โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ 22 กรกฎาคม 2553 18:30 น.
ในสภาพสังคมที่ขัดแย้งมีการแบ่งฝักฝ่ายกันอย่างชัดเจน ก็ยิ่งทำให้เราเห็นตัวตนของคนมากขึ้น และบอกให้เรารู้ว่าคนไหนของจริงคนไหนของปลอม
แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงความขัดแย้งแล้วผมไม่อาจมองข้ามสิ่งที่เรียกว่า “แดง” และ “เหลือง” ได้ แม้ว่าสองสีที่เกิดขึ้นเป็นขั้วในสังคมไทยนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญก็ตาม
ผมคงต้องสาธยายเรื่องบังเอิญที่ว่าเสียก่อน อย่าลืมว่า ก่อนที่จะเกิดคนเสื้อแดง ชูสโลแกน “แดงทั้งแผ่นดิน” ขึ้นมานั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้ประกาศตัวตนชัดเจนว่าเป็นคนเสื้อ เหลือง เแม้ว่าหลายครั้งจะใช้เสื้อสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว แต่แท้จริงแล้วการชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้กำหนดแบบเจาะจงลงไปว่าจะต้องใส่เสื้อสีอะไร
แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามออกมาเคลื่อนไหวได้ประกาศชัดเจนว่า ให้ใส่เสื้อแดง และเรียกตัวเองว่า เป็นคนเสื้อแดง จนคำว่า “คนเสื้อแดง” นั้น ได้บดบังชื่อของขบวนการในการเคลื่อนไหวว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.ไปเสียสิ้น ฝ่ายพันธมิตรฯ จึงถูกเปรียบเปรยว่า เป็นคนเสื้อเหลืองไปโดยปริยาย
สีเหลืองของพันธมิตรฯ นั้นชัดเจนแจ่มแจ้งว่าที่มาจากไหน แทบจะไม่ต้องอธิบายสีเหลืองของพันธมิตรฯ นั้นมีนัยหมายถึงสีของพระมหากษัตริย์ สีแดงที่เคลื่อนไหวประกาศชัดเจนว่า “แดงทั้งแผ่นดิน” นั้น กลับไม่กล้าที่จะประกาศนัยของมันออกมาอย่างชัดเจน จะอ้างว่าสีแดงหมายถึงชาติ หรือเลือดของมนุษย์ก็ดูว่าจะเฝือและซ่อนเร้นอยู่ดี และไม่สามารถอธิบายให้เป็นขั้วตรงข้ามกับความตั้งใจที่แฝงเร้นอยู่ได้
ผมบอกว่า ความแตกแยกที่เกิดขึ้นในสังคมไทยนั้นทำให้เห็นตัวตนของคนมากขึ้น เห็นว่าใครมีจุดยืน ใครเป็นคนฉวยโอกาส และใครเป็นพวกตีกินเอาแต่ได้
เราจะได้ยินคำพูดที่พูดให้ตัวเองดูดี เช่น คำพูดที่ว่า ต้องปรองดองสมานฉันท์ ต้องหันหน้าเข้าหากัน เป็นคนไทยด้วยกันต้องถอยคนละก้าว หรือพยายามพูดคำอะไรที่เสกสรรปั้นแต่งออกมา
หรือกระทั่ง “ขอโทษประเทศไทย” เพื่อบอกว่าเราทุกคนต่างก็มีความผิด และเป็นต้นตอของปัญหา แล้วละทิ้งเหตุของปัญหาที่แท้จริงไป แต่ทำให้คนพูดอย่างนี้รู้สึกว่าเป็นคนดีล่องลอยอยู่ในอากาศ เหมือนเทพและผู้บรรลุธรรม
แน่นอนว่า การอยู่ในสังคมพุทธนั้นการให้อภัยเป็นเรื่องที่ถูกบ่งเพาะสั่งสอนกันมา แต่การให้อภัยนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อคนผิดรู้สำนึกในความผิดของตัวด้วย ถ้าคนทำผิดไม่รู้สำนึก การให้อภัยนั้นก็ไร้ความหมาย มันอาจช่วยได้บ้างที่ทำให้คนให้อภัยแล้วรู้สึกสบายและปลอดโปร่งที่จะแบกรับ เอาความเคียดแค้นไว้ในอก แต่คนที่ได้รับการอภัยแต่ไม่รู้สำนึกคนนั้นก็ยังคงเป็นอันตรายต่อผู้อื่น ต่อสังคม และต่อเราผู้ให้อภัยอยู่ดี
การให้อภัยแบบคนที่ได้รับอภัยไม่รู้สำนึกจึงเป็นเพียงการผลักปัญหาไปให้พ้นตัว แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือซุกขยะไว้ใต้พรมนั่นเอง
ผมเองก็เห็นอกเห็นใจพี่น้องคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อสู้ร่วมกับทักษิณ เห็นใจที่พี่น้องบางคนกลายเป็นคนทุพพลภาพ บางคนเสียชีวิต แน่นอนว่าแม้สิ่งที่พวกเขาสูญเสียไปนั้นไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ แต่สังคมก็จะต้องช่วยกันเยียวยาพวกเขา และรัฐก็ต้องหาทางช่วยเหลือเกื้อกูลพวกเขาต่อไป แต่การเยียวยาช่วยเหลือนั้นก็ไม่มีความดับทุกข์และความเคียดแค้นในใจของพวก เขาและครอบครัวได้
จะเรียกร้องให้คนที่สูญเสียเป็นฝ่ายให้อภัยคนที่กระทำต่อพวกเขา ถามว่าคนที่กระทำต่อพวกเขา ทำให้พวกเขาสูญเสียเป็นใคร รัฐหรือ รัฐบาลหรือ ทหารหรือ ประชาชนฝ่ายตรงข้ามหรือ ผมว่าคำตอบมันไม่ใช่ทั้งนั้นนะครับ
เพราะถ้าเขาโกรธเคืองรัฐจากความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เขาได้รับ เขาก็ต้องออกมาต่อสู้กับทุกรัฐบาล และถ้าเขาต่อสู้เรื่องความเหลื่อมล้ำแบบสมัชชาคนจนที่ออกมาชุมนุมนับร้อยวัน ก็ไม่มีวันที่พวกเขาจะเสียชีวิต หรือถูกทหารเอากำลังมาสลายการชุมนุมจนเสียชีวิต
แต่การที่พวกเขาต้องสูญเสียชีวิตมาจากเหตุผลที่มากกว่านั้น มากกว่าเพราะพวกเขาเข้าร่วมกับการชุมนุมที่คนกลุ่มหนึ่งหลอกใช้คนจนและชาว บ้านเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหว ถ้าเขาต่อสู้เพื่อความเหลื่อมล้ำทำไมเขาต้องผลักคนให้ไปตายที่แยกคอกวัว วิสา คัญทัพ หนึ่งในแกนนำเสื้อแดงก็ยอมรับว่า ความรุนแรงในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนนั้น เกิดจากความตั้งใจของแกนนำสายฮาร์ดคอร์
ถ้าคนเสื้อแดงต้องการแค่ยุบสภา ทำไมพวกเขาไม่รับข้อเสนอของรัฐบาลที่จะเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน และก็ต้องไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากนั้น แล้ววิสา คัญทัพก็เปิดโปงให้เรารู้ว่า พวกแกนนำบางคนหวังว่า จะได้ชัยชนะที่มากกว่าการยุบสภา
วิสา บอกว่า “ประเด็นก็คือ ชนะแค่ไหนและอย่างไร คุ้มต่อการต้องสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนต่อไปอีกหรือไม่ โดยเฉพาะหากได้มาแค่ยุบสภาในทันที แล้วต้องเสียชีวิตบาดเจ็บมากมายขนาดนี้ คุ้มหรือ จริงแล้วแม้เพียงชีวิตคนเดียวก็ไม่สมควรแลก”
คำพูดนี้ของวิสาสามารถอธิบายได้เป็นอย่างดีว่า แกนนำเสื้อแดงบางกลุ่มนั้นพร้อมที่จะเอาชีวิตของประชาชนเป็นตัวแลก แล้วประเมินเพียงว่า การเสียชีวิตของประชาชนนั้นจะคุ้มกับชัยชนะที่ได้มาหรือไม่
ดังนั้น ถ้าคนเสื้อแดงจะให้อภัยก็คือ เขาต้องให้อภัยต่อแกนนำของเขาที่พาคนไปตาย และไม่ประเมินคุณค่าชีวิตของผู้ชุมนุมอย่างที่วิสาบอกว่า แม้แต่คนเดียวก็ไม่ควรแลก ไม่ใช่รัฐ ไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ประชาชนฝ่ายตรงข้าม
ความขัดแย้งของคนไทยที่แบ่งฝักฝ่ายในทุกวันนี้ ไม่ใช่ความขัดแย้งแบบที่เห็นหน้าก็จะฆ่ากัน เห็นคนอีกกลุ่มและจะยกพวกเข้าห้ำหั่นกัน ความขัดแย้งของคนไทยไม่ได้ไปไกลแบบเผ่าตุ๊ดซี่และเผ่าฮูตูในรวันดา ซึ่งเป็นคนต่างเผ่าและเกิดความไม่เป็นธรรมในการแบ่งปันทรัพยากรธรรมชาติ
เพราะถ้าจะได้รับความไม่เป็นธรรมพี่น้องเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดงก็ ได้รับความไม่เป็นธรรมเหมือนกัน ถ้ามีความเหลื่อมล้ำพี่น้องทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับความเหลื่อมล้ำเหมือนกัน ปัญหาเหล่านั้นเกิดจากนักการเมือง แบบที่ทักษิณบอกว่า จังหวัดไหนเลือกพรรคไทยรักไทยจะได้รับการช่วยเหลือก่อน เกิดจากโครงสร้างของประเทศ ไม่ใช่เพราะคนไทยเอาเปรียบคนไทยด้วยกัน หรือคนเสื้อเหลืองเอาเปรียบคนเสื้อแดง
ปัญหาจึงต้องแก้ที่นักการเมือง ตัวนักการเมืองซึ่งเป็นผู้กำหนดโครงสร้างของประเทศ
ทุกวันนี้นักวิชาการบางคนพยายามออกมาพูดเหมือนกับตัวเองล่องลอยมาจาก อากาศ ว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่กล้าพูดถึงปัญหาที่แท้จริง เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกมองว่าเลือกข้าง สื่อมวลชนประเภทนี้ก็มีมาก พยายามพูดเห็นอกเห็นใจผู้ยากไร้ผู้สูญเสีย ซึ่งพูดร้อยครั้งก็ถูกร้อยครั้ง แถมคนพูด พูดแล้วดูเป็นคนดี
พวกนี้พยายามทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแบบเชื่อฟังว่านอนสอนง่าย แต่ไม่ทำให้สังคมรู้จักคิด แล้วบิดเบือนพุทธศาสนาว่า การให้อภัยคือ การยุติเรื่องราว
“ขอ โทษประเทศไทย” ทำไมพวกแอบอ้างเอาแต่ความดี เอาดีเข้าตัว แต่ไม่กล้าลงมือทำ ไม่กล้าเสียสละ ไม่กล้าเปลืองตัว เอาแต่ฉวยโอกาสสร้างภาพ มันถึงมีมากเหลือเกิน
**
ผู้กำกับ ภาพยนต์โฆษณา เรื่องนี้เป็น พธม นะครับ ....
ส่วนประธานพลังบวกไม่แน่ใจ นะครับว่า เปนแนวไหน คุณภานุ
แต่มั่นใจว่า ไม่แดง ไม่กลางกลวง
..
ส่วนตัวเชียร์และชอบภาพยนโฆษณาเรื่องนี้นะครับ
เชื่อว่ามาจากเจตนาที่ดีจริงๆ
ไม่ได้ต้องการสร้างภาพแน่นอน*****
ส่วน พวกที่ชอบสร้างภาพในสังคมมีจริง เช่น ไอ้พวกร้องเพลงไร้สาระ ของไอ้ดี้ เสื้อแดงหนะ ไม่รุ้แต่งเพลงให้เสื้อแดง ด้วยนามปากกา ไปกี่เพลงแล้ว....แทนที่จะแต่งเพลงบอกเสื้อแดงให้หยุดทำลายประเทศ
ปล. ภาพยนโฆษณา ขอโทษประเทศไทย
อย่างไรเสีย ไม่ใช่เราทุกคนหรอกครับที่ผิด
ความจริงคือ คนที่ปกป้องชาติ ศาสนา สถาบัน จากไอ้พวกทรราช
และควายขี่ข้าเสื้อแดงหนะ เขาไม่ได้ฟังความข้างเดียว เพราะ ยุคทักษินมันมีสื่อ 3579 ไอทีวี ที่เป็นขี้ข้าทักษินคอยยัดข้อมูลด้านเดียว
astv เกิดมาเป็นอีกด้านนึง ทำให้ได้รับข้อมูลหลายด้าน
ไอ้พวกที่เป็นพวกรับข้อมูลด้านเดียวคือควายแดงตะหาก
เคยถามควายแทกซี่ มันไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับการทุจริตของทักษิน
....
แต่ เข้าใจนะที่ โฆษณาต้องยัดเยียดว่าเราทุกคนผิด ทั้งที่ฝ่ายต่อต้านทรราชไม่ผิดหรอก ... เพราะ ต้องการให้อภัยกัน และซึมซับว่าสิ่งที่เสื้อแดงและตำรวจทำมันผิด ..แต่ ยาก
แค่จะออกอากาศ ยังโดน ควาย***พวกหน่วยงานโง่ๆกองเซ็นเซอร์
แบนซะ....
แล้วรากหญ้าจะซึมซับได้ยังไง..
ประเทศชาติถึงชิปหาย ขอโทษไปก็เท่านั้น
ในเมื่อประเทศไทยมีทั้ง นักการเมืองชั่ว ควาย ทั้งฝ่ายแม้วและรัฐบาล
มี นายก ที่ลอยหน้าลอยตาเอาตัวรอด***ไปวันๆ หรี่ตาไห้พวกชั่วๆในรัฐบาล แล้วคอยหาเสียงกับนโยบายแจกแถมและ หาเสียงกับวุยรุ่น ด้วยการเปิดงานต่างๆมากมาย (อยากเปนนายกนานๆผมเข้าใจปัญหาชาติก็เลี้ยงไข้ไว้ ไม่จริงใจแก้ปัญหา ให้กระทบขาเก้าอี้)
และมีตำรวจ องกร ชั่วๆ หน้าเงิน ศูนรวมโจรสีกากี คอบรับใช้ทรราช ประเทศชาติถึงชิปหาย
สุดท้ายก็พวกลิ่วล้อควายๆ ที่วันๆเห็นแก่ประโยชส่วนตัว ไม่เห็นแก่ชาติ คอยบ่อนทำลายชาติ อย่างพวกเสื้อแดง...
แล้วประเทศมันจะเจริญได้ไง....
ถ้ามีพรวิเศษ ..ผมจะขอให้ ไอ้พวกควายนปช ไสหัวไปอยู่ก้นทะเลให้หมด...รับรอง ไม่เกิน5ปี ประเทศไทยจะเจริญกว่านี้ร้อยเท่า
บ่นให้ฟัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น