>>>>>เมื่อ 8 ปีก่อน. . .ผมตื่นเช้ามา อย่างเดียวดาย บนเตียงเล็กๆ เก่าๆ นั้น
>>>>>ผมทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่าง อย่างที่เคย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
>>>>>ผมออกจากบ้านไปยังออฟฟิศ ตอนเก้าโมงเช้า พร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบเล็กๆ
>>>>>เมื่อผมไปถึงที่ทำงาน ผมได้พบกับเธอ เช่นทุกวัน
>>>>>เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของผม โต๊ะทำงานของผมติดกับเธอ
>>>>>ทุกเช้าที่ผมเข้ามาที่ทำงาน ผมจะเจอเธอเป็นคนที่สอง
>>>>>รองจากพีอาร์หน้าออฟฟิศ พร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
>>>>>และเสียงอันแจ่มใสของเธอที่ทักทายผมทุกครั้งที่ผมก้าวเข้ามา
>>>>>เธอไม่ใช่คนสวยเลย เธอดูแย่กว่าสาวๆ หลายคนในออฟฟิศผมด้วยซ้ำไป แต่ทุกๆ
>>>>>คนในออฟฟิศชอบและเอ็นดูเธอ ด้วยความที่เธอเป็นคนอัธยาศัยดี พูดจาไพเราะ
>>>>>มีมารยาท อีกทั้งยังเป็นคนมองโลกในแง่ดีเอามากๆ ด้วย จนบางครั้ง
>>>>>มันทำให้เธอตามโลกของคนอื่นไม่ค่อยจะทันเท่าไหร่นัก
>>>>>
>>>>>น่าแปลก ที่ผมจะรู้สึกเขินๆ ทุกครั้งที่ผมจ้องหน้าเธอนานๆ
>>>>>ผมรู้สึกว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่น่ารักอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ใช่คนช่างพูด
>>>>>แต่เธอไม่เคยเงียบเวลาอยู่กับผม เธอไม่ใช่คนยิ้มเก่ง
>>>>>แต่เรามักจะยิ้มเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอไม่ใช่คนมีเสน่ห์นัก
>>>>>แต่ผมกลับอยากอยู่ใกล้เธออย่างไม่มีเหตุผล เธอไม่ใช่คนคุยโทรศัพท์เก่ง
>>>>>แต่เธอไม่เคยเป็นฝ่ายบอกผมว่า "แค่นี้นะ" ก่อนเลย และที่สำคัญ . . .
>>>>>เธอไม่ใช่คนสวย แต่ผมรักเธอ
>>>>>
>>>>>วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เพื่อนที่ทำงานของผมก็เริ่มแต่งงานไปทีละคู่ๆ
>>>>>ผมได้ไปงานแต่งงานบ่อยครั้งมาก โดยจะมีเธอไปกับผมในทุกๆ ครั้ง
>>>>>จนทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เราเป็นแฟนกัน ทั้งๆ
>>>>>ที่เรายังไม่เคยพูดเลยสักครั้ง ว่าเราเป็นแฟนกัน เจ้าสาวของเพื่อนผม สวยๆ
>>>>>กันทั้งนั้น หน้าตาบางคน เทียบได้กับนางแบบหรือดาราทีเดียว
>>>>>เธอมักจะพูดทุกครั้งว่า อิจฉาเจ้าสาวเหล่านั้นเหลือเกิน
>>>>>ถ้าเธอใส่ชุดเจ้าสาว เธอจะสวยเช่นเจ้าสาวเหล่านี้บ้างมั้ย
>>>>>เธอพูดพร้อมกับทิ้งรอยยิ้มเพ้อฝันไว้ ให้ผมเก็บมานึกถึงทุกครั้ง
>>>>>หลังงานเลี้ยงจบลง รอยยิ้มของเธอ ดูชุ่มชื่นกว่าทุกครั้ง ที่เธอยิ้มให้ผม
>>>>>ดูสดใส เพ้อฝัน อย่างบรรยายไม่ถูก ผ่านไปนับร้อยกว่างานแต่งงาน จนผมคิดว่า
>>>>>มันถึงเวลาเสียที ที่ผมจะ เป็นเจ้าบ่าวบ้าง.
>>>>>
>>>>>. .ผมเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
>>>>>ผมจึงลุกขึ้นมาเตรียมตัว ผมวาดภาพจินตนาการว่าผมเจอเธอ ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ .
>>>>>. .เสื้อผ้าชุดเก่ง ดูเรียบร้อย และเหมาะกับรูปร่างอย่างผม . . .
>>>>>ให้เธอได้เอ่ยชมเสื้อของผม น้ำหอมขวดใหม่ ที่ผมไม่ค่อยจะใช้นัก . . .
>>>>>ให้เธอประหลาดใจ และถามว่า "วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า"
>>>>>มือผมที่ทาโลชั่นอย่างดี . . .ให้มันนุ่มและคู่ควรพอที่จะกุมมือเล็กๆ
>>>>>ของเธอไว้ คำพูดสั้นๆ รวบรัด ที่ผมพร้อมจะบอกกับเธอ . . . ให้เธอยิ้ม
>>>>>และน้ำตาเอ่อเล็กๆ ดอกไม้สีขาวช่อเล็กๆ กลิ่นหอม . . . พร้อมกับ . .
>>>>>.*แหวนแต่งงาน* สำหรับเธอ
>>>>>
>>>>>ผมไปหาเธอตามที่นัด ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
>>>>>ผมรอเธออยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ 1 ชั่วโมงผ่านไป . . . เธอไม่มา
>>>>>ผมยังรอ 2 ชั่วโมงผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมก็ยังรอ 4 ชั่วโมง 12
>>>>>นาทีผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมชักกังวลแล้วสิ เกิดอะไรกับเธอหรือเปล่า 4
>>>>>ชั่วโมง 27 นาที เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น
>>>>>มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเธอ
>>>>>เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหูกำลังคุยกับผมอยู่ ผมถามถึงเธอ เขาบอกว่า
>>>>>เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอถูกรถชน !
>>>>>ขณะที่เธอกำลังถือดอกไม้สีขาวช่อหนึ่ง ข้ามถนนหน้าหมู่บ้านเธอ
>>>>>ที่โรงพยาบาล เธอกำลังอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน
>>>>>พยาบาลที่หน้าห้องสั่งห้ามเข้าเด็ดขาด
>>>>>
>>>>>หลังจากนั้นพ่อกับแม่ของเธอ วิ่งมาถึงยังหน้าห้อง
>>>>>พร้อมกับถามไถ่ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ผมตอบไม่ได้ ผมไม่มีคำตอบ
>>>>>และไม่มีแม้แต่เสียงที่จะตอบ มีแต่น้ำตาแห่งการรอคอย
>>>>>น้ำตาที่เป็นเครื่องขอพรพระเจ้าของผม ให้เธอปลอดภัย
>>>>>และออกมามอบรอยยิ้มให้ผมอย่างเคย สองชั่วโมงผ่านไป . . .
>>>>>พ่อกับแม่ของเธอนั่งรออย่างอ่อนล้า พ่อต้องคอยปลอบแม่ โอบไหล่
>>>>>และเช็ดน้ำตาแม่เป็นระยะๆ ผมมองเห็นภาพนั้นแล้ว
>>>>>น้ำตาผมแทบจะอดไม่ไหวที่จะหลั่งรินลงมา
>>>>>
>>>>>ไม่น่าเลย . . . ผมไม่น่าเรียกเธอออกมาวันนี้ ไม่อย่างนั้น
>>>>>เธอคงไม่ต้องมารับเคราะห์อย่างนี้ . . . ผมผิดเอง
>>>>>ผมทรุดลงนั่งที่เก้าอี้บ้าง หลังจากที่เดินขวักไขว่มานาน
>>>>>แล้วผมก็เผลอหลับไป อย่างไม่รู้ตัว ผมตื่นขึ้นมาไม่เห็นใคร
>>>>>ผมจึงถามกับพยาบาลที่เดินผ่านมาว่า คนไข้ในห้องอยู่ที่ไหน เธอบอกว่า
>>>>>ต้องไปถามกับหมอที่รับผิดชอบคนไข้คนนี้ เธอพาผมไป หมอบอกผมว่า
>>>>>อาการเธอยังไม่ดีนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ เธอเสียเลือดมาก
>>>>>ซี่โครงเธอร้าว กระดูกชิ้นหนึ่งทิ่มปอด มีแผลฟกช้ำและถลอกตามตัวมากมาย
>>>>>และผ่านมากว่าครึ่งวันแล้ว เธอยังไม่ฟื้นเลย ผมขอเข้าไปเยี่ยมเธอ
>>>>>หมอจึงพาผมไป พ่อกับแม่เธอนั่งอยู่ในห้อง แม่ของเธอหลับ
>>>>>และกุมมือเธอไว้ข้างๆ เตียง ส่วนพ่อของเธอนั่งอยู่บนโซฟา
>>>>>ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
>>>>>
>>>>>เมื่อพ่อของเธอเห็นผมเดินเข้ามา
>>>>>พ่อเข้ามาปลุกแม่ให้ผละออกจากเตียงมานั่งกับพ่อ ผมจึงเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ
>>>>>เตียงของเธอ เข้าไปกุมมือเธอไว้ และแล้วน้ำตาเจ้ากรรม
>>>>>ก็ไม่สามารถห้ามไว้ได้ มันหยดลงมาช้าๆ อย่างกล้ำกลืน ผมไม่อยากมีวันนี้ .
>>>>>. . วันที่คนที่ผมรัก จะต้องมานอนหลับใหล อย่างไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า 8
>>>>>ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเงียบอย่างนี้เลย เธอคนนั้นของผม
>>>>>จะกลับมาคุยกับผมเมื่อไหร่ จะกลับมามอบรอยยิ้มนั้นให้กับผมได้ไหม ได้โปรด
>>>>>. . .กลับมาฟังคำที่ผมเตรียมไว้ได้ไหม ในขณะที่ผมกำลังสิ้นหวังอย่างสุดขีด
>>>>>มือเล็กๆ ของเธอในอุ้งมือผม กระตุกขึ้น เธอเริ่มรู้สึกตัวช้าๆ
>>>>>รอยยิ้มของผมเผยออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ผมยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา
>>>>>ผมกดออดเรียกพยาบาลเข้ามา พยาบาลเข้ามาดูแล จัดการกับเครื่องต่างๆ
>>>>>แล้วพยาบาลก็กล่าวยินดีกับผม และพ่อกับแม่ของเธอ
>>>>>จากนั้นพยาบาลก็ถอยไปยืนข้างหลัง ผมเรียกชื่อเธอ เธอยิ้ม
>>>>>ผมเห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยนั้น ผ่านเครื่องช่วยหายใจที่ปิดอยู่
>>>>>พ่อกับแม่ของเธอด้านหลังลุกขึ้นมาอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียง
>>>>>เธอพยายามจะเอื้อมมือไปหาพ่อกับแม่ของเธอ
>>>>>แม่กุมมือเธอและร้องไห้โฮอีกครั้ง พ่อยืนอยู่ข้างหลัง ด้วยสีหน้าชุ่มชื่น
>>>>>และพยายามข่มน้ำตาอยู่
>>>>>
>>>>>เธอหันมาหาผมอีกครั้ง เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับผม แต่เธอพูดไม่ได้
>>>>>ผมขอปากกากับกระดาษจากพยาบาล พยาบาลยื่นมาให้ ผมนำมันให้กับเธอ
>>>>>เธอใช้มือข้างซ้ายของเธอเขียน มือที่เธอไม่ถนัด เธอพยายามขีดเขียนบนกระดาษ
>>>>>ผมอ่านได้ความว่า.... "ชุดสวยดีนะ" . . . ผมยิ้มและมองหน้าเธอ
>>>>>และบอกกับเธอว่าผมเตรียมมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ เธอเขียนบนกระดาษอีกครั้ง
>>>>>ครั้งนี้ ผมอ่านได้ความว่า.... "ใส่น้ำหอม . . . มีอะไรพิเศษหรือเปล่า"
>>>>>ผมประหลาดใจ เธอยังจำได้ดีว่า ผมเป็นคนไม่ชอบใส่น้ำหอมเท่าไรนัก ผมยิ้ม
>>>>>พยักหน้าตอบรับ และใช้มือผมทั้งสองลูบไล้มือของเธอเบาๆ เธอยังเขียนต่อ
>>>>>ผมอ่าน.... "มือเธอนุ่ม . . . แปลก" มันแปลกเพราะผมเป็นคนมือหยาบกร้าน
>>>>>มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอก็รู้
>>>>>
>>>>>ผมน้ำตาไหลอีกแล้ว มันยั้งไม่อยู่ ทุกอย่างเกือบจะเป็นไปอย่างที่คิด
>>>>>แต่มันไม่ใช่ที่นี่ ! ไม่ใช่ตรงนี้ ! ที่ที่เธอต้องบาดเจ็บและทุกข์ระทม
>>>>>เธอควรจะอยู่ในชุดสีขาว เธอควรจะยืนอยู่ และยิ้มกับผมใต้ต้นไม้ใหญ่ . . .
>>>>>. . ไม่-ใช่-ที่-นี่ . . . . .
>>>>>
>>>>>ผมก้มลงไปหาเธอ และบอกกับเธอ คำพูดสั้นๆ ที่ผมเตรียมมาทั้งคืน
>>>>>ผมบอกกับเธอทั้งน้ำตา "ผมรักคุณ แต่งงานกับผมเถอะ" ผมหยิบแหวนแต่งงาน
>>>>>สวมลงที่นิ้วเธอ เธอยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาเช่นเดียวกับผม สบตาผม อย่างจริงใจ
>>>>>ผมก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากของเธอ ลูบแก้มของเธอ
>>>>>เธอพยายามเขียนอีกครั้งหนึ่ง ผมหยิบขึ้นมาอ่าน เธอเขียนยาวกว่าครั้งก่อนๆ
>>>>>.... "คนที่ไม่สวย ไม่ดีพร้อมอย่างฉัน จะเป็นเจ้าสาวของเธอได้หรือ"
>>>>>ผมไม่คำตอบเธอด้วยคำพูด แต่ผมยิ้มให้เธอและสบตาเธออีกครั้ง นี่แหละ . . .
>>>>>คนรักของผม คนที่ผมรักที่สุด เจ้าสาวของผม
>>>>>
>>>>>ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี
>>>>>คืนนั้นผมต้องกลับบ้านเพื่อไปเคลียร์งานของวันต่อไป พรุ่งนี้
>>>>>ผมจะได้อยู่กับเธอได้ทั้งวัน พอวันรุ่งขึ้นมา ผมไปที่โรงพยาบาล
>>>>>หมอและพยาบาลที่ผมเจอเมื่อวาน วิ่งกันวุ่น ผมสงสัย ผมมุ่งตรงไปที่ห้อง
>>>>>มือเอื้อมไปที่ลูกบิดประตู ผมได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงแม่ของเธอ
>>>>>ผมไม่อยากคิด ผมไม่กล้าคิด หรือว่า . .
>>>>>
>>>>>. ผมเปิดเข้าไป ช้าๆ ผมเห็นภาพ ที่ผมไม่อยากเห็น
>>>>>แม่นอนร้องไห้อยู่บนร่างของเธอ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ เข้าไปมองที่หน้าเธอ
>>>>>หน้าที่เมื่อวานยังยิ้มให้กับผมอยู่ แต่วันนี้ ไม่มีอีกแล้ว
>>>>>เธอเงียบไปอีกแล้ว แต่มันไม่เหมือนเมื่อวาน หมอพูดแสดงความเสียใจกับผม
>>>>>ครั้งนี้ เธอจะไม่ฟื้นขึ้นมายิ้ม ไม่ฟื้นขึ้นมาพูด
>>>>>หรือแม้แต่จะเขียนข้อความถึงผม ผมสังเกตเห็น ที่มือของเธอ ไม่มีแหวนวงนั้น
>>>>>ที่ผมมอบให้ เธอถอดมันทิ้งไว้วางบนโต๊ะข้างๆ เตียง
>>>>>วางอยู่พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง ผมหยิบขึ้นมาอ่าน
>>>>>เธอเขียนข้อความไว้ยาวเหยียด ถึงผม ....
>>>>>
>>>>>"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคำที่พูด ทุกสิ่งให้ ทุกรอยยิ้มที่ส่งมา
>>>>>ฉันอยากจะบอกมาตั้งนานแล้วว่า ฉันก็รักเธอ
>>>>>รักมากเสียจนไม่อยากเห็นเธอเสียใจ แต่ฉันไม่เคยกล้าที่จะบอก ฉันคิดมาตลอด
>>>>>ว่าเมื่อไหร่ ที่ฉันจะสวยมากเท่ากับคนอื่นๆ เหมือนเจ้าสาวคนอื่นๆ
>>>>>ที่ได้แต่งงานกับคนที่เขารัก เมื่อไหร่ที่ฉันจะสวยพอ คู่ควรพอ กับเธอ . .
>>>>>. ที่ฉันรัก ฉันอยากเป็นเจ้าสาวของเธอ
>>>>>ฉันอยากใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวที่สวยงามดูสักครั้งในชีวิต
>>>>>แต่ฉันไม่อาจรับแหวนวงนี้ไว้ได้ เพราะฉันรู้ดี ว่ามันไม่เหมาะสมสำหรับฉัน
>>>>>แหวนวงนั้นมันมีค่ามากเกินไป สำหรับฉัน ฉันรับไว้ได้แค่เพียง
>>>>>ความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้ ฉันรับได้เพียง
>>>>>คำพูดที่ฉันเฝ้ารอฟังจากเธอมาแสนนาน เท่านั้น . . . ที่ฉันต้องการ
>>>>>และฉันจะนำมันติดตัวไปทุกที่ ไม่ว่าฉันจะอยู่บนโลกใบนี้ หรือไม่ก็ตาม
>>>>>ฉันรักเธอ . . . ที่สุดแห่งความรักของฉัน ตลอดไป"
>>>>>
>>>>>ผมอ่านจบ น้ำตาของผมมันหยดลงบนกระดาษแผ่นนั้น
>>>>>ซึ่งมีคราบน้ำตาหยดหนึ่งอยู่แล้ว น้ำตาของเธอ ไม่น่าเลย . . . เธอคิดผิด
>>>>>นี่แหละ คือแหวนของเธอ คือความรัก คือสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับ ผมตัดสินใจ
>>>>>และบอกกับพ่อกับแม่ของเธอ ให้เตรียมการอย่างหนึ่ง งานศพของเธอ
>>>>>ก่อนที่เขาจะนำเธอเข้าไปในโลงสี่เหลี่ยมนั้น ผมขอว่า
>>>>>ให้เปลี่ยนชุดให้กับเธอ ผมสั่งซื้อชุดเจ้าสาวชุดหนึ่งให้กับเธอ
>>>>>แม่และน้องสาวของเธอ เปลี่ยนชุดให้กับเธอ พร้อมทั้งแต่งหน้าบางๆ ให้
>>>>>
>>>>>บัดนี้ เธอนอนหลับใหลอยู่บนแผ่นไม้ ที่ห้อมล้อมด้วยดอกไม้ประดับ
>>>>>เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวตามที่เธอหวัง สวมแหวนวงนั้น
>>>>>และนิทราอยู่อย่างเงียบสงบ ใครว่าเธอไม่สวย . . .
>>>>>ใครว่าเธอไม่สวยเท่ากับเจ้าสาวคนอื่นๆ . . . ไม่ ! . . . วันนี้
>>>>>เธอสวยที่สุด ไม่มีใครสวยเท่าเธอในสายตาผม "ผมรักเธอ . . .
>>>>>ที่สุดแห่งความรักของผม ตลอดไป"
>>>>>
>>>>>เมื่อก่อน . . . ผมบอกกับเธอว่า ผมรักเธอ เพราะผมคิดว่า
>>>>>เธอไม่ได้สวยไปกว่าใคร ผมพอใจเธอ ปัจจุบัน . . . บัดนี้
>>>>>หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ผมบอกกับเธอว่า ผมรักเธอ เพราะผมคิดว่า
>>>>>ไม่มีใครสวยไปกว่าเธอ . . . . . . . อีกแล้ว
Story by : jab_jab
Date : 11 March 2004
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น