยากรู้เรื่องอื่น)

ซึ่งที่สุดแล้วปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมระยะที่ผ่านมามันได้ สะท้อนตัวเราออกไปว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยอ่อนไหวกับข่าวบรรทัดเดียวและหากเป็นเรื่องซับซ้อนขึ้นมา จะปิดหูไม่ฟัง ไม่เพียงเท่านั้นมีไม่น้อยที่พอเป็นข่าวเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เขาไม่ชอบเช่น พันธมิตรหรือสันติอโศกก็จะเลือกที่จะไม่เชื่อทันที

ผมเสียดายที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ฟังคำอภิปรายของคุณคำนูณ สิทธิสมานบนเวทีเสวนาที่เมืองกาญจน์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพราะถ้าได้ฟังจะเข้าใจประเด็นปัญหาต่าง ๆ และจุดยืนของฝ่ายเรียกร้องรัฐบาลอย่างครอบคลุม-ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่ง

สำหรับคนที่ไม่ชอบพันธมิตร หมั่นไส้วีระ ไม่อยากเห็นม็อบ ไม่อยากให้แตะอภิสิทธิ์ ขอให้เข้าใจสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน่อยเถิดครับว่าเรามีปัญหาที่พรมแดน ตะวันออกจริง ๆ ปัญหาลักษณะเดียวกันนี้หากเกิดกับประเทศอื่นเขาจะให้ความสำคัญมาก และเป็นประเด็นที่คนในสังคมยอมไม่ได้ตัวอย่างใกล้ตัวไม่ว่าญี่ปุ่น จีน เกาหลี (ประเทศที่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความเชื่อถือ) เขาไม่ปล่อยแบบที่รัฐบาลไทยทำแน่ ๆ

มีที่ไหนคนไทยถูกจับแต่หน่วยงานแต่ละหน่วยชี้แนวเขตที่เราอ้างไม่ตรง กัน แถมบอกว่าตรงนั้นเป็นของเขมรอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่หากเป็นแนวปฏิบัติที่เขาทำกันในสากลหากเป็นจุดอ้างสิทธิ์ยังตกลงไม่ได้ เขาก็จะยืนยันสิทธิ์เหนือพื้นที่ของเขาไว้ก่อน เขมรพอเขาอ้างสิทธิ์ตามแผนที่ 1 ต่อ2 แสนเขาก็ประกาศเลยว่าที่ตรงนั้นเป็นของเขมร แต่นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ไทยยังเรียกไม่ตรงกันเลย บ้างว่าเขตพิพาท บ้างว่าเขตทับซ้อน บ้างว่าเขตปักปันไม่เสร็จ บ้างว่าเขตปฏิบัติการทางทหาร –ไม่ตรงกันสักคนตลอดเวลา 20 กว่าวันจนล่าสุดคำพูดของนายกรัฐมนตรีในการถ่ายทอดสดค่อยยืนยันว่าเป็นที่ของ ไทย (แต่ไม่รู้จะเปลี่ยนในอนาคตอีกหรือไม่?)

แต่อย่างน้อยนายกฯอภิสิทธิ์ก็ยอมรับแล้วว่า เรามีปัญหาตรงเขตแดนจริง ๆ อันเนื่องมาจากการอ้างสิทธิ์ของกัมพูชาภายใน MOU43 เพราะถือแผนที่คนละฉบับ !!!

“ถ้ายึดตามคำพูดของนายกฯอภิสิทธิ์ แสดงว่ารัฐบาล นักการเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารทุกฝ่ายต้องป้องกันไม่ให้เขมรเข้าทำทำอะไรต่อมิอะไรในพื้นที่ที่เขาอ้าง แต่ดันมาทับที่ที่เราถือว่าเป็นของเรา”

ประโยคนี้ผมพูดถูกใช่ไหมครับ ท่านคนไทยที่ไม่ชอบพันธมิตร !!!

ถ้าผมพูดถูกแสดงว่า การปล่อยปละให้เขามาสร้างวัด สร้างชุมชน ส่งทหารมาประจำการ มาสร้างศิลาจารึกฮุนเซนวรมันต์ที่ 2011 หรืออะไรก็ตาม ถือเป็นปัญหาแล้วใช่ไหม !!?

“นี่คือปัญหาในระดับแรกที่คนไทยทั้งมวลควรจะเข้าใจร่วมกัน ว่า เรายังมีปัญหาที่พรมแดนตะวันออก อันสืบเนื่องมาจาก MOU 43 ทำให้เขมรอ้างแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เราอ้างอีกฉบับทับกันไปทับกันมา และผลจากการนี้หากเจรจาผิดพลาดอาจทำให้เราเสียดินแดนในส่วนที่เราเคยยึดถือ มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ไป”

ถ้าพวกท่านเข้าใจหลักการนี้ตรงกัน ค่อยมาสู่แนวทางการแก้ปัญหาที่เวลานี้ รัฐบาล กับฝ่ายพันธมิตรฯ มองไม่ตรงกัน นั่นคือรัฐบาลมองว่า MOU43 ยังสำคัญมิฉะนั้นจะรบกัน ส่วนพันธมิตรมองว่า MOU 43 คือต้นตอของปัญหาน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นทั้งที่ผ่านมาและในอนาคต

และขอให้ท่านช่วยกรุณาเข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 20 กว่าวันมานี้มันสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เอาไหนของกลไกที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ ปัญหาพรมแดนไทย-เขมรทั้งมวล

สับสน อลหม่าน พูดในสิ่งไม่ควรพูด และพูดให้เขมรได้เปรียบไทยเสียเปรียบ พูดในสิ่งที่ขัดแย้งกันเอง รวมถึงทำในสิ่งโง่ ๆ เช่นกรรมาธิการเข้าไปในพื้นที่วัดพระแก้วภายใต้ธงเขมรแล้วไม่ประท้วงใด ๆ แสดงการยอมรับ ฯลฯ

ท่านที่ไม่ชอบพันธมิตรท่านใดที่เห็นแย้ง ช่วยตอบดัง ๆ หน่อยได้ไหมครับว่าตลอด 20 กว่าวันมานี้ กลไกรัฐของไทยเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพเป็นเอกภาพและให้ความอุ่นใจว่าจะปกป้องการสูญเสียเขตแดนของ ชาติได้จริง ? ท่านตอบไม่ได้แน่ ๆ เพราะข้อเท็จจริงยืนยันว่าพวกเขาไม่เข้าท่าที่สุดจริง ๆ ยิ่งย้อนทบทวนก็ยิ่งประจานตนเอง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น