...+

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

แถลงการณ์ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางการสร้างความมั่นคงในชาติ

สืบเนื่องจากวันที่ 28 มีนาคม 2553 รัฐบาลที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดการเจรจา กับ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ในเหตุการณ์ดังกล่าว หาใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่รุมเร้า รุกราน และ รุนแรง ต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ และ ประชาชน อย่างแท้จริง แต่กลับเป็นเรื่องของการจัดการแสดงละครการเมืองครั้งใหญ่ที่ตั้งอยู่บนผล ประโยชน์เฉพาะตน จากการเล่นเกมส์การเมือง ที่มุ่งหวังให้ตนเองได้ประโยชน์ร่วมกัน กล่าวคือ รัฐบาลได้หน้าได้ตา ที่ยอมเปิดเจรจา พร้อมใช้วาทะ คารม รูปร่างหน้าตา สร้างคะแนนนิยมให้หัวหน้ารัฐบาลและพรรคของตัวนายกรัฐมนตรีเอง ส่วนกลุ่ม นปช ได้ อานิสงฆ์ที่จะได้พูดกับกลุ่มของตนว่าเราทำสำเร็จแล้ว ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล แต่ในแง่นิติรัฐแล้ว รัฐบาลในฐานะผู้รักษากฎหมาย กลับยอมรับเจรจากับกลุ่มผู้มีเจตนาโค่นล้มสถาบันหลักของชาติ ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยวิธีการเคลื่อนไหวประชาชน โดยใช้เครือข่ายประกอบด้วย กลุ่มการเมือง พรรคการเมือง รวมทั้งกลุ่มก่อวินาศกรรม ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำในลักษณะการก่อการร้ายหรือการกบฏ ได้อย่างไร จึงเป็นการสูญเสียเวลาและงบประมาณจำนวนมาก และเงินเหล่านี้ คือ เงินที่มาจากเงินภาษีของประชาชนทั้งหมด ที่ไม่ได้ประโยชน์อันใดต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง


สิ่งที่สำคัญที่จะต้องตะหนักร่วมกันก็คือ จะหยุดเหตุวินาศกรรม เผาบ้าน ระเบิดเมือง การทุจริต ฉ้อราษฏร์บังหลวงได้อย่างไร เพื่อความสงบและสันติสุข จะมาสู่คนไทยและประเทศไทยโดยเร็วที่สุด
การนำประเด็นเรื่องการยุบสภา มาเป็นเงื่อนไขในการเจรจา และ พร้อมกับการข่มขู่ที่มาจากแกนนำกลุ่ม นปช ที่ต้องการให้ยุบสภาภายใน 15 วัน นั้น ไร้ซึ่งหลักการ และ เหตุผล เพราะสาระที่ได้จากการเจรจานั้น ทางฝ่ายรัฐบาล คือ ตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่แท้จริงว่า ขณะนี้ต้องยุบสภาแล้ว เพราะ เหลือเพียงอำนาจตุลาการเท่านั้นที่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักอยู่เพียงเสาหลัก เดียว ส่วนอำนาจบริหาร และ อำนาจนิติบัญญัติในขณะนี้ มี เหมือนไม่มี แต่กลับไปพูดในเชิงโต้วาที มีการใช้วาทะ และคารมในลักษณะเอาความดีใส่ตัว เรียกร้องหาคะแนนนิยมบนพื้นฐานของ การพูดเก่ง จำเก่ง และอ้อนเก่ง ในขณะที่แกนนำกลุ่ม นปช ยิ่งเลอะเทอะมากกว่า พูดมากมายเพียงเพื่อต้องการอวดภูมิปัญญา ส่วนประเด็นในสาระนั้นไม่สามารถนำเสนอให้กับประชาชนได้ว่า ทำไมถึงต้อง ยุบสภา เมื่อยุบสภาแล้วจะได้อะไร มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไร


สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จึงมองเห็นว่า แนวทางของการเจรจา ระหว่าง รัฐบาล กับ กลุ่มผู้ก่อกวนป่วนบ้านเมืองนั้น ไร้ซึ่งคุณค่า และ ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย โดยเฉพาะเหตุผลที่มีการเจรจากันไม่ว่าจะยุบสภา หรือ ไม่ยุบสภา เพื่อการจัดการเลือกตั้งใหม่
สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จึงขอเสนอการสร้างแนวทางความมั่นคงในชาติ เพื่อตั้งหลักประเทศไทย ด้วย แนวทางที่เป็นไปตามครรลองของ มาตรา 3 , มาตรา 7 และ มาตรา 10 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 คือ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้น ซึ่งเป็นไปตามหลักการราชประชาสมาสัย
สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จึงขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทั้งชาติ เครือข่ายภาคประชาชนทุกภาคี รวมพลังแห่งน้ำใจที่มุ่งมั่นในการสถาปนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง สู่เป้าหมายแห่งความมั่นคงของชาติ ความรู้รักสามัคคี และวิถีของเศรษฐกิจพอเพียง โดยร่วมกันลงลายมือชื่อ เพื่อถวายฎีกาอย่างเป็นทางการต่อไป



ขอแสดงความนับถือ

(นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ )
เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น