...+

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดีแต่กู้ รู้แต่ขึ้นภาษี ไล่บี้ทักษิณ ให้เนวินขี่คอ

โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ
ท่านผู้อ่านที่เคารพ

ผมเปลี่ยนสไตล์คิดถึงเมืองไทยมาเป็นการเขียนถึงผู้อ่านสัปดาห์ละฉบับแล้วนะครับ
นอกจากนั้นเป็นของท่านผู้อ่าน

ผมกำลังทาบทามให้ดร.ไสว บุญมา อดีตนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสธนาคารโลก
มาทำหน้าที่เป็นผู้นำ ประสานงานกับผู้เขียนท่านอื่นๆ และกองบรรณาธิการ

องครักษ์พิทักษ์อภิสิทธิ์ทั้งหลายเห็นชื่อบทความนี้ คงตาลุกเป็นไฟ
หรือไม่ก็ตะโกน เอาอีกแล้ว วรนุชเอ๋ย เมื่อไหร่จะหยุดแซะเสียที

ผู้นำประเทศมีหน้าที่บำเพ็ญขันติบารมี จะจริงหรือเท็จใครติหรือชม
ควรต้องเก็บเอามาคิดพิจารณา มิใช่เก็บเอามาโกรธ
แล้วก็กระพือกันไปทั้งพรรคทั้งครอบครัว ในที่สุด
ตนเองจะเข้าไม่ถึงความสัตย์และสัจธรรม

อนึ่ง เรื่องอะไรที่มันไม่จริง
ใครกระพือไปแล้วมันเกิดผลเสียหายแก่บ้านเมือง ก็จะต้องชี้แจง
ระงับหรือแก้ไขเสีย อย่ามัวแต่อมพะนำไว้จนสายเกินแก้
ในเรื่องการเมืองนั้น ถึงเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร
ก็ไม่สำคัญเท่ากับประชาชนมีความเชื่ออย่างไร

อย่างเรื่องหนึ่งในสี่ของชื่อบทความนี้
ควรจะต้องถือเป็นหลักไว้ด้วยว่า
การแก้ข่าวโดยการพูดหรือไม่พูดเท่านั้นไม่พอ
จะต้องแสดงออกทางการกระทำให้ชัดแจ้งด้วย เพราะคติก็มีอยู่แล้วว่า
การกระทำเสียงดังกว่าคำพูด

วิธีที่จะพิสูจน์ว่าเนวินไม่ได้ขี่คอนายกฯ นั้นไม่ยาก
หากไม่จำเป็นไม่ต้องเอากระเช้าดอกไม้ไปทำตาหวานใส่เนวินให้เมื่อยอีก
ไม่ต้องไปให้เนวินผูกผ้าขาวม้าให้เต็มพุงถึงบุรีรัมย์
แต่จะต้องดูแลให้กระทรวงที่อยู่ใต้สังกัดเนวินวางตัวอยู่ภายใต้ความเป็นผู้
นำของนายกรัฐมนตรีและภายใต้ความรับผิดชอบร่วมกันของ ครม.
มิใช่ให้ออกมาลบล้างคำสั่งนายกฯ เรื่องย้ายสนามบิน
มิใช่ให้เที่ยวมาติดคัดเอาต์ทั่วเมืองโฆษณาความดี(และความโกง) ของรถเมล์
4 พันคัน มิใช่ให้แอบเอารถดังว่าไปแลกกับโครงการสุวรรณภูมิระยะสองหลายหมื่นล้าน
มิให้เนวินปู้ยี่ปู้ยำการแต่งตั้งปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าฯ
จนพระวิญญาณของปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยต้องหม่นหมอง
มิใช่ให้ปลัดอำเภอบุรีรัมย์สอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอได้เกือบหมด
ในขณะที่ภาคใต้เกือบจะไม่ได้เลย ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้มีข้อมูลข้อเท็จจริงหลักการ
และมาตรฐานจะตรวจสอบความถูกต้องและจริยธรรมได้เสมอ
นายกรัฐมนตรีจะต้องไม่ละเลย

ผมคงจะเล่าเรื่องนี้ไม่จบ
ซ้ำยังจะต้องผ่านเรื่องไปภูเก็ตที่อยากจะเล่าไปก่อนเสียอีก
แต่ผมขอบอกเสียในตอนนี้ว่าผมไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อบทความนี้ดอก
ผมไปได้ยินมาจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง คืนที่ผมกลับจากภูเก็ต
ผมไม่เชื่อทั้ง 4 เรื่องที่ยกขึ้นมา และไม่เชื่อข้อมูล รายละเอียดใดๆ
ของผู้พูดเลย มันเป็นการโกหกมดเท็จที่ไร้ยางอายที่สุด
แต่ผมเกรงว่าคนฟังส่วนใหญ่จะพากันเชื่อ

ที่ผมหงุดหงิดและฉงนใจที่สุดก็คือ ทำไมนายกฯ รัฐบาล
หรือใครก็ตามที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องสื่อ
และการรักษาความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน
จึงปล่อยให้ผู้ต้องหาระหว่างประกันคดีอาญาหลายคดีออกมาเผยแพร่ความเท็จและ
ประจานว่านายกรัฐมนตรีไม่มีปัญญารักษากฎหมาย
และปกครองบ้านเมืองหรือคุ้มครองประชาชนได้
บ้านเมืองนี้จะไปรอดก็ต่อเมื่อยอมให้หัวหน้าอาชญากรคณะนี้กลับมาปกครอง

ทำไมรัฐบาลไม่ขอร้องขอให้ศาลถอนประกันนรกป่วนชาติคณะนี้เสีย
ก็แกนนำทั้งในและนอกสภาของสุนัขฝูงนี้มิใช่หรือที่ก่อเหตุปั่นป่วนบ้าน
เมืองอยู่ทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าล่มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา
ไล่ฆ่านายกฯ ทุบกระจก ลากเลขาธิการนายกฯ
ออกมากระทืบและคร่าตัวปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากัน
ปั่นป่วนความสงบผ่านวิทยุชุมชน และปลุกระดมล่าลายชื่อถวายฎีกาทั้งๆ
ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แต่สามหาวจนกระทั่งเกือบจะไปล่าลายชื่อถึงวังไกลกังวล หัวหิน
ที่ประทับในหลวง ฯลฯ ก็ล้วนแต่ไอ้ระยำพวกนี้ทั้งนั้นมิใช่หรือ

ขื่อแปของบ้านเมืองอยู่ที่ไหน ไอ้พวกนี้อยู่เหนือกฎหมายหรือ
รัฐบาลมีอำนาจงดเว้นการใช้กฎหมายให้ใครก็ได้ยังงั้นหรือ

ทำไมรัฐบาลไม่จับกุมฟ้องร้องและชี้แจงให้ประชาชนทราบอย่างสิ้นกังขา
หรือว่ากลัวเขาจะหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
ให้มันอ้างประชาธิปไตยมาทำลายชาติ ศาสน์
กษัตริย์ได้อย่างโจ๋งครึ่มอย่างนี้ หาใช่ประชาธิปไตยไม่
หากเป็นการสมคบทางอ้อมกับคณาอนารยธิปไตยทำลายประชาธิปไตยในบ้านเมืองต่างหาก

ตกลงท่านผู้อ่านทราบนะครับ ว่าคนที่ตั้งหัวข้อบทความนี้
โดยอภินันทนาการจากความใจดีที่ใสซื่อ (บื้อ) รัฐบาล
ก็คือหนึ่งในสามของไอ้หัวขวด
ที่พากันปลุกระดมจนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟอยู่ทุกวันนี้เอง

แล้วธุระอะไร
ผมและพวกเราจะต้องมาแก้ต่างให้อภิสิทธิ์หรือรัฐบาลด้วย
เขาพูดเก่งเป็นต่อยหอยทุกคนมิใช่หรือ แถมมีสื่อ เสียง
และโทรทัศน์เสรีของรัฐอยู่ในกำมือ มีที่ประชุมศาลากลางลงไปถึง อบต.
มีกำนันผู้ใหญ่บ้าน ครู นักเรียน และหอกระจายข่าวทุกหมู่บ้าน
ทำไมจนป่านนี้ยังปล่อยให้พวกนั้นล่าหรือถูกล่าลายชื่อมาถวายฎีกา
ป่วนไปทั้งบ้านทั้งเมือง ทั้งๆ ที่มันไม่ถูกกฎหมาย

ข้อหาสุนัขเสื้อแดงที่ว่านายกฯ อภิสิทธิ์เก่งแต่กู้
รู้แต่ขึ้นภาษี เป็นเรื่องว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
แต่ทักษิณกับคณะโกหกเก่ง
คนเลยเข้าใจผิดหมดว่าทักษิณเป็นคนหาเงินมาใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเอง
ความจริงมิใช่เลย
หนำซ้ำประชาชนยังไม่รู้เสียอีกว่าหนี้สินต่อครัวเรือนพุ่งขึ้นไปสูงสุดทั้ง
จำนวนเงินจริงและเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นก็ในสมัยทักษิณ
และเพราะนโยบายทักษิณนั่นแหละ
ประชาชนไม่รู้ว่าทักษิณเอาเงินหลวงไปแจกให้พวกพ้องตนเองด้วยเล่ห์กลและ
นโยบายสารพัดที่แจกให้ประชาชนก็เงินหลวงเหมือนกัน
แจกไปแล้วก็กางตาข่ายไว้ดักเอาเงินเข้ากระเป๋าบริษัทขายโทรศัพท์ของตัวเอง
หมด ประชาชนจะรู้อะไร

ผมจะขอให้ คุณสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์
มาแจงสี่เบี้ยให้พี่น้องประชาชนและท่านผู้อ่านฟัง
ถ้ามีสปอนเซอร์จะพิมพ์แจกเป็นเอกสารย่อยด้วยนะครับ รัฐบาลครับ

ท่านผู้อ่านว่าเราควรจะหัวเราะกันให้ฟันหักหรือไม่
ผมยังไม่เคยเห็นอะไรชัดๆ ว่าอภิสิทธิ์ไล่บี้ทักษิณอย่างไรเลย
แม้แต่จะถอดยศก็ยังไม่กล้า
อย่าว่าแต่จะไปไล่บี้ให้มารับโทษตามคำพิพากษาเลย

ผมเห็นแต่ทักษิณนั่นแหละไล่บี้อภิสิทธิ์จนจะเอาชีวิตไม่รอด
และเรื่องนี้พวกเราจะยอมหรือประมาทไม่ได้ ผมบอกท่านผู้อ่านให้ใจเย็นๆ
ช่วยกันรักษาอภิสิทธิ์ไว้ เพราะถ้าหากอภิสิทธิ์ไปไม่รอด
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็จะไปไม่รอด

ผมหวังว่าวันใดที่อภิสิทธิ์คิดว่าสุญญากาศเป็นสิ่งที่หลีกเลียงไม่
ได้ วันนั้นอภิสิทธิ์จะกราบบังคมทูลขอพึ่งพระราชอำนาจในระบอบประชาธิปไตยของ
ในหลวง เพื่อเอาราชประชาสมาสัยมาเป็นเครื่องมือสร้างและรักษาประชาธิปไตย

ผมอยากเตือนทักษิณว่าเลิกบี้อภิสิทธิ์ได้แล้ว
รู้หรือไม่ว่าที่แท้จริงใครคือคนที่ไล่บี้ทักษิณอยู่อย่างเมามันขณะนี้
ก็คือ คนที่ไล่บี้เงินทักษิณนั่นแหละ

หมด เงิน หรือถอดใจ ทักษิณรำลึกถึงบาปบุญคุณโทษ
หรือความดีของแผ่นดินที่มีต่อทักษิณเมื่อใด
วันนั้นแหละที่พวกมันจะสำรากใส่หน้าทักษิณเหมือนกับที่เฉลิมเคยทำต่อหน้า
นายกฯ ชาติชาย ทักษิณยังจำได้ไหมเขาเรียกทักษิณว่าอย่างไร


ปราโมทย์ นาครทรรพ

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000086420

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น