...+

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โรคในรถ คุณเป็นไหม (ชีวจิต)

cid:2__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.com1. โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

คุณนริณีนาฏ จันทภุชงค์เดชา พนักงานบริษัทเอกชน วัย 37 ปี
ป่วยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ จากการอั้นปัสสาวะเป็นเวลานานในขณะขับรถ
เพราะต้องเผชิญกับปัญหารถติดระหว่างเดินทางจากบ้านไปทำงานทุกวัน
และบางพื้นที่ไม่มีปั้มน้ำมันให้เข้า

อาการ : "พอเจอห้องน้ำจะรีบเข้าแต่ก็รู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่ออก
รู้สึกขัดๆ และปวดมากเหมือนปัสสาวะไม่สุด มีอาการแบบนี้เป็นปีนะคะ
เพราะใช้เวลาอยู่ในรถประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวัน" ปัจจัยเสริมก่อโรค
"บางทีทำงานเพลินๆ กำลังคิดอะไรอยู่ก็ยังไม่เข้าห้องน้ำทันที
ก็ยอมอั้นไว้จนเป็นนิสัยที่ไม่ดีติดตัว
อั้นในรถไม่พอยังมาอั้นในที่ทำงานอีก"

การรักษา : "คุณหมอให้ยามากิน และให้ดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาทำงาน
เพื่อให้เข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น
ช่วงแรกต้องไปพบหมอเป็นประจำจนกว่าอาการจะดีขึ้น"

Tip : การดูแลตัวเอง

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comเปลี่ยนพฤติกรรม
ไม่อั้นปัสสาวะ เข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดปัสสาวะ

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comถ้ามีอาการเจ็บหน่วงๆ
ต้องดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อเข้าห้องน้ำล้างปัสสาวะที่อักเสบออกมา

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comย้ายที่พักมาอยู่ใกล้ที่ทำงานมากขึ้นเพื่อเลี่ยงรถติด

cid:2__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.com2. ผังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ

คุณนริณีนาฏยังประสบปัญหาเป็นผังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือซ้าย
ซึ่งเกิดจากการขับรถเป็นเวลานานๆ

อาการ : "ตอนที่ขับรถนานๆ มือจะอยู่ที่พวงมาลัยนานมาก
เลือดคงไหลเวียนไม่ดีเหมือนเส้นเลือดตีบ แทนที่จะปล่อยลงข้างลำตัว
ก็ทำตรงกันข้ามโดยการยกมือขึ้นขับรถ นั่งอยู่ท่าเดียวนานๆ
ทำให้มีอาการชาไปครึ่งตัวขณะรถติด" ถามว่าอันตรายไหม
ถ้าต้องขับรถขณะมีอาการก็อันตรายมาก

ปัจจัยเสริมก่อโรค :
"งานที่ทำประจำต้องนั่งอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์พิมพ์งานตลอดเวลา
และนั่งท่าเดียวนานๆ เลยส่งผลให้ปวดมาก
คนที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีอาการแบบนี้เยอะ
ตอนที่คุยกับคุณหมอบอกว่ามักจะเกิดกับคนที่อายุเกิน 40
ทั้งที่อายุยังไม่ถึงดิฉันก็เป็นแล้ว อาจเพราะใช้ร่างกายหนัก
ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน"

การรักษา : "ทำท่ากายภาพบำบัดเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน
เพื่อให้เส้นเลือดสูบฉีด และระบบไหลเวียนในร่างกายเราดีขึ้น"

Tip : การดูแลตัวเอง

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comฝึกโยคะเป็นประจำ

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comถ้าจะหยิบของที่เบาะหลังรถไม่ควรเอี้ยวตัว
เพราะอาจทำให้ผิดท่าและเส้นเอ็นพลิกได้ควรเปลี่ยนมาเปิดประตูรถด้านหลังแล้วหยิบของ

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comการหยิบของจากที่ต่ำไม่ควรก้มตัวยก
แต่ควรนั่งลงแล้วค่อยๆ ยกขึ้น

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comช่วงที่อากาศเย็นจะทำให้มีอาการปวดมากกว่าปกติ
ต้องดูแลให้ร่างกายอบอุ่น อาจทายาหม่อง หรือปาล์มเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

cid:2__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.com3. หมอนรองกระดูกเสื่อม

คุณวัฒนา ศรีศุภร เจ้าของกิจการ วัย 60 ปี
ป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
หลังจากขับรถส่งของในระยะทางไกลเป็นเวลานานหลายปี

อาการ : "แรกๆ ก็ปวดหลังนิดหน่อย และรู้สึกเหมือนร้าวลงขาทั้ง 2 ข้าง
ข้างซ้ายมากกว่าขวา ยืนนานๆ ขาจะชา ถ้ายังฝืนยืนอยู่อีก
ก็จะมีอาการชาขึ้นๆ จนกระทั่งรู้สึกเหมือนขาลอยได้
จำไม่ได้ว่ามีอาการเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เริ่มมีอาการตั้งแต่ขับรถส่งของ
และนอกจากนี้ยังมีอาการ เอวคด คดไปด้านขวา เวลาเดินเห็นชัดเลย
จะเดี้ยงไปข้างหนึ่ง จนเพื่อนๆ สังเกตเห็น"

ปัจจัยเสริมก่อโรค : "ตอนเริ่มกิจการดิฉันทำงานทุกอย่างเองหมด
ทั้งขับรถและขนของ ยกของหนักมากไม่ประมาณตน
เอี้ยวตัวผิดจังหวะก็เลยทำให้ยิ่งมีอาการปวดมาก
และเคยตกจากที่สูงจนกระดูกยุบ"

การรักษา : "ตัดสินใจไปทำไคโรแพกติก หลังเสร็จจากการจัดกระดูกก็ค่อยๆ
ดีขึ้น มีโอกาสก็จะไปตอนนี้ทำเกือบ 20 ครั้งแล้ว
ด้วยความที่เรายังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม คือขับรถ เลยยังไม่หายขาด
ต้องดูแลตัวเองไปเรื่อยๆ"

Tip : การดูแลตัวเอง

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comเล่นเทนนิสเป็นประจำ
แต่ไม่ควรเล่นหนักเกินไป ควรออกแรงเบาๆ
(ไม่ควรหยุดออกกำลังกายเพราะจะทำให้เส้นเอ็นยึด)

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comยืนโน้มไปข้างหน้าเล็กนิด
ถ้าต้องเดินนานๆ ควรหยุดพักก้มตัวลงเป็นการยืดเส้น
ถ้าเดินตามห้างสรรพสินค้าอาจเกาะรถเข็นทิ้งน้ำหนักไปที่รถเพื่อให้เดินได้นานโดยไม่มีอาการชา

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comทำกายภาพทุกวัน วันละ 3
ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ด้วยท่าดังนี้

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comท่านอนหงาย
ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้น แล้วยกตัวขึ้นเล็กน้อยเกร็งหน้าท้องไว้นับ 1-10
ทำประมาณ 10 ครั้ง

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comท่านอนนอนคว่ำ
ศอกทั้งสองข้างตั้งฉากกับพื้น ปลายเท้าจิกทำเป็นมุมฉาก
ยกตัวขึ้นแล้วแขม่วท้องเกร็งไว้นับ 1-10 ทำประมาณ 10 ครั้ง

cid:2__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.com4. กล้ามเนื้อคออักเสบ

คุณณิษฐา สุริยะฉาย นักศึกษาปริญญาโท วัย 30 ปี
มีอาการกล้ามเนื้อบริเวณคออักเสบ เนื่องจากขับรถในท่าเดิมนานๆ
ติดต่อกันหลายวัน

อาการ : "วันแรกๆ จะมีอาการปวดบ่าทั้งสองข้างก่อน เพราะตอนที่ขับ
มือก็จะจับพวงมาลัยแน่นทั้งสองข้าง ตอนรถติดจะเครียดมากจนไม่ยอมปล่อยมือ
เกร็งไว้ตลอดเวลา ถ้ารถขยับก็จะรีบขยับตาม เผอิญช่วงนั้นมีสอบทุกวัน
ต้องขับรถไปมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นย่านที่รถติดมาก
เข้าวันที่สี่ตื่นขึ้นมารู้สึกปวดคอมากปวดร้าวไปถึงบ่า แขน และมือชา
คอหันไม่ค่อยได้เลยทำให้ขับรถไม่ได้"

ปัจจัยเสริมก่อโรค : "ก่อนหน้านี้ไปหัดตีกอล์ฟกับคุณพ่อ
ด้วยความที่ยังออกท่าไม่ค่อยเป็นเลยทำให้หันคอผิดท่า
ตอนนั้นก็รู้สึกเจ็บเล็กน้อยแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร
พอมาขับรถก็เลยยิ่งปวดมาก"

การรักษา : "คุณหมอให้กินยาคลายกล้ามเนื้อ
และใส่เฝือกอ่อนที่คอชั่วคราวเพื่อให้มีการเคลื่อนไหวคอน้อยที่สุด ประมาณ
3-4 วันอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น"

Tip : การดูแลตัวเอง

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comขณะรถติดควรบริหารคอด้วยการหันซ้ายขวาสลับกับก้มหน้าเงยหน้า

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comไม่ควรเอี้ยวคอกะทันหันระหว่างขับรถ
เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุหันคอผิดท่า

cid:2__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.com5. หลับใน และตาเมื่อยล้า

คุณฤนพ สถิรรัตน์ วิศวกร วัย 36 ปี มักมีอาการหลับในจนเกิดอุบัติเหตุ
และตาเมื่อยล้า เมื่อขับรถในเวลากลางวันที่มีแสงแดดจ้าเป็นเวลานานๆ

อาการ : "ผมขับรถเพื่อติดต่องานมาประมาณ 1 ปี ในสัปดาห์หนึ่งขับรถ 4 วัน
ทั้งกลางวันและกลางคืน และบางวันก็ต้องขับรถไปต่างจังหวัดระยะทางไกล
ช่วงกลางวันที่ต้องเจอแดดจ้าๆ มักมีอาการตาอ่อนล้า และแสบตา
ทำให้มองไม่ถนัดเวลาที่ขับรถ และมีอาการหลับในตอนกลางคืน
เมื่อก่อนไม่รู้ว่าหลับในเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้แล้วและอันตรายมาก
ตอนแรกจะหาวถี่ สมองเริ่มมึน ไร้สติ ไม่มีสมาธิในการขับรถ
และเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นในกิจวัตรจะเข้ามาในหัวโดยไม่รู้สึกตัว"

ปัจจัยเสริมก่อโรค : "แต่ละครั้ง วันที่เดินทางผมไม่ มักนอนน้อยเป็นประจำ"

การรักษา : "ช่วงที่มีอาการแสบตา ตาเมื่อยล้ามากๆ
ผมต้องไปหาหมอเพื่อรักษา หมอก็ให้หยอดน้ำตาเทียมก็ช่วยได้มาก
เพราะเราใช้สายตาเยอะ ส่วนอาการหลับใน ผมเคยลองมาหลายวิธีแล้ว
ทั้งตีขาตัวเอง และเปิดกระจกขับรถ แต่ก็ไม่ได้ผล
ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกคิดว่าคงไม่คุ้มกัน ผมว่าเราต้องดูแลตัวเอง"

Tip : การดูแลตัวเอง

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comถ้าเริ่มง่วงให้รีบจอดรถในปั้มนอนทันที
โดยสังเกตตัวเองว่าเริ่มหาวถี่แล้วหรือยัง ถ้าถี่มากๆ ต้องหยุดอย่าฝืน

cid:3__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.comเวลาที่ขับรถทางไกล
ถ้ามีเพื่อนร่วมทางที่ขับรถเป็น ควรสลับกันขับ ไม่ควรขับคนเดียวตลอดทาง

cid:2__=C8BBFCA2DF88D8828f9e8a93df938690@ici.com6. ระบบย่อยและระบบขับถ่ายผิดปกติ

คุณเฉลิมชาติ โรจนชินบัญชร พนักงานขับรถแท็กซี่ วัย 38 ปี
มีอาการของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายผิดปกติ นับจากขับแท็กซี่ได้เพียง
3 เดือน เนื่องจากต้องขับรถทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม

อาการ : "ที่มีปัญหามากๆ เลยคือเรื่องระบบย่อยอาหาร
เพราะกินไม่ค่อยเป็นเวลา ต้องกินเผื่อไว้เยอะๆ เพื่อไม่ให้หิวบ่อย
เพราะถ้ามีผู้โดยสารก็ต้องเอาเงินก่อน จะมาห่วงการกินไม่ได้
ทุกครั้งที่กินเสร็จก็ขับรถเลย อยู่แต่ในรถมากกว่าครึ่งวัน
อาหารเลยไม่ค่อยย่อย ทำแบบนี้นานเข้ากระเพาะอาหารก็อักเสบ
เพราะกินไม่เป็นเวลา นอกจากนี้ระบบขับถ่ายก็ยังไม่ดีด้วย ท้องผูกบ่อยๆ
ไม่ค่อยได้เข้าห้องน้ำ
บางครั้งปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำระหว่างขับรถก็เข้าไม่ได้
เพราะต้องรีบไปส่งผู้โดยสาร"

ปัจจัยเสริมก่อโรค : "ผมกินเนื้อสัตว์มาก เพราะคิดว่าจะทำให้หนักท้อง
ไม่หิวบ่อย และด้วยความชอบส่วนตัวด้วย เลยทำให้อาหารไม่ย่อย
และไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วย"

Tip : การดูแลตัวเอง

กินอาหารประเภทผักเยอะๆ ถ้าหิวควรเลือกอาหารเบาๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
นอกจากจะทำให้ระบบย่อย
และระบบขับถ่ายดีแล้วยังทำให้กลิ่นตัวไม่เหม็นอีกด้วย

ออกกำลังกายตอนเช้าก่อนออกไปทำงานทุกวัน เช่น กายบริหารขา เข่า
ช่วยลดอาการปวดขากับเข่าระหว่างขับรถไปในตัว


แหล่งที่มา : ชีวจิตนักวิชาการหวั่น เลขาฯ อย.เซ็นทิ้งทวน
ยาสามัญขึ้นทะเบียนได้ไม่ต้องศึกษาชีวสมมูลซ้ำในไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2552 09:27 น.
นัก วิชาการดักคอเลขาฯ อย.หวั่นเซ็นทิ้งทวน ลงนามประกาศ
อย.ใช้รายงานศึกษาประสิทธิภาพยาสามัญโดยไม่ต้องมาศึกษาในไทย ซ้ำ
"หมอพิพัฒน์" ยันไม่รีบ อยู่ระหว่างฟังความคิดเห็น หาแนวทางเหมาะสม

ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี
หัวหน้าประจำหน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม คณะเภสัชศาสตร์สังคม
เปิดเผยว่า ทราบมาว่า นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
จะลงนามในประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่อง
การขึ้นทะเบียนยาสามัญ การศึกษาชีวสมมูลของยาสามัญ
พ.ศ....ว่าด้วยการจัดระเบียบการขึ้นทะเบียนตำรับยา
โดยบริษัทยาสามารถใช้รายงานผลการศึกษาทดสอบประสิทธิภาพของยา (ชีวสมมูล)
ในต่างประเทศตามหลักเกณฑ์และคุณภาพมาตรฐานที่กำหนด มาขึ้นทะเบียนกับ
อย.โดยไม่ต้องศึกษาชีวสมมูลในไทยอีกครั้ง
โดยจะรีบลงนามภายในช่วงสัปดาห์นี้ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้าย

"หาก นพ.พิพัฒน์ จะลงนามก่อนการโยกย้ายที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ต้องถามว่าเพื่ออะไร ควรให้หมดเทศกาลโยกย้ายข้าราชการระดับ 10
ตำแหน่งอธิบดีต่างๆ ให้จบเสียก่อน และให้เลขาธิการ
อย.คนใหม่มาดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป" ภญ.นิยดา กล่าว

ภญ.นิยดา กล่าวว่า
ในขณะที่อาเซียนยังไม่มีการให้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าวเหตุใด
อย.จะต้องรีบเร่งในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว
หากยิ่งดำเนินการเร็วออกประกาศอย.เร็วในเรื่องนี้ คนไทยก็เสี่ยงมากขี้น
เพราะเจ้าหน้าที่ของไทยที่จะไปตรวจสอบสถานที่ศึกษาชีวสมมูลในต่างประเทศก็
ไม่มีความพร้อม

"มีการศึกษายืนยันแน่ชัดแล้วว่า
โครงสร้างทางด้านร่างกายของคนต่างชาติ
โดยเฉพาะคนตะวันตกไม่เหมือนกับคนไทย การตอบสนองต่อยาก็ไม่เหมือนกัน
การใช้รายงานการศึกษาชีวสมมูลของต่างประเทศอย่างเดียวเท่านั้น
จึงเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อสุขภาพของคนไทยอย่างมาก
แม้แต่ประเทศเกาหลีใต้ก็ยังไม่ดำเนินการดังกล่าว" ภญ.นิยดา กล่าว

ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เรื่องประกาศดังกล่าว
ยังอยู่ในระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งผู้ทรง
คุณวุฒิ นักวิชาการ ประชาชนทั่วไปผ่านทางเว็บไซต์ ของ
อย.ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนเริ่มแรกเท่านั้น

"คาด ว่า จะใช้เวลานานกว่าจะสามารถประกาศใช้ได้
ซึ่งอาจต้องเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นอีกหลายรอบ
เพื่อให้คณะทำงานประมวลข้อมูลความคิดเห็นทั้งหมด
เพื่อให้ได้แนวทางที่มีความเหมาะสมมากที่สุดและยึดผลประโยชน์ของชาติเป็น
หลัก ไม่รีบร้อน และยืนยันว่า
จะไม่มีการลงนามทิ้งทวนแต่อย่างใด"นพ.พิพัฒน์ กล่าว

นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า ประกาศฉบับนี้ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 190
ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน
เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นระเบียบการปฏิบัติภายในประเทศ
อีกทั้งยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงของกลุ่มประเทศอาเซียนว่าด้วยการจัด
ระเบียบการขึ้นทะเบียนตำรับยาร่วมกันแต่อย่างใด
อีกทั้งข้อตกลงกับกลุ่มประเทศอาเซียนที่จะลงนามเกี่ยวกับจากผลการประชุม
รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนนั้นจะเริ่มใช้ในปี 2555

"คนที่ออกมาคัดค้านอาจยังไม่ทราบข้อเท็จจริงไม่ทราบด้วยซ้ำว่าชี
วสมมูลคืออะไรแต่เพื่อความชัดแจ้งจะประมวลข้อมูลคำตอบทั้งหมดให้รับทราบ
และยืนยันว่า การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนและมีความรอบคอบโปร่งใสอย่างแน่นอน"
นพ.พิพัฒน์ กล่าว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000116904

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น