...+

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เคาะข่าวริมโขง : เปิดสกู๊ปย้อนรอย "7 ตุลาฯ"-เผยนาทีระทึกซุกบึ้มข้างรั้วเอเอสทีวี

รายการ "เคาะข่าวริมโขง" ออกอากาศทาง "อีสานทีวี" ช่วงเวลา
18.30-20.30 น.วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์
ชาติสุทธิชัย และ นายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้
"เจ๊ปอง" อัญชะลี รวมทั้ง นายประพันธ์
จะทำหน้าที่เป็นพิธีกรรายการดังกล่าวเป็นวันสุดท้าย
เนื่องจากติดภารกิจต้องไปรับใช้พี่น้องพันธมิตรฯ ในอีกบทบาทหนึ่ง นั่นคือ
ตำแหน่งในพรรคการเมืองใหม่

สำหรับเนื้อหารายการ "เคาะข่าวริมโขง" เริ่มต้นรายการวันนี้
ได้มีการเปิดสกู๊ปที่ตัดต่อโดยทีมงานที่ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่พี่น้อง
พันธมิตรฯ ในช่วง 193 วัน รวมทั้งนำเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
ที่รัฐบาลสมัย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
และบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจรับใช้นักการเมืองชั่ว
ได้ใช้กำลังและอาวุธร้ายแรงเข้าสลายผู้ชุมนุม
ซึ่งวันดังกล่าวได้มีการยิงแก๊สน้ำตาพุ่งใส่ตัวผู้ชุมนุม
ที่ออกมาต่อสู้ด้วยจิตใจบริสุทธิ์

น.ส.อัญชะลี
กล่าวเปิดรายการถึงบทบาทการทำหน้าที่สื่อในช่วงเหตุการณ์ 7 ตุลาฯเลือด
ว่า ช่วงเวลาดังกล่าวทำให้สามารถแยกแยะได้ว่า สื่อใดเป็นแท้
หรือสื่อเทียม เพราะเป็นช่วงที่มีการลิบรอนสิทธิการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนอีกช่วงหนึ่ง
แต่สำหรับสื่อของเอเอสทีวีแล้ว
ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นก็พร้อมนำเสนอและตีแผ่ทุกเรื่องราวให้พี่น้องประชาชน
ได้รับรู้ ซึ่งตนรู้สึกขอบคุณ
และภาคภูมิใจในตัวทีมงานและพนักงานเอเอสทีวีทุกคน
ที่ได้ร่วมกันอยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่เรียกว่าสถานการณ์คับขัน
แต่ทุกคนก็ไม่เคยทิ้งกัน ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่และดีที่สุด

นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
เหตุที่เกิดความรุนแรง เพราะรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สัวสดิ์
ต้องการเข้าไปประกาศนโยบายบริหารประเทศในที่ประชุมสภา
ท่ามกลางเสียงปืนอยู่ด้านนอก ที่มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่พุ่งใส่ตัวผู้ชุมนุม
อีกทั้งยังมีเสียงของเจ้าหน้าที่ที่ระดมยิงกระสุนแก๊สน้ำตาสาดใส่ผู้ชุมนุม
อยู่ต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง กล่าวว่า "ยิงเข้าไป อยู่ได้อยู่ไป"
ซึ่งตนถือว่าคำพูดเหล่านี้ ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับพันธมิตรฯ

นายประพันธ์ กล่าวต่อกรณีเดียวกัน ว่า การที่ นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ตนอยากให้
นายอภิสิทธิ์ อย่าลืมเลือดเนื้อของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
ที่ได้เสียสละไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว
จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลสมใจ นอกจากนี้
ตนอยากฝากถึงนักการเมืองที่อยู่สภา ว่าควรทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
โดยควรมีจิตสำนึกรำลึก ว่า เหตุที่เข้ามาทำหน้าที่ในสภาได้
ก็มาจากเสียงของประชาชน ดังนั้น ต้องทำงานรับใช้ประชาชน
ไม่ใช่แสวงหาแต่ผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง

ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สน.ชนะสงคราม ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ ว่า
พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ที่ขอบปูนปลูกต้นไม้ ภายในสวนสันติชัยปราการ
ซึ่งมีกำแพงติดกับบ้านเจ้าพระยา ที่ทำการสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี
โดยเมื่อรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ
พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ในถุงพลาสติกใสภายในมีท่อพีวีซีต่อสายไฟโยงออกมาด้าน
นอก และใช้เทปกาวสีน้ำตาลอ่อนพันทับไว้ นอกจากนั้น
ยังพบนาฬิกาอยู่ภายในถุงดังกล่าว ซึ่งหลังเข้าตรวจสอบที่เหตุเบื้องต้น
เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงทำลายวัตถุต้องสงสัย
ปรากฏว่าเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นทั่วบริเวณ

น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บชิ้นส่วนระเบิดไปเป็นหลักฐาน
เพื่อหาตัวคนร้ายต่อไป แต่เบื้องต้นไม่สามารถสันนิษฐานว่า
ระเบิดดังกล่าวเป็นฝีมือของใคร ทำให้ทางเอเอสทีวี ต้องชี้แจงว่า
มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บริเวณริมกำแพงของบ้านเจ้าพระยา
ทำให้บันทึกภาพคนร้ายไว้ได้
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอภาพจากกล้องวงจรปิดไปแล้ว

น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี
ได้ลงพื้นที่ไปหาข้อมูล ว่า ผู้ใดเป็นคนพบวัตถุต้องสงสัยเป็นคนแรก
ทำให้ทราบว่าเป็นพนักงานทำความสะอาดของ กทม.
ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ เมื่อตอนช่วงเช้า
ได้มีกลุ่มเอ็นจีโอ มาชุมนุมกันที่หน้าสวนสันติชัยปราการ
ซึ่งหลังจากแยกย้ายไปแล้ว
ได้เข้าทำความสะอาดและพบถุงพลาสติกห่อวัตถุต้องสงสัย
แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า
เห็นถุงดังกล่าวที่บริเวณข้างกำแพงบ้านเจ้าพระยามาประมาณ 3 วันแล้ว
ซึ่งตอนแรกไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อเห็นเข้าบ่อยๆ จึงเกิดความสงสัย
วันนี้จึงหยิบขึ้นมาดู จึงพบว่าเป็นระเบิด

ต่อจากนั้น น.ส.อัญชะลี ได้หยิบยก กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ได้ส่งคลิปที่ นายกษิต ภิรมย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวโจมตี สมเด็จฯ ฮุนเซน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อครั้งที่ขึ้นปราศรัยเป็นวิทยากรบนเวทีพันธมิตรฯ
โดยประเด็นนี้ นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม
ส่งคลิปดังกล่าวไป เท่ากับเป็นการหักหน้าตัวเอง เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้
สมเด็จฯ ฮุนเซน รู้มาตั้งแต่นานแล้ว จึงนับว่าเป็นเรื่องเก่าที่
ร.ต.อ.เฉลิม พยายามจุดประเด็นขึ้นมาเพื่อพาดพิงถึงอีกฝ่าย ซึ่งเรื่องนี้
สื่อมวลชนได้นำไปถามความเห็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ฝ่ายความมั่นคง ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์ ร.ต.อ.เฉลิม
เนื่องจากสังคมได้โจษจันเรื่องดังกล่าวไปทั่วแล้ว
สำหรับในสายตาประชาชนทั่วไป ก็มองว่า ร.ต.อ.เฉลิม ทำไมถึงทำเช่นนี้
ยังมีความเป็นคนไทยหลงเหลืออยู่หรือไม่

น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า ร.ต.อ.เฉลิม ให้เหตุผลว่า
ที่ต้องส่งคลิปไปให้แก่ สมเด็จฯ ฮุนเซน เพราะที่ผ่านมา
พรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล พยายามขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นจากประเทศไทยตลอด ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม
คิดจะแก้แค้นด้วยการทำทุกอย่าง เพื่อขับไล่รัฐบาลและ นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ให้พ้นประเทศเช่นกัน โดยกรณีนี้ นายอภิสิทธิ์
ได้ออกมาตอบโต้ว่า พรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลไม่ได้ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ
แต่สาเหตุที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ในประเทศไทยไม่ได้
ก็เพราะความผิดที่ตนเองกระทำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น