...+

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553

Clip video ไปดูการเดินแบบผ้าไทย งานวันสตรีสากล อ.พนมไพร ข.ร้อยเอ็ด 10 มี.ค.2553

            ความจริงแล้ววันสตรีสากล ตรงกันวันที่ 8 มี.ค. แต่ที่ จ.ร้อยเอ็ด แบ่งการจัดงานเป็นหลายวัน คือ ที่ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จัดงานในวันที่ 8 มี.ค. ส่วนอำเภอต่างๆ ก็จัดวันอื่น อย่าง อำเภอพนมไพร จัดวันที่ 10 มี.ค. อ.เสลภูมิ จัด 12 มี.ค.

            เมื่อผู้สื่อข่าว รู้ข่าวว่า อ.พนมไพร จัดงานวันสตรีสากล วันที่ 10 มี.ค.2553 ตั้งเวทีที่หน้าอาคารหอประชุมอำเภอพนมไพร  ในบริเวณที่ว่าการอำเภอพนมไพร  คุณสาวเทศบาลบอกว่า เธอจะต้องไปเดินแบบบนเวที ราว 1-2 ทุ่ม เมื่อบอกผู้สื่อข่าวมาแบบนี้ คงพลาดงานนี้ไม่ได้แล้ว ทั้งๆที่ผู้สื่อข่าวไม่เคยไป อ.พนมไพรมาก่อนเลย ไปใกล้ที่สุดก็แค่สี่แยกปากทางเข้าพนมไพร ผ่านมาจากยโสธร ไป อ.สุวรรณภูมิ แต่คราวนี้ต้องไปถึง อ.พนมไพร อยากเห็นนางแบบเดินบนเวที  ไม่รู้ว่าคนหน้าอ้วนๆ เมื่อต้องแต่งหน้า แต่งตัวสวยๆ จะเป็นยังไงมั่ง เห็นแล้วจะจำได้มั้ย

            ตอนเย็น 10 มี.ค. ก็บอกเพื่อนให้ขับรถไปเป็นเพื่อน เพื่อนก็โอเค...  ออกเดินทาง 17.30 น. ขับรถมาถึง จ.ร้อยเอ็ด แล้วไปตามถนนเลี่ยงเมืองผ่านแยกไป มหาสารคาม, วาปีปทุม, จตุรพักตร์, แล้วเลี้ยวไป อ.อาจสามารถ มองดูหลักกิโลเมตร อีก 60 กิโลเมตรถึงพนมไพร

            ถนนเส้นนี้ เพื่อนบอกว่า  เคยขับรถมาทางนี้เหมือนกัน คือ ขับมาถึงทางแยกเลี้ยวไปยโสธร, ธวัชบุรี เท่านั้น แต่ก็ขับไปเรื่อยๆ เข้าตัว อ.อาจสามารถ ท้องฟ้าเริ่มมืด ขับมาเรื่อยๆจนมาถึง อ.พนมไพร ขับตรงมาจนเห็นศาลาที่พักผู้โดยสาร รอรถประจำทางด้านขวามือ ขับไปอีกนิดก็เห็นป้ายบอกทางไป คำเขื่อนแก้ว ซะแล้ว  มองไปทางซ้าย เห็น แสง สี เสียง เวที หน้าที่ว่าการอำเภอ เลยต้องเลี้ยวรถกลับ ขับเข้ามาจอดที่หน้า สภ.พนมไพร แล้วผู้สื่อข่าวก็เดินลงไปสำรวจรอบๆบริเวณงาน วันสตรีสากล อ.พนมไพร เดินผ่านทางเข้างานที่มีซุ้มให้คนยืนถ่ายรูป แต่ละคนที่มางาน แต่งชุดไทย ผ้าไหม ชุดราตรีกันอย่างเต็มที่  ผู้สื่อข่าวมาในชุดชาวบ้านๆ เลยเดินไปด้านหลังอาคารที่ว่าการอำเภอ  เข้าไปจนถึงบริเวณที่เตรียมอาหารไปเสิร์ฟโต๊ะจีน ซึ่งอยู่ข้างตัวอาคารหอประชุมอำเภอพนมไพร  ก็มองเห็นเวทีอยู่ใกล้ๆ มองสอดส่ายหานางแบบที่เราตั้งใจมาดู  ไม่รู้อยู่ไหน มองดูไปทางห้องชมรมพัฒนาสตรี เห็นในห้องเปิดไฟ มีสาวๆ 2-3 คน แต่งตัว ลองชุดกันอยู่  มองดูแล้ว ไม่ใช้คนที่เราตั้งใจมาดู






            ดูนาฬิกา เวลา 19.25 น. พิธีกรคู่บนเวที ขึ้นทำหน้าที่กล่าวต้อนรับ และนำเข้าสู่พิธีการของงาน  อ้าว.. พึ่งจะเริ่มงานเหรอเนี่ย ได้ยินว่า งานวันนี้ จะมีกิจกรรมสำคัญๆตามลำดับ คือ 1. พิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้สตรีดีเด่นของ อ.พนมไพร 2.การแสดงของคณะกรรมการจัดงาน และการแสดงต่างๆ  3. การแสดงแบบผ้าไทย โดยนางแบบกิติมศักดิ์ 4. เปิดฟลอร์ลีลาศรำวง ..แหม พิธีการอีกยาวเลยเดินกลับมาหาเพื่อน ข้ามฝั่งไปกินข้าวที่คิวรถ สั่งข้าวหน้าเป็ดมากิน ส่วนเพื่อนก็สั่งข้าวมันไก่ + บะหมี่ร้อนๆมาซดแก้หนาว เพราะตอนนั้น ลมหนาวๆ พัดมา ยะเยือกจริงๆ

            กินข้าวเย็นเสร็จ ก็มายืนดูงานวันสตรีสากลกันต่อ ยืนดูกัยคนพนมไพรที่จอดมอเตอร์ไซต์ดูที่บริเวณนอกงาน มีการร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำ สร้างสีสัน มีการแสดงตลกบนเวที ปล่อยมุขตลก เลียนแบบการประกวดนางงาม จบแล้วเข้าสู่พิธีการ มอบรางวัลต่างๆ  ให้บรรดาข้าราชการ, ครู , สตรีดีเด่น ฯลฯ มิน่าล่ะ เห็นแต่งตัวชุดไทยสวยๆ แต่งมารับรางวัลนี่เอง กว่าจะมอบรางวัลเสร็จ กว่าที่ บุคคลสำคัญจะกล่าวให้โอวาทเสร็จ ก็ปาเข้าไป 21.00 น.  เพื่อนที่ขับรถมาให้ ขอตัวไปนอนรอในรถ เพราะลมแรงอากาศหนาวมาก บนเวทีก็ต่อด้วยการแสดงของคณะกรรมการจัดงาน ที่เปลี่ยนชุดมารอขึ้นเวทีตั้งนานแล้ว  เปิดเพลง "ฮักมาแต่ชาติก่อน" ของต่าย อรทัย ออกมารำฟ้อน เสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของ นางแบบกิติมศํกดิ์ มาเดินแบบผ้าไทย

            พอพิธีกรประกาศให้ผู้แสดงแบบมารอข้างเวที เห็นนางแบบกิติมศักดิ์แต่ละคนลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินออกมา โห... เยอะเลย ผู้สื่อข่าวเดินไปยืนอยู่หลังรถที่จอดอยู่ในสนาม ซึ่งเป็นด้านหนึ่งของเวที ที่บรรดานางแบบมายืนรอ จะขึ้นเวที มองดูนางแบบคนแรก เดินออกมาจากมุมหนึ่งของเวที ไปยังอีกมุมหนึ่ง โพสต์ท่าแล้วเดินลงบันไดมาด้านล่างเวที แล้วเดินไปตามพรมที่ปูไว้ผ่านโต๊ะจีน เข้าไปยังด้านหน้าบริเวณงาน  เลยต้องรีบเดินอ้อมมาทางฝั่งอาคารหอประชุมอำเภอ หามุมถ่ายรูป นางแบบแต่ละคนก็เดินออกมา หลังจากที่พิธีกรเรียกชื่อ  บางท่านเดินคนเดียว บางท่านเดินเป็นคู่ เดินกับสามี เกาะแขน ควงคู่ ด้วยกัน และแล้ว นางแบบที่รอชมก็ถูกเรียกชื่อ

        "คุณศรัณย์พร ...กับ คุณ......"





            ก่อนที่จะได้ยินเรียกชื่อ เธอ ผู้สื่อข่าวซึ่งยืนมองจากหอประชุม เห็นไกลๆ คิดว่า น่าจะใช่คนนี้นะ เพราะดูใบหน้ากว้าง และแล้วก็ใช่เธอจริงๆด้วย เธอเดินเกาะแขนมากับนายแบบหนุ่ม ? ค่อยๆเดินมาบนเวที แล้วเดินจากเวทีลงบันไดมา เดินไปตามพรม ผู้สื่อข่าวสามารถซูมกล้องถ่ายวิดีโอไว้ได้แค่นั้น เพราะยืนอยู่ในมุมที่จับภาพได้มุมน้อย  เลยได้คลิปวิดีโอสั้นๆอย่างที่เห็น

            เมื่อคุณสาวเทศบาล เดินแบบเสร็จ ก็ยืนรอกับบรรดานางแบบคนอื่นๆ  สักพักก็เดินออกมาถ่ายรูปที่ซุ้มตรงหน้างานกับหลายๆคน ผู้สื่อข่าวได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ แล้วเดินออกมาทางอำเภอ มองดูคุณสาวเทศบาลยืนฉีกยิ้มโพสต์ท่าถ่ายรูปอยู่ มองดูนาฬิกาเกือบ 21.30 น.กว่าจะกลับถึงบ้านที่ห่างออกไปกว่า 120 กิโลเมตร คงจะถึงบ้านดึกพอสมควร ลมก็พัดแรง อากาศหนาว เลยรีบเดินมาขึ้นรถ ปลุกเพื่อนที่นอนรอในรถให้ตื่น เพื่อนนอนจนเกือบเป็นตะคริว เพราะอากาศหนาวจริงๆ สักพักก็สตาร์ทรถ ขับรถออกมาไปประตูทางออก มองไปที่ซุ้มหน้างาน เธอยังคงยืนถ่ายรูปอยู่กับ บรรดานางแบบ นายแบบ ผู้หลักผู้ใหญ่ตรงบริเวณนั้น

            ....ได้แต่มอง ไปยังตรงที่เธอยืนอยู่ แล้วรถก็แล่นออกจากบริเวณงาน

            รถแล่นออกมาถึงสี่แยกปากทาง เข้าพนมไพร ก็เลยส่งSMS  บอกเธอว่า กลับแล้วนะ ชุดสวยดี แต่ถ้าเลือกโทนสีทองเหลืองๆ แดงๆ ให้สีสดกว่านี้จะดูดีกว่า ทำทรงผมดูดีมากๆ แต่ไม่ได้เห็นหน้าใกล้ๆ คิดว่า ช่างแต่งหน้ามืออาชีพ (สาวประเภท 2) คงแต่งหน้าคุณสาวเทศบาลให้ออกมาดูดี

            กลับมาถึงบ้าน 5 ทุ่มครึ่ง ดูในมือถือ เห็นคุณสาวเทศบาลโทรเข้ามาร่วม 20 สาย SMS มาอีก 2-3 ข้อความ เลยรีบโทรกลับ เพราะตอนที่นั่งรถเดินทางกลับ ก็หลับมาตลอด แต่ก็ดีใจที่ได้มาพนมไพรเป็นครั้งแรกในชีวิต ถึงแม้เธอจะบอกว่า ไม่ปลื้มที่มาดูงานแล้ว แต่ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าว่า มาแล้วนะ  แหม... คนดูตั้งเยอะ แล้วจะมองหน้าคนทุกคนที่มาในงานได้ครบหรือเปล่าล่ะ  ถ้าตั้งใจมองหน้าให้ครบทุกคนคงจะปวดตาแย่เลย  แต่การทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุดก็เจ๋งแล้ว ส่วนคนดูก็มาดู แล้วก็เดินทางกลับ ถึงบ้าน นอนพักผ่อน ตามเวลาที่กำหนด

            "แล้วมาทำไม"
            "มาแล้วทำไมไม่ให้เห็นหน้า..."
            "ชอบทำตัวลึกลับอีกแล้ว...."
            "รู้สึกยังไงกันแน่...."

            ผู้สื่อข่าวโดนนางแบบโทรมาถาม สอบสวนหาคำตอบที่คาใจ แต่ดูเหมือนที่ตอบๆไป เธอคงไม่พอใจในคำตอบ จนแบตมือถือหมดเกลี้ยง เครื่องเลยดับลง มองหาสายชาร์ตแบตมือถือ ไม่รู้อยู่ไหน เลยปิดไฟนอนหลับปุ๋ยหลังจากผ่าลมหนาวไปดูงานวันสตรีสากล ที่พนมไพร เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

10 มี.ค.2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น