...+

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เมื่อได้ติดตามอ่านบันทึกใน blog ของบุคคลที่เริ่มคุ้นเคย : วาทกรรม- วรรณกรรม


ในระหว่างการท่อง internet จนไปพบกับ blog แห่งหนึ่ง ที่ชื่อว่า
วาทกรรม-วรรณกรรม
http://anan.blogrevo.com


คลิกดูรายละเอียด มีระบุชื่อเจ้าของบล็อกไว้ ชื่อ สุขพงศ์ คหวงศ์อนันต์

ชอบในมุมมอง สำนวนของเขา ทั้งๆที่ไม่รู้ว่า เขาเป็นใครมาจากไหน
แต่หลังจากที่แฟนพันธุ์แท้แห่งบุรีรัมย์ คุณนิด ได้ติดต่อสื่อสารผ่านทางเขา จนเขาติดต่อประสานงานให้ได้พบกับสุดยอดนักเขียนในดวงใจ "วิทยากร เชียงกูล"
http://onknow.blogspot.com/2007/06/blog-post_03.html


จึงมีโอกาสได้รู้ว่า เขาเป็นคนทำหนังสือ เป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์วิญญูชน - สายธาร

แฟนพันธุ์แท้แห่งบุรีรัมย์เปิดเผยความรู้สึกกับคนจุดตะเกียงว่า

"ประทับใจในความเอื้อเฟื้อ ความช่วยเหลือที่คุณสุขพงศ์ติดต่อประสานให้ได้พบกับวิทยากร เชียงกูล รวมทั้งติดต่อเธอเป็นระยะๆ"


เมื่อ 27 พ.ค.2550 คุณนิดได้พบกับ อ.วิทยากร เชียงกูล ตัวจริงเสียงจริง แต่ในช่วงนั้น คุณสุขพงศ์แจ้งแก่คุณนิดว่า เขาติดธุระ จึงไม่สามารถที่จะมาพบคุณนิด แฟนพันธุ์แท้ได้ คาดว่า คงจะได้พบในโอกาสต่อไปครับ

ถึงแม้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่มีโอกาสได้พบคุณสุขพงศ์ แต่ใน internet สามารถที่จะสัมผัสกับมุมมอง ความคิดที่ถ่ายทอดออกมาจากตัวตนของเขา จาก blog ของเขานั่นเอง

เช่น ในบันทึกล่าสุดของเขา ที่ทำให้ได้สัมผัสในอีกมิติ มุมมองหนึ่ง




หมู่บ้านพิลึก



ผมพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายเวิ้งว้าง ทันทีที่ย่างก้าวเข้าเหยียบในอาณาเขต ชาวบ้านหญิงชาย เด็กเล็ก คนชรา ต่างชะเง้อดูอย่างลนลาน บ้างยืนจ้องอยู่หน้าระเบียง บ้างวิ่งถลามากลางถนน บางคนถึงกับปรบมือยินดี ด้วยความหิว ผมจึงเข้าไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง และบอกกับชายชราผู้น่าจะเป็นเจ้าของร้านว่าผมต้องการอาหาร ชายชราผู้นั้นบอกว่าผมจำต้องทำบางสิ่งเป็นการตอบแทน ว่างั้นเขาก็เอาเบียร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเทรดหัวผม ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ คนอื่น ๆ ที่อยู่ในร้านต่างตีมือกันอย่างคะนอง ผมเดินออกจากร้าน เมื่อออกมามีคนมากมายวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อม บ้างกระชากเสื้อ บ้างตะโกนเสียงดังใส่หู บ้างลูบหัว เล่นหน้าทะเล้น พวกเด็กที่ล้อมอยู่วงนอกปรบมือร้องเพลงให้จังหวะสะเปะสะปะ ผมเหลือกมองออกไปไกลผ่านเงาชุลมุน เห็นบ้านพักสีขาวโดดเดี่ยวกับกลุ่มคนผู้สงบกลุ่มหนึ่งยืนดูนิ่งงัน บางคนถือไม้เท้าและสวมเสื้อผ้าสะอาดดูต่างออกไป บางคนนั่งอยู่บนพำนักแขนทั้งสองหล่นข้างตัว ส่วนบางคนคุกเข่าหลับตาและพูดพึมพำอะไรสักอย่าง ผมคิดว่าคนที่นั่นน่าจะปกติดีอยู่ จึงค่อย ๆ สลัดจากมือนัวเนียของฝูงชนที่กุยกระชาก เสียงกร่นด่าอลหม่าน และดนตรีพิสดารของพวกเด็ก ๆ วิ่งอ้าวสับสนออกไปอย่างเร็วที่สุด เมื่อไปยืนอยู่หน้าบ้านอย่างเหนื่อยหอบ ผู้สงบนิ่งเหล่านั้นยืนดูผมราวกับกำลังนับเสียงลมหอบของคนแปลกหน้า ผมใจจดจ่อถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ในที่สุด คนหนึ่งในนั้นก็พูดออกมาจนได้ว่า "เพื่อเห็นแก่คุณพระ เลิกทำตัวอย่างนั้นทีเถอะ" แล้วก็ปิดประตูใส่ผม ปล่อยให้ผมนั่งสำนึกผิดอยู่คนเดียว



อ่านบันทึกที่ดูเหมือนจะแฝงนัยอะไรบางอย่าง แม้ว่า เนื้อความที่ถ่ายทอดออกมา ทำให้มองเห็นภาพตามตัวอักษรที่เกิดขึ้น แต่สามารถที่จะตีความได้หลากหลาย
- คนเขียนกำลังคิดอะไร
- คนเขียนสะท้อนบางสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาหรือเปล่า
- หมู่บ้านพิลึก และพฤติกรรมของผู้คนที่กล่าวมา สะท้อนถึงเหตุบ้านการเมือง และกลุ่มบุคคลบางกลุ่มหรือเปล่า
- แล้ว คนแปลกหน้าที่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาทำอะไรผิดไป ทำไมจึงได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น

มีมิติให้ขบคิดได้หลากหลายจริงๆ





ปล เมื่อคุณนิด มีโอกาสได้พบกับ วิทยากร เชียงกูลแล้ว ดังนั้น ในครั้งหนึ่งของชีวิต ก็น่าที่จะมีโอกาสได้พบกับ ผู้ที่มีน้ำใจช่วยเหลือเธอให้ฝันเป็นจริง "คุณสุขพงศ์ คหวงศ์อนันต์" ซึ่งคาดว่า น่าจะได้พบกันในอีกไม่นานนี้..


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น