ราว เดือนเมษายน ก็จะถึงวัน เช็งเม้ง อันเป็นวันสำคัญที่พี่น้องเชื้อสายจีน จะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้วนะครับ ที่ต้องแจ้งล่วงหน้าไว้ ก็เพราะกันลืม และจะได้ตระเตรียมการ ให้พร้อมทั้งรถราและที่พัก รวมทั้งการนัดแนะเครือญาติให้ไปร่วมเซ่นไหว้ พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วย
บุคคลผู้ที่ชี้ให้เห็นถึงการเคารพ สักการะบรรพบุรุษนั้นก็คือ ขงจื๊อ (Confucius) เขาสอนว่า ความกตัญญูช่วยส่งเสริมให้บุคคลเจริญ และวิญญาณของบรรพบุรุษย่อมบันดาล ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
ขงจื๊อถือกำเนิดก่อนพุทธศักราช 9 ปี (552 BC) ที่แคว้นลู่ ตำนานการเกิดของเขานั้นมีหลายกระแส บ้างก็ว่าเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ซ้อง แต่บางคนระบุว่าบิดาของเขาเป็นนายทหาร ผู้มีชื่อเสียงและมีความแข็งแรง สุขภาพยอดเยี่ยม จนแม้เมื่อวัย 70 ปี ก็ยังสามารถให้กำเนิดบุตรชาย คือขงจื๊อได้ ทว่าได้เสียชีวิตก่อนขงจื๊อเกิดไม่กี่วัน
มารดาของขงจื๊อได้ส่งเสียเขาให้เล่าเรียนการเขียนอ่านกับซินแสในหมู่บ้าน ซึ่งการเรียนภาษาจีนที่มีตัวอักษรคล้ายรูปภาพนับพันตัวนั้นยากแค่ไหนใครๆก็รู้ เช่นคำว่า "สันติภาพ" ก็จะมีสัญลักษณ์ของผู้หญิงอยู่ภายใต้หลังคาบ้าน (แสดงว่าบ้านจะสงบสุขก็ด้วยสตรีเพศ-จริงป่าวเนี่ย) หรือคำที่หมายถึง "ความดีความรัก" ก็จะเป็นสัญลักษณ์มารดาอยู่เคียงข้างบุตร เป็นต้น
แม้วิชาจะยากเย็น แต่หนูน้อยขงจื๊อก็ร่ำ เรียนเก่งกาจจนแตกฉาน เนื่องจากชอบค้นคว้า หาเหตุผลต่างๆ พออายุได้ 19 ปี เขาก็แต่งงาน ตามประเพณีจีน ในสมัยนั้น ที่นิยมแต่งงานตั้งแต่อายุน้อย หากทว่าชีวิตวิวาห์ไม่ยั่งยืน พอมีลูกด้วยกัน 3 คน ก็ได้หย่าขาดจากกัน
ในระยะแรกๆของชีวิต ขงจื๊อเป็นข้าราชการ ชั้นผู้น้อย ของแคว้นลู่ โดยทำหน้าที่ดูแลที่ดิน และรายได้ของเจ้าผู้ครองนคร ในขณะเดียวกันก็เป็นครูอบรม สั่งสอนลูกหลาน ของเจ้านายด้วย ขงจื๊อมีความรักในดนตรีการ เขา ชำนาญในการบรรเลงเจ็ง กลอง และฆ้อง เขามักจะสอนให้ลูกศิษย์มีดนตรีในหัวใจ โดยถามไถ่ว่า
"วันนี้เจ้าเรียนดนตรีแล้วหรือยัง? ถ้าหากเจ้าไม่สนใจในบทเพลงต่างๆ เจ้าก็ไม่มีวันที่จะปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นได้หรอก"
เหตุการณ์ที่ผกผันชีวิตของขงจื๊อก็คือ การที่มารดาถึงแก่กรรม เมื่อเขาอายุได้ 24 ขงจื๊อรักแม่มาก ความเสียใจทำให้เขา ลาออกจากราชการ และไว้ทุกข์ให้มารดานานถึง 3 ปี ด้วยความรัก ที่มีต่อมารดานี่แหละครับ ที่ทำให้เขาสอนสั่งลูกหลาน ให้สักการะเซ่นไหว้บุพการี
หลังจากนั้น ขงจื๊อก็ได้ตั้งสำนักศึกษาขึ้น เขาสั่งสอนสานุศิษย์ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วรรณกรรม การปกครอง ธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนดนตรี มีผู้มาสมัครเรียนด้วยมากมาย ทำให้ชื่อเสียงของขงจื๊อโด่งดัง หลักการสอนของเขาจะมุ่งประเด็น ให้บุคคลมีความประพฤติดี ตั้งอยู่ในศีลธรรม ลูกศิษย์ของเขาหลายคน เมื่อเข้ารับราชการก็มัก จะรุ่งเรืองได้เป็นใหญ่ เป็นโตไปตามๆ กัน
เมื่อขงจื๊ออายุได้ 50 ผู้ครองแคว้นลู่ ก็ได้เชิญให้เขาไปเป็นกุนซือตำแหน่งสูง ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งขงจื๊อก็ได้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง แต่เดิมนั้นความเป็นอยู่ของราษฎรเสื่อมทราม โจรผู้ร้ายชุกชุม แต่หลังจากขงจื๊อฟื้นฟูจิตใจของทั้งพลเมือง และเหล่าข้าราชการ การทุจริตฉ้อฉลก็หมดไป โดยเฉพาะอาชญากรรมนั้นหมดสิ้น ในยุคนั้นกล่าวกันว่า ถ้าใครทำกระเป๋าตังค์ ตกบนถนน มันก็จะอยู่ตรงนั้นนานนับวัน บ้านช่องไม่จำเป็นต้องปิดประตู เปิดทิ้งไว้ก็ไม่มีอะไรหาย ทำให้ ชื่อเสียงของขงจื๊อยิ่งระบือไกล เป็นที่รักและนับถือทั้งจากเจ้านายและราษฎร
แน่นอนครับ ยิ่งเด่นยิ่งดังเท่าไหร่ ศัตรูก็ยิ่งมากเท่านั้น
เหล่าขุนนางกังฉินแห่งแคว้นลู่ พากันริษยาตาร้อนขงจื๊อ อีกทั้งส่วยต่างๆที่เคยได้รับ ก็ถูกขงจื๊อขจัดไปหมดสิ้น จึงหาทางใส่ร้ายป้ายสีขงจื๊อ จนกระทั่งผู้ครองแคว้นลู่โอนเอน และเริ่มระแวง เมื่อได้รับความกดดันมากๆเข้า ขงจื๊อก็ลาออกจากราชการในวัย 54
เมื่อพ้นพงหนาม มีอิสรเสรี ขงจื๊อกับศิษย์สำคัญ 3 คน ก็ออกจาริกไปตามแคว้นต่างๆ ผ่านไปที่ใดก็อบรมสั่งสอนผู้คน แวะพำนักอยู่ชั่วคราว สั้นบ้างยาวบ้าง การตระเวนสั่งสอนเช่นนี้ ทำให้ขงจื๊อมีสานุศิษย์ เพิ่มขึ้นมากมาย ในทุกหนแห่ง
หลังจากเดินทางอยู่นานถึง 13 ปี จนอายุย่างเข้า 68 ปี ขงจื๊อจึงได้รับเชิญจากศิษย์ผู้หนึ่ง ซึ่งมีตำแหน่งสูงในแคว้นลู่ ให้เขากลับมาช่วยทำราชการด้วย ขงจื๊อทำหน้าที่เป็นกุนซืออยู่จนกระทั่งถึง พ.ศ. 64 ก็ถึง แก่กรรมด้วยวัย 73 ปี
ผลงานของขงจื๊อที่ทิ้งไว้ให้โลกมากมายครับ อาทิ คัมภีร์ 5 เล่ม ที่สาธยายเรื่องราวต่างๆ ครอบคลุมทั้งด้านศาสนา ประวัติศาสตร์ กวีนิพนธ์ ธรรมเนียมประเพณี และเหตุการณ์ บ้านเมืองในสมัยนั้น
โดยเฉพาะคัมภีร์เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า อี้จิง นั้น มีชื่อเสียงมาก จัดเป็นหนังสือ จีนที่เก่าแก่ที่สุดเล่มหนึ่ง ได้กล่าวถึงความสำคัญของ หยิน กับ หยาง อันได้แก่ สิ่งซึ่งตรงกันข้ามกัน เช่น ความดีกับความชั่ว ความสว่างกับความมืด ฯลฯ และได้อธิบายถึงความเป็นมา ของชีวิตมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์มาถามขงจื๊อว่า "ความตายนั้นเป็นอย่างไร ครับอาจารย์"
ขงจื๊อตอบว่า "แม้แต่ชีวิตของเจ้าทุกวันนี้ เจ้าก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ แล้วเจ้าจะเข้าใจเรื่องความตายได้อย่างไร"
จริงมั้ยครับ จะอยากรู้ในเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ไปทำไม เอาเวลามาศึกษาปรับปรุงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า
ขงจื๊อนั้นมีความคิดที่ว่า บ้านเมืองจะดีก็เพราะมีคนดี โดยเฉพาะถ้าหากผู้ปกครองตั้งอยู่ในความสุจริตและมีความสัตย์ ตลอดจน...
"มีกิริยาวาจาเรียบร้อย และประพฤติตามแนวทางอันชอบธรรม"
ครับ ผู้ปกครองบ้านเมืองท่านใด ยังขาดคุณสมบัติข้อนี้ ก็ควรพิจารณาทบทวน ปรับปรุงตนเองเสียนะครับ ก่อนที่จะสายเกินไป
ส่วนสำหรับแฟนานุแฟน ก็อย่าลืมเดินทางไปไหว้ บรรพบุรุษนะครับ
ทีมงาน ต่วย\'ตูน
และ "โงเมนนาไซ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น