...+

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

ข้อเสนอ การเมืองภาคประชาชน

เราต้องเอาหลักที่ว่า เป็นของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน ซึ่งจะมีการส่งผ่านได้2ทางคือ
1.พรรคการเมือง กฎหมายพรรคการเมือง50 สนับสนุนให้มีการซื้อเสียง คือเอาจำนวนสส.เป็นเกณฑ์สำคัญในการจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมือง ทำให้เกิดนายทุนสามานย์ใช้เงินซื้อพรรค ซื้อสส. ซื้อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง(ไม่ใช่ซื้อเสียงแค่วันเลือกตั้งแต่ซื้อแบบถาวร เพื่อเป็นกลุ่มจัดตั้ง) จากสถิติตั้งแต่2544 พรรคที่ทุจริตมากที่สุด จะได้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองมากที่สุดถึงปีละประมาณปีละ50-60ล้านบาทต่อปี กกต. เลขาธิการกกต. รองเลขาธิการกกต. ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แล้วแก้กฏหมาย ให้กกต.มาจากการเลือกตั้งตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตัวแทนหมู่บ้านเลือกตั้งตัวแทนตำบล/แขวง แล้วเลือกตั้งตัวแทนอำเภอ/เขต ไปจนถึงได้ตัวแทนจังหวัด76คน เลือกกันเองเป็นประธานกกต.(จะเป็นกกต.จังหวัดด้วย) ประธานจะสรรหาเลขาธิการและจะหมดวาระพร้อมประธาน ยกเว้นประธานคนใหม่ยังเลือกอยู่ การลงมติต่างๆถือเสียงข้างมาก ประธานไม่มีสิทธิ์ออกเสียงยกเว้น การชี้ขาดเมื่อเสียงเท่ากัน ออกกฎหมายสนับสนุนพรรคการเมืองโดยให้งบประมาณเท่ากันทุกพรรค เช่นค่าเช่าที่ทำการพรรคเดือนละ30,000-บาท เงินเดือนผู้อำนวยการพรรค20,000- เจ้าหน้าที่ธุรการ10,000- เจ้าหน้าที่บัญชี10,000- นักการภารโรง8,000- งบประมาณโครงการเข้าที่ประชุมแต่ละโครงการตามเหตุผลและความจำเป็น เป็นต้น พรรคไหนต้องการใช้งบมากกว่านั้นหาเงินเอง หากได้มาจากก็ทุจริตก็ต้องถูกยุบพรรค เมื่อประกาศผลคะแนนสส.เสร็จต้องตรวจสอบการทุจริตให้เสร็จภายใน1เดือน สส.คนใดมีหลักฐานเชื่อได้ว่าทุจริต ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นการรับรองสส.คือผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของการคัดเลือกตัวแทนพรรคเพื่อลงสมัครสส. ให้เป็นมติที่ประชุมใหญ่เท่านั้น
การเมืองภาคประชาชน ให้สภาระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล
การกำหนดวาระสส. จะเป็นติดต่อกันทุกสมัยไม่ได้เพื่อป้องกันการยึดติดเป็นอาชีพตั้งแต่หนุ่มจน แก่ แต่ให้ปลูกฝังว่าเป็นการเสียสละเพื่อมาทำประโยชน์ให้ประชาชน
การกำหนดวาระนายกและครม.จะเป็นติดต่อกัน2วาระไม่ได้เพื่อไม่ให้เกิดช่องทางก ารทุจริตแต่ขณะเดียวกันก็ควรมีเวลาได้ทำงานต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น