รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์
รายงานพิเศษ โดย...กองทรัพย์ ชาตินาเสียว
ภาย หลังสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
เปิดเผยผลการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษาของคณะครุศาสตร์-ศึกษา
ศาสตร์ 57 สถาบันอุดมศึกษารอบสองว่า มีเพียงคณะศึกษาศาสตร์ ม.มหาสารคาม
(มมส.) แห่งเดียวเท่านั้นที่ผ่านการประเมินในระดับดีมาก ภาพของ "ตัก
สิลา" ที่พึ่งทางการศึกษาของชาวอีสานเริ่มฉายแววเด่นชัดมากขึ้น
เพราะนิสิตส่วนใหญ่ของ มมส.เป็นเด็กอีสาน
และเป้าหมายก็เพื่อเป็นครูให้เด็กอีสาน
# ผ่าแผนเคี่ยวคุณภาพ
รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ม.มหาสารคาม
ให้ข้อมูลว่า ความสำเร็จของคณะเกิดขึ้นจากการเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน
องค์กร นั่นก็คือ
มุ่งเน้นไปที่การเรียนการสอนแต่ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องของ "งานวิจัย"
ดังนั้น จึงได้ตัดสินใจลุกขึ้นมาการปฏิรูปองค์กรใหม่ โดยใช้แนว
ทางการบริหารจัดการคุณภาพเทียบเคียงจากเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA)
ของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติเพื่อปรับระบบการบริหารจัดการภายใน
องค์กร วิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง
โอกาสและอุปสรรคเพื่อวางยุทธศาสตร์และยกระดับคุณภาพการศึกษา
"เราพบว่าตัวเองมีจุดอ่อนมากกว่าจุดแข็ง คือ
เน้นการเรียนการสอนแต่ไม่มีงานวิจัย
และเพราะเป็นคณะเก่าแก่การบริหารงานจึงไม่คล่องตัว แต่โชคดีที่
มมส.มีศิษย์เก่าซึ่งเป็นครูในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมาก
ที่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโท
จากตรงนี้เราจึงปรับหลักสูตรให้สอดรับกับการพัฒนางานครูใน
โรงเรียน เน้นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
เพื่อให้นิสิตสามารถแก้ปัญหาและพัฒนางานในหน้าที่ได้"
รศ.ดร.ประวิต เปิดเผยถึงกระบวนการขับเคี่ยวสู่มาตรฐานดีมาก ว่า
ในปี 2549 ได้เริ่มปรับโครงสร้างองค์กรใหม่
โดยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการสอน ทำงานวิจัย และให้บริการทางวิชาการได้
ลดเงื่อนไขของระบบเดิมลง จากนั้นในปี 2550
เน้นการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภายนอก
อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล
และเขตพื้นที่การศึกษาที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และปี 2551
เน้นการพัฒนาเชิงวิชาการให้เข้มแข็ง เสริมทัพ
ด้วยการส่งอาจารย์และนิสิตปริญญาเอกไปฝึกอบรมในต่างประเทศ
เข้าร่วมการประชุมในเวทีระดับนานาชาติ
เพื่อหวังสร้างเครือข่ายในระดับสากล
"ปีล่าสุด 2552 เราลงลึกคุณภาพ โดยจะเน้นสร้าง Excellent Center
วางศูนย์ความเป็นเลิศ 5 ศูนย์ คือ ศูนย์จิตปัญญาศึกษา
ศูนย์วิจัยเด็กพิเศษออ
ทิสติก ศูนย์วิจัยเด็กปฐมวัย ศูนย์วิจัยด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา
และเรื่องศูนย์วิจัยและการให้บริการด้านจิตวิทยา ใน มมส." รศ.ดร.ประวิต
ให้ภาพ
การยอมรับในจุดอ่อนและปรับโครงสร้างภายใน ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง
4 ปีเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่ง รศ.ดร.ประวิต ให้
ข้อมูลว่า คณะศึกษาศาสตร์
มมส.สามารถผลิตครูได้ตามสัดส่วนที่ต้องการทั้งในระบบราชการและเอกชน
โดยนิสิตปริญญาตรีซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 45 ของ
จำนวนนิสิตศึกษาศาสตร์ทั้งหมดมีงานทำมากกว่าร้อยละ 85 ซึ่งร้อยละ 55
ที่เป็นนิสิตปริญญาโท ไม่มีปัญหาเรื่องการหางานทำเพราะส่วนใหญ่เป็นครู
อาจารย์ในพื้นที่อยู่แล้ว เพราะร้อยละ 80 ของนิสิตใน มมส.เป็นเด็กอีสาน
# ศูนย์กลางการศึกษาแห่งลุ่มน้ำโขง
รศ.ดร.ประวิต กล่าวว่า เป้าหมายใหม่นับจากนี้นอกจากภารกิจเดิมแล้ว
คณะยังตั้งพันธกิจด้วยว่าจะเป็นที่พึ่งด้านวิชาการให้กับโรงเรียนและสถาน
ศึกษา
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่การเรียนการสอนในระดับปริญญาโทจะยกระดับหลักสูตรให้เป็นไอทีมากขึ้น
นอกจากนี้
ทางคณะยังต้องการเชื่อมโยงความเป็นครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์กับระดับสากลมาก
ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งขณะนี้
สำเร็จแล้วเกินกว่าครึ่ง เพราะ
มมส.ทำหน้าที่ผลิตครูให้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ส.ป.ป.ลาว
มาแล้วหลายรุ่น
"มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาวส่งอาจารย์มาเรียนกับเรา
เพื่อเปิดหลักสูตรใน ม.แห่งชาติลาว
ศิษย์เก่าดีเด่นของก็เป็นครูอยู่ทั้งที่หลวงพระบาง และ
เวียงจันทน์ ก็หลายคน"
รศ. ดร.ประวิต
ให้มุมมองทิ้งท้ายเรื่องการพัฒนาครูของวงการการศึกษาไทยว่า
ดูเหมือนว่าไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาครูพันธุ์ใหม่เป็นเรื่องหลัก
จนอาจลืมเรื่องสำคัญคือการพัฒนาครูประจำการ ที่ถือเป็นร้อยละ 95
ที่ยังทำงานในโรงเรียน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างเร่งด่วน
นอกจาก
นี้ยังต้องประเมินคุณภาพงานทุกๆ 2-3 ปีเพื่อรักษาระดับคุณภาพ
หากพบมาตรฐานตกลงก็ต้องลดค่าวิทยฐานะ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000094022
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น