...+

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

คิดแบบดิจิตอล Digital Thinking


โดย เภสัชกรประชาสรรณ์ แสนภักดี M.P.H. CMU
ผู้จัดการศูนย์ฝึกอบรมภูมิปัญญาสู่สากล


การคิดในแบบดิจิตอล
เป็นการคิดแบบ ใหม่ที่จะทำให้มนุษย์หลุดพ้นจากกรอบความคิแบบเดิมๆ โดยเฉพาะวันนี้
หากเรามีความ คิด แต่การกระทำเราอาจจะไปไม่ทันความคิด แต่หากเรา ผสานดิจิตอล กับ
สมองของเราเข้าด้วยกัน วันนั้น การกระทำกับความคิดมันจะ วิ่งทันกัน
สิ่งแรกที่ต้องกล่าวถึงก็คือ การคิด การใช้ความคิด มีหลายคนไม่ค่อยคิด
เท่าไร รอทำตาม ความคิดคนอื่นอย่างเดียวกลุ่มนี้ไม่ต้อง ไปชวนให้คิดแบบดิจิติล
แต่สำหรับคนที่พัฒนาความคิดขึ้นไปอีกขั้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
การคิดแบบดิจิตอล หมายถึงการคิดแบบเป็นระบบ การมาประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
การ แสดงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสื่อสารข้อมูลได้รวดเร็ว
ดังนั้นหากเราต้องการให้ความคิดเป็นแบบดิจิตอล สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ
เรา ต้องพัฒนาหรือภาษาคอมพิวเตอร์ เรียกว่า upgrade สมอง
ให้มีความทันสมัยเป็นปัจจุบัน ใครยังมีสมองเป็นแบบ 486Dx อยู่ ก็ต้องปรับให้เป็น
Pentium แล้วหละ วิธีการ upgrade สมองก็ทำได้โดย การเพิ่ม software ใหม่ๆ ที่ช่วย
upgrade เช่น การอ่านหนังสือ การเรียนรู้ การเข้าร่วม อบรม ร่วมประชุม วิชาการ
เมื่อ upgrade สมองแล้ว ก็ต้องมีการนำข้อมูลออกมาใช้กับชีวิต จริง real life
ด้วยการฝึกการใช้สมอง หรือเทียบได้กับ การฝึก ประมวลผล
ตามความต้องการของผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ นั่นเอง หลักการทำ งานของคอมพิวเตอร์
เขาจะจำลองความต้องการของผู้ใช้ ว่าผู้ใช้น่าจะต้องการทำงานด้านใดบ้าง เช่น บางคน
พิมพ์งาน บางคนทำตาราง คำนวณ บางคนทำงานศิลปะ แต่งภาพ บางคนทำฐานข้อมูล
ดังนั้นสมองของเราเอง หากจะเป็นแบบดิจิตอล และเทียบเท่า คอมพิวเตอร์
ก็ จะต้องมีการฝึกสร้าง ภาพ scenario ในด้านต่างๆ อย่างคิดด้านเดียว
อย่าทำงานอย่างเดียว ต้องให้มีความหลากหลาย (diversity)
เพราะ สมองของคนเรามีหน้าที่หลายอย่าง หากส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ใช้งานเลย หรือ
หยุดการทำงานไปนาน ก็เสื่อมได้ เมื่อเสื่อมแล้วก็ยากที่จะ upgrade
ผู้เขียนขอยกตัวอย่างกลุ่มที่ไม่ใช้สมองในการทำงาน เช่น
กลุ่มที่สมองเป็นเครื่องรุ่น ครับผม และรุ่นมือกุมหว่างขา
(ผู้เขียนหมายถึง ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่คอยเอาใจเจ้านาย หรือผู้ใหญ่) กลุ่มนี้
ไม่ต้องคิดอะไร รอฟังคำสั่งอย่างเดียว กลุ่มนี้สมองจะตายตอนอายุประมาณ 40 ปี และ
จะเกิดเครื่อง hang คือเกิดความรู้สึกถามหาคุณค่าของตัวเอง ตอนอายุเยอะๆ
ตลอดเวลาทำตามคนอื่นคิด แต่ไม่มีโอกาสทำตามความคิด ของตัวเองเลย
การคิดแบบดิจิตอล จะได้เปรียบคนคิดแบบเดิม (classic thinking)
ตรงที่การคิดแบบดิจิตอล จะคิดเชื่อมโยง เป็นเครือข่าย เช่น คอมพิวเตอร์ เครือข่าย
สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและกันได้ เรียกว่า เป็น แบบพึ่งกัน
(Interdependent ) ซึ่งเราต้องการ
เป็นอย่างมากที่คนในสังคมจะมีการคิดเป็นแบบพึ่งกัน
บทสรุปของเรื่องนี้ อยู่ที่วันนี้ท่านพร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีคิด
ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า วิธีคิด ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความคิด
แต่ผู้เขียนบอกว่าเปลี่ยนวิธีคิด อาจจะคิดเรื่องเดิม เรื่องเก่า แต่คิดด้วยวิธีใหม่
แต่สิ่งที่มีความสำคัญคือ ต้อง คิดดี คิแต่สิ่งที่เป็นกุศล
ไม่คิดในสิ่งที่บ้านเมืองและสังคมจะเดือดร้อน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น