...+

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระวังเดินห้างจะกลายเป็นหัวขโมย โดยไม่รู้ตัว

ระวังเดินห้างจะกลายเป็นหัวขโมย โดยไม่รู้ตัว

From: narongwit vorapanit



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 07/07/2009ที่ผ่าน มา

คือดิฉันสามีและลูกได้พากันไปเดินซื้อของที่ห้างคาร์ฟูสาขาอ่อนนุช
ช่วงประมาณบ่ายๆซึ่งได้พากันไปซื้อใช้กับพวกอุปกรณ์เรียนให้ลูก
ใช้เวลาอยู่ในนั้น

ถึง16.00เพราะออกจากห้างไม่ได้ฝนตกหนักมาก

ดิฉันสามีและลูกๆก็เลือกของได้ครบแล้ว
คิดว่าฝนคงหยุดแล้วก็ไปคิดเงินจ่ายค่าสินค้า
พอจ่ายค่าสินค้าเสร็จก็พากันออกมาจากห้าง แต่ยังไม่ได้ทันออก

ไปแค่ลงตรงบรรไดเลื่อนจู่ๆมีชายคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นรปภ. ของห้าง
(เขาไม่ใส่เครื่องแบบรปภ. ) เขาหาว่าลูกชายดิฉันขโมยสินค้ามา เป็นของเล่น
ดิฉันก็

ให้เขาตรวจสอบในถุงที่ใส่ของมาเขาบอกให้ดูที่ตัวลูกชายของดินฉันเพราะมันอยู่ในกางเกงลูกชายดิฉัน

ซึ่งดิฉันก้อล้วงที่กระเป๋ากางเกงลูกชายก็พบของเล่นจริงๆ
รปภ.นอกเครื่องแบบคนก็เชิญดิฉันทั้งหมดไปห้องพักสอบสวนของห้างซึ่งตอนนั้นมีผู้หญิงคน

หนึ่งถูกสอบสวนเรื่องขโมยสินค้าอยู่

รอจนเขาสอบสวนเสร็จรปภ.นอกเครื่องแบบก็เชิญครอบครัวดิฉันทั้งหมดเข้าไปในห้อง
พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่าลูกดิฉันขโมยสินค้าต้องจ่ายค่าปรับ

ของที่ขโมยมา

ซึ่งตอนนนั้นดิฉันก็ถามลูกชาย ประมาณใส่อารมณ์กับเขานิดหนึ่งว่า
ไปหยิบของเขามาแล้วทำไมไม่เอาให้แม่จ่ายเงินทำอย่างนั้น
มันเท่ากับเราขโมยของ

เขานะ เห็นไหมทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน

แต่ลูกชายดิฉันบอกไม่ได้ขโมยนะแม่ เขาแจกฟรี ก็มีเด็กรุ่นประมาณเขา
ใส่เสื้อสีฟ้ากางเกงขาสั่นยีน รองเท้าแตะ
เข้ามาบอกลูกชายดิฉันว่าของเล่นตรง

นี้นะเขาแจกฟรีหยิบได้เลย

ซึ่งตอนแรกลูกดิฉันก็ไม่ได้เอาจนเด็กคนนั้นเดินเข้ามาหาอีกครั้งบอกให้หยิบซิเดียวหมดนะ
แล้วเด็กคนนั้นก็หยิบไป ลูกชายดินฉันก็เลยไปหยิบของนั้นมา

โดยที่ไม่ได้บอกดิฉัน

ซึ่งระหว่างนั้น ตัวดิฉันเองก็มัวเลือกซื้อของให้ลูกๆอยู่
ส่วนสามีอยู่มุมหนังสือ ลูกดิฉันก็อยู่ด้านหลัง
ไม่ไกลกันซึ่งตัวดิฉันพยายามถามลูกกี่ครั้งลูกชายก็บอกคำตอบเดิมคือเด็กผู้ชายคนนั้นให้หยิบของมาส่วน
รปภ นอกเครื่องแบบก็บอกกับดิฉันและสามีว่า

น้องเพิ่งทำผิดครั้งแรกก็จะปรับแค่10เท่า เป็นเงิน
1400บาทซึ่งสามีดิฉันก็เอาตังค์จ่ายให้เลย

พอจ่ายค่าปรับเสร็จสามีดิฉันก็เลยพูดกับรปภ.ว่าขอดูเทปวงจรปิดหน่อยที่คุณบอกว่า
เห็นลูกชายผมขโมยสินค้า บอกว่าเห็นจากกล้องวงจรปิดของห้าง

ตอนขโมย เพราะผมเลี้ยงลูกชายผมมา11ปี
ลูกชายผมไม่มีพฤติกรรมเป็นขโมย
ขอดูให้เห็นกับตาว่าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ
เพราะจะได้ๆไปปรับปรุงอบรมนิสัยเขาใหม่ ว่าทำไมพฤติกรรมลูกชายถึงได้

ขโมยของ

เพราะเขานะเคยเข้าไปในเนตแล้วเจอคนที่โพสในกระทู้ในเวปต่างว่ามีมิจฉาชีพแฝงตัวในคราบพนักงานคือประเภทมีหน้าม้า
มาแล้วแอบหยิบของใส่

กระเป๋าลูกที่เดินซื้อของ แล้วก็ถูกจับปรับว่าขโมยสินค้า

ซึ่งส่วนมากก็จะยอมจ่ายค่าปรับเพราะอายแล้วเงินค่าปรับ
พนักงานก็เอามาแบ่งกัน รปภ
คนนั้นยื่นอึ่งไปสักพักก็บอกดูไม่ได้สามีดิฉันยืนยันว่าก็คุณบอกว่า

เห็นลูกชายผมขโมยสินค้าจากกล้องวงจรปิด
ผมก็ขอดูเทปม้วนนั้นเป็นหลักฐานว่าขโมย เขายืนยันว่าไม่ให้ดู

สามีดิฉันเลยถามว่าถ้าคุณเห็นในกล้องวงจรปิดจิงๆก็ต้องดูได้
รปภ.คนที่บอก กลับบอกว่าไม่ได้เห็นจากกล้องแต่ยืนอยู่ข้างหลังลูกชายดิฉันตอนฉีกกล่อง

เอาของเล่นใส่กระเป๋า

ซึ่งที่ตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด
สามีดิฉันเลยถามว่าสรุปเห็นลูกชายดิฉันขโมยของยังไง
เขาบอกเห็นด้วยตาของเขาเอง และห้างนี้กล้องจะมีที่ เครื่องใช้

ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย ตรงของชิ้นเล็กไม่มีกล้องวงจรปิด

ซึ่งตอนนั้นพนักงานของห้างที่นำเงินไปจ่ายค่าปรับก็เข้ามาพร้อมกับเงินทอน
ถามว่ายังตกลงกันไม่ได้หรอ
และตอนนั้นดิฉันก็โทรไปถามพี่ชายดิฉันที่เป็นผู้จัดการอีกสาขาว่าปกติห้างคาร์ฟู
เขามีกล้องทั่วห้างไหม

พี่ชายดิฉันบอกมี ดิฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
พี่ชายบอกว่ามีกล้องทั่งหมด ดิฉันก็บอก รปภ ว่า
งั่นถ้าลูกชายฉันขโมยของเจ้าเด็กนั้นก็ขโมยของไปด้วย

เด็กที่ใส่เสื้อสีฟ้กางเกงขาสั้นยีนส์รองเท้าแตะ
มันก็ต้องขโมยและคิดว่ามันยังอยู่ในห้างนี้แน่ๆ

คุณก็ต้องไปตามจับไอ้เด็กคนนั้นด้วย ไม่งั่นเราไม่ยอม
และถ้าไปเด็กนั้นเดินทั่วห้างมันต้องปรากฏตัวในกล้องวงจรปิดของห้างบ้างละ
จะได้รู้ว่าลูกชาย

ดิฉันโกหกไหม

ซึ่งรปภคนนั้น
ยืนหน้าซีดเลยพอเราบอกอย่างนั้นเรายืนยันว่าจะดูกล้องของห้างเพื่อตามหาเจ้าเด็กคนนั้น
สุดท้ายพนักงานห้างกับรภป. ก็บอกดิฉันและ

สามีว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน เดียวเราจะคืนเงินค่าปรับให้ทั้งหมด
พร้อมกับยกของชิ้นนั้นให้ด้วย ไม่ติดใจเอาความ แล้ว เขาก็คืนเงินดิฉันมา
แล้วก็ปล่อยออก

มาจากห้องสอบสวนของห้าง

ซึ่งดินฉันเสียความรู้สึกกับห้างคาร์ฟูมากๆเพราะตัวดิฉันจะมาใช้บริการที่นี้บ่อย
ลูกชายดินฉันก็มาด้วยกันบ่อยแต่ไม่น่าเกิดเหตุการณแบบนี้กับครอบครัว

ดิฉันเลย ตอนนี้ลูกชายดิฉันตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเขากลายเป็นเด็กซึมไปเลยจากเด็กที่ร่าเริง

และดิฉันได้โทรคุยกับญาติกันก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เขาก็บอก
ปกติทางห้างจะมีกล้องทุกจุดนะ
และเวลาที่จับคนขโมยสินค้าได้เขาก็ต้องให้ดูกล้องด้วยว่า

เราทำจริงๆ และทางห้างไม่ยอมง่ายๆหรอก

และที่บอกว่าเห็นลูกดิฉันฉีกกล่องเพื่อเอาของถ้าเขาอยู่ข้างหลังจิงหรือเห็นเหตุการณ์เขาต้องจับปรับเราแล้วเพราะเราไปทำลายสินค้าของเขาเสียหาย

ดิฉันมานั่งทบทวนดูก็จริงนะที่น้องชายบอก

น้องชายดิฉันเลยโทรเข้าไปร้องเรียนให้
โดยประชุมสายกับพนักงานเพื่อให้ดิฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
พนักงานชื่อคุณรัตนาพร บอกว่าจะส่งเรื่อง

ให้ที่สำนักงานใหญ่ให้แล้วก็เบอร์โทรดิฉันไป

ดิฉันโทรไปที่ callcenter วัน ศุกร์ที่10 ตอนเย็นๆ
จนบัดนี้เรื่องมันก็เงียบไปไม่มีใครติดต่ออะไรมาเลย
ดิฉันอย่างเตือนทุกคนว่าเวลาเดินห้างไปกับเด็กๆ

เยอะๆก็พยามดูนะคะว่าเขาหยิบของอะไรหรือเอาอะไรใส่กระเป๋าหรือเปล่า

หรือกระเป๋าสะพายก็รูดซิปไว้อย่าเปิดอ้าไว้นะคะแล้วคุณอาจเป็นขโมยแบบไม่รู้ตัว
มิจฉาชีพมันมีได้ทุกที่ มีแต่พนักงานห้างเอง ดิฉันไม่นึกว่าเรื่องที่เคย

อ่านในหนังสือพิมพ์อ่านในเนต มันจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของดิฉัน

หากวันนั้นสามีดิฉันไม่ยืนยันจะดูกล้องเป็นหลักฐานพวกเราคงต้องเสียค่าโง่กับพนักงานของห้างคาร์ฟูสาขาอ่อนนุชแน่ๆๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น