...+

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

ปรารภธรรมให้ฟัง :หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

ปรารภธรรมให้ฟัง
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

คราวหนึ่ง หลวงปู่กล่าวปรารภธรรมะให้ฟังว่า
เราเคยตั้งสัจจะจะอ่านพระไตรปิฎกจนจบ ในพรรษาที่ ๒๔๙๕
เพื่อสำรวจดูว่าจุดจบของพระพุทธศาสนาอยู่ตรงไหน
ที่สุดแห่งสัจจธรรม หรือที่สุดของทุกข์นั้น อยู่ตรงไหน
พระพุทธเจ้าทรงกล่าวสรุปไว้ว่าอย่างไร

ครั้นอ่านไป ตริตรองไปกระทั่งถึงจบ
ก็ไม่เห็นตรงไหนที่มีสัมผัสอันลึกซึ้งถึงจิตของเราให้ตัดสินใจได้ว่า
นี่คือที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ ที่สุดแห่งมรรคผล หรือที่เรียกว่านิพพาน ฯ

มีอยู่ตอนหนึ่ง คือ ครั้งนั้นพระสารีบุตรออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ

พระพุทธเจ้าตรัสเชิงสนทนาธรรมว่า

"สารีบุตร สีผิวของเธอผ่องใสยิ่งนัก
วรรณะของเธอหมดจดผุดผ่องยิ่งนัก
อะไรเป็น วิหารธรรม ของเธอ "

พระสารีบุตรกราบทูลว่า

"ความว่างเปล่าเป็นวิหารธรรมของข้าพระองค์" (สุญฺญตา) ฯ

ก็เห็นมีเพียงแค่นี้แหละ ที่มาสัมผัสจิตของเรา.

จบพระไตรปิฎกหมดแล้ว จำพระธรรมได้มากมาย
พูดเก่งอธิบายได้อย่างซาบซึ้ง มีคนเคารพนับถือมาก
ทำการก่อสร้างวัตถุไว้ได้อย่างมากมาย
หรือสามารถอธิบายถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้อย่างละเอียดแค่ไหนก็ตาม

"ถ้ายังประมาทอยู่
ก็นับว่ายังไม่ได้รสชาติของพระศาสนาแต่ประการใดเลย
เพราะสิ่งเหล่านี้ยังเป็นของภายนอกทั้งนั้น

เมื่อพูดถึงประโยชน์
ก็เป็นประโยชน์ภายนอกคือเป็นไปเพื่อสงเคราะห์สังคม
เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น เพื่อสงเคราะห์อนุชนรุ่นหลัง
หรือเป็นสัญญลักษณ์ของศาสนวัตถุ

ส่วนประโยชน์ของตนที่แท้นั้น คือ ความพ้นทุกข์
"จะพ้นทุกข์ได้ต่อเมื่อรู้ จิตหนึ่ง."





ที่มา : อตุโล ไม่มีใดเทียม ; ประวัติ ปฏิปทา และคำสอน พระราชวุฒาจารย์
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น