...+

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

อากาศวิปริต ป่วนทั้งโลก ไทยฝนหลงฤดู

อากาศทั่วโลกวิปริตหนักฤดูกาลผิดเพี้ยน อังกฤษ ติด ลบต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
ไม่เว้นแม้แต่ ประเทศไทยเดือนมกราคม
เกิดฝนหลงฤดูถล่มลงมาอย่างหนักราวกับฟ้ารั่ว...

อากาศทั่วโลกวิปริตหนัก ฤดูกาลผิดเพี้ยนจากเดิม ชนิด ไม่เคยเกิดมาก่อน
อังกฤษวิกฤติหนัก อุณหภูมิหนาวจัด ติด ลบต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง

หิมะหนาเตอะบนถนน 40 ซม. สนามบินทั่วประเทศปิดตาย เที่ยวบินหลาย
ร้อยเที่ยวถูกยกเลิกกะทันหัน ระดมทหารเร่งช่วยเหลือเจ้าของรถกว่า 1 พัน
ที่ติดหิมะอยู่บนท้องถนน ขณะที่ฟุตบอลคาร์ลิงคัพ
ระหว่างปิศาจแดงกับเรือใบต้องเลื่อน ออกไป เพราะหิมะเป็นเหตุ
ด้านนอร์เวย์เลวร้ายสุดใน ทวีปยุโรป ต้องเผชิญความหนาวเย็นติดลบถึง 41
องศาเซลเซียส ส่วนจีนประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าและถ่าน หินอย่างหนัก
ปักกิ่งอุณหภูมิติดลบ 16 องศาเซลเซียส ขณะที่กรุงเทพฯ ฝนหลงฤดูถล่มกรุง
น้ำท่วมขังถนนหลายสาย การจราจรเป็นอัมพาตโกลาหลทั้งเมืองโลกวิปริตหนัก
เกิดสภาพอากาศแปรปรวน ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม
ชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั่วทั้งโลก ทั้งอากาศหนาวจัด อุณหภูมิติดลบ
หิมะตกหนักเป็นแผ่นหนาในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกาประเทศจีน
กับอีกหลายแห่งของทวีปเอเชีย ไม่เว้นแม้แต่
ประเทศไทยในเดือนมกราคมซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว
ก็เกิดฝนหลงฤดูถล่มลงมาอย่างหนักราวกับฟ้ารั่วในกรุงเทพมหานคร
ส่งผลให้การจราจรเป็นอัมพาต รถราติดขัด น้ำท่วมขังจนโกลาหลกันทั้งเมือง

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันพุธที่ 6 ม.ค.ว่า
หลายภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและเอเชีย

เผชิญสภาพอากาศหนาวเย็นผิดปกติต้อนรับปีใหม่ โดยที่อังกฤษ
ทั่วทั้งประเทศไล่ตั้งแต่กรุงลอนดอนไปตลอดภาคกลาง เหนือ ใต้
จนถึงสกอตแลนด์ อากาศหนาวเย็นและหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 30 ปี
หลายเมืองเผชิญพายุหิมะหรือหิมะตกหนาถึง 40 ซม.
ส่งผลให้การขนส่งคมนาคมเป็นอัมพาต ทั้งทางรถยนต์ รถไฟ
และการจราจรทางอากาศ สนามบินหลายแห่งต้องปิดชั่วคราว
รวมทั้งสนามบินเกตวิคในลอนดอน ซึ่งถูกปิดเมื่อคืนวันที่ 5 ม.ค.
เพื่อให้เจ้าหน้าที่เคลียร์หิมะจากรันเวย์ นอกจากนี้
ผู้โดยสารที่จะจับเที่ยวบินจากสนามบินฮีทโธรว์
ยังได้รับคำเตือนให้เช็กกับสายการบินก่อนเดินทางไปที่สนาม
บินและเผื่อเวลา สำหรับความล่าช้า ส่วนสนามบินลูตัน เบอร์มิงแฮม
แมนเชสเตอร์ เซาแธมป์ตัน และสนามบินจอห์น เลนนอน ในเมืองลิเวอร์พูล
ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป

ส่วนผู้ให้บริการรถไฟทั่วอังกฤษก็ประกาศลด ยกเลิก
หรือเลื่อนการเดินรถไฟหลายขบวน รวมทั้งขบวนเข้าออกกรุงลอนดอน

ไปจนถึงรถไฟสายอีสต์ โคสต์ อีสต์ มิดแลนด์ ชิลเทิร์น เรลเวย์ส เฟิร์ส
เกรต เวสเทิร์น ฯลฯ ขณะที่โรงเรียนหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ ถูกสั่งปิด
โดยเฉพาะในเขตแลงคาสเชียร์ เวสต์ ยอร์คเชียร์ เวสต์ มิดแลนด์
กลอสเตอร์เชียร์ ฮาตฟอร์ดเชียร์ และเซอร์เรย์ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
กองทัพอังกฤษยังระดมทหารออกมาช่วยบรรเทาทุกข์
รวมทั้งไปช่วยอพยพผู้ขับรถยนต์กว่า 1,000 คัน ที่ติดค้างอยู่บนถนน
ซึ่งหิมะสุมหนาจนรถติดยาวเหยียดในเมืองแฮมเชียร์

สภาพอากาศอันเลว ร้ายยังส่งผลให้การแข่งขันฟุตบอล
กีฬาสุดฮิตของอังกฤษต้องยกเลิก รวมทั้งฟุตบอล "คาร์ลิงคัพ" นัดดาร์บี้
แมตช์ ระหว่างทีม "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับทีมแมนเชสเตอร์
ซิตี้ เมื่อคืนวันอังคารที่ 5 ม.ค. ส่วนการแข่งขันพรีเมียร์ลีก
คืนวันพุธที่ 6 ม.ค. ระหว่างทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล กับทีมโบลตัน
ก็เผชิญอุปสรรคเช่นกัน นอกจากนี้
การแข่งขันรักบี้และม้าแข่งหลายนัดก็ถูกยกเลิกด้วย

ทางการอังกฤษยัง แถลงเตือนว่า อาจเกิดภาวะไฟฟ้า ก๊าซ และเกลือขาดแคลน

เพราะอุปสงค์ความต้องการใช้มีสูงมากผิดปกติในช่วงหนาวจัด
แต่อุปทานลดลงอย่างฮวบฮาบเนื่องจากการผลิตและการขนส่งแทบเป็นอัมพาต
ฝ่ายค้านของอังกฤษเผยว่า อังกฤษมีก๊าซสำรองพอใช้แค่ 8 วันเท่านั้น
ขณะที่บริษัทวินส์ฟอร์ด
ผู้ผลิตเกลือรายใหญ่ที่สุดของประเทศในเมืองเชสเชียร์
เตือนว่าเกลืออาจขาดตลาดถ้าสภาพอากาศยังเป็นเช่นนี้อยู่ สำนักงาน
อุตุนิยมวิทยาอังกฤษทำนายว่า อังกฤษจะเผชิญสภาพอากาศหนาวเย็นจัดต่อไปอีก
2 สัปดาห์ และนอกจากอังกฤษ
หลายประเทศทั่วยุโรปก็เผชิญสภาพอากาศเย็นจัดจากแนวอากาศหนาวจากภูมิภาค
ไซบีเรีย โดยเฉพาะนอร์เวย์ อุณหภูมิลดต่ำถึงติดลบ 41 องศาเซลเซียส
ส่วนเนเธอร์แลนด์
เกิดน้ำแข็งหนาจนสามารถจัดการแข่งขันสเกตน้ำแข็งธรรมชาติครั้งแรกในปีนี้
ได้ที่ทะเลสาบเฮนสโคเตอร์ ที่ฝรั่งเศส หิมะและน้ำแข็งหนา
ทำให้การจราจรทางภาคตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งที่เมืองบอร์กโดซ์
ติดขัดอย่างหนัก ส่วนฮังการีก็ถูกปกคลุมด้วยหิมะ
ทางการต้องเตือนไม่ให้ประชาชนในกรุงบูดาเปสต์ใช้รถยนต์
ขณะที่บางพื้นที่ของอิตาลีกลับเผชิญฝนตกหนัก
จนเจ้าหน้าที่หวั่นกลัวว่าแม่น้ำไทเบอร์
จะเอ่อล้นท่วมกรุงโรมในไม่กี่วันข้างหน้า


ขณะที่ในเอเชียเกิดอากาศ หนาวจัดและหิมะตกหนักทางภาคเหนือ ตะวันออก
และกลางของจีน ทำให้เกิดภาวะไฟฟ้าและถ่านหินขาดแคลนอย่างหนัก

เนื่องจากการขนส่งถ่านหินจากแหล่งผลิตต่างๆ ทำได้ยากลำบาก
อีกทั้งบริษัทผลิตไฟฟ้าและถ่านหิน ตกลงเรื่องราคาจำหน่ายไม่ได้
ทำให้ไฟฟ้าและถ่านหินไม่เพียงพอกับความต้องการอยู่ก่อนแล้ว
จนทางการจีนต้องปันส่วนไฟฟ้า เพื่อการอุตสาหกรรม
และใช้ในครัวเรือนในบางพื้นที่ รวมทั้งที่มหานครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงสู
ชานตง และเหอเป่ย ส่วนภูมิภาคอื่นๆอาจขาดแคลนไฟฟ้าและถ่านหินเช่นเดียวกัน
ถ้าสภาพอากาศยังหนาวเย็นจัดต่อไป
ซึ่งทางการจีนได้ร้องขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงานแม้กำลังต่อสู้กับ
ความเหน็บหนาวก็ตาม

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนพยากรณ์ว่า ภาวะอากาศหนาวเย็นจะต่อเนื่องไปตลอดสัปดาห์

โดยที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันพุธที่ 6 ม.ค.
หิมะตกหนักและอุณหภูมิลดลงถึงติดลบ 16 องศาเซลเซียส ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2514
ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อากาศหนาวเย็นที่ สุด
อุณหภูมิติดลบ 32 องศาเซลเซียสเมื่อวันจันทร์ที่ 4 ม.ค.
ก่อนสูงขึ้นเป็นติดลบ 17 องศาเซลเซียสในวันพุธที่ 6 ม.ค.
ภูมิภาคอื่นๆที่เผชิญสภาพอากาศ หนาวเย็นผิดปกติในช่วงนี้
รวมทั้งเกาหลีใต้ ซึ่งหิมะตกหนักในกรุงโซล ขณะที่ภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา
สภาพอากาศหนาวเย็นจัด ทำให้เกษตรกรต้องรีบเก็บเกี่ยวพืชผล
ส่วนนักท่องเที่ยวที่หวังไปอาบแดดอุ่นๆในภูมิภาคกัลฟ์ โคสต์ ในรัฐเท็กซัส
หลุยเซียนา มิสซิสซิปปี อลาบามา และฟลอริดา
กลับต้องเผชิญความหนาวเหน็บแทน

ขณะเดียวกัน ที่กรุงเทพมหานคร ก็ปรากฏว่ามีฝนตกลงมาอย่างหนัก
ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำของวันที่ 6 ม.ค.

หลังจากที่มีฟ้าครึ้มมืดมัวมาตั้งแต่เช้า ทั้งที่เป็นช่วงอยู่ในฤดูหนาว
แต่กลับมีฝนหลงฤดูตกลงมา ส่งผลให้รถราติดขัดยาวเหยียด
เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ การจราจรบนถนนสายหลัก อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต
ถนนลาดพร้าว ถนนรามคำแหง ถนนพหลโยธิน ถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นอัมพาต
เกิดอุบัติเหตุรถชนในหลายพื้นที่

นายบุญธรรม ตั้งล้ำเลิศ หัวหน้าเวรพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดฝนตกหนักในกรุงเทพฯ และหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

เกิดจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอ่อนกำลังลง
ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้
เข้ามาปกคลุมบริเวณภาคกลาง ทำให้บริเวณภาคกลาง กรุงเทพฯ ปริมณฑล
มีฝนตกหนัก และภาคอื่นๆมีฝนฟ้าคะนองในช่วงนี้ คาดว่าคืนวันที่ 6 ม.ค.
บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศ ไทยตอนบน
ทำให้ทั่วประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองลดลง
และอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา

นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
ผอ.ศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เปิดเผยถึงสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกช่วงฤดูหนาวว่า
เกิดจากลมตะวันออกเฉียงใต้พัดมวลอากาศร้อนชื้นเข้ามาสู่ประเทศไทย
ทำให้มวลอากาศเย็นหดตัวขึ้นไปทางเหนือ
ส่งผลให้เกิดฝนตกกระจายในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม
ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้
และจะกลับเข้าสู่หน้าหนาวอีกครั้งตลอดเดือน ม.ค.
ขณะเดียวกันปัญหาที่ไทยจะเจอแน่คือ ปรากฏการณ์เอลนินโญ่ระดับรุนแรงในรอบ
10 ปี โดยจะทำให้เกิดภาวะร้อนและแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา
มีการคาดการณ์แล้วว่าจะส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น 40-42 องศาในบางพื้นที่
โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯ น่าจะเกิน 40 องศา
โดยช่วงร้อนที่สุดอยู่ระหว่างเดือน มี.ค.ไปจนถึงเดือน เม.ย.
ซึ่งวันที่ร้อนที่สุดคือ วันที่ 22 เม.ย.นี้

ทางด้านนายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า
สภาพฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 16.30 น.

มีปริมาณสูงสุดบริเวณพื้นที่เขต ห้วยขวาง 120 มิลลิเมตร/ชม.
ส่วนพื้นที่อื่นๆ เช่น ลาดพร้าว รามคำแหง มีปริมาณ 97 มิลลิเมตร/ชม.
ถนนหลายสายรถราติดขัด มีน้ำท่วมขังสูงถึง 10 ซม. เช่นที่ถนนแจ้งวัฒนะ
ถนนรัชดาภิเษก กทม.ได้เร่งระบายน้ำออกจากผิวจราจรแล้ว
เหลือถนนบางสายที่ปริมาณน้ำท่วมขังยังสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น