...+

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2549

เมตตา

ดวงดาวประทับประดาบนฟ้ากว้าง
น้ำค้างทอประกายบนใบหญ้า
หิน

เกลี้ยงกลางแก่งแต่งวนา
เหมือนเมตตาแต่งในหัวใจคน
ลมโบกไม้ใบไหวระยับ
ดิบซับซาบน้ำเมื่อฉ่ำฝน
มณฑลรับ

แสงทองต้องมณฑล
เกิดโดยกลกฏแห่งการแบ่งปัน
เกื้อกูลกรุณาน้อมสนอง
คือนวลส่องแสงสว่างการสร้างสรรค์


มีหรือราตรีกาลนานนิรันดร์
มีหรือวันใดสว่างมิร้างรา
จะโหดเหี้ยมห้าวหาญไปปานไหน
ไม่มีเลยหรือใจหวั่นผวา
แม้น

รู้จักสัจจะธรรมดา
คงเห็นจริงสัจจาทุกดวงใจ
จะหนักแน่นนิ่งได้หรือไรเล่า
ขุนเขายังรู้เลื่อนรู้เคลื่อนไหว
จะกร้าว

แกร่งกร้านกล้าเกินกว่าใคร
เพื่ออะไรที่กร้านให้การเกิน
โลกนี้มิใช่อยู่เพียงภูผา
ฝุ่นธุลีนานาก็อยู่เนิ่น
ไม่มีภูผาใดไม่

เชื้อเชิญ
หมางเมินหน่ายหนีธุลีดิน
วันใดแม้ดวงอาทิตย์ดับ
โลกย่อมย่อยยับลงแล้วสิ้น
สรรพสิ่งบนพื้นปฐพิน


ถ้วนถิ่นเท่ากันเสมอกัน
ไม่มีดาวฤาจะรู้ระยะฟ้า
ไม่มีหน้ามีหลังได้อย่างไรนั่น
ไม่มีดินเบื้องล่างให้ย่างยัน
จะ

ดึงดันเย่อหยิ่งกับสิ่งใด
แม้สิ้นศรัทธาหาเหตุผล
ไม่เห็นค่าของคนที่ต่ำใต้
ความเป็นคนจะมีอยู่ที่ใคร
เมื่อมิให้ตน

เห็นคนเป็นคน
นั่นดวงดาวประดับประดาบนฟ้ากว้าง
ถึงเจือจางแต่ก็พอเห็นหน
มีเมตตาประดับในหัวใจตน
ไว้ขับ

ความมืดมนในชีวิต

"วาณิช จรุงกิจอนันต์"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น