ว่ากันว่าช่วงชีวิตแห่งการเป็นนักศึกษานั้น
เป็นช่วงที่ความคิดจะถูกผูกติดให้เชื่อมโยงอยู่กับความฝัน ฉะนั้น
จึงไม่แปลกที่หลายคนมักจะเลือกใช้เวลาระหว่าง
วัยเรียน ตักตวงหาประสบการณ์ต่างๆ ก่อนออกไปใช้ชีวิตจริงในสังคม
และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเสียดายโอกาสที่มีค่ากันภายหลัง
เพราะเงื่อนไขแห่ง
กาลเวลาที่ถูกตั้งกฎไว้ว่า "ไม่สามารถย้อนกลับมาได้"
สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย(บางคนอาจมากกว่านั้น)
เราจะใช้ชีวิตนักศึกษาอย่างไรให้คุ้มค่า? ลองฟังทัศนะกันดู
เริ่มต้นที่คนแรก
กับหนุ่มนักกิจกรรมที่คอนเฟิร์มว่าเขาใช้ชีวิตนักศึกษาแบบสุดคุ้ม
กับตำแหน่ง นายกสโมสรนักศึกษา 2 ปีซ้อน นักกีฬามหาวิทยาลัย ทำ
งานพิเศษหลังเลิกเรียนอย่าง "ย้ง-กิตติโรจน์ อัศวอารีย์"
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ที่เห็นว่าการใช้ชีวิตนักศึกษาให้คุ้มแนวทางหนึ่ง คือ ต้อง
ทำกิจกรรม ซึ่งนอกจากการเป็นนักกิจกรรมที่ย้งทำอยู่
ไม่ว่าจะเป็นงานรับน้อง กิจกรรมค่าย การดูแลชมรม
ให้อยู่ในกรอบและระเบียบต่างๆ แล้ว ย้งยังแบ่ง
เวลาสำหรับซ้อมกีฬา และวันเสาร์อาทิตย์ก็ยังทำงานเป็นครูสอนพิเศษไปด้วย
"การ ทำกิจกรรมแม้บางครั้งจะเหนื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยสีสัน
เพราะได้ประสานงานทั้งนักศึกษา อาจารย์ รวมถึงผู้บริหาร
ทำแล้วผมมีความสุข และได้
ประโยชน์กับตัวเองด้วย เช่น การเข้าหาผู้ใหญ่ การปรับตัว การฝึกความอดทน
และที่สำคัญสุด ตรงนี้เป็นความทรงจำที่ดีของเรา และยังสามารถนำ
ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานร่วมกับผู้คนที่หลากหลายไปใช้
ประโยชน์ในอนาคตได้ด้วย"ย้งขยายความ
ย้ง และย้ำด้วยว่า
การทำกิจกรรมช่วยให้เขาได้พัฒนาตัวเองหลากหลายด้าน
เพราะเขาเองก็ได้เรียนรู้วิธีการทำงานจากผู้อื่นด้วย แต่ที่สำคัญการทำ
กิจกรรมจะต้องไม่ไปเบียดเบียนเวลาเรียนจนทำให้ต้องเสียการ เรียน
ขณะที่ "ออย-ธารทิพย์ พ่อค้า" บัณฑิตหมาดๆ จากคณะแพทยศาสตร์
รั้วแม่โดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม
เหมือนคนอื่น แต่ก็ใช้เวลาเรียนอย่างจริงจัง และทุ่มเทถึง 6
ปีในการสั่งสมความรู้ ออย
เล่าถึงการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างคุ้มค่าของตนเองว่า เที่ยว
เล่นสนุกสนาน แต่ก็เรียนอย่างหนัก และยึดหลักการแบ่งเวลา "จริงๆ
อยากเรียนนิเทศศาสตร์มากๆ
เพราะเข้ากับตัวเองมากกว่าการเรียนหมอที่ดูเครียด แต่แม่
อยากให้เรียนหมอ สุดท้ายเราตัดสินใจเชื่อแม่
จากนั้นจึงคิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเรื่องเรียนเป็นหน้าที่ของเรา
อย่าทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ซึ่งระหว่างนั้นก็มี
ทั้งเรียนทฤษฎีและฝึกงาน ซึ่งจากเดิมช่วงเรียนทฤษฎีหนักๆ เราก็ยังเฉยๆ
กับการเรียน แต่พอช่วงฝึกงานได้ฝึกอยู่แผนกสูตินารีเวช ได้ทำงานกับเด็ก
ก็รู้สึก
ชอบและตักตวงความรู้ได้มากกว่าเดิม "
ถึงวันนี้ "ออย"
ปฏิบัติหน้าที่แพทย์ประจำโรงพยาบาลในถิ่นบ้านเกิดที่ จ.อ่างทอง
โดยออยแนะถึงเทคนิคง่ายๆ ในการเรียนว่า ต้องพยายามตักตวง
ความรู้ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องรู้ลิมิตของตัวเอง
อย่าปล่อยให้ตัวเองคร่ำเคร่งกกับารเรียนมากเกินไป
"สำหรับออย หากวันไหนขี้เกียจก็พักผ่อน เที่ยวเล่นปกติ
แต่ต้องแยกแยะหากวันไหนเรียนก็จะจริงจัง และตั้งใจเรียน"
ขณะ "แนน-วิณุรา มหามิตร"
บัณฑิตจากรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่า
การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า จะต้องไม่เสียดายภาย
หลังที่ไม่ได้ทำสิ่งนั้นๆ เพราะขณะที่เรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น
ไม่ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อน เช่น การออกค่าย หรือกิจกรรมอื่นๆ
"ช่วง เรียนปริญญาตรี แนนทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย
จึงไม่ได้ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย หรือของคณะ
ประกอบกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็น
มหาวิทยาลัยเปิด ชั้นเรียนที่เรียนไม่ได้เรียนกันแค่ห้องเดียว
แต่เป็นการเรียนรวมทำให้มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยค่อนข้างน้อย
เราจึงสนิทกับเพื่อนช่วง
มัธยมมากกว่า ทำให้เสียดายประสบการณ์ที่เราควรจะมีในช่วงวัยเรียน"
อย่างไรก็ตาม แนนตั้งใจว่าจะแก้ตัวในช่วงที่เธอศึกษาปริญญาโท
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ว่าจะไม่สนุก
และมีสีสันเท่าชีวิตในช่วงปริญญาตรีก็ตาม
เอาล่ะทุกคนชาวรั้วมหาวิทยาลัยได้ฟังอย่างนี้แล้ว อย่างไรก็ดี
ไลฟ์ ออน แคมปัสขอแนะเลยแล้วกันว่า อย่า ลังเลที่จะใช้ชีวิต 4
ปีในมหาวิทยาลัยให้
คุ้มค่า อะไรที่ยังไม่ได้ทำ ฝันไหนที่ยังไม่ได้ตามหาอย่ามัวแต่ลังเล
รีบปรี่เข้าไปทำตามฝัน จะได้ไม่ต้องมานั่ง
"เสียดาย"ในภายหลังเหมือนหลายๆคน...
แล้วจะหาว่าแคมปัสไม่เตือน
และ สำหรับใครที่มีประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัยที่สุดแสนประทับใจ
และทรงคุณค่า อยากนำความทรงจำดีๆ มาถ่ายทอดแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ต่าง
มหาวิทยาลัย ส่งเรื่องราวมาได้ที่ mgr_campus25@yahoo.com นะจ๊ะ
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000093699
อย่า มีแฟน ครับ
คุณจะไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆๆ
คุณจะได้ไม่ค่อยทำกิจกรรมกับเพื่อนๆๆเท่าไหร่
คุณจะอยู่แต่กับแฟนและแฟน
โอเค ช่วงเวลานั้นมันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข
แต่ พบเรียนจบ ต่างคนต่างเจอสิ่งใหม่ๆ
ต่างแยกย้าย กัน ไป และเราจะพบว่า เราได้ห่างกับเพื่อนมากมาย เหลือเกิน
คิดแล้วแล้วเสียดายเวลา
พูดจริงๆๆน่ะ ลองคิดดู
คนผ่านทาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น