ปริศนาเชาวน์ยอดนิยมที่ได้รับการกล่าวขวัญก่อนมาช้านาน ยังมิอาจหาคำ
ตอบที่แท้จริงได้ คำถามประโยคนี้เป็นผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ของแนวความคิดตะวันตกแบบกรีก
โรมัน ซึ่งเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ของโลกสมัยใหม่ปัจจุบัน เป็นรากฐานแห่ง
แม่บทของตรรกวิทยาที่เน้นความจริงบนหลักฐานของกายภาพ รูปร่างภาย
นอกและที่สำคัญคือ การยึดถือตัวตนและปัจจัย เวลาในแนวเส้นตรง
การมองเห็นทุกสิ่งในชีวิตเคลื่อนไหวแบบเส้นตรง ความ
เจริญคือที่มาของการแข่งขัน
ชีวิตคนเหมือนนักวิ่งบนลู่ที่มีเส้นทางตรงสู่เส้นชัย
ด้วยเหตุฉะนี้ คำถามเรื่องไข่และไก่ใครเกิดก่อนจึงไม่สามารถหาคำตอบได้
แต่ในแง่ของปรัชญาตะวันออก เป็นแนวความคิดที่ถือความเป็นธรรมชาติเป็น
หลัก วงจรการหมุนเวียนในธรรมชาติเป็นวัฏฏะดั่งวงกลมที่มีจุดเริ่มและจุด
ดับอยู่ในตัวเอง หรือจุดศูนย์ (0) กับจุด 360 ํ (ครบรอบตั้งบนจุดเดียวกัน)
นี่คือต้นกำเนิดแห่งปรัชญาหยิน-หยาง ที่ถือว่า สรรพสิ่งตั้งอยู่บนฐานแห่งปฏิกิริยาของพลังสองขั้วในเวลาเดียวกัน ไม่มีสิ่งใด
สามารถดำรงอยู่ได้โดยโดดเดี่ยว ในหยินย่อมมีหยาง ในหยางย่อมมีหยิน
สัญลักษณ์หยิน-หยาง จึงมีรูปครึ่งวงกลมสีดำ-ขาว
สอดคล้องคู่กัน ในรูปดำมีจุดขาวแฝงอยู่ในรูปขาวมีจุดดำซ่อนตัวอยู่เช่นกัน
คำถามไข่กับไก่ ใครเกิดก่อน จึงไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้
ในทัศนะของปรัชญาจีน เพราะทั้งไข่และไก่คือของสิ่งเดียวกัน ในต่างสภาวะ
หรือหยินและหยาง ในสถานภาพของไก่ ในไข่มีจุดเล็ก (หยาง) อยู่ เพื่อรอที่
จะพัฒนาเป็นตัวไก่ ด้วยปัจจัยเวลาในไก่มีจุดเล็ก (หยิน) แฝงอยู่
เป็นพลังเพศหรืออสุจิที่จะแพร่เชื้อให้เกิดเป็นไข่ได้
ทั้งไก่และไข่จึงเกิดดำรงอยู่พร้อมกันในธรรมชาติขั้น 7
ไม่มีใครเกิดก่อนเกิดหลัง แต่ทั้งไข่และไก่ได้รับการจุติมาเกิดเป็นรูปโดยพลังงานแปรรูปของธรรมชาติ
ตั้งแต่ 2 ถึงขั้น 6 แต่ได้รับอุปกรณ์โครงสร้างรูปโดยสสารขั้น 5 ของธรรมชาติคือ หินปูน อากาศและความร้อนของบรรยากาศ และได้รับการแปรรูป
เป็นสิ่งมีชีวิตด้วยปัจจัยพลังขั้น 6 หรือกลไกของอาณาจักรพืชที่สิ่งที่เป็นการ
สังเคราะห์แสงอาทิตย์ อาจกล่าวได้ว่า ทั้งไข่ ไก่และคน รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นนั้น
ได้รับการวางรากฐานแห่งชีวิต โดยพลังขั้น 5 สู่ขั้น 6
และขั้น 6 สู่ขั้น 7 ในรูปของวงจรก้นหอยขยายออกจากจุดศูนย์กลางทั้งสอง
คือ ขั้วหยินและหยางในสิ่งเดียวกัน
หากมิใช่ปรัชญาความคิดแบบหยิน-หยางแล้ว ก็ยังถือว่าคนนั้นยังคิดแบบธรรมชาติไม่เป็น
แนวความคิดเรื่องวิวัฒนนาการของสิ่งมีชีวิตสู่คนเรา
เป็นรากฐานสำคัญและเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบรรพบุรุษตะวันออก ซึ่ง
คนในปัจจุบันนั้นยากที่จะเข้าใจ เพราะการพัฒนาเป็นการคิดทั้งระบบที่เป็นหนึ่ง
เดียวกัน กล่าวคือ มนุษย์นั้นมีมารดาผู้ให้กำเนิดหลายคนหลายระดับ
มารดา ที่เป็นแม่บังเกิดเกล้าถือเป็นแม่โดยตรงทางสายเลือดกรรมพันธุ์ แต่มารดาต่างตระกูล
ในแง่พลังงานการแปรรูปจากธรรมชาตินั้น มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นมีมารดา
ร่วมคือ ต้นไม้อาณาจักรพืช พืชที่เป็นอาหารสำหรับเรารับประทาน ถือเป็นผู้ให้กำเนิด
ในรูปของพลังงาน ที่บิดา มารดาเรารับประทานแล้วกลั่นเป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงสร้างเราขึ้นมา
เป็นตัวเป็นตน อาจกล่าวได้ว่า เราทุกคนเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่บิดา
มารดาเรารับประทานและท่านได้พืชผลมาปรุงเป็นอาหาร
โดยผ่านทางตลาดสดประจำหมู่บ้าน ชุมชนที่เคยเป็นภูมิลำเนา เดินตามภาคที่บรรพบุรุษต้นตระกูลเรามีถิ่น
บ้านเกิด แต่ละคนจึงมาจากตลาดสด แต่เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น
พืช ผัก ผลไม้ถูกเปลี่ยนคุณภาพต่ำลงโดยการใช้ปุ๋ย
สารเคมีในการเกษตรกรรม เมื่อปุ๋ยเคมีเริ่มมีอิทธิพลต่อ
การผลิตของบริโภค เราทุกคนเริ่มอ่อนแอลงตามลำดับ
พลังชีวิตก็มีภูมิต้านทานโรคก็มีที่ทุกคนเคยแข็งแรง ต้องถูกทำลายลงเพราะกระบวนการผลิตเพื่อส
ังเคราะห์ตามความต้องการ ของการตลาดและการค้าเพื่อทำกำไร
คุณค่าทางอาหารที่ร่างกายสะสมเพื่อเป็นวัตถุดิบสร้าง
เม็ดเลือดในร่างกายก็ด้อยคุณภาพลง เลือดเจือจาง การที่ร่างกานจะสกัดเม็ดเลือดมาสร้างหัวเชื้ออ
สุจิและไข่ ที่เป็นตัวต้นกำเนิดชีวิตก็เสื่อมลง บ่อยครั้งที่อาหารสังเคราะห์ด้อยคุณภาพนำไปสู่ต้นกำเนิดชีวิตที่ให้ผลระยะ
ยาวต่อลูกหลาน เมื่อสตรีเริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดก็ดี อาหารที่หวานจัดและผสมเคมีภัณฑ์สูงก็ดี
ไอศกรีม ขนมเค้ก อาหารอัดกระป๋องล้วนมีส่วนช่วยเสริมการ ทำลายเม็ดเลือดให้เป็นกรดและลดภูมิต้านทานลง
ในขณะที่สังคมของผู้ชายนิยมการดื่มสุรา เบียร์ แอลกอฮอล์ เกือบทุกฤดูกาลเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำลายพลังเพศชาย
ให้ด้วยอ่อนแอลงในระดับที่เป็นอันตรายต่อประชากร
ในหมู่สังคมวิถีชีวิตคนปัจจุบัน กล่าวคือ ทั้งชายและหญิงเพิ่มปัจจัยหยิน ซึ่งเป็นปรปักษ์
การพลังเพศและเลือดที่ควรเป็นสภาพหยาง ทำให้เยาวชนรุ่นหลังตามมาอ่อนแอกว่ารุ่นก่อนตามลำดับ
จากจุดเริ่มต้นของสารเคมีในดินสู่สารเคมีในอาหารหญิง-ชาย สู่การคุม
กำเนิดการลัดวงจรพลังเพศโดยวิธีฝืนธรรมชาติ
จากปริมาณน้ำตาลทรายที่เกินขีดที่เลือดควรจะรับได นำไปสู่การผลิตทารก ประชากรรุ่นต่อไปอ่อนแอลง
ติดตามมาด้วยการเลี้ยงทารกด้วยนมวัว นมผงแทนนมมารดา ยิ่งทำให้คน
ด้อยคุณภาพของความเป็นคนลง แต่ถึงอย่างไร ในที่สุด
เราก็สามารถบรรลุสังขารของความเป็นคน ในรูปของ
ผู้ใหญ่ผู้ที่มีส่วนตัดสินใจและชี้ชะตาสังคมในการบริหารจัดการประเทศชาติ
ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลานั้น ร่างกายเรามีเพียงความแข็งแรงและ
คุณสมบัติของความเป็นมนุษย์เพียง 50% สังคมจึงเริ่มเสื่อมทุกระดับ ซึ่งตามธรรมชาติเดิมเราถูกกำหนดให้เป็นคนที่กำหนดชะตา
ชีวิต และเป็นผู้นำของทุกข์ สุขของสังคม
ปัจจุบัน เหตุการณ์ได้ปรากฏชัดแล้วว่า การเดินทางของชีวิต เข้าสู่ความเป็น
คนนั้น ความผิดพลาดทั้งหมดเราต้องหันกลับมาทบทวนปัจจัยต่างๆ รอบตัว
ผู้ที่สมควรจะถูกตรวจสอบนั้นมิใช่ใคร ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราก่อน
หลักแนวความคิดที่เรายึดติดในแบบตะวันตกได้ฝังลึกในจิตใจจนเราไม่
สามารถจะคิดเป็นอื่นได้ แต่ เรายังมีทางเลือกใหม่ในแง่ความคิดปรัชญาตะวันออก
ที่ให้ความสำคัญสรรพสิ่งทั้งระดับ และทุกระดับคนเราต้องเป็น ตัวสร้างความสมดุลก่อน มิฉะนั้นทั้งระบบจะฝืนธรรมชาต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น