คนชั่วเพราะความไม่รู้ในบาปบุญคุณโทษ ไม่รู้ว่าทำชั่วทำบาปย่อมได้รับโทษของการกระทำชั่วการกระทำบาป ไม่รู้ว่าทำบุญทำดีย่อมได้รับผลของการกระทำที่เป็นคุณ ที่แย่กว่านั้นคือไม่รู้ว่าอะไรคือดี อะไรคือชั่ว ไม่รู้ความจริงว่า สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ว่าเป็นนามธรรมหรือรูปธรรมล้วนแต่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาคือไม่มีอะไรเป็นตัวตน ของตนโดยแท้จริง จึงอยู่นอกเหนืออำนาจบังคับบัญชาของใครหรือผู้ใดที่จะให้มันเป็นไปอย่างนั้น อย่างนี้ได้ตลอดเวลาและตลอดไป นี่แหละที่เรียกว่า ความไม่รู้หรืออวิชชาหรือโมหะหรือความหลง
อวิชชาย่อมเกิดพร้อมกับความไม่มีหิริโอตตัปปะและความไม่สงบแห่งจิตใจเสมอ
อ วิชชาพร้อมความไม่มีหิริโอตตัปปะเป็นเหตุให้เกิดความโลภบ้าง ความโกรธบ้าง หรือถ้าขณะใดไม่โลภ หรือไม่โกรธแต่ถ้าไม่รู้สัจจธรรมหรือความจริงดังกล่าวข้างต้นก็ยังมีความหลง ไม่รู้อะไรดีอะไรชั่ว
บ้านเมืองตอนนี้น่ากลัวตรงที่ความไม่รู้ว่าอะไรคือดี อะไรคือชั่วนั่นแหละ
ด ีคือไม่โลภในทางเบียดเบียนผู้อื่น ไม่โกรธในทางอาฆาตพยาบาทผู้อื่น มีศรัทธาในเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว มีสติที่จะทำแต่ความดีไม่ทำชั่ว มีหิริโอตตัปปะ มีความเป็นกลางไม่มีอคติเอียงไปเพราะโลภโกรธหลงหรือเพราะกลัวภัยจะเกิดขึ้น มีความเห็นตรงต่อความเป็นจริงในเรื่องราวต่าง ๆ
ลองพิจารณาดูถ้าไม่เป็นดังคำว่าดีตามที่กล่าวข้างต้น ที่เหลือย่อมเป็นชั่วหมด นั่นคือ
ช ั่วเพราะโลภ มีความอยากมากเกินปกติของปุถุชนคนธรรมดาทั่ว ๆไป ถึงขั้นเบียดเบียนผู้อื่นได้ นั่นคือ คอร์รัปชั่นได้อย่างไม่เกรงกลัวและละอายต่อบาป
ชั่วเพราะโกรธ มีความผูกโกรธมากเกินปกติของปุถุชนคนธรรมดาทั่ว ๆไป ถึงขั้นอาฆาตพยาบาท นั่นคือ คิดทำร้ายทำลายสถาบันหลักของประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองได้
ชั่วเพราะหลง มีความไม่รู้ในบาปบุญคุณโทษอย่างมากจนไร้ซึ่งหิริโอตตัปปะแม้ในความผิดพลาดในระดับที่มีต่อปวงประชาชนของประเทศชาติ
ความจริงอันสูงสุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น